นี่เที่ยวมาเยอะมาก จองรถมาเยอะมากกกกกก ผมเพิ่งค้นพบวิธีการจอง รถเช่า แบบถูกสุด ง่ายสุด แถมถูกกว่าจองตรงผ่านบริษัทชั้นนำทั้งหลายที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Avis , Hertz , Budget , Sixt , Europcar , Nation และ บริษัทรถเช่ากว่า 900 บริษัท ใน 160 ประเทศ คือจะไปประเทศไหนก็หาง่ายๆผ่านเว็บ/แอพ ได้เลย คือเค้าเป็นตัวกลางในการค้นหารถเช่า จากหลากหลายแบรนด์นั่นเอง เปรียบเทียบได้เสร็จสรรพ โดยไม่ต้องไปค้นหาเทียบราคาทีละเจ้า Show โดยเท่าที่ผมใช้งานมา “ถูกกว่าจองตรง” อีก …ก็ไม่รู้ทำไม เพราะอะไรไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อการจองผ่านเว็บ rentalcars.com มันถูกกว่า และ เชื่อถือได้ ตัดบัตรเครดิตไปแล้วได้รถจริงๆ ( นี่เพิ่งรู้ว่า มันคือเจ้าของเดียวกันกับ Booking.com ) แถมยังมีโปรโมชั่น ส่วนลด TOP UP ได้จากหลายสิ่งอัน ไม่ว่าจะบัตรเครดิต หรือ โปรโมชั่นจาก rentalcars ที่จัดมาให้ ตลอด 2 ปีหลังที่รู้จักก็จะจองจากที่นี่ตลอดเลย
*แต่เราไม่แนะนำเท่าไหรนะ เพราะต้องเอาบิลไปเบิกอีกที ให้ซื้อประกันตรงกับทางบริษัทรถเช่าจะดีกว่า
Instragram :@ChillJourneyTH Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว Youtube : ChillJourney ถึงไม่มีรายชื่อประเทศเยอรมันในสนธิสัญญาอนุญาตให้ขับขี่ในใบขับขี่สากล แต่ตอนรับรถต้องใช้ประกอบกับใบขับขี่ไทยค่ะ ค่าทำ 505 บาท มีอายุ 1 ปี รายละเอียดดูได้ 👉ที่นี่ · ศึกษาป้ายจราจรและการจ่ายค่าจอดรถ เพราะสำคัญมาก บางทีไป search หาวิธีหน้างานหาไม่เจอค่ะ การจอดรถข้างทางก็งงๆ ไม่ได้ศึกษาก่อน ไม่มีใครให้ถามด้วย สุดท้ายเลยหาที่จอดแบบ garage ซึ่งแพงกว่า ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลไปก่อนค่ะ ดูได้จาก กระทู้ pantip1 กระทู้ pantip 2 youtube1 youtube2 youtube3 · ปักหมุดที่จอดรถ/ที่เที่ยว ดูใน google map แล้วปักหมุดที่จอดรถไว้เลยค่ะ ทั้งที่พัก ที่เที่ยว · Sim ต่างประเทศ แนะนำให้ซื้อซิมที่สามารถโทรออกและรับสายได้ เพราะเวลาเกิดเหตุอะไรจะได้สามารถโทรสอบถาม/ขอความช่วยเหลือ/ติดต่อบริษัทรถเช่า/ประกัน ได้ ของเราซื้อไป 2 แบบ o Sim2fly 899 บาท โทรออกได้ (ค่าโทรสูงสุดนาทีละ 35 บาท) รับสายได้ (เยอรมัน 15 บาท) แต่ต้องเติมเงิน ซึ่งจะวุ่นวายมากเวลาฉุกเฉินแต่เงินในซิมไม่มี ต้องเติมเงินก่อนรับสาย/โทรออก ข้อดีคือเน็ตเร็ว 🔼 อย่าลืมลงทะเบียนก่อนใช้งาน o Wise Sim 599 โทรออกฟรีภายในยุโรป รับสายฟรี ไม่ต้องเติมเงินเพิ่มแล้ว แต่ข้อเสียคือเน็ตช้ากว่า Sim2fly บางทีหมุนติ้วๆๆ 🔼 ศึกษาวิธีลงทะเบียนก่อนใช้งาน ใส่ซิมแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งซองใส่ซิม ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน เผื่อต้องใช้เบอร์โทร สำหรับการโทรเข้า· ประกันเดินทาง ถึงแม้ประกันรถเช่าจะ No Deduct แต่เราก็เลือกที่มีประกันเดินทางที่คุ้มครองความเสียหายส่วนแรกสำหรับรถเช่าด้วยเผื่อๆไว้ สำหรับคนขับรถด้วย ประกันเดินทางที่คุ้มครองรถเช่าเท่าที่หาข้อมูลมามี o MSIG แผน Easy 1 จ่ายตามจริงไม่เกิน 25,000 บาท (ต้องเป็นรถเช่าที่มีประกันและบริษัทรถเช่ามีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เคลมได้เฉพาะค่าความเสียหายส่วนแรก ไม่รวมค่าดำเนินการ (ค่าแอดมิน)) 👉 รีวิวการเคลมประกัน ซื้อประกัน MSIG ได้ที่ 👉 http://bit.ly/2Hdfsp6 o ไทยวิวัฒน์ แผน PLATINUM จ่ายตามจริงไม่เกิน 20,000 บาท (รถเช่าต้องเป็นประกันชั้นหนึ่ง ต้องมีใบอนุญาตเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดที่นั่งรวมทั้งคนขับและมีน้ำหนัก ได้รับอนุญาตสูงสุดสามตัน ไม่คุ้มครอง มอเตอร์ไซค์ รถบ้าน รถบ้านพ่วง รถยี่ห้อ Ferrari, Bentley, Maybach, Rolls Royce, Aston Martin, Porsche, Lamborghini, Jensen, Lotus, McLaren, Maserati, Jaguar, Buggatti, pyker และ Corvette) ซื้อประกัน TVI ได้ที่ 👉 http://bit.ly/2PE1Fwk o AIG Plan A จ่ายตามจริงไม่เกิน 25,000 บาท (ให้ความคุ้มครองความรับผิดชอบส่วนแรกใดๆ ที่ระบุอยู่ในกรมธรรม์รถเช่าที่ผู้เอาประกันภัยซื้อเพื่อคุ้มครองรถเช่า สัญญาเช่ารถต้องกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่ง ในกรณีนี้ต้องเช่ารถจากบริษัทที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย) ซื้อประกัน AIG ได้ที่ 👉 http://bit.ly/38Z9SCG การรับรถ Pick-up · จุดรับรถที่สถานีรถไฟ Munich จะอยู่ตรง DB Lounge 👉แผนที่ เราเข้าตรงชานชาลา และเงยหน้าขึ้นไปจะมีชั้นลอย เป็น counter ของบริษัทเช่ารถเกือบทุกเจ้าเลยค่ะ ชานชาลาในสถานี Munich· วันรับรถใช้ Passport + บัตรเครดิต (ต้องเป็นชื่อคนขับรถและวงเงินต้องเหลือ 200 ยูโร) +ใบขับขี่ตัวจริง + ใบขับขี่สากล (เจ้าหน้าที่ hertz บอกว่าต้องใช้ทั้ง 2 ใบ – ตอนแรกอ่านมาบอกว่าใช้ใบขับขี่ไทยใบเดียวพอ เกือบไม่ทำใบขับขี่สากลไปด้วย โชคดีทำไปเผื่อ กันเหนียวไว้ก่อน) · การเช่าผ่าน autoeurope + Hertz สบายใจมาก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าประกันเราเป็นแบบ Super cover แล้ว ไม่ต้องกังวล และไม่เซ้าซี้ให้ซื้อประกันเพิ่มใดๆ เลย · ถ้าออกนอกเยอรมันไปประเทศอื่นต้องจ่ายค่า Cross Border เป็นเงิน 29.75 ยูโร (เราขับแค่ในเยอรมันเลยไม่ต้องจ่าย แต่ถ้าออกเดินทางไปแล้วเปลี่ยนใจ จะขับข้ามประเทศ ให้โทรแจ้ง call center ของ Hertz ก่อน) · รถ Mercedes BMW SUV ห้ามขับไป Italy · ถ้าขับเข้า Austria, Switzerland ต้องซื้อสติ๊กเกอร์ติดเพิ่ม เรียกว่า Vignette สำหรับใช้ Highway ถ้าไม่ซื้อ จะโดนปรับ · พอจัดการเรื่องเอกสารเช่ารถเสร็จ ต้องไปรับรถที่ Garage ห่างจาก DB Lounge ประมาณ 200 เมตร 👉ดูแผนที่ · เราจองรถ Ford Focus or similar Compact 4 Door Car Automatic With A/C ตอนรับรถจริงได้ upgrade เป็น SUV Mitsubishi Outlander 2.4 มี Sunroof สีแดงเด่นมากจ้า· รถที่ได้มี GPS ในตัว ซึ่งดีมากกกกกกกก เนื่องจาก GPS นี้จะบอกลิมิตความเร็วของเส้นทางที่เราไปด้วย ช่วยให้เราไม่โดนปรับขับรถเร็วเกิน กล้องช่วยจอด มองเห็นจากมุมบน ทำให้ช่วยจอดในที่แคบๆ ได้ดีกว่าเดิมหน้าจอ Navi · การใช้ GPS ในรถ เราสามารถกรอกเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ตั้งเป็นปลายทางได้เลย ไม่ต้องกดอะไรให้วุ่นวาย ถามว่า google map เพียงพอมั้ย ก็ใช้ได้นะคะ คุ้นเคย แต่ต้องคอยดูป้ายบอกทางว่าจำกัดความเร็วที่เท่าไหร่ ถ้าขับเกิน speed limit ค่าปรับเริ่มต้นที่ 10 ยูโร สูงสุด 600 ยูโร ซึ่งค่าปรับเป็นอัตราก้าวหน้า ดูค่าปรับจราจรแบบละเอียดได้ 👉ที่นี่ · ถ้าโดนปรับ นอกจากค่าปรับที่เราต้องจ่ายให้รัฐแล้ว บริษัทเช่ารถจะคิดค่าธรรมเนียมดำเนินการด้วย ราคา 35.40 ยูโรต่อการปรับ 1 ครั้ง ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถไปเคลมประกันเดินทางได้นะ การคืนรถ Drop-off · จุดคืนรถอยู่ที่ FREIBURG SOUTH CITY OFFICE ห่างจากสถานีรถไฟ Freiburg ประมาณ 3 กม. 👉ดูแผนที่ ดังนั้นของเราต้องแวะไปที่โรงแรมก่อนเพื่อฝากกระเป๋า และรับตั๋วรถขนส่งสาธารณะฟรี (free city ticket) ที่โรงแรม เพื่อใช้นั่งรถบัสกลับที่พัก (เราพักที่ InterCity Freiburg มี free city ticket แจกให้สำหรับเดินทางในตัวเมืองฟรี ทั้งรถบัส รถราง จุดจอดรถตรง Garage ใต้ดินหน้าโรงแรมได้ 20 นาที ริมถนนจอดไม่ได้นะ โดนปรับ ดังนั้นเรามีเวลาน้อยมากในการฝากกระเป๋าและรับตั๋ว ดังนั้นรีบขอ
|