โซเชียลมีเดีย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันไปแล้ว การใช้โซเชียลมีเดียผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเสพติดได้ (Social Addiction) ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ และยังเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า เครียด สมาธิสั้น และไบโพลาร์ได้ เสพติดโซเชียลมีเดียมากเกินไป ส่งผลกระทบอะไรบ้าง?
ติดจอ ติดโซเชียล ติดแชท อาจป่วยโดยไม่รู้ตัว! เช็กตัวเอง รู้ก่อน เพื่อเตรียมรับมือ
เป็นโรคที่เกิดจากการใช้งานเฟซบุ๊ก สังคมหรือโลกในเฟซบุ๊ก เป็นพื้นที่ในการสร้างความเป็นจริงเทียม (Artificial Reality) ขึ้นมา จากการโพสต์หรือแชร์เรื่องดีๆ แต่เก็บเรื่องแย่ๆ เรื่องร้ายๆ ที่อยากปกปิดเอาไว้ในชีวิต เราจึงเห็นแต่คนที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบเต็มไปหมด เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง จึงเกิดความรู้สึกไร้ค่า และเป็นต้นเหตุของโรคซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก หรือ Facebook Depression Syndrome คนที่ถูกเพื่อน ๆ ปฏิเสธหรือเป็นที่รังเกียจในโลกเฟซบุ๊กจะเป็นอันตรายมากกว่าถูกปฏิเสธในโลก แห่งความจริง และหลายรายอาจมีปัญหาซึมเศร้าตามมา การใช้เฟซบุ๊กมากเกินไป อาจกลายเป็นการบั่นทอนความสุขของตนเอง ดังนั้นวิธีการลดความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะนี้คือ การงดหรือหลีกเลี่ยงการใช้เฟซบุ๊ก และปรับเวลาในการใช้งานให้น้อยลง
มีสาเหตุมาจากการติดมือถือมากเกินไป ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายเป็นโรคนี้จะไม่ปล่อยโทรศัพท์ไว้ห่างจากตัว จะมีอาการอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น และถูกกระตุ้นการตอบสนองของสมองด้วยการลุกขึ้นมาตอบกลับข้อความทันทีหลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือน หรือเมื่อมีการสั่นเตือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้นอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่น พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ ของร่ายกาย รู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่มีแรงในการทำกิจกรรมต่างๆ เกิดความเครียดสะสม และเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนอีกด้วย
ปัจจุบัน ภาวะวุ้นในตาเสื่อมไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังพบว่าเกิดขึ้นกับวัยทำงาน และคนที่อายุน้อยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้หน้าจอที่มากเกินไป โรควุ้นในตาเสื่อมเป็นภาวะที่มองเห็นจุดเล็กๆ ลอยผ่านไปมา โดยจะมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันไป เช่น จุดดำเล็ก ๆ หรือวงใหญ่ ๆ คล้ายเมฆ ซึ่งผู้ป่วยอาจพบว่าเกิดเป็นจุดขนาดเล็กหลาย ๆ จุดพร้อมกัน หรือมีเพียงจุดขนาดใหญ่เกิดขึ้นเพียง 1 หรือ 2 จุด และจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองไปที่ที่มีพื้นหลังสีสว่าง
โรคกลัวไม่มีมือถือใช้ มาจากคำว่า no mobile phone phobia เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งส่วนใหญ่มักพบผู้ป่วยโรคนี้ในกลุ่มวัยรุ่น สังเกตอาการว่าเราอาจเสี่ยงเป็นโรคนี้ คือ จะมีอาการหงุดหงิด กระวนกระวายใจ เมื่อหามือถือไม่เจอ หรือไม่มีสัญญาณ internet หมกมุ่นอยู่กับการใช้มือถือเป็นประจำ ทั้งก่อนนอนและตื่นนอน ตื่นตัวทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเตือน และต้องมีมือถือติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันอะไรอยู่ก็ตาม ในบางรายจะมีความสนใจและให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์มากกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง เกิดความเครียด และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ
โรคสมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone face) หรือโรคหน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากการที่เราก้มลงมองหน้าจอเป็นเวลานานเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อคอเกิดอาการเกร็งและไปเพิ่มแรงกดบริเวณแก้ม ผิวบริเวรลำคอหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น หรือที่เรียกว่า “เหนียง” นั่นเอง ขณะเล่นมือถือ ควรให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ควรก้มหน้ามากเกินไป และจำกัดเวลาในการเล่นมือถือให้น้อยลง อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้างอีกด้วย ติดโซเชียลมากไป มาทำ Social Media Detox กันเถอะ! ขอบคุณข้อมูลจาก: สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.), สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์, กรมสุขภาพจิต, ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) �ä��Ϳ��� ��.��.������ �ѵ���թѵ� 㹻Ѩ�غѹ�ѡ�о���繡�ùӤ�������������ҹ��Ϳ��� �����ӹѡ�ҹ���·���� �����Ҩ���ʶҹ����Ҫ��������͡�� ��е������ѷ��ҧ��ҹ��ҧ�������������ҧ������� ���ͧ�ҡ������������������Թ�������ջ���ª���ҡ�������ͤ�ҹѺ ���ҧ�á��� ��ù�觷ӧҹ����˹�Ҩͤ��������������ҹҹ � ������ѡ����ҷ���� �ĵԡ����ѧ������Ҩ�������Դ�š�з�����آ�Ҿ��ҧ��¢���� �ä����Դ�ҡ�������������������ҹҹ � ���� ����ʹ��� ���й�����ҹ��Ъ���Ŵ�ҡ�õ�ҧ� ����Դ�ҡ��÷ӧҹ�� �ҡ�ѧ���ҡ������ ��û�֡��ᾷ�� ���͡�ô����ѡ�����ҧ�������. |