อากาศเย็นๆได้ผ่านพ้นไปแล้ว แสงแดดและความร้อนก็เริ่มเพิ่มขี้น เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน อาจมีเมฆ หรือ ลม ที่ช่วยให้ร่มเงา หรือ ความรู้สึกเย็นลงได้บ้าง หลายๆคนคงรู้สึกดีใจเมื่อถึงหน้าร้อน จะได้ไปเที่ยวทะเล เล่นน้ำช่วงสงกรานต์ แต่อาจไม่ได้เตรียมพร้อมกับภัยเงียบของแสงแดด เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินและรู้จักอันตรายของแสงแดด โดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเลต( Ultraviolet light หรือ UV) แต่มีส่วนน้อยที่รู้ถึงความอันตรายของแสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และ รังสีอินฟราเรด (Infrared หรือ IR) รวมถึงมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น (Pollution) ซึ่งมีผลเสียต่อผิวหนัง แสง UV แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ UVA, UVB และ UVC รังสีอินฟาเรด (IR) แหล่งกำเนิดความร้อน โดยที่ตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สัมผัสถึงความร้อนได้ โดยที่มากกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์เป็นรังสีอินฟราเรด แบ่งออกเป็น IR-A, IR-B และ IR-C โดยที่IR-A สามารถทำลายชั้นผิวหนังได้ลึกในระดับเซลล์ เกิดสารอนุมูลอิสระ คอลลาเจนในผิวลดลง เกิดการหย่อนคล้อยผิวเหี่ยว ริ้วรอยร่องลึก รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่อยู่ใกล้รอบๆตัวโดยที่เราไม่เคยระวัง เช่น จอคอมพิวเตอร์ Gadgets เตาอบ ไดร์เป่าผม เป็นต้น นอกจากนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา เริ่มมีการตระหนักถึงผลเสียของมลภาะทางสิ่งแวดล้อมต่อผิวหนัง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่ง เมืองอุตสาหกรรม โรงงานต่างๆ ส่งผลต่อการทำลายชั้นโอโซน ทำให้แสง UV และรังสีอินฟราเรด สามารถถึงพื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ระคายเคืองง่าย แห้งกร้าน คอลลาเจนเสื่อมลง และเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ดังนั้นเราควรที่จะดูแลป้องกันอันตรายจากแสง UV และรังสีอินฟราเรด รวมถึงมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด พยายามอยู่ในที่ร่ม ใต้ร่มเงา ใส่เสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาว รวมถึงใส่หมวก และแว่นกันแดดด้วยและสิ่งสำคัญที่สุดที่่ขาดไม่ได้คือ การทาครีมกันแดดหน้าทุกวัน หลักการเลือกใช้ครีมกันแดด การทาครีมกันแดดขั้นเทพอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก หลายๆคนอาจทาบางๆเพราะไม่ชอบความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ คนส่วนมากก็ทาวันละครั้ง เพราะคิดว่าเพียงพอต่อการป้องกันแดดทั้งวัน แต่การทาครีมกันแดดที่ไม่เพียงพอ อาจไม่ได้ช่วยปกป้องผิวกายหรือลดอันตรายของแสงแดด ปริมาณของโลชั่นกันแดดที่แนะนำคือ 1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับบริเวณใบหน้าและลำคอ นอกจากนี้ควรทาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือ ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากมีเหงื่อออกมากจากกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ กิจกรรมในน้ำ และ ควรทาอย่างน้อย 15 นาที ก่อนออกแดด เพื่อให้เนื้อครีมได้เคลือบบนผิวหนัง หลักในการเลือก ควรพิจารณาถึง อาชีพ ลักษณะของงาน กีฬา หรือ กิจกรรมที่ทำ รวมถึง ความไวของผิวต่อส่วนประกอบในครีมกันแดด นอกจากนี้ ควรมีค่าป้องกันแสงแดด หรือ SPF 15 ขึ้นไป ป้องกันได้ทั้ง UVA/UVB และควรครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรด (Infrared) และมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม(Pollution) ผิวของเราก็จะได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำหอม และพาราเบน เพราะอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ สิ่งสุดท้ายคือ เมื่อเริ่มใช้ครีมกันแดด ควรทาปริมาณน้อยๆก่อน แล้วจึงค่อยๆเพิ่มปริมาณ หากเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อการรักษา และ คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดคุมมันอย่างถูกต้องครับ รังสีอินฟราเรด (Infrared; IR) หรือรังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ที่มีความถี่ถัดจากความถี่ของแสงสีแดงลงมา ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า รังสีอินฟราเรด หรือรังสีใต้แดง (infra + red) รังสีอินฟราเรดมีแหล่งกำเนิดมาจากความร้อน มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแสงอินฟราเรดได้ด้วยตา แต่เมื่อสัมผัสรังสีเราจะรู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าตอนเรารู้สึกร้อนจากแดดหรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น แล้วรู้หรือไม่ว่า? แสงอาทิตย์ที่มีรังสีผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงแต่อันตรายของรังสี UVA และ UVB “แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่า 54% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลกคือ รังสีอินฟราเรด” เกินกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลกเป็นรังสีอินฟราเรด ที่เหลือจะเป็น Visible Light ประมาณ 39% ส่วนรังสี UVA และ รังสี UVB มีเพียง 7% เท่านั้น รังสีอินฟราเรดร้ายกว่ารังสียูวียังไง? เราสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า รังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ เมื่อรังสีนี้สัมผัสผิวจะรู้สึกได้ถึงความร้อน ไม่ว่าจะเป็นจากแดด หรือเปลวไฟ นอกจากนี้ในชีวิตประจำวันของเรายังต้องพบเจอกับรังสีอินฟราเรดและสัมผัสกับมันโดยไม่รู้ตัว เช่น ห้องซาวน์น่า คอมพิวเตอร์ หลอดไฟชนิดทังสเตน Gadgets ทั้งหลาย เตาอบ ไดร์เป่าผม ฯลฯ ความร้ายกาจของรังสียูวีอาจทำให้ผิวดำคล้ำ เกิดฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวร้อน บวมแดง แต่รังสีอินฟราเรดแรงกว่านั้น เพราะมันทำร้ายชั้นผิวหนังได้ลึกและแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับเซลล์ กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวลดลง ผลคือความหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก สูญเสียความยืดหยุ่น และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง นั่นถือว่าเป็นหายนะของผิวเชียวนะคะ รู้อย่างนี้แล้วแนะนำให้หาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง ไม่เพียงแต่ปกป้องรังสียูวี แต่ควรป้องกันครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรดด้วย ผิวของเราก็จะได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น "รักผิวตัวเองต้องเริ่มจากการปกป้อง ผิวหน้าเรามีเพียงผิวเดียวค่ะ" |