ฝุ่นละออง PM10 ที่มีอนุภาคใหญ่กว่า 10 ไมครอน ฝุ่นละอองชนิดนี้จะติดอยู่ที่บริเวณโพรงจมูก หรือปากเท่านั้น ไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงหลอดลมของเราได้ Show ส่วน “PM2.5” หรือฝุ่นละอองชนิดละเอียดที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน สามารถผ่านเข้าขนจมูก โพรงจมูก ลำคอ หลอดลมใหญ่ จนกระทั่งหลุดเข้าไปในถุงลม และปอดของเราได้ง่าย ซึ่งสามารถสร้างอันตรายต่อสุขภาพเราได้หลายโรคเลยทีเดียว ในปัจจุบันประชาชน 9 ใน 10 คนกำลังเผชิญกับคุณภาพอากาศที่มีมลพิษเกินค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก World Health Organization (WHO) กำหนดไว้ ทั้งนี้ WHO ยังอัพเดทสถานการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้คนประมาณ 7 ล้านคนเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศอีกด้วย มลพิษทางอากาศที่มีอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุด คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในปีพ.ศ. 2561 มีพื้นที่ 28 แห่งจาก 53 แห่ง (ใน 29 จังหวัด) ที่มีความเข้มข้นของ PM2.5 เฉลี่ยรายปีเกินมาตรฐานในบรรยากาศของประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์และพื้นที่เมืองทั้ง 53 แห่ง ยังมีความเข้มข้นของ PM2.5 เฉลี่ยรายปีเกินค่าตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลกซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ประชาชนใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อปกป้องตัวเองจากฝุ่นละอองในเมืองหลวง © Chanklang Kanthong / GreenpeacePM2.5 ที่คุกคามพวกเรามาจากไหน?PM2.5 มาจากทั้งแหล่งกำเนิดปฐมภูมิ เช่น การคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาในที่โล่งและอุตสาหกรรมการผลิต และแหล่งกำเนิดแบบทุติยภูมิ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาเคมีในบรรยากาศโดยมีสารกลุ่มซัลเฟอร์หรือกลุ่มไนโตรเจนและแอมโมเนียเป็นสารตั้งต้น ดังนั้น การปล่อยซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนจากแหล่งกำเนิดต่างๆ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิลและการผลิตทางอุตสาหกรรม เมื่อเกิดการรวมตัวกันในบรรยากาศจะมีผลต่อการก่อตัวของ PM2.5 ขั้นทุติยภูมิอีกด้วย ฝุ่น PM2.5 ทำร้ายตัวเราอย่างไร?ฝุ่น PM2.5 ถูกพิจารณาว่าเป็นมลพิษที่มีผลกระทบกับสุขภาพมากที่สุดในบรรดามลพิษทางอากาศโดยทั่วไป เนื่องด้วยขนาดที่เล็กมาก PM2.5 สามารถเข้าไปสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ และจากนั้นก็ไปทั่วร่างกาย เป็นสาเหตุของผลกระทบด้านสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวมากมาย จากข้อมูล State of Global Air ระบุว่า PM2.5 ก่อให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประเทศไทยประมาณ 37,500 ราย นี่คือวิกฤตด้านสาธารณสุขโดยที่เด็ก คนสูงวัยและกลุ่มประชากรเสี่ยงในสังคมได้รับผลกระทบมากที่สุด ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของ เส้นผมมนุษย์สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอดและกระแสเลือดโดยตรง ส่งผล อันตรายต่อกระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง จากการศึกษาโดย Institute for Health and Evaluation, University of Washington สนับสนุนโดย ธนาคารโลก พบว่า มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยร่วมที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆเนื่องจากมีส่วนประกอบของสาร เคมีหลายชนิดทั้งที่เป็นสารระคายเคืองไปจนถึงสารก่อมะเร็งจึงเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งปอด และโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง สำหรับก๊าซโอโซนเป็นสารระคายเคืองปอด ทำให้ปอดติดเชื้อง่าย จึงเป็นปัจจัยร่วมอันก่อให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การเข้าถึงอากาศสะอาดเป็นสิทธิของทุกคน กรีนพีซเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษยกระดับค่ามาตรฐาน PM2.5 ในบรรยากาศทั่วไปของประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก เพื่อปกป้องสุขภาพและชีวิตของประชาชน PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองอนุภาคเล็กที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอดและกระแสเลือดโดยตรง ส่งผลอันตรายต่อกระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย โดยที่คุณไม่รู้ตัว และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง หรือร้ายแรงที่สุดอาจถึงขั้นเป็นมะเร็ง ซึ่งจะเห็นได้ว่า PM 2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพของร่างกายเราทั้งภายนอก และภายใน ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร ?PM 2.5 เกิดมาจาก โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่า เผาขยะ ควันท่อไอเสียรถ การเผาเชื้อเพลิง การก่อสร้างต่างๆ การคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาในที่โล่ง เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าในกรุงเทพฯ เป็นจุดที่มีการก่อสร้างหรือการจราจรที่เยอะมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่สงผลเสียต่อสุขภาพของคนกรุง กรุงเทพฯ จึงเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบและรุนแรงมากที่สุดจากฝุ่น PM 2.5 นั่นเอง ผลกระทบต่อร่างกายจาก ฝุ่น PM 2.5 มีดังนี้ผลกระทบทางสุขภาพ
ผลกระทบทางผิวหนัง
จะเห็นได้ว่า มลพิษที่เราหายใจเข้าไปจะเป็นปัญหาโดยตรงกับ ปอด หรือ ระบบทางเดินหายใจ แต่ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถซึมผ่านเข้าสู่เส้นเลือด รวมทั้งผ่านเข้าทางเส้นประสาทการรับกลิ่นที่อยู่ในโพรงจมูก และผ่านเข้าไปยังสมองโดยตรง หลังจากที่ฝุ่นจิ๋วเข้าไปยังสมองจะทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในสมอง มีการหลั่งสารอักเสบชนิดต่าง ๆ ทำให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติอีกด้วย วิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5หน้ากากอนามัย รุ่น N95ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดอนุภาคที่เล็กมากๆ จึงทำให้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถที่จะป้องกันฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้อย่างแน่นอน แนะนำว่าควรจะเป็นหน้ากากอนามัยรุ่น N95 จะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดเนื่องจากหน้ากากรุ่นนี้ทำมาเพื่อป้องกันมลพิษโดยเฉพาะ เครื่องฟอกอากาศฝุ่น PM 2.5 ลอยไปทั่วอากาศ การใช้เครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณของฝุ่นจิ๋วนี้ ให้น้อยลงได้ในระดัยนึง ซึ่งมีก็หลากหลายราคาแตกต่างกันไป เราอาจเลือกแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐาน และมีคุณภาพ เพื่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกจริงอยู่ว่ากิจวัตรประจำวันของคนเราต้องมีการออกไปข้างนอกบ้านเพื่อทำงาน หรือเรียน อะไรต่างๆนานา แต่ถ้าวันไหนไม่มีธุระแล้วเลือกที่จะอยู่ในบ้าน นั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณในการสูดดมฝุ่นเข้าไปในร่างกายของเรา ถึงแม้ว่าการป้องกันฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ด้วยหน้ากากอนามัย N95 หรือเครื่องกรองอากาศ จะเป็นวิธีที่ดีแล้ว แต่นั่นก็ไม่สามารถป้องกัน หรือทำให้เราหลีกเลี่ยงเจ้าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ได้ 100% |