การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ Show
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ต้องประกอบด้วยลักษณะ 2 ประการ คือ ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใหม่ พ.ร.บ.สิทธิบัตร ไม่ได้ให้คำนิยามไว้โดยตรงว่ากาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่คืออะไร หรือมีลักษณะอย่างไร เพียงแต่ระบุถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถือว่าเป็นการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ใหม่ไว้ 4 ประเภทดังนี้
มีการใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลายอยู่แล้วในประเทศก่อนวันขอรับสิทธิบัตร ตัวอย่างเช่น ผู้ออกแบบได้นำผลิตภัณฑ์นั้นไปผลิตผลิตภัณฑ์และวางขายจำหน่าย ก่อนที่จะยื่นขอรับสิทธิบัตร ก็ถือว่าไม่ใช่การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะขอรับสิทธิบัตรได้
สิ่งพิมพ์ที่ได้เผยแพร่อยู่แล้วไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร ถือว่าไม่เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ไม่รวมถึงการเปิดเผยต่อสาธารณชนโดยวิธี ในลักษณะอื่น เช่น การนำแบบผลิตภัณฑ์ออกแสดงในนิทรรศการ หรือการประชุมการวิชาการ เป็นต้น
คือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย และได้มีการพิมพ์ประกาศโฆษณาแล้วกฎหมายถือว่าไม่ใช่การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่
เป็นการเลียนแบบ คือแบบผลิตภัณฑ์ที่แม้จะไม่เหมือนกับแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว ทุกกประการ แต่มีสาระสำคัญเหมือนหรือคล้ายกันมากให้ถือว่าไม่ใช่การออกแบบ ผลิตภัณฑ์ใหม่หลักเกณฑ์นี้คล้ายกับหลักเกณฑ์ในเรื่องขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้นซึ่งเป็น ลักษณะหนึ่งของการประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้ พ.ร.บ.สิทธิบัตร บัญญัติว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้
ตัวอย่างเช่นแบบผลิตภัณฑ์ที่มีรูปร่างลักษณะลามกอนาจาร หรือเป็นการแสดงความ ไม่เคารพ หรือล้อเลียนวัตถุที่ประชาชนทั่วไปนับถือ เช่น ใช้พระพุทธเป็นฐาน ของที่เขี่ยบุหรี่ เป็นต้น
บัญญัติให้อำนาจแก่รัฐที่จะกำหนดได้ตามความเห็นสมควรและเหมาะสม ยังไม่เคยมีการออกพระราชกฤษฏีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ประการใดการจดสิทธิบัตร (patent) เป็นมากกว่าการยื่นเอกสารเพื่อขอความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทางกฏหมายแก่งานประดิษฐ์หรืองานออกแบบอุตสาหกรรม แต่ การจดสิทธิบัตร เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความได้เปรียบทางกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง โดยมี “สิทธิบัตร” เป็นเหมือนเครื่องมือในการสร้างพื้นที่ทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ เราอาจจะเคยเห็นว่า ทำไม gillette ถึงสามารถใช้ใบมีดโกนแบบ 3 ใบได้บริษัทเดียว แถมขายกับด้ามมีดของบริษัทตัวเองเท่านั้น ทำไมคนอื่นถึงไม่ทำด้ามมีดมาใช้กับใบมีดของ gillette หละ? หรือทำไมยาบางตัวถึงมีราคาแพง และอยู่ๆมันก็มีราคาถูกลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิบัตร” อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น และเป็นเครื่องมือที่ทำให้ธุรกิจสามารถหากำไรจากสินค้าหรือบริการที่เฉพาะของตน ได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อคุณรู้เช่นนั้น อยากจะทำอย่างนั้นและตื่นเต้นที่จะทำได้แบบนั้น คุณก็พร้อมแล้วหละ ที่จะเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิบัตร และก้าวเข้าสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตร ที่สามารถบริการจัดการ เขียนสิทธิบัตร ได้อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของคุณ และที่สำคัญคือ มันจะช่วยลดต้นทุนด้านสิทธิบัตรของคุณ จากการจ้างทีมที่ปรึกษาที่เก่งๆ อีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ซีรีย์ชุดนี้ จะพาคุณเรียนรู้วิธีการจดสิทธิบัตรด้วยต้นเอง ตั้งแต่แนวคิด จนถึงการลงมือปฏิบัติ ที่คุณก็หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคุณชอบบทความของเรา อย่าลืมแชร์หรือส่งต่อให้กับเพื่อนๆ ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนนั่นเอง มาวิเคราะห์สุขภาพด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Health) ของคุณฟรี ง่ายๆ โดยใช้เครื่องมือ IP HEALTH CHECK ของ ATPSERVE จะช่วยให้คุณทราบจุดแข็ง จุดอ่อนของทรัพย์สินทางปัญญาในองค์กรของคุณ (หรือส่วนตัวก็ได้) เพื่อนำมาปรับปรุงและวางแผน กลยุทธิ์การจดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพต่อไป ดาวน์โหลด IP HEALTH CHECK TOOL สารบัญ
การจดสิทธิบัตร (patent) ประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร และสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยในความจริงนั้น สิทธิบัตรไม่ได้คุ้มครองงานที่เกิดจากความคิดทุกประเภท แต่การจดสิทธิบัตรนั้น มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์และการออกแบบทางอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ สูตร กรรมวิธีการผลิต ระบบ โครงสร้างทางเคมี การตัดต่อพันธุกรรม หรืองานออกแบบอุตสาหกรรม เป็นต้น สิทธิบัตร จัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง โดยสิทธิบัตร คือ หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองงานประดิษฐ์ กรรมวิธี กระบวนการผลิต สิ่งประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมอบสิทธิให้ภายในระยะเวลาที่จำกัดโดยแลกกับการเปิดเผยรายละเอียดการประดิษฐ์ต่อสาธารณะ สิทธิบัตร แบ่งกลุ่มความคุ้มครอง ออกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ การคุ้มครองการประดิษฐ์ และการคุ้มครองการออกแบบ ดังแสดงตามตัวอย่างต่อไปนี้ คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ สูตร กรรมวิธี และงานระบบโปรแกรม 1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 2. อนุสิทธิบัตร คุ้มครองงานออกแบบ ลวดลาย รูปทรง 1. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 1.ประเภทของสิทธิบัตร1.1 สิทธิบัตรการประดิษฐ์สิทธิบัตรการประดิษฐ์นั้นคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นองค์ประกอบทางวิศวะกรรม สูตร กรรมวิธีการผลิต หรือระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติมักหมายถึงงานประดิษฐ์ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีการพัฒนาที่แตกต่างจากเดิมอย่างเด่นชัด (Breakthrough technology) โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ในประเทศไทย มีระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด 20 ปี
รู้หรือไม่? หลักพิจารณาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ในการพิจารณาความเป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ (invention patent) มีจะมีหลักที่เข้มงวดมากที่สุด โดยจะตรวจสอบ องค์ประกอบ 3 ส่วน ดังนี้
ตัวอย่างสิทธิบัตรการประดิษฐ์
1.2 อนุสิทธิบัตรอนุสิทธิบัตร คุ้มครองงานประดิษฐ์ที่เป็นองค์ประกอบทางวิศวะกรรม สูตรหรือกรรมวิธีการผลิต ซึ่งโดยทั่วไป มักหมายถึงงานประดิษฐ์ที่เป็นการต่อยอดเพียงเล็กน้อย (Incrimental Technology) ซึ่งอนุสิทธิบัตร มีอายุความคุ้มครองสูงสุด 10 ปี
รู้หรือไม่ หลักการพิจารณาอนุสิทธิบัตร ถ้ามองตามประสบการณ์ของผม อนุสิทธิบัตร (petty patent) จะได้รับการรับจดที่ง่ายกว่า เนื่องจากมีหลักการวิเคราะห์แค่ 2 ข้อ และขอบเขตน้อยกว่าสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ดังนี้
โดยเราจะพบว่าอนุสิทธิบัตร จะไม่พิจารณาขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น หมายถึง งานประดิษฐ์ที่เป็นการต่อยอดเพียงเล็กน้อย เช่น การนำสิ่งประดิษฐ์ A มารวมกับสิ่งประดิษฐ์ B ก่อให้เกิดฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ก็สามารถจดเป็นอนุสิตธิบัตรได้ ตัวอย่างอนุสิทธิบัตร
1.3 สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ (design patent) จะแตกต่างจากสิทธิบัตร สองประเภทแรก ตรงที่สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์จะคุ้มครองงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง รูปทรง ลวดลายหรือสีสันของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ลวดลายของผ้า ลวดลายของกระเบื้อง โฉมรถยนต์ ดีไซน์แจกัน เป็นต้น โดยสิทธิบัตรออกแบบ มีระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด 10 ปี
รู้หรือไม่ หลักการพิจารณาสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์
สรุปความแตกต่างของสิทธิบัตรแต่ละประเภทจากที่อ่านมาทั้งหมด ผมขอสรุปรวมความแตกต่างของสิทธิบัตรแต่ละประเภท ตามความเข้าใจและประสบการณ์ของเรานะครับ ซึ่งเมื่อเราตรวจดูข้อดี-ข้อเสียของสิทธิบัตรแต่ละประเภทได้อย่างดีแล้ว จะช่วยให้เราสามารถเลือกความคุ้มครองได้อย่างถูกต้อง และไม่เสียเวลากับเสียเงินในการจดสิทธิบัตร ที่ได้ความคุ้มครองไม่ตรงกับความต้องการ สิทธิบัตรการประดิษฐ์อนุสิทธิบัตรสิทธิบัตรออกแบบความคุ้มครองงานประดิษฐ์งานประดิษฐ์งานออกแบบความใหม่สืบค้นทั่วโลกสืบค้นแค่ในประเทศสืบค้นทั่วโลกขั้นการประดิษฐ์ดูขั้นการประดิษฐ์ไม่พิจารณาไม่พิจารณาการประยุกต์ในเชิงอุตสาหกรรมมีการตรวจสอบมีการพิจารณาตรวจสอบระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด20 ปี10 ปี10 ปีข้อดี1.ความคุ้มครองยาวนาน 2.ทุกประเทศมีระบบสิทธิบัตร จึงได้รับการยอมรับมากกว่า 1.มีระยะเวลาพิจารณารวดเร็ว ประมาณ 4-11 เดือน2.ไม่พิจารณาขั้นการประดิษฐ์ งานต่อยอดก็จดได้ 1. การเตรียมคำขอไม่ซับซ้อนข้อเสีย1.ระยะเวลาค่อนข้างนาน ประมาณ 1-3 ปี1.ความคุ้มครอง สั้นกว่าสิทธิบัตรการประดิษฐ์2.บางประเทศไม่มีระบบอนุสิทธิบัตร 1. ไม่คุ้มครองฟังก์ชั่น จึงแก้ไขดีไซน์บางส่วนก็กลายเป็นงานใหม่ได้2.ระยะเวลาพิจารณาค่อนข้างนาน กลับขึ้นต้านบน 2. ทำไมต้องจดสิทธิบัตรสิ่งสำคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองด้วยสิทธิบัตร คือการเปลี่ยนทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน (Intangible asset) เช่น ความคิด ให้กลายเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จับต้องได้ (executive right) ของผู้ยื่นจดทะเบียน ในระยะเวลาหนึ่ง ผู้ประกอบการหรือ SME สามารถอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ เหนืองานประดิษฐ์ งานออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน และนั่นทำให้เราสามารถหาประโยชน์จากมันได้ แม้จะเป็นการคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าผู้ประกอบการ หรือเจ้าของที่ไม่มีการปกป้องคุ้มครองโดยทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้อง นั่นหมายถึงงานของเรา ไอเดียของเรา จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นเสรี และผู้อื่นสามารถทำซ้ำ ได้อย่างถูกกฏหมาย ตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นข้อดีบางส่วน ของการจดสิทธิบัตร ได้แก่
3. จดสิทธิบัตรด้วยตัวเองยากหรือง่ายคำตอบคือ “ไม่ยาก” ครับ ถ้าเราเข้าใจโครงสร้างของคำขอรับสิทธิบัตรว่าประกอบด้วยหัวข้ออะไรบ้าง และรูปเขียนต้องทำอย่างไร และฝึกร่างบ่อยๆ ซึ่งผมจะมีอธิบายไว้ในบทความถัดไป ที่สำคัญเลยก็คือ ไม่มีใครเข้าใจงานประดิษฐ์ของเรา ดีเท่าตัวเราเอง แต่สิ่งที่ “ยาก” ก็คือ การจดอย่างมีกลยุทธ์ โดยการจดสิทธิบัตรแบบมีกลยุทธ์ ผมได้ทำการสรุปสาระสำคัญที่ต้องคำนึงไว้เสมอ ขณะร่างคำขอ ดังนี้
4. หัวใจสำคัญของการจดสิทธิบัตรแน่นอนว่า ถ้าถามว่าการจดสิทธิบัตตร อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ “ความคุ้มครอง” ความคุ้มครองสิทธิ์ในงานประดิษฐ์ สูตร กรรมวิธี หรืองานออกแบบ เป็นหัวใจสำคัญของการจดสิทธิบัตร ซึ่งถ้าเราเสียเงินไปอย่างแพง แต่งานเราไม่คุ้มครอง ก็เสียเงินเปล่า ความคุ้มครอง ของสิทธิบัตรดูได้จาก “ข้อถือสิทธิ์” ซึ่งสิทธิบัตรการประดิษฐ์ สามารถมีได้ไม่จำกัดจำนวน, อนุสิทธิบัตร มีข้อถือสิทธิ์ได้ สูงสุด 10 ข้อ และ สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ มีข้อถือสิทธิ์ได้ 1 ข้อ และในจำนวนข้อเหล่านั้น ก็จะแบ่งแยกย่อยเป็นข้อถือสิทธิ์หลัก และข้อถือสิทธิรองอีกต่างหาก สำหรับการร่างขอบเขตข้อถือสิทธิ์นั้น ต้องถือว่าเป็นการใช้ชั้นเชิงทางภาษาพอสมควร และมีการเรียนการสอนกันแบบจริงจัง เฉพาะเรื่องการเขียนข้อถือสิทธิ์โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ขอบเขตการคุ้มครองที่ครอบคลุม มีความใหม่ และรองรับต่อการแก้ไขโดยผู้ตรวจสอบในอนาคต สำหรับผู้ที่สนใจ ผมมีเขียนเรื่องข้อถือสิทธิ์ไว้ในบทความถัดๆไป ในซีรีย์ชุดการร่างสิทธิบัตรด้วยตัวเองไว้ด้วยครับ 5. หลักในการพิจารณาความใหม่การพิจารณาว่าจะสามารถจดสิ่งประดิษฐ์ได้หรือไม่ ต้องดูว่ามีความใหม่เพียงพอหรือไม่ ต่อการเป็นสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมีหลักการดังนี้
ทั้งนี้ ก็อย่าพึ่งตกใจกันไป ถ้าเราได้มีการเปิดเผยงานไปแล้วก่อนวันยื่นจดทะเบียน โดยในความเป็นจริงนั้น การเปิดเผยที่จะทำให้สูญเสียความใหม่ ต้องเป็นการเปิดเผยสาระสำคัญของงาน เช่น ถ้าเป็นเครื่องจักร ก็ต้องเปิดเผยองค์ประกอบข้างใน กลไกการทำงาน เป็นต้น ดังนั้น ถ้าแค่เราถ่ายภาพเครื่องจักรลงเฟสบุค อาจจะไม่ถือว่าได้เปิดเผยสาระสำคัญก็ได้ ถ้าจริงๆแล้ว เราขอรับความคุ้มครององค์ประกอบเฉพาะ ภายในเครื่องจักรนั้น 6. สิ่งที่ไม่สามารถขอรับ สิทธิบัตร ได้สำหรับประเทศไทย มีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม นอกจากหลักการเบื้องต้นในการเป็นสิทธิบัตรแล้ว นั่นก็คือข้อห้ามในการจดสิทธิบัตร สิ่งต้องห้ามเหล่านี้ มีขึ้นก็เพิ่อเป็นการรักษามาตรฐานทางจริยธรรม หรือสิ่งที่ไม่ควรมีใครได้รับความคุ้มครองแต่เพียงผู้เดียวเอาไว้ โดยข้อห้ามเหล่านั้น ได้แก่ สิ่งมีชีวิตส่วนประกอบหรือสารสกัดจากส่วนหนึ่งส่วนใดของ พืช สัตว์ หรือจุลชีพ จัดเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ การที่เราสกัดออกมานั้น ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งนั้น กรรมวิธีการสกัดหรือวิธีการอื่นๆ ที่ทำให้ได้มาซึ่งส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถขอรับความคุ้มครองได้ เช่น เราเป็นเจ้าของน้ำมันดอกทานตะวันไม่ได้ แต่เราเป็นเจ้าของ วิธีการสกัดน้ำมันดอกทานตะวันได้ รู้หรือไม่? กฏและทฤษฏีทฤษฎีและกฏเกณฑ์ที่พื้นฐานทางธรรมชาติ เช่น E=mc2, F=ma สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ มนุษย์เป็นเพียงผู้ค้นพบเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถถือสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้ได้
รู้หรือไม่? โปรแกรมคอมพิวเตอร์โปรแกรมคอมพิวเตอร์จัดเป็นงานวรรณกรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นงานลิขสิทธิ์ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองอัตโนมัตินับจากวันที่เราได้สร้างสรรค์ โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
รู้หรือไม่? วิธีการรักษาโรค คนหรือสัตว์การตรวจหรือรักษาโรคของคนและสัตว์ ไม่สามารถขอรับความคุ้มครองได้ เนื่องจากจะเป็นการจำกัดสิทธิการเข้าถึงการรักษาของมนุษย์ เช่น หากเรามีวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่ดีมาก คงไม่เป็นการดีต่อสังคม ถ้าวิธีการรักษานั้นไม่สามารถใช้ในการรักษาได้อย่างอิสระ
รู้หรือไม่? ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมการประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมของประชาชน เช่น งานที่มีลักษณะโป๊ เปลือย หรือสะท้อนความรุนแรง เช่น อาวุธสงคราม ระเบิดหรือเครื่องมือฆ่าคน เป็นต้น 7. ขั้นตอนการจดสิทธิบัตรโดยปกติแล้ว ขั้นตอนการจดอนุสิทธิบัตร จะไม่มีความซับซ้อนมาก แค่ยื่นจดทะเบียนและรอเจ้าหน้าที่ตรวจและรับจดเท่านั้น จึงจะยังไม่ขอกล่าวในบทความนี้ ในบทความนี้ จะพูดถึงขั้นตอนการจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าอนุสิทธิบัตร โดยสามารถแบ่งเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ ดังนี้
8. สิทธิบัตร จ้างทำได้หรือไม่?“ได้ครับ” เพราะ ATPSERVE ก็เป็นบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งรับจ้างจดสิทธิบัตรเช่นกัน แต่คำถามที่สำคัญคือ จ้างแล้วได้อะไร จ้างแล้วคุ้มค่าหรือเปล่า หรือกรณีไหนที่ควรจ้าง การจ้างจดสิทธิบัตร ข้อดีก็คือ เราไม่ต้องทำเอง ไม่ต้องวุ่นวาย โดยมีผู้เชี่ยวชาญในการร่างคำขอและจัดการขอบเขตสิทธิให้กับเรา และไม่ต้องกลัวลืมเรื่องเอกสารที่เยอะแยะมากมาย เช่น คำสั่งแก้ไข คำสั่งต่ออายุ เป็นต้น ส่วนข้อด้อยก็คือ การจ้างมาพร้อมราคาค่าบริการที่ต้องจ่ายเพิ่ม และในบางงานที่มีความซับซ้อน ตัวแทนสิทธิบัตรเองก็อาจจะไม่เข้าใจดีเท่ากับเจ้าของงาน ทำให้ร่างออกมาแล้ว อาจจะพลาดประเด็นสำคัญไปได้ เมื่อไหร่ ถึงควรจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการจดสิทธิบัตร?
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็น ณ ขณะนั้นๆด้วยนะครับ ถ้าเรามีคนในองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างก็ได้ หรือถ้าเรามีเวลาในการเรียนรู้และไม่เร่งรีบ การค่อยๆเรียนรู้ไป จะช่วยให้เรายื่นจดได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเสียเงินอีกมากในอนาคต 9. ถ้าอยากจ้างทำอย่างไร?บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย มีมากมาย และหลายราคา ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการและความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาครับ ผมอาจไม่สามารถบอกได้ว่า ที่ไหนดีที่สุด เพราะทุกที่ต่างมีประสบการณ์และมาตรฐานการให้บริการที่เฉพาะตัว เอาเป็นว่าสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาว่าเราอยากจะจ้างให้ใครเป็นที่ปรึกษา ให้ลองวิเคราะห์ดังนี้
ปรึกษาฟรี ที่ปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาครบวงจรติดต่อเราติดต่อเราสรุปสิทธิบัตร คือเอกสารสิทธิ์ที่รัฐออกให้เพื่อเป็นหลักฐานในความเป็นเจ้าของให้กับผู้ประดิษฐ์ ในสิทธิความเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ในระยะเวลาที่จำกัด โดยแลกกับการเปิดเผยสาระสำคัญของงานประดิษฐ์ โดยสิทธิบัตรแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ องค์ประกอบทางวิศวะกรรม กระบวนการผลิต สูตร และงานออกแบบเชิงอุตสาหกรรม สิทธิบัตร นอกเหนือจากการให้ความคุ้มครองงานประดิษฐ์และงานออกแบบเชิงอุตสาหกรรมแล้ว สิทธิบัตรยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง การเป็นเครื่องมือในการซื้อขาย แลกเปลี่ยนงานประดิษฐ์ ตลอดจนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้ การจดสิทธิบัตรด้วยตัวเอง มีข้อดีคือไม่ต้องเสียค่าบริการส่วนเพิ่มให้กับที่ปรึกษา และยังสามารถเข้าใจในงานประดิษฐ์ได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นงานของตนเอง แต่ถึงอย่างไร การจ้างที่ปรึกษาเพื่อจดสิทธิบัตร อาจช่วยเราในด้านของกลยุทธ์ด้านความคุ้มครอง ความเร่งรีบหรืองานที่มีความเสี่ยงในการละเมิดสูง อย่างไรก็ดี สิทธิบัตร เป็นเพียงทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสินค้าหนึ่งประเภทอาจประกอบด้วยทรัพย์สินทางปัญญมามากกว่า 1 ชนิด โดยการคุ้มครองที่ดีที่สุด คือการออกแบบความคุ้มครองสินค้าหรือบริการ ด้วยทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกประเภทและครอบคลุม สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอะไรบ้างสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ (design patent) จะแตกต่างจากสิทธิบัตร สองประเภทแรก ตรงที่สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์จะคุ้มครองงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง รูปทรง ลวดลายหรือสีสันของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ลวดลายของผ้า ลวดลายของกระเบื้อง โฉมรถยนต์ ดีไซน์แจกัน เป็นต้น โดยสิทธิบัตรออกแบบ มีระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด 10 ปี
สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์คุ้มครองในเรื่องใดในการผลิต การเก็บรักษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือท าให้เกิด ผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ในขณะที่ “สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์” จะให้ความคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ที่ แตกต่างไปจากเดิม รวมทั้งองค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์
การออกแบบผลิตภัณฑ์คืออะไรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น การออกแบบแก้วน้ำให้มีรูปร่างเหมือนรองเท้า เป็นต้น ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม คือเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ ยังไม่มีใช้แพร่หลายในประเทศหรือยังไม่ได้เปิดเผยสาระสำคัญ ...
สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุกี่ปี๕. อายุสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ๕.๑ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ ๒๐ ปี นับจากวันยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ๑๐ ๕.๒ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ ปี นับจากวันยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ๕.๓ อนุสิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุ 5 ปี นับจากวันยื่นคำขอรับอนุสิทธิบัตรสามารถต่ออายุ ได้ ๒ ครั้ง ครั้งละ ๒ ปี รวมเป็น ๑๐ ปี ය. จุลนิติ ܩ
|