►สาระทักษะการเรียนรู้ 1 โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ทร02006 * ตรวจสอบต้นฉบับ 2 โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ทร33011 * ตรวจสอบต้นฉบับ 3 Internet กับการเรียนรู้ไร้พรมแดน ทร02017 * ตรวจสอบต้นฉบับ 4 การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อปฏิบัติงาน ทร02047 * ตรวจสอบต้นฉบับ 5 เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ทร23010 * ตรวจสอบต้นฉบับ 6 ศาสนาพาให้คิดเป็น ทร02033 * ตรวจสอบต้นฉบับ 7 เทคนิคการวิเคราะห์และพัฒนาอาชีพ ทร03014 * ตรวจสอบต้นฉบับ 8 ทักษะการคิด ตัดสินใจและแก้ปัญหา ทร03011 * ตรวจสอบต้นฉบับ 9 คิดเป็นกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทร02029 * ตรวจสอบต้นฉบับ 10 การวิจัยเบื้องต้น ทร33003 * ตรวจสอบต้นฉบับ►สาระความรู้พื้นฐาน 1 สภาวะโลกร้อน พว02018 * ตรวจสอบต้นฉบับ 2 สมุนไพรใกล้ตัว พว02021 * ตรวจสอบต้นฉบับ 3 สารพิษในชีวิตประจำวัน พว02013 * ตรวจสอบต้นฉบับ 4 วิทยาศาสตร์การถนอมอาหาร พว03007 * ตรวจสอบต้นฉบับ 5 ภาษาไทยเพิ่มเติม 1 พท23003 * ตรวจสอบต้นฉบับ 6 ภาษาไทยเพิ่มเติม 2 พท23004 * ตรวจสอบต้นฉบับ 7 การศึกษาค้นคว้าและการเขียนรายงาน พท33008 * ตรวจสอบต้นฉบับ 8 การสื่อสารในชีวิตประจำวัน พท33020 * ตรวจสอบต้นฉบับ 9 ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารและสร้างมนุษย์สัมพันธ์1 พท33013 * ตรวจสอบต้นฉบับ 10 หลักภาษาไทย พท33002 * ตรวจสอบต้นฉบับ 11 เทคโนโลยีชีวภาพ พว02017 * ตรวจสอบต้นฉบับ 12 คณิตศาสตร์เสริม 1 พค23001 * ตรวจสอบต้นฉบับ►สาระพัฒนาสังคม 1 การปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ สค02007 * ตรวจสอบต้นฉบับ 2 ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย สค02002 * ตรวจสอบต้นฉบับ 3 ทรัพยากรของประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สค22001 * ตรวจสอบต้นฉบับ►สาระการประกอบอาชีพ 1 การขายและการตลาด อช02018 * ตรวจสอบต้นฉบับ 2 การขายและการตลาด อช02018 * ตรวจสอบต้นฉบับ 3 การทำปุ๋ยหมัก อช02008 * ตรวจสอบต้นฉบับ 4 การเพาะเห็ดฟาง อช02006 * ตรวจสอบต้นฉบับ 5 การทำนา อช02001 * ตรวจสอบต้นฉบับ 6 การปลูกผักพื้นบ้าน อช03018 * ตรวจสอบต้นฉบับ 7 การเกษตรผสมผสาน อช02015 * ตรวจสอบต้นฉบับ 8 การพัฒนาและโครงการอาชีพ อช32001 * ตรวจสอบต้นฉบับ 9 การเลี้ยงสุกร อช02012 * ตรวจสอบต้นฉบับ 10 การเลี้ยงไก่ไข่ อช02011 * ตรวจสอบต้นฉบับ 11 การจัดการผลิตภันฑ์ อช23031 * ตรวจสอบต้นฉบับ 12 การจัดการผลิตภันฑ์ท้องถิ่น อช33022 * ตรวจสอบต้นฉบับ 13 การจัดการกลุ่มเพื่อพัฒนาอาชีพ อช33004 * ตรวจสอบต้นฉบับ 14 การจัดการกลุ่มเพื่อพัฒนาอาชีพ อช33017 * ตรวจสอบต้นฉบับ►สาระทักษะการดำเนินชีวิต 1 บัญชีชาวบ้าน ทช02001 * ตรวจสอบต้นฉบับ 2 สุขภาพพลานามัย ทช12005 * ตรวจสอบต้นฉบับ 3 การดูแลอนามัยชุมชน ทช02010 * ตรวจสอบต้นฉบับ 4 การป้องกันสาธารณภัย ทช02013 * ตรวจสอบต้นฉบับ 5 สุขภาพและความปลอดภัยในชีวิต ทช32005 * ตรวจสอบต้นฉบับ 6 เพศศึกษาสำหรับพ่อแม่ลูกวัยรุ่น ทช02006 * ตรวจสอบต้นฉบับ 7 พืชสมุนไพรกับการดูแลสุขภาพ ทช33017 * ตรวจสอบต้นฉบับ 8 ชีวิตและครอบครัว ทช32004 * ตรวจสอบต้นฉบับv หนังสือเรยี น สาระทักษะการเรยี นรู้ รายวชิ าเลอื ก ทร02006 โครงงานเพอื่ พฒั นาทกั ษะการเรยี นรู้ ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั เชียงใหม่ ห้ามจําหน่าย -ก- คาํ นาํ หนังสือเรียนรายวิชาเลือก วิชาโครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ รหัสวิชา ทร02006 เพ่ือให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ของสถานศึกษามีประสิทธิภาพ สถานศึกษาต้องใช้หนังสือเรียนท่ีมี คณะผู้จัดทําหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียนรายวิชาโครงงานเพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ คณะผจู้ ัดทํา -ข- สารบัญ เรือ่ ง หน้า คําอธิบายรายวชิ า................................................................................................................. จ แผนการเรยี นรปู้ ระจาํ บทท่1ี ................................................................................................. 2 -ค- สารบญั (ตอ่ ) เรอื่ ง หน้า แบบทดสอบหลงั เรียน......................................................................................................................... 54
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน................................................................................................... 57 -ง- รายละเอยี ดวิชา 1.คาํ
อธิบายรายวิชา มาตรฐานท่ี 1.1 มีความร้คู วามเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกีย่ วกบั เรอ่ื งตอ่ ไปนี้ หลกั การและแนวคดิ ของโครงงานเพ่ือพฒั นาทักษะการเรียนรู้ ความหมายของโครงงานเพอื่ พัฒนา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ควรจัดในลกั ษณะของการบรู ณาการทักษะตา่ งๆ ไปพรอ้ มกบั การสร้างสถานการณ์ในการเรียนรู้อยา่ ง การวดั และประเมินผล ใช้การประเมินจากสภาพจริงของผู้เรยี นที่แสดงออกเกยี่ วกับดาํ เนินการในการทาํ โครงงาน ส่งโครงงาน -จ- ระดับประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชี้วดั จาํ นวน (ชวั่ โมง) 1 โครงงานเพื่อพฒั นา 1. มีความรู้ 1. หลกั การและแนวคดิ ของ 120 ทักษะการเรยี นรู้ ความเข้าใจ หลักการและ โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการ แนวคดิ โครงงาน เรียนรู้ ความหมายของโครงงาน 2.ความหมายของโครงงานเพื่อ เพื่อพฒั นาทักษะการ พฒั นาทักษะการเรยี นรู้ เรียนรู้ 3.ประเภทของโครงงานเพื่อ ประเภทของโครงงาน พัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ การเตรียมการทาํ 4.การเตรียมการ วางแผนและ โครงงาน ทกั ษะและ ขั้ น ต อ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ทํ า กระบวนการในการทํา โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการ โครงงาน เรียนรู้ 2. มีความสามารถ 5.ทักษะและกระบวนการท่ี ในการดาํ เนินการทํา จําเป็นในการทําโครงงานเพ่ือ โครงงาน และสะท้อน พัฒนาทักษะการเรียนรู้ (การ ความคิดเห็นต่อโครงงาน หาข้อมูลการเลือกใช้ข้อมูล 3.มเี จตคติท่ีดี การจัดทําข้อมูล การนําเสนอ ตอ่ การทําโครงงานและ ข้ อ มู ล ก า ร พั ฒ น า ต่ อ ย อ ด เห็นคุณคา่ ของโครงงาน ความร้)ู 6. การสะท้อนความคิดเห็นต่อ โครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการ เรียนรู้ -ฉ- จงกากบาท (X) ข้อท่ีถูกทีส่ ุดเพียงข้อเดยี ว 1. การได้มาของหวั เรื่องในการทําโครงงาน ควรจะได้มาจากทใี่ ดเปน็ อันดับแรก 2. ผูท้ ี่ควรเปน็ ท่ีปรกึ ษาโครงงานทด่ี ี ควรเป็นใคร 3. สิง่ ท่ีควรทําเป็นอันดับแรกในการทําโครงงานคือทําอย่างไร 4. การจดั
การเรียนการสอนแบบโครงงานมุ่งเน้นด้านใดถูกทส่ี ุด 5. โครงงานคอื อะไร 6.
โครงงานตามสาระการเรยี นรู้ มีลกั ษณะเชน่ ใด -ช- ก. 2 ประเภท บทท่ี 1 2 แผนการเรยี นรปู้ ระจําบท บทที่ 1 หลักการ แนวคิด และความหมายของโครงงานเพอื่ พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ สาระสําคญั หลักการ แนวคิด และความหมายของโครงงาน เพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เพ่ือจะได้นําความรู้และความ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวงั ทักษะการเรยี นรู้ ขอบข่ายเน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื ประกอบการเรียนรู้ ประเมนิ ผล 3 ตอนที่ 1.1 หลักการของโครงงานเพื่อพัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ ผเู้
รียนจะมีความเข้าใจและสามารถนําโครงงานไปใช้ในการแสวงหาความรู้ได้อย่างดี ดังนั้นผู้เรียนควร หลกั การของการทําโครงงานเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ จุดมุ่งหมายของการทาํ โครงงาน (www. thaigoodview.)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 หมวด 4 “โครงงานเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีใช้พัฒนาความสามารถของผู้เรียน อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ 4 5 ตอนที่ 1.2 แนวคดิ ของโครงงานเพื่อพฒั นาทักษะการเรยี นรู้ การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นการเรียนรู้ที่ให้ความสําคัญต่อผู้เรียน ในการเลือกเรียนสิ่งต่างๆ ด้วย 1) รู้จกั ตอบปญั หาโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไมเ่ ป็นคนท่ีหลงเชอื่ งมงายไร้เหตผุ ล 1) สมั พันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal skill) Communication techniques) 6.1) ทักษะในแงค่
วามรู้เกี่ยวกับความสามารถในการควบคุมจิตใจและควบคุมตนเอง 6.2) ทักษะเกย่ี วกบั กระบวนการกลุ่ม (Group-processskill) 6 แนวคิดสาํ คัญ คอื ความรู้ความจาํ (Knowledge) ความเข้าใจ (Comprehension) การนําไปใช้ (Application) การวิเคราะห์ แคทซ์และชาร์ด (Katz and Chard, 1994) กล่าวถึงการสอนแบบโครงงานว่า วิธีการสอนน้ี 1) เป้าหมายทางสติปญั ญาและเป้าหมายทางจิตใจของผู้เรียน (Intellectual Goals and the Life of 2) ความสมดุลของกจิ กรรม (Balance of Activities) การสอนแบบโครงงานจะทําให้ผู้เรียน ได้ปฏิบัติ 3) สถานศึกษาคือส่วนหน่ึงของชีวิต (School as Life) การเรียนการสอนในสถานศึกษาต้องเป็นส่วน 4) ศกร.เป็นชุมชนหน่ึงของผู้เรียน (Community Ethos in the Class)
ทุกคนมีลักษณะเฉพาะตัว 5) การจัดกจิ กรรมการเรียนรูเ้ ป็นสงิ่ ทท่ี า้ ทายครู (Teaching as a Challenge) ในการจัดกิจกรรมการ 7 ตอนท่ี 1.3 ความหมายของโครงงานเพ่อื พัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ มีผู้รูไ้ ด้ใหค้ วามหมายของคาํ ว่าโครงงานไว้ในหลายมุมมอง ซึ่งไดป้ ระมวลมาให้ผเู้ รียนได้ศึกษาดงั นี้ 8 กบั ความคิดและแนวคดิ ทีเ่ กดิ ขึ้นใหม่
ทําให้เกิดการปรับเปล่ียนความรู้ให้เป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้สิ่งใหม่ตาม ความหมายของการเรยี นรู้แบบโครงงาน การศึกษาหาความรู้ หรือทํากิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งตามความสนใจของนักศึกษา การเรียนรู้แบบโครงงานน้ี จากิซ และโรบิน (Jaques, 1984; Robbins, 1997)
ได้ให้ความหมายของวิธีการเรียนรู้แบบโครงงาน สุชาติ วงศ์สุวรรณ (2542) กล่าวถึงความหมายของการเรียนรู้โดยใช้โครงงานว่าหมายถึง การจัดการ สรุปได้ว่า การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน ให้ได้รับการ ความสําคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน การท่ีผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านโครงงาน ทําให้มองเห็น 9 10 กจิ กรรมท้ายบท บทท่ี 1 ข้อ2. ใหผ้ เู้
รียนบอกแนวคิดของโครงงานเพ่ือพฒั นาทักษะการเรยี นรูม้ าอย่างนอ้ ย 3
ขอ้ ขอ้ 3. ให้ผ้เู รยี นสรปุ
ความหมายของโครงงานเพื่อพฒั นาทักษะการเรยี นรู้ ตามท่ผี
ู้เรียนเข้าใจมาพอสังเขป 11 ขอ้ 5. ใหผ้ ูเ้ รยี นสรุปความสําคัญของโครงงานเพ่อื พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ ตามท่ีผู้เรียนเขา้
ใจมาพอสังเขป บทท่ี 2 13 แผนการเรียนรูป้ ระจาํ บท บทที่ 2 ประเภทของโครงงานเพอื่ พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ สาระสาํ คัญ และความหมายของโครงงานแล้ว ผู้เรียนยังต้องรู้เข้าใจและมีทักษะในการจําแนกรูปแบบของโครงงาน ซ่ึงเป็น ประโยชน์ในการจดั ทําโครงงานได้อย่างมีเป้าหมายชัดเจนและนําไปสู่ความสําเร็จ คือเกิดการเรียนรู้และค้นพบ องคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง เรยี นรู้ ขอบข่ายเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามที่ได้รบั มอบหมายในหนงั สือเรียน สื่อประกอบการเรยี นรู้ ประเมินผล 2. ประเมนิ ผลจากใบงาน 14 ตอนท่ี 2.1 ประเภทของโครงงาน การจําแนกประเภทของโครงงานอาจแบง่ ได้หลายลกั ษณะ เช่น เรยี นรู้และทักษะการแสวงหาความรู้เพอ่ื สร้างองคค์ วามรใู้ หมๆ่ ดว้ ยตนเอง ตอ้ งการของผเู้ รียน โดยมีรายละเอียดในแต่ละประเภทของ ดังนี้ เรื่องใดเร่ืองหน่ึง แล้วนําข้อมูลนั้นมาจําแนกเป็นหมวดหมู่ในรูปแบบที่เหมาะสม
ข้อมูลที่ได้จะนําไปปรับปรุง ในการทําโครงงานประเภทสํารวจรวบรวมข้อมูล ไม่จําเป็นต้องมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง
ผู้เรียน 2. โครงงานท่ีเป็นการศึกษาค้นคว้าทดลอง เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเร่ืองใด ในการทําโครงงานประเภทการศึกษาค้นคว้าทดลอง จําเป็นต้องมีการจัดการกับตัวแปรท่ีจะมีผลต่อ 2.1 ตัวแปรตน้ หรอื ตวั แปรอิสระ หมายถงึ เหตขุ องการทดลองนั้นๆ 15 16 กจิ กรรมท้ายบท บทที่ 2 คําชแี้ จง : ใหผ้ เู้ รยี นตอบคาํ ถามใหส้ มบรูณ์ ข้อ1. ให้ผูเ้ รยี นจําแนกประเภทของโครงงานเพื่อพฒั
นาทักษะการเรยี นรมู้ าพอสงั เขป ขอ้ 2.
ใหผ้ ูเ้ รยี นบอกประเภทของโครงงานท่จี าํ แนกตามวตั ถปุ ระสงคว์ า่ มีอะไรบา้
ง ขอ้ 3. ให้ผเู้ รยี นบอกลกั
ษณะของโครงงานทีเ่ ปน็ การสํารวจ รวบรวมข้อมลู พร้อมยกตวั
อย่างประกอบ 17 ข้อ5. ใหผ้ ้เู รยี นยกตวั อยา่
งโครงงานทีเ่ ปน็ การสรา้ งประดิษฐ์ คดิ ค้นตามทีผ่ ู้เรยี นสนใจ มาอย่างน้อย 3 ตวั อย่าง บทท่ี 3 19 แผนการเรยี นรู้ประจําบท บทที่ 3 การเตรียมการวางแผนและขั้นตอนกระบวนการทําโครงงานเพื่อพฒั นาทักษะการเรียนรู้ สาระสาํ คญั โครงงานไปสู่การแสวงหาองค์ความรู้ ในทางปฏิบัติได้อย่างเป็นประโยชน์ในแต่ละระดับการเรียนรู้โครงงาน จะได้นาํ เสนอในลักษณะท่ีเป็นพ้นื ฐาน เพ่อื ให้ผเู้ รยี นได้ประยุกต์ใช้ในโอกาสต่อไปอยา่ งหลากหลาย ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง ทกั ษะการเรยี นรูไ้ ด้ ขอบขา่ ยเนอื้ หา ตอนที่ 3.2 การวางแผนทาํ โครงการและข้ันตอนกระบวนการทาํ โครงงาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 2. ใบงานท่ี 3 ประเมนิ ผล 2. ประเมินผลจากใบงาน 20 ตอนท่ี 3.1 การพิจารณาเลอื กโครงงาน การพิจารณาเลือกโครงงานสําหรับการทําโครงงานประเภทต่างๆ มีแนวคิดกว้างๆ ให้ผู้เรียนได้ใช้เป็น 1) ให้สงั เกตสง่ิ
แวดล้อมใกล้ตวั ทเี่ ปน็ ปญั หา 21 ตอนที่ 3.2 การวางแผนทําโครงงานและขั้นตอนกระบวนการทําโครงงาน การทําโครงงานมีข้ันตอนกระบวนการ ดงั นี้ 2.1) ช่ือโครงงาน : เป็นช่ือเรื่องที่ผู้เรียนจะทําการศึกษาค้นคว้า เพ่ือหาคําตอบหรือหา 2.2) ชือ่ ผ้ทู ําโครงงาน : เป็นการระบุช่ือของผู้ทําโครงงาน ถ้าเป็นโครงงานกลุ่มให้ระบุชื่อผู้ทํา 2.3) ชอ่ื ท่ีปรึกษาโครงงาน : เป็นการระบุชื่อผู้ท่ีให้คําปรึกษา ให้คําแนะนําในการทําโครงงาน 2.4) หลกั การและเหตุผลของโครงงาน : เป็นการอธิบายว่า เหตุใดจึงเลือกทําโครงงานเรื่องน้ี 2.5) จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ : ควรมีความเฉพาะเจาะจงและสามารถวัดได้ เป็นการ 2.6) สมมติฐานในการทําโครงงาน (ถ้ามี) : สมมติฐานเป็นคําตอบหรือคําอธิบายท่ีคาดไว้ 22 2.7) วิธีดําเนินงานและข้ันตอนการดําเนินงาน : เป็นการเขียนให้เห็นข้ันตอนของการ 2.8) แผนปฏิบัติงาน : เป็นการนําขั้นตอนการทําโครงงานมาเขียนในรูปของปฏิทินตาราง 2.9) ผลท่คี าดว่าจะได้รับ : เป็นการเขียนใหเ้ ห็นถงึ ประโยชน์ และผลทคี่ าดว่าจะได้รับจากการ 2.10) เอกสารอ้างอิง :
รายช่ือเอกสารท่ีนํามาอ้างอิงเพื่อประกอบการทําโครงงาน ตลอดจน ท่ีมา http://maetang-tr02006.blogspot.com/2015/05/41.html 23 4)การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งท่ีจะให้ผู้อ่ืนได้เข้าใจถึงแนวคิด 4.1) ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย วธิ กี ารศกึ ษา
ระยะเวลา และสรปุ ผล ความช่วยเหลือหรือมีส่วนเกีย่ วข้อง การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน ตามหัวข้อเร่ือง ตรงตามวตั ถปุ ระสงโครงงานและพสิ ูจน์คาํ ตอบ
(สมมติฐาน) ยอ่ ยท่ีตอ้ งการทราบวา่ เปน็ ไปสมมติฐานหรอื ไม่ ปัญหา อุปสรรค (ถา้ มี) พรอ้ มทั้งบอกขอ้ เสนอแนะในการศึกษาคน้ ควา้ โครงงานลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั หนังสือ ตํารา บทความ หรือคอลัมน์
ซึ่งจะมีวิธีการเขียนบรรณานุกรมต่างกัน เช่น หนังสือ ชื่อ นามสกุล (2) ภาคผนวก เช่น โครงรา่ งโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสมั ภาษณ์ 24 ที่มา http://maetang-tr02006.blogspot.com/2015/05/41.html 25 กจิ กรรมทา้ ยบท บทที่ 3 คาํ ช้ีแจง : ให้ผูเ้ รยี นตอบคาํ ถามให้สมบรณู ์ ขอ้ ที่ 2. การวางแผนทาํ โครงงานและข้ันตอนกระบวนการทําโครงงาน มวี ธิ ีการอยา่
งไร 26 ข้อท่ี 3. ให้ผูเ้ รียนเรียงลําดับการจดั ทําโครงงานใหถ้ ูกต้อง ลําดบั ขนั้ ตอนท่ี ขน้ั ตอนการดําเนนิ งาน ข้อที่ 4. ให้ผู้เรียนเขยี นองคป์ ระกอบของการเขียนรายงานโครงงาน ท้งั 3 สว่ น
มาพอสังเขป บทท่ี 4 28 แผนการเรยี นรู้ประจําบท บทท่ี 4 ทักษะทจี่ าํ เป็นในการทําโครงงานเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ สาระสําคญั ผู้เรียนจาํ เป็นต้องมีทักษะเฉพาะทางในบางประการ การเรียนรทู้ กั ษะเหลา่ นน้ั จึงเปน็ สง่ิ จาํ เปน็ สาํ หรบั ผูเ้ รียน ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง ขอบขา่ ยเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามท่ไี ดร้ บั มอบหมายในหนงั สอื เรียน ส่ือประกอบการเรยี นรู้ 2. ใบงานท่ี 4 ประเมนิ ผล 29 ตอนที่ 4.1 ทกั ษะด้านการจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ “ ขอ้ มลู (Data)”หมายถงึ กลุ่มตวั อกั ขระทเ่ี มื่อนํามารวมกันแลว้ มีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง และ “ข้อมูล (Data)” หมายถึง ข่าวสาร เอกสาร ข้อเท็จจริงเก่ียวกับบุคคล สิ่งของหรือเหตุการณ์ใน “ข้อมูล”หมายถึง ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นกลุ่มสัญลักษณ์แทนปริมาณ หรือการ “สารสนเทศ (Information)” หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปล่ียนแปลงหรือมีการประมวลผล “สารสนเทศ”หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการเปล่ียนแปลง หรือจัดกระทําเพื่อผลของการเพ่ิมความรู้
ความ “แหล่งข้อมูล”หมายถึง สถานท่ีหรือแหล่งที่เกิดข้อมูลแหล่งข้อมูล จะแตกต่างกันไปตามข้อมูล การเลอื กใช้ขอ้ มูล (www.202. 143. 159. 117) 30 ก. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล ให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยในการ 2) การตรวจสอบข้อมูล
เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจําเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูล ข. การประมวลผลขอ้ มลู แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ คํานวณได้แก่ เครื่องคดิ เลข ลูกคิด ใช้ผลในการคํานวณทนั ทีทันใด เพราะต้องอาศัยเคร่ืองจักรและแรงงานคน แรงงานคนได้ และงานมีการคํานวณที่ยุ่งยากซับซ้อน การคํานวณด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จะให้ผลลัพธ์ท่ี ลาํ ดบั ขน้ั ตอนในการประมวลผลข้อมลู มีดงั นี้ ใช้งาน
การแบ่งแยกกลุ่มมีวิธีการที่ชัดเจน เช่น ข้อมูลในโรงเรียนมีการแบ่งเป็นแฟ้มประวัตินักเรียน และแฟ้ม 2) การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดแบ่งกลุ่มเป็นแฟ้มแล้ว ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลําดับ 3) การสรุปผล บางครั้งข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจํานวนมาก จําเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้าง 4) การคาํ นวณ ขอ้ มลู ที่เกบ็ มเี ปน็ จาํ นวนมาก ข้อมลู บางส่วนเป็นขอ้ มูลตวั เลขท่ีสามารถนําไป ค.
การจัดเก็บและดูแลรักษาขอ้ มูล ประกอบดว้ ย บนั ทึกขอ้ มูล นอกจากนีย้ งั รวมถึงการดแู ล และการทําสาํ เนาข้อมูลเพ่ือใหใ้ ช้งานตอ่ ไปในอนาคตได้ 31 32 ตอนท่ี 4.2 ทกั ษะการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ผูเ้
รียนทุกคนต้องมีประสบการณ์ในการคิดเรื่องใดๆ มาบ้างแล้ว แต่มีข้อสังเกตว่าบางคนอาจจะไม่เคย 1. มิติเน้ือหาท่ีใช้ในการคิด ซึ่งประกอบด้วยสาระเก่ียวกับข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ข้อมูลเก่ียวกับสังคม 2. มิติด้านคุณสมบัติท่ีเอ้ืออํานวยต่อการคิด ซ่ึงประกอบด้วยสาระเกี่ยวกับคุณลักษณะของความเป็น 3. มิติด้านทักษะการคิด ซ่ึงประกอบด้วยสาระเก่ียวกับทักษะสื่อความหมาย (การฟัง การอ่าน การ 4. มิตดิ า้ นลักษณะการคิด ซ่ึงประกอบดว้ ยสาระเกย่ี วกบั คิดคล่อง คิดหลากหลาย คิดละเอียด คิดอย่าง 5. มิตดิ ้านกระบวนการคิด
ซงึ่ ประกอบดว้ ยสาระเกี่ยวกับ การคดิ “10 ชนดิ ” ไดแ้ ก่ 6. มิติดา้ นการควบคุมและประเมนิ ความคดิ ของตน ซ่ึงประกอบด้วยสาระเก่ียวกับประสิทธิผลของการ 33 1.1 ทักษะการส่ือความหมาย ได้แก่ การฟัง (listening) การอ่าน (reading) การรับรู้ 1.2 ทกั ษะการคิดทเ่ี ปน็ แกนหรอื ทักษะการคดิ ท่วั ไป หมายถึง ทักษะการคิดที่จําเป็นต้องใช้อยู่ 2. ทักษะการคิดข้ันสูง หรือทักษะการคิดท่ีซับซ้อน (higher order or more complexed thinking 34 35 ตอนที่ 4.3 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การทําโครงงานผู้เรียนจาํ เปน็ ต้องมีทกั ษะ ซ่งึ อาจแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ั้นพื้นฐาน มี 8 ทกั ษะ ไดแ้ ก่ - ข้อมูลเชิงคุณภาพ เป็นข้อมูลจากการสังเกตคุณลักษณะของสิ่งต่างๆ เช่น สี รูปร่าง รส กล่ิน - ข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นข้อมูลท่ีได้จากการสังเกต ขนาด ความยาว ความสูง น้ําหนัก ปริมาตร 2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล เปน็
การอธิบายเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั ผล หรอื ข้อมูลท่ไี ด้จากการสังเกตอย่าง ส่ิงที่สังเกตได้ ประเภทของข้อมลู การลงความเห็น คาํ อธิบาย ความเหน็ จากข้อมลู 3. การจําแนกประเภท เป็นการแบ่งพวก จัดจําแนกเรียงลําดับวัตถุ หรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ต้อง 36 4. การวัด เป็นความสามารถในการเลอื กใชเ้ ครื่องมอื ได้อยา่ งถูกต้องในการวดั สิ่งต่างๆ ท่ีต้องการศึกษา 5. การใชต้ ัวเลข การใชต้ ัวเลขหรอื การคํานวณ เป็นการนับจํานวนของวัตถุ และนําค่าตัวเลขท่ีได้จาก 6. การพยากรณ์ เป็นความสามารถในการทํานาย คาดคะเนคําตอบโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต 7. การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปสกบั สเปส และสเปสกับเวลา ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ัน้ สงู มี 5 ทักษะ ไดแ้ ก่ เกย่ี วข้องกบั การทดลองทางวิทยาศาสตร์มีอยู่ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ เราต้องการศกึ ษา หรือทดลองดูว่าเปน็ สาเหตทุ ที่ ําให้เกิดผลตามทเ่ี ราสังเกตใช่หรือไม่ เหตุเปลี่ยนแปลงอาจมีผลทําให้ตัวแปรตามเปลี่ยนแปลงไปได้ ตัวแปรตามจําเป็นต้องควบคุมให้เหมือนๆ กัน 37 3)ตัวแปรแทรกซ้อน (Extraneous Variables) เป็นตัวแปรอ่ืนๆ ที่อาจมีผลต่อตัวแปรตาม 2. การตั้งสมมติฐาน เปน็ การคาดคะเนคาํ ตอบของปัญหาอยา่ งมเี หตผุ ล หรือการบ่งบอกความสัมพันธ์ สมมตฐิ านมีลกั ษณะดังน้ี ตัวอย่างนยิ ามเชงิ ปฏิบัตกิ าร นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ คาํ อธิบาย การเจรญิ เตบิ โตของพืช หมายถึง การที่พชื สงู ข้นึ - การเจรญิ เติบโตของพชื คือ ตวั แปรท่เี ราตอ้ ง ลาํ ตน้ ใหญข่ ึ้นและมีจาํ นวนใบมากข้นึ การศกึ ษา - ความสูง ความใหญ่ จาํ นวนใบเป็นส่ิงท่ี เราสามารถวดั ได้ การแปรงฟันหลังอาหารกลางวนั - การแปรงฟนั หลงั อาหารกลางวัน คอื ตัวแปร ท่ี หมายถึง การท่ีผู้เรียนแปรงฟันด้วยวิธีท่ีถูกต้องเป็น เราตอ้ งการศกึ ษา เวลา อยา่ งนอ้ ย 3 นาที หลังจากรับประทานอาหาร - วิธีทีถ่ กู ต้อง เวลา 3 นาที หลงั รบั ประทานอาหาร กลางวัน ทส่ี ถานศกึ ษา กลางวันท่สี ถานศึกษา เปน็ สง่ิ ท่เี ราสามารถสงั เกต ตรวจสอบ วัดได้ 38 1) การออกแบบการทดลอง คือ การวางแผนการทดลองก่อนลงมือปฏิบัติจริง โดยกําหนดว่า 2) การปฏบิ ตั กิ ารทดลอง คือ การลงมือปฏบิ ตั ติ ามทอ่ี อกแบบไว้ 39 ตอนที่ 4.4 ทักษะการนาํ เสนอ (www. panyathai.or.th) “การนําเสนอ”
หมายถึง การส่ือสารเพ่ือเสนอข้อมูลความรู้ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้รับ จดุ มุ่งหมายในการนําเสนอ 1. 1 การนําเสนอในรปู ของบทความ 40 41 ตอนที่ 4.5 ทกั ษะการพัฒนาตอ่ ยอดความรู้ (gotoknow. Org. และ th.wikipedia.org/wiki) การต่อยอดความรู้ มีคนจัดประเภทความรู้ไว้สองลักษณะได้แก่ ความรู้ฝังลึก (tacit knowledge) ระดับของความรู้ 42 อย่างไรก็ตามความสําเร็จของยามาฮ่าในอุตสาหกรรมเครื่องดนตรี ชวนให้ต้องคิดในอีกมุมหนึ่งก่อน ด้วยวิธีคิดนอกกรอบยามาฮา่ มองเห็นความเป็นไปได้
ท่ีจะทําให้เปียโนเป็นเคร่ืองดนตรีสําหรับคนส่วน |