ในปี 2564 บริษัทไม่มีการกระทำที่ไปละเมิดสิทธิของผู้ถือหุ้น เช่น ไม่ได้ขัดขวางหรือรบกวนการสื่อสารระหว่างผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ และไม่ได้เพิ่มหรือเปลี่ยนวาระการประชุมผู้ถือหุ้นใดๆ โดยไม่แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้า Show
หลายคนอาจจะเริ่มมองเห็นว่าการสะสมหรือเก็บออมเงินในรูปของเงินฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวยังไม่ให้ผลตอบแทนที่มากพอ เพราะในปัจจุบันการเพิ่มขึ้นของเงินออมไม่ทันกับการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และหากต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน เราจึงควรมองหาโอกาสที่จะทำให้เงินออมที่มีอยู่ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น การลงทุนเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เงินออมของเรางอกเงย เพราะการลงทุนให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าการฝากเงิน อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนที่สูงขึ้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เราไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้หรือเกิดการขาดทุนได้ เราจึงต้องหาความรู้เพื่อทำความเข้าใจการลงทุนให้ดีก่อนลงทุน ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนมีมากมายหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านผลตอบแทนและความเสี่ยง เราจึงต้องพิจารณาและศึกษาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ซึ่งในที่นี้จะแบ่งผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนออกเป็น 4 ประเภทคือ 1. ตราสารทุน (Equity Instruments) 2. ตราสารหนี้ (Debt Instruments) 3. กองทุนรวม (Mutual Fund) 4. การลงทุนอื่น ๆ เรามาลองศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนประเภทต่าง ๆ ว่ามีลักษณะอย่างไร เพื่อพิจารณาว่าการลงทุนประเภทใดที่เหมาะกับเรา อย่างไรก็ตาม "การลงทุนมีความเสี่ยง" ดังนั้น ในการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องผลตอบแทนที่ได้รับแล้ว ควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากการลงทุนของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทควบคู่กันไปด้วย ตราสารทุน (Equity Instruments)หมายถึง ตราสารที่กิจการออกขายให้แก่ผู้ลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ ตราสารทุนแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาที่ลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หากได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลจะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 แต่ไม่ต้องเสียภาษีในกรณีของ Capital Gain (ผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างในกรณีที่ราคาขายสูงกว่าราคาซื้อ) ประเภทของตราสารทุน ได้แก่01 หุ้นสามัญ (Common Stock)คือตราสารสิทธิที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการ 02 หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)คือตราสารสิทธิที่ผู้ถือมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่มีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญคือ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ และในส่วนของผลตอบแทน เมื่อกิจการมีกำไรจากการดำเนินงาน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่าผู้ถือหุ้นสามัญก็ได้ 03 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (Warrant)คือตราสารที่ผู้ถือจะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญจากบริษัทที่ออก Warrant นั้นในราคาและระยะเวลาที่กำหนดไว้ 04 ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (Transferable Subscription Rights : TSR)คือตราสารที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่เพื่อให้ผู้ถือหุ้น (หรือผู้ได้รับโอนสิทธิมาจากผู้ถือหุ้นเดิม) ใช้เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท 05 ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (Depository Receipt : DR)คือตราสารที่ออกและเสนอขายโดย บริษัท สยามดีอาร์ จำกัด (บริษัทในเครือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิเหมือนลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงนั้น ๆ เช่น หากหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นสามัญก็จะได้รับเงินปันผลเหมือนหุ้นสามัญ แต่ DR จะมีกำหนดอายุการไถ่ถอน ซึ่งผู้ถือต้องมีสัญชาติไทย และต้องออกเสียงลงคะแนนผ่านบริษัท สยามดีอาร์ จำกัด เท่านั้น 06 ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย(Non - Voting Depository Receipt : NVDR)คือตราสารที่ออกและเสนอขายโดย บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด มีลักษณะคล้ายกับ DR แต่ NVDR จะไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ตราสารทุนยังรวมไปถึง ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) คือตราสารที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง ซึ่งอาจเป็นหลักทรัพย์หรือดัชนีหลักทรัพย์ ในราคา จำนวน และเวลาที่กำหนดไว้ มีลักษณะคล้าย Warrant แต่ DW จะเป็นการให้สิทธิที่จะซื้อหรือขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทอื่น ซึ่งไม่ใช่บริษัทที่ออก DW ความเสี่ยงของผู้ลงทุน ได้แก่
|