ความสามารถทางกลไกมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

          จากหัวข้อข้างต้นที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงความรู้พื้นฐานและข้อมูลเบื่องต้นที่จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างถูกวิธีตามหลักการคิดโปรแกรมการฝึกในรูปแบบต่างๆ และความรู้เกี่ยวกับสมรรถภาพทางกายนั้นสามารถต่อยอดไปได้หลายอย่างขึ้นอยู่การนำไปปรับใช้ แต่จงอย่าลืมว่าเราใช้ร่างกายทุกวันทั้งวันไม่เว้นแม้แต่การนอนดังนั้นผมอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้นำความรู้ไปต่อยอดในสิ่งที่จะทำให้สุขภาพและคุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น

ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬาได้ดี มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ดังนี้

  1. ความคล่อง ( Agility) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและสามารถควบคุมได้
  2. การทรงตัว ( Balance)  หมายถึง ความสามารถในการรักษาดุลของร่างกายเอาไว้ได้ทั้งในขณะอยู่กับที่และเคลื่อนที่
  3. การประสานสัมพันธ์ ( Co-ordination) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น กลมกลืน และ มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการทำงานประสารสอดคล้องระหว่างตา-มือ-เท้า
  4. พลังกล้ามเนื้อ (Power) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งส่วนใดหรือหลายๆ ส่วนของร่างกายในการหดตัวเพื่อทำงานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ได้เป็นผลรวมของความแข็งแรงและความเร็วที่ใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น การยืนอยู่กับที่  กระโดดไกล  การทุ่มน้ำหนัก  เป็นต้น
  5. เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง ( Reaction  time) หมายถึง ระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น แสง  เสียง สัมผัส
  6. ความเร็ว (Speed) หมายถึง  ความสามารถในการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว

ความสามารถทางกลไกมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

  1. ปริมาณในการฝึก ( Volume)
  2. ความหนักในการฝึก ( Intensity)
  3. ความบ่อยครั้ง/ ความถี่ในการฝึก ( Frequency)
  4. ระยะเวลาในการฝึก ( Duration)
  5. ระยะเวลาในการพักฟื้นสภาพร่างกาย ( Recovery)
  6. รูปแบบในการฝึก ( Pattern of  Exercise)

สิ่งที่ควรคำนึงในการฝึกสมรรถภาพ และทักษะกีฬา

  1. ประวัติของผู้เข้ารับการฝึก เพศ วัย ภูมิหลัง โรคภัยไข้เจ็บ
  2. ความพร้อมทางด้านร่างกาย ความแข็งแรง  อายุ  รูปร่าง สัดส่วนของนักกีฬาที่จะเข้ารับการฝึก มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใดกับชนิดและประเภทกีฬาที่จะทำการฝึก
  3. อวัยวะหลักและรองในการออกกำลังกาย
  4. เข้าใจระบบพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย
  5. การจัดรูปแบบและขั้นตอนการฝึก ควรเริ่มจากง่ายไปหายาก จากเบาไปหาหนัก และ จากช้าไปหาเร็ว  ไม่ควรเร่งรัดข้ามขั้นตอนการฝึก
  6. ไม่ควรฝึกทักษะ เมื่อร่างกายนักกีฬามีความเมื่อยล้า  อ่อนเพลีย หรือ หมดแรง สิ่งที่ได้ไม่เป็นผลตีต่อร่างกาย 

ความสามารถทางกลไกมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

1.แหล่งพลังงานจาก ATP-PC (พลัง) เป็นการออกกำลังกายหรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลาสั้น ๆ (ต่ำกว่า 10 วินาที )สารอาหารที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรท
2.แหล่งพลังงานจาก กรดแลคติค (ความเร็ว)  เป็นการออกกำลังกายหรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลาประมาณ 10 วินาที ถึง 2 นาทีสารอาหารที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรทและ ไขมันบ้างเล็กน้อย
3.แหล่งพลังงานจากออกซิเจน (ความอดทน)  เป็นการออกกำลังกาย หรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลานานกว่า 2 นาที ถึงหลายชั่วโมง สารอาหารที่ใช้เป็นพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรทและไขมัน

ระดับของอัตราการเต้นชีพจรที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการฝึก  ประกอบด้วย

  • ระดับที่มีการเผาผลาญไขมันในร่างกายความหนัก 50-60 % Max. HR.
  • ระดับที่ช่วยรักษาสุขภาพปอดและหัวใจให้แข็งแรงความหนัก 60-80 % Max. HR
  • ระดับที่ช่วยพัฒนาระบบการทำงานแบบใช้ออกซิเจนความหนัก 70-80 % Max. HR.
  • ระดับที่ช่วยพัฒนาระบบการทำงานแบบไม่ใช้ออกซิเจน ความหนัก 80-90 % Max. HR.
  • ระดับที่ต้องระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดกับร่างกายความหนัก 90-100 % Max. HR.

ขอขอบคุณเว็บไซต์ : http://goo.gl/cJBuH2

ความสามารถทางกลไกมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
           ในการคัดเลือกนักกีฬาเพื่อทำการแข่งขันระดับนานาประเทศ  หรือ  ระดับโลก  ปัจจัยสำคัญที่จะต้องเน้นก็คือ   สมรรถภาพทางกาย ของนักเรียน มีความสมบูรณ์เพียงพอหรือไม่  คงไม่มีใครคัดเลือกนักกีฬาที่เก่ง แต่สมรรถภาพทางกายไม่ดีเพราะขาดการฝึกซ้อม  แต่ถ้า หากมีนักกีฬาที่ ชนะเลิศและมีสถิติใกล้เคียงกัน  แน่นอนผู้ทำการคัดเลือกก็ต้องเลือกนักกีฬาที่มีสมรรถภาพทางกายดีกว่า  โดยทำการ ทดสอบสมรรถภาพทางกายในแต่ละด้าน  (วันใหม่  ประพันธ์บัณฑิต  2549)

สมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพทางกลไก

๑.สมรรถภาพทางกาย

                สมรรถภาพทางกาย คือ ความสามารถในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่มีสมรรถภาพทางกายที่ดีย่อมสามารถประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างกระฉับกระเฉง ไม่เหนื่อยล้าเกินไป และยังมีพลังเพียงพอในการเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย

                สมรรถภาพทางกาย สามารถจัดแบ่งกลุ่มได้ ๒ กลุ่ม ดังนี้

๑.สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพหรือสุขสมรรถนะ (Health related fitness)

๒.สมรรถภาพทางกลไกหรือทักษะสมรรถนะ(Motor fitness) หรือสมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ

๑.๑ สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพหรือสุขสมรรถนะ

๑) องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพหรือสุขสมรรถนะมีองค์ประกอบที่สำคัญ ๕ องค์ประกอบ ดังนี้

๑. องค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) ตามปกติในร่างกายมนุษย์จะประกอบด้วยกล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน และอื่นๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายจะหมายถึงสัดส่วนของปริมาณไขมันภายในร่างกายกับมวลของร่างกายที่ปราศจากไขมัน โดยการวัดออกมาเป็นดัชนีมวลภายหรือวัดเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ไขมัน(% fat) ด้วยเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ซึ่งมีหลายชนิด

๒. ความอดทนของระบบไหลเวียนเลือดและระบบหายใจ (Cardio respiratory Endurance) หมายถึง สมรรถนะเชิงปฏิบัติการของระบบไหลเวียนเลือด (หัวใจ หลอดเลือด) และระบบหายใจในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายสามารถยืนหยัดที่จะทำงานหรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นระยะเวลานานได้

๓. ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง ความสามารถของการเคลื่อนไหวที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ของข้อต่อหรือกลุ่มข้อต่อ

๔. ความอดทนของกล้ามเนื้อ (Muscular Endurance) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่ง หรือกลุ่มกล้ามเนื้อในการหดตัวซ้ำๆ เพื่อต้านแรงหรือความสามารถในการคงสภาพการหดตัวครั้งเดียวได้เป็นระยะเวลานาน

๕. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ(Muscular Strength) หมายถึง ปริมาณสูงสุดของแรงที่กล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อ สามารถออกแรงต้านทานได้ในช่วงการหดตัว ๑ ครั้ง

๒) การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ

                การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ เป็นการปรับปรุงสภาวะของร่างกายให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่สูง และมีการประสานงานกันของระบบต่างๆภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ เป็นการสร้างเสริมเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี วิธีการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ คือ การออกกำลังกายนั่นเอง การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพที่นิยมใช้ในโรงเรียน เพื่อสร้างเสริมให้มีสุขภาพที่ดี เช่น

๑. การเดิน-วิ่ง ๑,๖๐๐ เมตร

๒. การนั่งงอตัว

๓. การลุก-นั่ง

๔. การดันพื้น

                เมื่อนักเรียนปฏิบัติแล้วรู้ว่า สมรรถภาพทางกายของเราไม่แข็งแรงพอ หรือเราต้องการสร้างเสริมให้มีสุขภาพที่ดี ก็ควรปฏิบัติเฉพาะในการสร้างเสริมทางกายด้านนั้น เช่น เรารู้ว่าเราไม่มีความอดทนเพียงพอในการวัดความแข็งแรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง เราก็ต้องฝึกหรือเพิ่มการปฏิบัติให้มากกว่าปกติ

๓) หลักสำคัญในการฝึกสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ

                หลักสำคัญในการฝึกสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ คือ การเพิ่มงานมากกว่าปกติ หมายถึง การออกแรงทำงานหรือออกกำลังกายให้มากกว่าปกติและมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างกายต้องรับได้โดยการเพิ่มน้ำหนักของงาน เพิ่มระยะเวลา หรือเพิ่มจำนวนชุดในการฝึกปฏิบัติให้มากขึ้น

                การออกกำลังกายที่สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพได้ ต้องปฏิบัติอย่างน้อย ๓-๕ ครั้ง ใน ๑ สัปดาห์ หรือบ่อยครั้งเท่าที่ทำได้ แต่ไม่ควรน้อยกว่า ๓ ครั้ง ใน ๑ สัปดาห์ และในการออกกำลังกายแต่ละครั้งควรให้มีความหนักหรือความเหนื่อย โดยวัดได้จากอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดร้อยละ ๕๕-๘๕ ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ถ้าออกกำลังกายแล้ว การเหนื่อยที่น้อยกว่าร้อยละ ๕o ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด จะไม่เกิดผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางกาย การออกกำลังกายในแต่ละครั้งต้องออกกำลังกายติดต่อกันให้นานอย่างน้อย ๑๕-๓o นาทีต่อครั้ง ซึ่งสามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพได้ และกิจกรรมที่จะช่วยสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายและหัวใจได้ต้องเป็นกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการออกแรง เช่น การวิ่ง การขี่จักรยาน การว่ายน้ำ

                ดังนั้น หลักในการฝึกสมรรถภาพทางกาย ต้องเน้นหลัก ๓ ประการ คือ ความถี่ ความนาน และความหนักในการออกกำลังกาย หรือดัชนีกิจกรรมการออกกำลังกาย

                ดัชนีกิจกรรมการออกกำลังกาย หมายถึง การประเมินกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างมีแบบแผน โดยมีการกำหนดความหนักหรือความเหนื่อย ช่วงเวลาเวลาหรือความนานและความถี่ของการกระทำกิจกรรมนั้นๆ

ค่าดัชนีกิจกรรมออกกำลังกาย = ความถี่ x ความนาน x ความหนัก

1.2  สมรรถภาพทางกลไก หรือทักษะสมรรถนะ หรือสมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ

                สมรรถภาพทางกลไก หมายถึง ความสามารถของร่างกายที่จะช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะการเล่นกีฬาได้ดี โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้

องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกลไก

1. ความคล่องตัว (Ability) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวนั้นได้

2. การทรงตัว (Balance) หมายถึง ความสามารถในการรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้ได้ ทั้งในขณะอยู่กับที่และเคลื่อนไหว

3. การประสานสัมพันธ์ (Coordination) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างราบรื่น กลมกลืน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กันระหว่างตา มือ และเท้า

4. พลังกล้ามเนื้อ (Power) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายๆส่วนของร่างกาย ในการหดตัวเพื่อทำงานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ได้เป็นผลรวมของความแข็งแรงและความเร็วที่ใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเช่น การยืนอยู่กับที่ การกระโดดไกล การทุ่มลูกน้ำหนัก

5. เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Time) หมายถึง ระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆเช่น แสง เสียง

สมรรถภาพทางกลไกมีองค์ประกอบกี่ข้อ

สมรรถภาพทางกล หรือสมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬาได้ดี มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ดังนี้ ความคล่อง ( Agility) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและสามารถควบคุมได้

องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายมีอะไรบ้าง

(1) สมรรถภาพทางกายทั่วไป (General Physical Fitness) จ าแนกออกเป็น 7 ประเภท มีองค์ประกอบดังนี้ 1. ความเร็ว (Speed) 2. พลังกล้ามเนื้อ (Muscle Power) 3. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscle Strength) 4. ความอดทนของกล้ามเนื้อ (Muscle Endurance) 5. ความแคล่วคล่องว่องไว (Agility) 6. ความอ่อนตัว (Flexibility) 7. ความอดทนทั่วไป ( ...

สมรรถภาพทางกาย 6 ด้าน มีอะไรบ้าง

1.น ้าหนัก 2.ส่วนสูง 3. อัตราเต้นหัวใจขณะพัก 4. ความดันโลหิต 5. วัดความจุปอด 6. การตรวจเลือด Page 10 Page 11 การวัดขนาดและสัดส่วนของร่างกาย การวัดขนาดและสัดส่วนของร่างกายคือการหาความเหมาะสมของ รูปร่าง ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนสูงและน ้าหนัก หรือการวัดเส้นรอบวงเพื่อจาแนกกลุ่ม

องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับทักษะ มีอะไรบ้าง

สมรรถภาพทางกาย ที่สัมพันธ์กับทักษะ (Skill-Related Physical Fitness) 1. พลังหรือกำลังของกล้ามเนื้อ (Muscle Power) 2. ความเร็ว (Speed) 3. ความคล่องแคล่วว่องไว (Agility) 4. การทรงตัวหรือความสมดุล (Balance) 5. ระยะเวลาปฏิกิริยา (Reaction Time) 6. การประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อและ ระบบประสาท (Coordination)