การเล่นของเด็กวัย 3-6 ขวบการเล่น: เด็กวัยนี้กล้ามเนื้อใหญ่ที่แขน ขา แข็งแรงขึ้น แต่การเจริญเติบโตของลำตัวท่อนบนช้า แขนและขายาว มือสั้น เท้าเจริญช้า ของเล่นที่แนะนำ: ควรส่งเสริมให้วิ่ง กระโดด ปีนป่าย กระโดดเชือก เขย่ง ปีนป่าย ฝึกให้เล่น ผาดโผน ด้วยของเล่นสนาม เล่นเกมที่เน้นการควบคุมความเร็วของร่างกาย เช่น เกมที่เล่นเป็นวงกลม เช่น การฟักไข่ บอลม้า เกมที่เกี่ยวกับการหนี เช่น ไล่จับ ไล่แตะ ประโยชน์ของเล่นเด็ก : พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใหญ่ และฝึกทักษะการทำงานของร่างกาย และกล้ามเนื้อ ให้เคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงขึ้น การเล่น: การควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อเล็กที่มือดีขึ้น ของเล่นที่แนะนำ: ควรให้เล่นของเล่นที่สวมเข้ากันได้ ดึงออกมาได้ และของเล่นที่หมุนเป็นเกลียว เล่นโยนรับของเบาๆ และควรฝึกให้ผูกเชือกรองเท้าติดกระดุมเสื้อเอง ประโยชน์ของเล่นเด็ก : พัฒนากล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรง ทำงานคล่องแคล่วขึ้น การเล่น: ชอบการเล่นอิสระ มีจินตนาการ ชอบสมมติเป็นเรื่องราวแสดงท่าทางประกอบเรื่อง หรือเล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นเกี่ยวกับบ้าน พ่อแม่ลูก เกี่ยวกับร้านขายของ ชอบเล่นเลียนแบบ และการเล่นสร้างสรรค์ ชอบท่าทางประกอบเพลงหรือกิจกรรมเข้าจังหวะ ของเล่นที่แนะนำ: ควรหาของเล่นบทบาทสมมติ เช่น ชุดครัวจำลองหรือชุดครัวทำอาหารสำหรับเด็ก ชุดวิศวกรน้อย อุปกรณ์ทำงานบ้านสำหรับเด็ก รถจำลองการขับรถ ชุดคุณหมอ เป็นต้น การเล่นประกอบเรื่องหรือนิทาน การแสดงท่าทางประกอบเพลง หรือกิจกรรมเข้าจังหวะ และเริ่มสนใจการเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ กับเด็กอื่นๆ ที่ใช้เวลาสั้น ประโยชน์ของเล่นเด็ก : พัฒนาการด้าน อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เป็นการสอนให้เด็กรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองและคนในสาขาอาชีพอื่น ๆ รวมทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเด็กและสร้างพื้นฐานการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย เนื่องจากเด็กสามารถเล่นอย่างไรก็ได้ตามที่ใจของตัวเองคิด การเล่น: การทรงตัวดีขึ้น ชอบการเล่นที่เพิ่มความรุนแรง พลิกแพลง และโลดโผน ใช้ความเร็วและออกแรงมาก ของเล่นที่แนะนำ: ควรฝึกเดินบนกระดานแผ่นเดียว เดินบนเส้นตรง ยืนขาเดียว ควรฝึกให้รู้จักม้วนตัว กลิ้งตัว ปีนป่าย และกระโดดจากที่สูง ควรให้เล่นเครื่องเล่นสนาม เช่น โหนชิงช้า โหนราวไต่เหวี่ยงตัว และฝึกให้เล่นยินนาสติก ว่ายน้ำ ประโยชน์ของเล่นเด็ก : ฝึกการทรงตัวให้ ดีขั้น ฝึกความเชื่อมั่นในตัวเองความกล้า และการตัดสินใจ การเล่น: ชอบเล่นของเล่นที่ยากมากขึ้น และของเล่นที่ทำให้ออกกำลังกายมากก ๆ ของเล่นที่แนะนำ: ควรให้เล่นเครื่องเล่นสนาม ได้แก่ ชิงช้า บันไดไต่ ไม้ลื่น บ่อทราย เล่นก่อสร้างสิ่งต่างๆ ประโยชน์ของเล่นเด็ก : ฝึกความเชื่อมั่นในตัวเอง และพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ที่แขน ขา ให้แข็งแรง การเล่น: สายตาสามารถมองเห็นไกล ๆ สายตาและมือทำงานประสานกันได้รวดเร็วและดีขึ้น ของเล่นที่แนะนำ: ควรให้เล่นกับลูกบอลใหญ่ ๆที่เบา ๆ ให้โยน เหวี่ยงวิ่งรับ ประโยชน์ของเล่นเด็ก : ฝึกให้สายตา มือ เท้า แขน ขา ลำตัวทำงานประสานกันได้ดีขึ้น การเล่น: สามารถเล่นและทำงานเป็นกลุ่มใหญ่ได้ ของเล่นที่แนะนำ: ควรให้เล่นเกมเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เช่น มอญซ่อนผ้าทำตามผู้นำ และให้เล่นเกมแข่งขัน เช่น วิ่งเปี้ยว ประโยชน์ของเล่นเด็ก : พัฒนาการด้าน อารมณ์ สังคม และสติปัญญา สร้างพื้นฐานการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย
การเล่นจะช่วยพัฒนาร่างกายและจิตใจให้แก่เด็กทุกคน การที่เด็กได้ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน ได้กระโดดโลดเต้น ปีนป่ายต้นไม้ การทำกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านสังคม และด้านร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ช่วยเรื่องการทรงตัว นอกจากนั้นยังช่วยเรื่องการทำงานประสานกัน ระหว่างกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ด้วย เช่น กล้ามเนื้อแขน ขา มือ และการประสานการทำงานระหว่างมือและตา เช่น ปั้น พับกระดาษ วาดรูประบายสี เป็นต้น นอกจากนั้น ยังสามารถรับรู้ความในใจของเด็กผ่านการเล่นของเด็กได้ เพราะเด็กอาจจจะไม่สามารถอธิบายความกังวลใจ หรือความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้เหมือนผู้ใหญ่
การปล่อยให้เด็กได้เล่น เช่น วาดรูป หรือเล่นตุ๊กตา หรือเล่นของเล่นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้จินตนาการ เช่น หุ่นมือ บ้านตุ๊กตา บทบาทสมมติ กะบะทราย ฯลฯ จะช่วยบอกความในใจได้ว่าตอนนี้เด็กรู้สึกอะไรอยู่ การเล่นพัฒนาสมอง การเล่นทุกรูปแบบล้วนมีผลต่อพัฒนาการของสมองเด็ก ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องเปิดโอกาสและช่วยให้เด็กได้ เล่น หากแต่การทำให้การเล่นของเด็กมีคุณค่าอย่างแท้จริง พ่อแม่จะต้องมีความเข้าใจในหลักการสำคัญก่อน 1.
การเล่นจะต้องเริ่มต้นโดยเด็ก คือ เด็กจะต้องเป็นคนเริ่มต้น ต้องเป็นคนนำ 2. การเล่นนั้นจะต้องสนุกและมีความสุข 3. การเล่นจะต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก 4. การเล่นต้องมีความปลอดภัย 5. เพื่อนเล่น (หรือของเล่น) ที่ดีที่สุดของเด็ก คือ พ่อแม่ การเล่นจินตนาการกับการเล่นของเด็กวัย 3-6 ปี การเล่นจะช่วยวางรากฐานการเรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
การเล่นของเด็กๆ อาจเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว การเล่นนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิต เพราะการได้เล่นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกและท้าทาย ที่ช่วยวางรากฐานการเรียนรู้และช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ในทุกด้าน โดยอาจแบ่งการเล่น ดังนี้ เพราะพัฒนาการของเด็กจะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จะชอบนั่งเล่นคนเดียวมากกว่าการเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน บางครั้งพ่อแม่อาจจะเห็นเด็กนั่งพูดคุยกับตุ๊กตาเป็นเวลานาน ตัวอย่าง : เล่นบทบาทสมมติ เป็นการเล่นสมมติว่าตัวเองหรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นโน้นนี้ เช่น สมมติว่าตัวเองเป็นคุณหมอ คุณครู ตำรวจ หรือพยาบาล แล้วสมมติให้ตุ๊กตาเป็นนักเรียนหรืออื่นๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นจินตนาการอันกว้างไกลของเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ควรปิดกั้น Tip : อาจกำหนดพื้นที่ในบ้านให้เป็นมุมส่วนตัวของเด็ก ให้มีของเล่นหรือของประดับต่างๆ ให้เด็กได้มีอิสระในการเล่นตามลำพัง ได้คิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง การเล่นเป็นกลุ่ม เด็กวัยนี้อาจยังไม่พร้อมเต็มร้อยที่จะมีเพื่อน แต่ก็จะเริ่มเข้าสังคมและเล่นกับกลุ่มเพื่อนมากขึ้น ระยะแรกๆ อาจจะเพียงเข้าไปนั่งใกล้กลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังเล่นอยู่ จากนั้นก็จะค่อยๆ เล่นกับเพื่อนได้ในที่สุด ตัวอย่าง : เล่นบ่อทราย (สร้างเมืองหรือปราสาท) เล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นพ่อแม่ลูก เป็นการเลียนแบบบทบาทของพ่อแม่ หรือเล่นตามจินตนาการ โดยเอาเก้าอื้หลายๆ ตัวมาต่อกันเป็นรถเมล์ แล้วเล่นเป็นคนขับกับผู้โดยสาร การเล่นเหล่านี้เด็กจะเป็นคิดขึ้นเองตามแต่จินตนาการ จะได้ทักษะเรื่องการเข้าสังคม เรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การรอคอย Tip : การเล่นกับเพื่อนในบางครั้งอาจมีการทะเลาะกันบ้างตามประสาของเด็กวัยนี้ ผู้ใหญ่ไม่ควรเข้าไปตัดสินปัญหาให้ ให้เด็กได้รู้จักคิดและแก้ปัญหาเองก่อน
เด็กรู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของบ้าน และรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้เล่นกับพ่อแม่ที่คอยตามใจเสมอ ตัวอย่าง : เล่นต่อบล็อกไม้ ต่อภาพ ให้พ่อวาดรูปตุ๊กตา แล้วให้เจ้าหนูตัดกระดาษ เอามาเล่นสมมติเป็นคนหรือสิ่งของต่างๆ ก็ได้ หรือลองเอาเก้าอี้มาต่อกันแล้วใช้ผ้าห่มคลุม กลายเป็นถ้ำหรือเต้นท์ก็สร้างความสนุกตื่นเต้นไม่แพ้กัน เป็นการดัดแปลงจากสิ่งของธรรมดาๆ ให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ตามความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทำให้มีของเล่นที่เล่นได้ไม่รู้เบื่อ Tip : พ่อแม่อาจคอยกระตุ้น หรือแนะนำวิธีการเล่นใหม่ๆ ให้เด็ก แต่ต้องระวังไม่ให้การเล่นนั้นเป็นการเล่นแบบผู้ใหญ่ ซึ่งจะเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเด็ก เพราบางครั้งก็อยากเล่นคนเดียว บางครั้งก็อยากมีเพื่อนเล่นด้วย ที่สำคัญการเล่นสำหรับเด็กนั้นไม่ได้อยู่ที่ของเล่นราคาแพง เพียงพ่อแม่พลิกแพลงจากสิ่งของใกล้ตัวและวิธีการเล่นนิดหน่อย คอยเติมความรัก ความอบอุ่นอยู่ใกล้ๆ ให้รู้สึกปลอดภัยเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว จินตนาการกับการเล่นของเด็กวัย 3-6 ปี จินตนาการเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะในเด็กวัย 3 - 6 ปี เพราะนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ การเล่นบทบาทสมมติ จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกพึงพอใจในตัวเอง ในการเปลี่ยนความจริงให้เป็น ความปรารถนา เป็นการก่อรากฐานทางอารมณ์ และพัฒนาความคิดให้กว้างไกลออกไป อันเป็นจุดเริ่มต้นของความเชื่อมั่นในตนเอง เด็กในวัยอนุบาล 3-6 ขวบนี้ ได้ไปโรงเรียน มีเพื่อน มีสังคม เริ่มอ่านหนังสือได้ ดูหนังเป็นเรื่องเป็นราวเข้าใจ และสามารถนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อเข้ากับตัวเอง สร้างเรื่อง สร้างจินตนาการ ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีมากน้อยแตกต่างกันไป แม้จินตนาการจะเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม แต่พ่อแม่ก็ควรดูแลให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี และสอนให้เด็กเรียนรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกแห่งจินตนาการ เมื่อใดที่เด็กเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว ใช้ความรุนแรง คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่เหมือนในการ์ตูนที่ดู เช่น หยิบมีดในครัวออกมาวิ่งไล่ คล้ายจะออกรบเหมือนในหนัง ชก เตะ ต่อยคนอื่นแล้วภาคภูมิใจ หรือคิดว่าตัวเองมีความพิเศษ กระโดดตึกแล้วเหาะกลางอากาศได้ เหมือนยอดมนุษย์ในหนัง ถือว่าน่าเป็นห่วง
เด็กจะได้ฝึกความเป็นผู้นำ แต่ถ้าเขาโกรธหรือไม่พอใจ ก็อาจใช้อำนาจ ใช้กำลัง และหากบวกเข้ากับจินตนาการ หรือลอกเลียนแบบมาจากสื่อ ก็อาจจะเล่นรุนแรง ใช้กำลัง เตะต่อย พูดหยาบคาย ทำแล้วไม่คิดว่าผิด ก็จะส่งผลตอนที่เด็กโตขึ้น การเลือกกิจกรรมจินตนาการที่เหมาะกับเด็กวัย 3-6 ปี พ่อแม่คือบุคคลสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมเด็กให้จินตนาการในด้านบวกเพื่อให้เด็กเติบโตขึ้น เป็นคนดี เด็กเก่ง กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง
ของเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กวัย 3-6
ปี พ่อแม่จะต้องเลือกของเล่นให้เหมาะกับวัยของเด็ก สำหรับเด็กวัย 3- 6 ปี เริ่มอยากรู้อยากเห็น ช่างซักช่างถาม มีจินตนาการสูง มีพัฒนาการทางอารมณ์ซับซ้อนมากขึ้น เริ่มเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันได้ดีขึ้น ควรปล่อยให้เด็กได้เล่นกับเพื่อน อย่างเล่นตุ๊กตา เล่นต่อไม้บล็อก หรือปั้นแป้งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ด้วยกัน เป็นต้น การเล่นนี้ก็จะช่วยพัฒนาการทางสังคม พัฒนาการทางภาษาได้เป็นอย่างดี การเล่นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีประโยชน์สำหรับพัฒนาการของเด็กใน เพราะเป็นการวางรากฐานการเรียนรู้ให้เด็ก และของเล่น ก็มีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาการเหล่านั้น จะต้องคำนึงถึงเหมาะสมกับวัยและความปลอดภัย เพื่อให้เด็กเล่นได้อย่างมีความสุข
เลือกของเล่น
เพลงที่เหมาะสำหรับเด็กวัยนี้ การบูรณาการผ่านเสียงเพลง ช่วยเสริมพัฒนาการหลากหลายด้านให้เด็ก การฝึกกล้ามเนื้อมือ - เท้า ฝึกระเบียบวินัย ความคิดสร้างสรรค์ และฝึกสมาธิให้เด็ก สามารถฝึกได้ด้วยเสียงเพลง เสียงเพลงและดนตรี เป็นอุปกรณ์สำหรับ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก - มัดใหญ่ มีความคิดสร้างสรรค์ มีวินัย การทำงานเป็นกลุ่ม การกล้าแสดงออก และการฝึกสมาธิไปได้พร้อมๆ กัน เช่น
หมายเหตุ : การเรียนร้องเพลงสามารถปรับพฤติกรรมเด็กบางคนเป็นคนมีเหตุผล มั่นใจในตัวเอง และกล้าแสดงออก แต่ใจร้อน ถ้าเรียนร้องเพลงแล้วเขาใจเย็นขึ้น ได้ปรับตัวให้อยู่ร่วมกับเพื่อนได้ รู้จักคิดก่อนทำมากขึ้น และได้ฝึกเรื่องการพูด้วย พูดชัดชัดขึ้น และยังได้ฝึกเรื่องกฎเกณฑ์และวินัย
ของเล่นของเด็กปกติกับเด็กพิเศษเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างคือ วิธีการเล่น ซึ่งเด็กพิเศษแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการในการเล่นต่างกัน และความถนัดไม่เหมือนกัน จึงต้องดูว่าเด็กพิเศษคนนั้นสนใจอะไร และต้องการความช่วยเหลืออย่างไร ของเล่นสำหรับเด็กพิเศษ สามารถเป็นของเล่นที่ประดิษฐ์ขึ้นเองก็ได้ หรือของเล่นตามธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน ดิน ทราย ใบไม้ หรือของเล่นที่ซื้อหาได้ตามท้องตลาด แต่ต้องใช้ความเข้าใจและใช้เทคนิควิธีการสอน ด้วยการใช้ของเล่นเป็นสื่อการสอนสำหรับเด็กพิเศษแต่ละคนให้เหมาะสม ดังนั้นการเลือกของเล่นให้เด็กกลุ่มนี้ ควรเลือกให้ตรงตามความถนัด และความสนใจของเด็กเป็นหลัก เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย
เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านสติปัญญาในระดับหนัก
เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
เด็กออทิสติก
เด็กสมาธิสั้น
ประโยชน์ของการเล่น ประโยชน์ของการเล่น คือ การได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร การวางแผน การลองผิดลองถูก การแก้ปัญหา การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกิดการแลกเปลี่ยน ช่างคิด ช่างสังเกต กล้าแสดงออก และอื่นๆ โดยรูปแบบการเล่นที่เหมาะสมกับวัยต้องคำนึงความพร้อมด้านต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และสังคม เด็กวัย 3 - 6 ปี เรียกว่า พัฒนาทักษะต่างๆ ได้เกือบครบแล้ว ยิ่งพัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์ ในสมองส่วนที่เรียกว่า ลิมบิก(limbic) ก็พัฒนามากขึ้นจากประสบการณ์การเล่นที่ต่อเนื่องนี่เอง
|