หลอด ไฟ led ดี ไหม

โดยค่าการลงทุน คิดค่าหลอดและค่าติดตั้งหลอดนั้นต้องถอดบาลาสต์และตัดต่อสาย จะเห็นได้ว่าระยะเวลาการคืนทุนนั้นไม่ถึงหนึ่งปีก็ประหยัดพลังงานไปได้มากเลยทีเดียวหลอดไฟ LED นั้นมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าหลอดนีออน มีประสิทธิภาพในการให้พลังงานความสว่างสูงตั้งแต่ 80ลูเมน/วัตต์ ไปจนถึง120ลูเมน/วัตต์ และสามารถสูงกว่านั้นได้

ซึ่งหลอดไฟของ INFINITE LED นั้นมีค่าลูเมน/วัตต์สูงถึง 150 ลูเมน/วัตต์ และสามารถสั่งทำพิเศษให้มีค่าความสว่างสูงกว่านั้นได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีอุณหภูมิที่ต่ำ ทำให้เมื่อเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิของหลอดจะไม่สูงขึ้นจนไปรบกวนการทำงานของเครื่องปรับอากาศ หลอดบางชนิดนั้นเมื่อมีการใช้งานจะมีอุณหภูมิที่สูงมากจนทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น หลอด LED มีอายุการใช้งานยาวนานสูงถึง 50,000-100,000 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่มีอายุการใช้งานแค่ 30,000 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหลอด LED ที่มีคุณภาพนั้นต้องผ่านมาตรฐาน IEC (Internationnal Electrotechique Commission) อายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 15,000 ชม. หรือ 325 วัน (กรณีเปิด 24 ชม.)ผ่านมาตรฐานคุณภาพ และมาตรฐานการทดสอบสมรรถนะ LM79 LM80และ TM21 จากห้องสถาบันไฟฟ้าและอิเลคโทรนิค (THAIEEI)ที่ผ่านการทดสอบทั้ง มาตรฐานมอก. ความประหยัดไฟเบอร์ 5 การป้องกันไฟกระพริบ การป้องกันไฟกระชาก เเละสถาบันการทดลอบอื่นๆอีกมากมายชั้นนำของรัฐ ซึ่งหลอดไฟที่ได้มาตรฐาน มีความคุ้มค่าในการใช้งานนั้นเป็นคุณสมบัติของหลอดไฟแบรนด์ INFINITE ทั้งสิ้น ถึงแม้ปัจจุบันหลอดไฟ LED จะมีราคาสูงกว่าหลอดนีออนก็ตามแต่ด้วยความคุ้มค่าทางด้านพลังงานและทำให้ค่าไฟนั้นถูกลงจึงทำให้หลอด LED นั้นเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันและสามารถใช้ได้กับหลากหลายธุรกิจหรือใช้ในอุสาหกรรมต่างๆ ใช้ในโกดังเก็บของ หรือแม้แต่นำไปติดแทนหลอดนีออนแบบเก่าที่อยู่ภายในบ้านพักส่วนตัวของท่านเอง ถ้าลูกค้าท่านใดมีความสงสัยเกี่ยวกับการติดตั้งหรือมีปัญหาเกี่ยวกับแสงสว่าง ไม่ทราบว่าอุตสาหกรรมของท่านเหมาะกับหลอดไฟ specแบบไหนสามารถปรึกษาเราได้เลยที่ Tel.    :  062-4455195 Line   :  kckavin Fb      :  m.me/ledinfinite Email :  [email protected]

หากพูดถึง “หลอดไฟ” เราทุก ๆ คนต่างก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดีว่ามันคืออะไร ? ทำหน้าที่อะไร ? และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ? เนื่องจากหลอดไฟมีการใช้งานมาอย่างยาวนานมาก ๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของโลกเรา ส่งผลทำให้หลอดไฟในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ในด้านรูปร่างหน้าตา ฟังก์ชันการใช้งาน ความทนทาน ความประหยัด ประสิทธิภาพในการให้แสงสว่าง และที่สำคัญหลอดไฟรุ่นใหม่ มักมาพร้อมกับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น โคมไฟโซล่าเซลล์, ไฟเซ็นเซอร์, ไฟประดับ หรือหลอดไฟอัจฉริยะ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับฟังก์ชันต่าง ๆ มากมายให้คุณได้ใช้งานกัน แต่ก็แน่นอนครับว่า ฟังก์ชันต่าง ๆ ก็มาพร้อมกับการใช้งานที่ยุ่งยากวุ่นวายมากขึ้น และที่สำคัญมันยังมีราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ถ้าหากคุณกำลังมองหาหลอดไฟธรรมดา ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างสูงขึ้น และยังประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ “หลอดไฟแอลอีดี (LED)” ครับ ซึ่งเป็นหลอดไฟคุณภาพสูงมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้มันประหยัดพลังงาน มีความทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าหลอดไฟแบบก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว มอบแสงสว่างที่นุ่มนวล ดูสบายตา มีแสงสว่างมาก กระจายเป็นวงกว้าง และสามารถจะนำไปติดตั้งแทนหลอดเดิมได้ทันที ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ หลอดไฟ LED กลายเป็นหลอดไฟที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันครับ

ซื้อ หลอดไฟ LED รุ่นไหนดี

• หลอดไฟ LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีของแสงไฟได้ 3 สี (Daylight, Coolwhite, Warmwhite):
• หลอดไฟ LED กันฝุ่น และน้ำ IP65 ติดตั้งภายนอกบ้านได้:
• หลอดไฟ LED Philips แบบแพ็ค 4 หลอด:
• หลอดไฟ LED หลอดยาว 18 วัตต์:
• หลอดไฟ LED ราคาประหยัด (แบบชุด 5 หลอด):
• หลอดไฟยาว แพ็คสุดคุ้ม 12 หลอด:
• หลอดไฟ LED พร้อมชุดรางแบบสำเร็จรูป หลอดเปลี่ยนแสงไฟได้ 3 สี (DayLight, CoolWhite, WarmWhite) - (แพ็คคู่):

ซื้อ หลอด LED มีเซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ เพื่อเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติเวลากลางคืน

คำแนะนำในการเลือกซื้อ หลอดไฟแอลอีดี (LED)

1. ประเภทของ หลอดไฟ LED

หลอดไฟแอลอีดี (LED) เป็นหลอดไฟที่มีประสิทธิภาพสูง มีความสว่างมาก ให้แสงที่นุ่มนวล สบายตา มีความร้อนน้อย ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และนอกจากนั้นยังใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไฟแบบเดิมมาก ซึ่งหลอดไฟ LED ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้ทดแทนหลอดไฟแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือน โดยสามารถแบ่งตามการใช้งานได้เป็น 2 ประเภท  ดังนี้

หลอดไฟเอลอีดี แบบกระเปาะ (LED Bulb)

เป็นหลอดไฟที่มีหลายแบบหลายรูปทรง โดยรูปแบบที่คุณสามารถพบเห็นได้ง่าย ๆ ก็จะเป็นทรงกลม หรือทรงน้ำเต้า ซึ่งเป็นหลอดไฟที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ทดแทนหลอดไส้ และหลอดตะเกียบที่กินไฟปริมาณมาก แถมยังมีความร้อนสูงส่งผลให้มีอายุการใช้งานไม่นานนัก ซึ่งหลอด LED Bulb จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างหมดจดครับ โดยตัวหลอดจะใช้ขั้วแบบเดียวกันกับที่ใช้อยู่ในหลอดไส้หรือหลอดตะเกียบ ซึ่งทำให้คุณสามารถชื้อมาเปลี่ยนทดแทนได้เลย

หลอดไฟเอลอีดี แบบยาว (LED Tube)

เป็นหลอดไฟรูปทรงกระบอกแบบยาวที่ใช้กันทั่วไปตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ โดย หลอดไฟ LED Tube ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดนีออน ซึ่งจะเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัวเช่นกันครับ

2. ขั้วของหลอดไฟ

อย่างที่บอกไปในข้อแรกครับว่า หลอดไฟแอลอีดี ในปัจจุบัน มีอยู่ 2 ประเภท ด้วยกัน ซึ่งแน่นอนครับว่าหลอดไฟแอลอีดีแต่ละประเภทจะใช้ขั้วที่แตกต่างกัน ฉะนั้นขั้วของหลอดไฟก็สามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ เช่นกันก็คือ แบบเกลียว และแบบเขี้ยว ซึ่งเป็นขั้วที่นิยมใช้งานตามอาคารบ้านเรื่อน ส่วนขั้วหลอดไฟแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้มักจะใช้กับงานเฉพาะทางเท่านั้นจะไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ โดยขั้วหลอดไฟทั้ง 2 ประเภทนั้น สามารถแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ได้อีก ดังนี้

ขั้วแบบเกลียว

มีอยู่ 3 ขั้ว ที่นิยมใช้กัน ได้แก่ E14, E27 และ E40 ซึ่ง E14 จะนิยมใช้กับหลอดไฟขนาดเล็ก ส่วน E40 ก็จะใช้ร่วมกับหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์สูง ส่วนขั้วที่นิยมใช้กันมากที่สุด ก็คือ E27 ซึ่งจะเป็นขั้วดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน สามารถใช้ร่วมกับหลอดไฟรูปทรงต่าง ๆ ได้มากมาย ทั้งที่เป็น LED และหลอดไฟแบบเก่า ทำให้คุณสามารถนำหลอด LED Bulb มาติดตั้งแทนไปได้เลย

ขั้วแบบเขี้ยว

มีอยู่ 3 ขั้วหลัก ๆ เช่นกัน ได้แก่ G13, GU10 และ GU5.3 แต่ขั้วที่นิยมใช้กันมากที่สุดและเรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือ G13 ซึ่งเป็นขั้วแบบเดียวกันกับที่ใช้สำหรับหลอดนีออน T8 หรือหลอดไฟแบบยาว ๆ ที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปตามอาคารบ้านเรือน ซึ่งสำหรับหลอด LED Tube รุ่นใหม่มักจะมาพร้อมกับสตาร์ทเตอร์ที่สามารถใช้ติดตั้งแทนหลอดแบบเก่าได้เลย

3. เลือกความสว่างและสีของแสงหลอดไฟ LED

คุณรู้หรือไม่ว่าแสงของหลอดไฟแต่ละสีนั้น มันสามารถสร้างบรรยากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าหากเราเลือกสีของแสงไฟได้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา มันสามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงความผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น ถ้าคุณต้องการไปติดตั้งในห้องนอนก็จะเหมาะกับหลอดไฟวอร์มไวท์ ซึ่งจะออกแสงสีเหลืองเข้มไปจนถึงสีส้ม ทำให้เราสบายตา สามารถสร้างบรรยากาศภายในห้องให้ดูอบอุ่นได้ แต่ถ้าเป็นห้องทำงานก็จะเหมาะกับหลอดไฟเดย์ไลท์ ซึ่งจะมอบแสงสีขาว ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ ช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นต้น

สำหรับสีของ หลอดไฟ LED ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีอยู่ทั้งหมด 3 สี หลัก ๆ ได้แก่ สีขาวอมฟ้า, สีขาว และสีส้มอมแดง ซึ่งสีของแสงไฟนั้น เราสามารถวัดออกมาเป็นค่าอุณหภูมิได้ โดยมีหน่วยเป็น เคลวิน (K) ซึ่งจะไล่ในระดับเริ่มต้น จากแสงโทนเหลืองอมส้ม เรียกว่า Warm White ซึ่งมีอุณหภูมิสี 2,000 – 3,000 เคลวิน ถัดมาจะเป็น สีขาว Cool White ซึ่งมีอุณหภูมิสีที่ 4,000 – 5,000 เคลวิน และสุดท้ายสว่างที่สุด จะออกมาในโทนสีขาวอมฟ้า เรียกว่า Daylight White ซึ่งมีอุณหภูมิสี 6,000 – 6,500 เคลวิน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคุณควรพิจารณาก่อนว่า จะนำไปติดตั้งเพื่อใช้งานกับห้องไหน ?

4. มาตรฐานและความปลอดภัย

ก่อนการเลือกซื้อ หลอดไฟแอลอีดี มาใช้งาน คุณก็ควรตรวจสอบตัวหลอดไฟก่อน เพื่อตรวจดูมาตรฐานต่าง ๆ รวมไปถึงความปลอดภัยของหลอดไฟด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลอดไฟแอลอีดีมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ซึ่งในบางรุ่นก็มีราคาที่ถูกมาก ๆ แต่ก็แน่นอนครับว่า คุณภาพมันก็จะตามราคา ซึ่งบางรุ่นอาจไม่ทน บางรุ่นอาจไม่ได้ประหยัดไฟ หรือบางรุ่นอาจไม่ค่อยสว่าง ฉะนั้นก่อนการตัดสินใจควรพิจาราณาให้ถี่ถ้วน

หลอดไฟ LED Philips รุ่น Esstential (9 วัตต์)

ราคา 102 บาท*

LED ขนาด 9 วัตต์ แพ็ค 2 หลอด สุดคุ้ม 

Philips Esstential สำหรับรุ่นนี้เป็นหลอด LED ขนาด 9 วัตต์ แพ็คสุดคุ้มจากแบรนด์ Philips ที่สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มแสงสว่างให้บ้านของคุณได้เป็นอย่างดี มาพร้อมแสงโทน 2 โทน ให้เลือก คือ แสงขาว (Cool Daylight) และแสงเหลือง (Warm White) โดยมีความสว่างอยู่ที่ 950 ลูเมน ซึ่งถือว่ากำลังดี ดูสบายตา แสงไม่จ้า ช่วยถนอมสายตาและช่วยปกป้องสายตาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญไม่มีรังสี UV, สารปรอท หรืออื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อตัวคุณ ทั้งยังประหยัดพลังงานขึ้นกว่าหลอดไฟแบบเก่าถึง 88% และมีอายุการใช้งานที่นานถึง 8,000 ชั่วโมง ถือว่าเป็นหลอดแอลอีดีที่มีความคุ้มค่ามาก ๆ

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

L&E LED Nightlight Sensor (8.5 วัตต์)

ราคา 118 บาท*

หลอด LED มีเซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ เพื่อเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ

L&E Nightlight Sensor เป็นหลอดไฟ LED Light Sensor ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่างของแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ตัวหลอดไฟสามารถ เปิด-ปิด เองได้โดยอัตโนมัติ มีกำลังไฟ 8.5 วัตต์ กระจายแสงได้ดี ช่วยมอบความสว่างที่ 860 ลูเมน เป็นโทนแสงสีขาวนวล (Daylight) 6500K มองแล้วสบายตา ซึ่งปลอดภัยต่อดวงตาของคุณอย่างแน่นอน สำหรับรุ่นนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 25,000 ชั่วโมง ด้วยฟังก์ชัน และคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ให้มานั้น เมื่อเทียบกับราคาแล้ว ถือว่ามันเป็นหลอดไฟ LED ที่คุ้มค่ามาก ๆ รุ่นนึงเลย หากคุณได้ติดตั้งหลอดไฟนี้ภายนอกอาคารหรือโรงจอดรถ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณได้มากทีเดียว

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

หลอดไฟ LED Saneluz (12 วัตต์)

ราคา 128 บาท*

หลอดไฟ LED ราคาประหยัด (แบบชุด 5 หลอด)

Saneluz LED 12W Bulb สำหรับตัวนี้เป็นหลอดไฟ LED Bulb หลอดปิงปอง ขั้วเกลียว E27 กำลังไฟ 12 วัตต์ มาพร้อมแสงที่นุ่มนวล มองแล้วสบายตา มี 2 สีให้เลือก ทั้ง แสงสีขาว (Daylight) และ แสงสีวอร์ม (Warmwhite) โดยมีค่าความสว่างอยู่ที่ 1,080 ลูเมน ซึ่งถือว่าเป็นแสงที่สามารถช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ด้วยเทคโนโลยี LED ทำให้รุ่นนี้ไม่มีทั้งรังสียูวี และรังสีอินฟาเรต ปลอดภัย ช่วยถนอมสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพได้จากการรับรองมาตรฐานยุโรปและมาตรฐานอุตสาหกรรม แข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 30,000 ชั่วโมง เป็นหลอด LED ราคาประหยัดแพ็คสุดคุ้ม บรรจุมา 5 หลอด เฉลี่ยแล้วเหลือหลอดละไม่กี่บาทเท่านั้น

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

Philips lighting LED tube รุ่น LED Ecofit (18 วัตต์)

ราคา 130 บาท*

หลอดไฟ LED หลอดยาว 18 วัตต์

Philips lighting LED tube หลอดแอลอีดี ยาว 1.2 เมตร Single End ที่คุณสามารถนำไปติดตั้งแทนหลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ขั้ว G13 ได้เลยทันที โดยมีกำลังไฟอยู่ที่ 18 วัตต์ มาพร้อมกับแสงสีขาว (Daylight) ความสว่าง 1600 ลูเมน ให้แสงสว่างกระจายไปทั่วทั้งห้อง ช่วยมอบความรู้สึกสดชื่น มองแล้วสบายตา ปราศจากรังสีต่าง ๆ ทั้ง รังสียูวี รังสีอินฟาเรด และรวมถึงสารปรอทต่าง ๆ ด้วย โดยผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก.1955-2551 สำหรับตัวนี้จะมีอายุการใช้งานนานถึง 15,000 ชั่วโมง หรือยาวนานกว่า 10 ปี ใช้ง่าย มีความสว่างสูง สามารถเปิดได้ติดทันที ไม่กระพริบ และที่สำคัญมันสามารถช่วยประหยัดไฟได้กว่า 55% เลยทีเดียวครับ

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

ดูได้ที่ Central

Toshiba Lighting หลอดไฟ LED Sunlight Sensor (9 วัตต์)

ราคา 139 บาท*

หลอดไฟ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ

Toshiba Lighting LED Sunlight Sensor เป็นหลอด LED จากแบรนด์ชั้นนำอีกหนึ่งแบรนด์ มีกำลังไฟ 9 วัตต์ ขั้ว E27 มาพร้อมฟังก์ชันเสริมอย่างการเปิดปิดโดยอัตโนมัติ โดยใช้ Sensor ตรวจจับแสงสว่างถึง 2 ตัว โดยเมื่อเข้าสู่เวลากลางคืน เช่น เวลาที่มีแสงน้อย หลอดไฟจะเปิดขึ้นมาเองอัตโนมัติ โดยแสงที่เปล่งออกมา จะมีให้เลือก 2 สี สามารถเลือกซื้อได้ตามการใช้งาน ได้แก่ สีขาว (Daylight) ที่มีความสว่างสูงถึง 1,080 ลูเมน และเหลือง (Warm White) ที่มีความสว่าง 1,000 ลูเมน ทำให้คุณสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัด และที่สำคัญเป็นแสงที่ปลอดภัยต่อสายตา รับรองด้วยมาตรฐาน IEC 62471 โดยจะไม่มีทั้ง ความร้อน รังสี UV หรือรังสีที่อันตรายอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบป้องกันฟ้าผ่าได้มากถึง 500 โวลต์ ทำให้หลอดไฟรุ่นนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 25,000 ชั่วโมง เลยทีเดียว

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

หลอดไฟ LED TOSHIBA PAR38 (15 วัตต์)

ราคา 158 บาท*

หลอดไฟ LED กันฝุ่น และน้ำ IP65 ติดตั้งภายนอกบ้านได้

TOSHIBA LED PAR38 เป็นหลอด LED ที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 15 วัตต์ ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการมอบแสงสว่างสูง โดยมีทั้งแสงสีเหลือง (Warm white) และแสงสีขาว (Daylight) ให้เลือก ซึ่งทั้ง 2 เป็นแสงที่มีความนวล สามารถมองได้อย่างสบายตา มีดีไซน์แบบพาร์ มุมแสง 35 องศา เน้นการให้แสงสว่างในบางบริเวณ แสงกระจายได้เต็มพื้นที่ที่คุณต้องการ แถมยังช่วยประหยัดพลังงานมากถึง 83% เลยทีเดียว ลำแสงมีความปลอดภัยสูง ไม่มีทั้ง รังสี UV ความร้อน และสารปรอท ได้รับการรับรองจากมอก. นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ทั้ง ภายใน และภายนอกอาคาร เนื่องจากตัวหลอดมาพร้อม มาตรฐาน IP 65 ที่แข็งแรง ทนทาน บวกด้วยอายุการใช้งานของหลอดอีกกว่า 25,000 ชั่วโมง ใครกำลังมองหาหลอดสำหรับติดตั้งบริเวณทางเดินรอบบ้าน รุ่นนี้เหมาะมากครับ

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

LAMPTAN LED Colour Switch (9 วัตต์)

ราคา 158 บาท*

หลอดไฟ LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีของแสงไฟได้ 3 สี (Daylight, Coolwhite, Warmwhite)

LAMPTAN LED Colour Switch เป็นหลอดไฟ LED Color แบบ 3 in 1 มีครบทั้ง 3 สี ในหลอดเดียว เหมาะมากกับคนที่มีหลายอารมณ์ และต้องการติดตั้งในห้องที่มีการใช้งานหลากหลาย เช่น ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ที่บางครั้งอาจจะอ่านทำงาน/อ่านหนังสือ ก็สามารถเลือกเปลี่ยนสีหลอดไฟเป็น DayLight ได้ หรือหากคุณกำลังนั่งดูทีวีก็สามารถปรับสีหลอดไฟเป็น Warmwhite เป็นต้น คุณสามารถเปลี่ยนแสงไฟได้ 3 สี โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสวิทช์  ไม่ต้องเดินระบบไฟใหม่ สามารถใช้สวิตซ์ไฟเดิมได้เลย เพียงแค่คุณ เปิด-ปิด และเปิดอีกครั้ง ไฟก็จะมีการเปลี่ยนสีไป ซึ่งจะไล่จาก แสงสีขาว (Daylight 6500K) ไปสีขาวนวล (Coolwhite 4000K) และไปสีส้มอ่อน ๆ (Warmwhite 2700K) สิ่งนี้สามารถช่วยเปลี่ยนบ้านของคุณให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาทำงาน หรือพักผ่อน หลอดไฟตัวนี้ ก็ตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี โดยมีกำลังไฟอยู่ที่ 9 วัตต์ ช่วยมอบแสงที่มีคุณภาพ ให้ความร้อนน้อยกว่าหลอดประหยัดไฟทั่วไปถึง 15% แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน รับรองด้วยมาตรฐาน มอก. 1955-2551 ด้วยคุณสมบัติที่มี และราคาที่ประหยัดมาก ทำให้เป็นรุ่นที่มีความคุ้มค่าสูงมาก ๆ ครับ

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

ดูได้ที่ Central

TOSHIBA LED T5 Extra Slim (18 วัตต์)

ราคา 338 บาท*

หลอดไฟ LED พร้อมชุดรางแบบสำเร็จรูป หลอดเปลี่ยนแสงไฟได้ 3 สี (DayLight, CoolWhite, WarmWhite) - (แพ็คคู่)

LED T5 Extra Slim 18W หลอด LED ที่มาพร้อมกับชุดรางแบบสำเร็จ ขั้ว T5 มีกำลังไฟสูงถึง 18 วัตต์ สามารถช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบ้านของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโทนแสงครบทั้ง 3 โทน ให้เลือก ได้แก่ โทนสีขาว (Day Light) โทนสีขาวนวล ๆ (Cool White) และโทนสีส้ม (Warm White) ซึ่งเป็นแสงที่มีความสว่างสดใส ไม่มีรังสียูวี และรังสีอินฟราเรด ปลอดภัยต่อผิวหนัง และประหยัดไฟมากขึ้นกว่า 50% เลยทีเดียว โดยรุ่นนี้ออกแบบมาให้ติดตั้งได้ง่าย มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ติดตั้งใช้งานได้ด้วยตัวเองทันที โดยรองรับการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้ถึง 6 หลอด และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 25,000 ชั่วโมง หากใครกำลังมองหาชุดหลอดไปได้ติดตั้งเพิ่มในมุมต่าง ๆ รุ่นนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ครับ มาเป็นแพ็คคู่ ในราคาประหยัด ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีระบบกันฟ้าผ่าด้วยครับ

ดูได้ที่ Shopee

Philips LED Bulb (12 วัตต์)

ราคา 619 บาท*

หลอดไฟ LED Philips แบบแพ็ค 4 หลอด

Philips LED Bulb 12W หลอดแอลอีดีคุณภาพสูงที่สามารถช่วยเพิ่มแสงสว่างให้บ้านคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลอดไฟขนาด 12 วัตต์ จาดแบรนด์ยอดยินมอย่าง "Philips" มาพร้อมโทนแสงคลูเดย์ไลท์ (6500K) ที่ขาวสว่าง ดูสบายตา โดยมีความสว่างอยู่ที่ 1,055 ลูเมน ซึ่งสามารถกระจายแสงได้ดี ส่งผลให้คุณมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน สามารถช่วยประหยัดไฟได้มากถึง 85% และที่สำคัญไม่มีรังสี UV, สารปรอท หรือสารอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อคุณ ส่วนอายุการใช้งานนั้น อยู่ที่ 15,000 ชั่วโมง สามารถใช้ได้ต่อเนื่องยาวนาน โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับแพ็คสุดคุ้ม 3 หลอด แถม 1 หลอด บวกประกันอีก 1 ปี

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

ดูได้ที่ Central

หลอดไฟยาว Randy LED T8 (18 วัตต์)

ราคา 1,020 บาท*

หลอดไฟยาว แพ็คสุดคุ้ม 12 หลอด

Randy เป็นหลอดไฟ LED ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าแบบสุด ๆ เป็นหลอดยาว 120 ซม. กำลังไฟ 18 วัตต์ มาในโทนแสงสีขาว (Daylight) ที่มอบความสว่างถึง 1800 ลูเมน สามารถเพิ่มแสงสว่างให้กับบ้านของคุณได้อย่างสม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพ แสงมีความนุ่มนวล มองแล้วสบายตา สามารถช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ใช้เทคโนโลยี LED ไม่มีทั้งรังสียูวี รังสีอินฟราเรด หรืออื่น ๆ ที่อันตราย ช่วยถนอมสายตาคุณได้อย่างดีเยี่ยม ตัวหลอดสามารถติดตั้งแทนหลอดแบบเก่าได้เลย โดยหากวัดความสว่างจะเทียบเท่าความสว่างจากหลอด Fluorescent 36W ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานนานถึง 50,000 ชั่วโมง เลยทีเดียว หากใครกำลังมองหาหลอด LED ไปใช้งานทั่วทั้งบ้าน ชุดนี้เหมาะมากครับ ซึ้อ 6 หลอด แถม 6 หลอด ในราคาที่คุ้มค่ามาก ๆ

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

ตารางเปรียบเทียบ รีวิว หลอดไฟ LED เลือกใช้ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023

• ประเภท : LED Bulb
• ขั้วหลอด: E27
• แสงไฟ : ขาวสว่าง (Day Light)
• ความสว่าง: 900 ลูเมน
• กำลังไฟ : 9 วัตต์
• ขนาด: 5.8 × 5.8 × 10.4 ซม.

• ประเภท : LED Bulb
• ขั้วหลอด: E27
• แสงไฟ : ขาวสว่าง (Day Light)
• ความสว่าง: 860 ลูเมน
• กำลังไฟ : 8.5 วัตต์
• ขนาด: N/a

• ประเภท : LED Bulb
• ขั้วหลอด: E27
• แสงไฟ : มีให้เลือก 2 สี Warm White / Day Light
• ความสว่าง: 1,080 ลูเมน
• กำลังไฟ : 12 วัตต์
• ขนาด: N/a

• ประเภท : LED Tube
• ขั้วหลอด: G13
• แสงไฟ : ขาวสว่าง (Day Light)
• ความสว่าง: 1,600 ลูเมน
• กำลังไฟ : 18 วัตต์
• ขนาด : 127.0 × 3.0 × 3.0 ซม.

• ประเภท: LED Bulb
• ขั้วหลอด: E27
• แสงไฟ : มีให้เลือก 2 สี (Daylight / Warm White)
• ความสว่าง: 1,080 ลูเมน
• กำลังไฟ : 9 วัตต์
• ขนาด: N/a

• ประเภท : LED PAR38
• ขั้วหลอด : E27
• แสงไฟ : มีให้เลือก 2 สี Warm White / Day Light
• ความสว่าง: สูงสุด 1,200 ลูเมน
• กำลังไฟ : 15 วัตต์
• ขนาด: 12.1 × 13.8 × 12.1 ซม.

• ประเภท : LED Bulb
• ขั้วหลอด: E27
• แสงไฟ : Daylight >> Warm White >> Cool White
• ความสว่าง: 950 ลูเมน
• กำลังไฟ : 9 วัตต์
• ขนาด : 6.0 × 6.0 × 12.0 ซม.

• ประเภท : LED Tube
• ขั้วหลอด: T5 (ชุดราง)
• แสงไฟ : มีให้เลือก 3 สี Day Light / Cool Day Light / Warm White
• ความสว่าง: 1700 ลูเมน
• กำลังไฟ : 18 วัตต์
• ขนาด: 119.8 × 3.3 × 2.2 ซม.

• ประเภท : LED Bulb
• ขั้วหลอด : E27
• แสงไฟ : ขาวนวล (Cool Day Light)
• ความสว่าง: 1,055 ลูเมน
• กำลังไฟ : 12 วัตต์
• ขนาด: 6.3 × 6.3 × 11.0 ซม.

• ประเภท : LED Tube
• ขั้วหลอด: T8
• แสงไฟ : ขาว (DayLight)
• ความสว่าง: 1800 ลูเมน
• กำลังไฟ : 18 วัตต์
• ขนาด: 120.0 × 3.0 × 3.0 ซม.

ข้อดีของ หลอดไฟแอลอีดี (LED)

1. อายุการใช้งานยาวนาน

ข้อดีของ หลอดไฟ LED ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ อายุการใช้งาน ครับ ซึ่งจะยาวนานกว่าหลอดไฟแบบเดิมมาก ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า หลอดไฟแอลอีดีมีความร้อนเกิดขึ้นน้อยกว่า ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์การใช้โคมไฟตั้งโต๊ะ, โคมไฟตั้งพื้น หรือแม้แต่โคมไฟเพดานที่เป็นหลอดไส้มาก่อน คุณจะรู้สึกถึงความร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ หลอดไฟ แม้ว่าจะเปิดได้ไม่นาน ดังนั้น หลอดแอลอีดีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการใช้งานภายในบ้านครับ

2. แสงสว่าง

หลอดไฟ LED มีการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อจะแก้ไขข้อเสียที่เคยมีอยู่ในหลอดไส้หรือหลอดนีออน อย่างเช่น การกระจายของแสง ที่หลอดไฟแต่เดิมนั้น มีการกระจายแสงแบบฟุ่งกระจายไปในทุกทิศทาง จึงส่งผลให้มีแสงสว่างลดลงกว่าที่ควรจะเป็น แต่กลับกันหลอดแอลอีดีสามารถกำหนดการกระจายแสงไปในทิศทางที่ต้องการได้ ทำให้ลำแสงมีความเข้มสูงกว่า คุณสามารถสังเกตุได้จาก ไฟหน้ารถยนต์ LED ที่มีการออกแบบให้ลำแสงพุ่งไปเป็นกลุ่ม ซึ่งต่างจากหลอดฮาโลเจนที่แสงจะฟุ้งกระจาย

3. กระแสไฟฟ้า

จากในข้อที่ 2 ในการออกแบบของ หลอดไฟ LED ทำให้ปัจจุบันหลอดไฟ LED ที่มีขนาด 3 วัตต์ สามารถนำไปติดตั้งทดแทนหลอดไส้ที่มีขนาด 25 วัตต์ ได้แบบสบาย ๆ ซึ่งถึงแม้ว่า มันจะใช้ไฟน้อยกว่า แต่แสงสว่างก็เทียบเท่ากันเลย นั่นแสดงให้เห็นว่า หลอดไฟแอลอีดีสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้เกินครึ่งของหลอดไฟแบบเดิม เพราะฉะนั้นถ้าหากบ้านของคุณ เปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดีทั้งหมด แน่นอนครับว่า มันสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี

4. สารอันตรายต่าง ๆ

ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้ หลอดไฟ LED มีการปล่อยลำแสงที่เป็นลำแสงเย็นออกมา ซึ่งมันจะไม่มีรังสีที่อันตรายอย่าง รังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน ไม่มีการปล่อยสารปรอทออกมาในอากาศ รวมไปถึงไม่มีแสงยูวี ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา สิ่งเหล่านี้ช่วยให้หลอด LED มีผลกระทบต่อเราน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบดั้งเดิมครับ

แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะไม่มีของเสียปล่อยออกมา แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มี เนื่องจากการผลิตยังคงต้องใช้สารที่เป็นอันตรายอยู่ ดังนั้นหาก หลอดแอลอีดี มีความเสียหายหรือแตกหัก คุณก็ควรจะหาถุงมือพลาสติก, ถุงมือยางอนามัย หรือถุงมือทำความสะอาดมาสวม เพื่อป้องกันสารพิษต่าง ๆ จากนั้นจัดการนำไปใส่ถุงหรือกล่องปิดให้มิดชิด และวิธีที่ดีที่สุดคุณควรเขียนข้อความบนถุงในจุดที่มองเห็นอย่างชัดเจน ไว้ด้วยว่า “หลอดไฟที่ใช้แล้ว” เพื่อให้ผู้ที่มีหน้าที่จัดการกับขยะเหล่านี้ ได้สังเกตุเห็น และจัดการอย่างถูกวิธีต่อไปครับ