การซื้อของออนไลน์นั้นเหมารวมทั้งหมดที่มีการซื้อขายกันทางอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่าในการมีข้อดี สิ่งนั้นต้องมีข้อเสียปะปนกันอยู่อย่างแน่นอน การขายของออนไลน์อาจต้องมีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง คือการเชื่อว่าตัวเราเองต้องทำได้ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่ตั้งใจ ช่วงแรกอาจไม่ประสบความสำเร็จอาจทำให้ท้อและล้มเลิกไป แต่ถ้าหากเราสู้และเข้มแข็ง สิ่งใดที่ตั้งใจทำไว้ต้องผ่านไปได้และดีขึ้นอย่างแน่นอน ความนิยมในการขายของออนไลน์ถือว่ามีมากและยังมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความง่ายในการซื้อขาย การวางขาย รูปแบบการบริหารร้านมีความง่ายขึ้น ไม่ต้องมีหน้าร้านก็สามารถขายสินค้าได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมาเปิดร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่การขายของออนไลน์ หากมีการซ้ำกัน แล้วเราคือสินค้าที่มาทีหลัง อาจได้รับความสนใจน้อยลงก็เป็นได้ ดังนั้นการขายขของเราควรอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความโดดเด่นให้สินค้าของตนเองด้วย ข้อดีของการขายของออนไลน์ ข้อเสียของการขายของออนไลน์ ที่มา : vcommerce 1.ทำให้ประเทศสามารถจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินจากการบริโภคภายในประเทศสู่ผู้บริโภคในประเทศอื่น ทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศและส่งผลต่อมาตรฐานการครองชีพที่ดีของประชาชน2.ทำให้ได้รู้จักผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ ทำให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายเหล่านั้น ซึ่งถ้าไม่มีการนำเข้าจากต่างประเทศประชาชนจะเสียโอกาสไป 3.ทำให้เกิดการพัฒนาของผู้ผลิตภายในประเทศต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งมีผลต่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม 4.ทำให้ประชาชนได้ใช้สินค้าคุณภาพดีในราคาถูก กล่าวคือแต่ละประเทศอาจไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทุกชนิด เนื่องจากความชำนาญของแต่ละประเทศในการผลิตสินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน บางประเทศอาจผลิตสินค้าหนึ่งได้ดีและต้นทุนต่ำ ส่วนอีกประเทศอาจผลิตสินค้าชนิดอื่นได้ดีและต้นทุนต่ำ การที่ทั้งสองประเทศจะเลือกผลิตสินค้าที่ตนมีความชำนาญและมีการขายหรือแลกเปลี่ยนกันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศมากกว่า
โทรศัพท์มือถือเทคโนโลยีการผลิตนำเข้าจากโลกตะวันตก ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จำเป็นสำหรับคนไทย อ้างอิง : http://wanida-parena.blogspot.com/2010/02/blog-post_5204.html ทางเลือกหนึ่งในการขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ ๆ คือการจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศ ซึ่งมีข้อได้เปรียบมากมาย รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในท้องถิ่นและดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศก็มีข้อเสียที่สำคัญอยู่เช่นกัน การทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของการจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดว่าจะจัดตั้งบริษัทหรือใช้ทางเลือกอื่น เช่น Professional Employer Organization (PEO) และ Employer of Record (EOR)
ข้อดีของการตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศข้อดีที่สำคัญบางประการของการจัดตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศ ได้แก่
1. การเข้าถึงตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของคุณการตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศถือเป็นการจัดตั้งนิติบุคคลในประเทศอื่น ซึ่งสามารถทำการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการของตนให้กับคนในพื้นที่ รวมถึงยังสามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าได้ นอกจากนี้บริษัทที่มีที่ตั้งในท้องถิ่นสามารถขยายการรับรู้แบรนด์ของตนไปยังตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลกำไรได้ ในต่างประเทศมีโอกาสสำหรับการเติบโตอย่างมาก และแม้แต่ประเทศที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักบางประเทศก็มีเศรษฐกิจที่มีศักยภาพและตลาดที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้
2. เป็นทางเลือกสำหรับการผลิตในราคาถูกในบางธุรกิจการตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงต้นทุนสินค้าและแรงงานที่ต่ำลงได้ หลายประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนวัสดุแต่ยังลดต้นทุนในการผลิตสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าสามารถช่วยคุณลดต้นทุนการผลิตโดยรวมได้
3. การเข้าถึงทักษะทางเทคนิคในหลาย ๆ ประเทศ (โดยเฉพาะในอาเซียนที่กำลังมีเพิ่มขึ้น) ให้การเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงและวิธีคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิค ตัวอย่างเช่น กัมพูชามีความรู้ทางเทคนิคระดับสูงที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
4. การเข้าถึงความรู้ท้องถิ่นด้วยการจัดตั้งนิติบุคคลในต่างประเทศ คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจใหม่กับคู่ค้าในพื้นที่และจัดตั้งกิจการร่วมค้าที่ใช้ประโยชน์จากความรู้ในท้องถิ่นได้
5. เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในบางสถานการณ์การเริ่มธุรกิจในประเทศใหม่สามารถทำให้เกิดการขยายตัวมากขึ้นและเพิ่มรายได้ที่ไม่สามารถทำได้ในประเทศบ้านเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดในประเทศเต็มไปด้วยการแข่งขัน
6. กระบวนการและสิ่งจูงใจที่มีประสิทธิภาพบางประเทศยินดีต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศอย่างเปิดเผย โดยทำให้กระบวนการจัดตั้งบริษัทเป็นเรื่องง่าย และอาจให้สิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น
ข้อเสียของการตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศข้อเสียที่เห็นได้ชัดบางประการของการจัดตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศ ได้แก่
1. ต้นทุนและเวลาที่เพิ่มขึ้นการตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศมักใช้เวลาและเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคที่กีดกันบริษัทส่วนใหญ่จากการลงทุนในลักษณะนี้ ข้อกำหนดด้านเงินลงทุนนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและอุตสาหกรรม แต่บางครั้งก็เป็นจำนวนค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่น ในสิงคโปร์ข้อกำหนดด้านเงินทุนชำระแล้วสำหรับบริษัทตัวแทนประกันภัยคือ 300,000 ดอลลาร์ และ 100,000 ดอลลาร์ สำหรับบริษัทนำเที่ยว
2. มีข้อห้ามในการเป็นเจ้าของชาวต่างชาติบางประเทศมีการควบคุมอุตสาหกรรมบางประเภทและห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการ ในบางกรณี เจ้าของต้องเป็นคนในท้องถิ่น แต่ยอมให้ชาวต่างชาติสามารถลงทุนในธุรกิจนั้นได้เป็นบางส่วน ในอดีตบางประเทศไม่เต็มใจที่จะให้ต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัททั้งหมด ตัวอย่างเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติต้องมีหุ้นส่วนในท้องถิ่นที่มีสัดส่วนการถือหุ้นอย่างน้อย 51% จึงจะตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศได้ จนมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเมื่อปี 2562 แต่ก็ยังคงมีอุตสาหกรรมบางประเภทในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีการจำกัดจำนวนแรงงานต่างชาติอยู่
3. เงื่อนไขการเข้าเมืองที่ยุ่งยากการทำงานในต่างประเทศมักมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกำหนดในการเข้าเมือง การขอวีซ่าทำงานหรือใบอนุญาตสำหรับคุณหรือพนักงานอาจเป็นเรื่องยาก ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการอนุมัติ นอกจากนั้นวีซ่าอาจอนุญาตให้เฉพาะการเข้าพักระยะสั้นและมักมีข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจที่สามารถดำเนินการได้
4. การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ซับซ้อนความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในการจัดตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศคือการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อกำหนด ซึ่งโดยปกติมักจะมีกฎที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการจ้างพนักงาน การจัดการเงินเดือน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี
คุณควรตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศหรือไม่?การตั้งบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศมีทั้งข้อดีและข้อเสียมากมาย ธุรกิจที่มีแผนการดำเนินงานระยะยาวในต่างประเทศมักเลือกที่จะจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศนั้น ๆ เนื่องจากผลประโยชน์มักจะมีมากกว่าความเสี่ยง ในกรณีนี้เวลาและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดตั้งบริษัทจะมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความยืดหยุ่นที่ได้รับ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์อื่น ๆ อาจมีทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เช่น การใช้ EOR มักจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับบริษัทที่
EOR มีโครงสร้างทางกฎหมายที่จำเป็น พร้อมสำหรับจัดการเรื่องการจ้างงาน การจ่ายเงินเดือน และการเข้าเมือง นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมด สำหรับหลาย ๆ บริษัท EOR เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า รวดเร็ว และเชื่อถือได้ในการจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศ
|