เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย สามารถเลือก ตั้งค่าคุกกี้ และอ่าน นโยบายคุกกี้ ได้ที่นี่ Show
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ในทุก ๆ เช้าก่อนที่เราจะเริ่มทำงาน เครื่องดื่มที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ คงหนีไม่พ้นกาแฟแสนอร่อย หอมกรุ่น อย่างแน่นอน และสิ่งที่จะช่วยรังสรรค์กาแฟแสนอร่อยให้เรานั้น คงจะเป็น เครื่องชงกาแฟ 2 หัว อย่างไม่ต้องสงสัยครับ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว นี้นะครับ เป็นเครื่องชงกาแฟชนิดหนึ่ง ที่จะมาเป็นผู้ช่วยของเพื่อน ๆ ในการชงกาแฟแสนอร่อยในทุก ๆ เช้า ซึ่งจะทำให้เราได้กาแฟแสนอร่อยมาอย่างง่ายดาย สะดวกสุด ๆ ครับ อีกทั้ง เพื่อน ๆ ก็ยังจะได้ลิ้มรสชาตอที่แสนอร่อย และได้สัมผัสกับกลิ่นหมอ ๆ ของเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยม ที่เพื่อน ๆ ชื่นชอบได้ตามต้องการเลย ลองคิดดูแล้วกันครับ ว่าวันนั้นจะเป็นที่แสนสุขมากแค่ไหน นอกจาก เครื่องชงกาแฟ 2 หัว แล้ว ก็ควรมีอุปกรณ์อื่น ๆ ติดบ้านไว้ด้วยนะ เช่น เครื่องปั่นสมูทตี้ เครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เครื่องบดกาแฟ เครื่องชงกาแฟแคปซูล เครื่องทำน้ำแข็ง ตู้เย็น ไมโครเวฟ หม้อทอดไร้น้ำมัน และอื่น ๆ ครับ เรามาพูดถึง เครื่องชงกาแฟ 2 หัว กันต่อนะครับ ตามปกติแล้วนะครับ เครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่ จะสามารถปรับระดับความเข้มข้น ความหยาบของเมล็ดกาแฟ และสามารถปรับอุณหภูมิของกาแฟได้ ทำให้เหมาะมาก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ เพราะว่าเมื่อใดก็ตาม ที่เพื่อน ๆ ต้องการดื่มกาแฟสุดแสนอร่อยสักถ้วย เพื่อน ๆ ก็สามารถชงดื่มเองได้ทันทีตามต้องการในทุก ๆ เวลาเลย นอกจากจะชงกาแฟดื่มที่บ้านแล้ว มี เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ไว้ที่ออฟฟิศ ก็เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เช่นกัน รวมทั้ง ถ้าเพื่อน ๆ เปิดร้านกาแฟ ก็สามารถที่จะเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟไว้ใช้ในการรองรับลูกค้าได้ด้วยครับ มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ ก็คงต้องการที่จะมี เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ไว้ใช้งานบ้างสักเครื่องแล้วใช่ไหมครับ วันนี้ครับ ตังค์ทอน จะมาแนะนำ 10 อันดับ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ยี่ห้อไหนดี คุณภาพดี เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม รวมทั้งจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว เพื่อให้เพื่อน ๆ ใช้ประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อให้ได้เครื่องชงกาแฟที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด จะมีเครื่องชงกาแฟรุ่นไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยครับ สารบัญเว็บ 10 อันดับ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ยี่ห้อไหนดี ดีไซน์เรียบหรู คุณภาพเยี่ยม เหมาะแก่การใช้งาน ปี 20231. เครื่องชงกาแฟ ETZEL รุ่น SN6570ขนาดของถังน้ำ : 2.7 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลส น้ำหนักเครื่อง : ไม่ระบุ แรงดันน้ำ : 20 บาร์ เครื่องชงกาแฟ ETZEL รุ่น SN6570 เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์มาอย่างสวยงาม เรียบหรู ดูดี ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับหัวชมขนาด 58 มิลลิเมตร มีระบบตัดน้ำอัตโนมัติ ตัวเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ จะมีเกจบอกแรงดันขณะใช้งาน พร้อมกับระบบตัดน้ำเองอัตโนมัติ ในส่วนของตัวปั๊ม จะมีแรงดันสูงถึง 20 บาร์ พร้อมใช้งาน และยังสามารถปรับตั้งค่าปริมาณน้ำที่นำมาชงกาแฟได้ตามความต้องการ อีกทั้งมีฟังก์ชันตีฟองนมให้เนียนนุ่มได้ จากแผงควบคุมบริเวณหน้าเครื่องได้อย่างง่ายดาย สำหรับเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้นอกจากจะสามารถชงกาแฟได้อร่อยมาก ๆ แล้ว ก็ยังสามารถกลั่นชาได้อีกด้วยครับ หลังจากที่เพื่อน ๆ ใช้งานเครื่องชงกาแฟเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ สามารถถอดถาดรองน้ำทิ้งออกมาได้ง่าย และสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้อย่างสะดวกง่ายดายด้วย เป็นเครื่องชงกาแฟที่เหมาะแก่การใช้งานมาก ๆ เลยครับ จุดเด่น
2. เครื่องชงกาแฟกึ่งอัตโนมัติ Gemilai CRM3200Dขนาดของถังน้ำ : 1.7 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลส น้ำหนักเครื่อง : ไม่ระบุ แรงดันน้ำ : 15 บาร์ เครื่องชงกาแฟกึ่งอัตโนมัติ Gemilai CRM3200D เครื่องชงกาแฟคุณภาพดีนำเข้าจากประเทศอิตาลี ขนาดของตัวเครื่อง 40 X 34.5 X 50 เซนติเมตร ภายในตัวเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ ใช้ปั๊มแรงดัน 15 บาร์ มีหม้อต้ม 2 ชนิด ขนาด 500 มิลลิลิตรและ 1000 มิลลิลิตร สามารถสกัดกาแฟด้วยมาตรฐานสูงสุด ทำให้ได้กาแฟที่รสชาติแสนอร่อย ด้วยหม้อต้มขนาด 1L-1600W นี้ จะช่วยปั่นนมได้แรงมากและสม่ำเสมอ สะดวกมากในการเตรียมอาหารด้วยนมกระป๋อง เช่น กาแฟร้อน กาแฟนมร้อน ช็อกโกแลตร้อน ชาเขียวร้อน ต่อมา มีถังบรรจุน้ำขนาดใหญ่ 1.7 ลิตร ซึ่งตรงจุดนี้นะครับ สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย หัวฉีดมีทั้งหมด 4 รู ถูกออกแบบให้สามารถหมุนได้ 360 องศา สามารถชงกาแฟได้มากสุด 120 ถ้วย/ชั่วโมง เป็นเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานได้ดีมาก ๆ เหมาะแก่การใช้งานทั้งที่บ้าน ออฟฟิศ และร้านกาแฟทั่ว ๆ ไปเลยครับ จุดเด่น
3. เครื่องชงกาแฟคุณภาพสูง Breville รุ่น BES920 XLขนาดของถังน้ำ : 2.5 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลส เกรด A น้ำหนักเครื่อง : ไม่ระบุ แรงดันน้ำ : ไม่ระบุ เครื่องชงกาแฟคุณภาพสูง Breville รุ่น BES920 XL มาพร้อมกับเทคโนโลยีคุ้มเข้มกว่าใครในตระกูล ออกแบบโดยแชมป์บาริสต้าโลก ดีไซน์สวยงาม หรูหรา สำหรับองค์ประกอบภายในตัวเครื่องจะมี 2 Boiler นะครับ โดยทำมาจากวัสดุสเตนเลสเกรด A และมีแรงดันที่คงที่ มาพร้อมระบบ Prefusion แบบแรงดันตํ่า ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกาแฟเอสเพรสโซ่ได้เข้มข้น หัวจ่ายน้ำร้อน ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงดัน การจ่ายน้ำไม่กระเด็นและรักษา T คงที่ มีถังบรรจุน้ำขนาด 2.5 ลิตร เติมได้จากช่องด้านบน โดยใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนตเกรดดีและมีวาล์วกันน้ำรั่ว ภายนอกมีจอ LCD แสดงผลค่าที่ตั้งไว้ ใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเวลา อุณหภูมิ ปริมาณในการสกัด และหัวสตีมจ่ายไอน้ำปริมาณสูง BALL JOINT สามารถปรับหมุนได้ 360 องศา ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหา เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ประสิทธิภาพสูงสุดหรูหรา ไม่ควรพลาดรุ่นนี้ครับ จุดเด่น
4. เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ อูก้า ULKA-S72 Homeขนาดของถังน้ำ : 1.7 ลิตร วัสดุที่ใช้ : ไม่ระบุ น้ำหนักเครื่อง : 13 กิโลกรัม แรงดันน้ำ : 19 บาร์ เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ อูก้า ULKA-S72 Home เครื่องชงกาแฟขนาดกะทัดรัด น่าใช้งาน มาพร้อมกับ 3 หัวชง 1 หัวสตีมนม และ 1หัวน้ำร้อน รวมทั้งหมดจะมีจำนวน 5 หัว ที่แยกกันทำงานอย่างอิสระ น้ำหนักของตัวเครื่องชงกาแฟ 13 กิโลกรัม ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นเครื่องชงกาแฟ 2 หัว ขนาดกลาง ภายในตัวเครื่องจะมีปั๊มน้ำ 1 ปั๊ม และมี Boiler จำนวน 2 ตัว ที่แยกการทำงานกันอย่างอิสระ สำหรับถังน้ำ บรรจุน้ำได้มากถึง 1.7 ลิตร อีกทั้ง ยังมีระบบการแจ้งเตือนในกรณีน้ำหมดมาด้วย ทำให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้นะครับ สามารถรองรับปริมาณเมล็ดกาแฟได้ 250 กรัมเลยทีเดียว เป็นเครื่องบดกาแฟในตัว และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อกาแฟเต็มมาให้ภายในตัวเครื่องอีกด้วย สำหรับเครื่องรุ่นนี้ มีการรีวิวที่ดีมาก ๆ ถ้าเพื่อน ๆ กำลังต้องการมีเครื่องชงกาแฟคุณภาพดีไว้ใช้งาน รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ดีครับ จุดเด่น
5. เครื่องชงกาแฟ Nuova simonelli appia life compactขนาดของถังน้ำ : 7.5 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลสและ ABS น้ำหนักเครื่อง : 42.5 กิโลกรัม แรงดันน้ำ : ไม่ระบุ เครื่องชงกาแฟ Nuova simonelli appia life compact เครื่องชงกาแฟ 2 หัวคุณภาพดี ดีไซน์สวยงาม ตัวเครื่องทำมาจากสเตนเลสและ ABS มีน้ำหนัก 42.5 กิโลกรัม แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับขาตั้งตัวเครื่อง โดยสามารถปรับระดับความสูงตรงขาตั้งได้ทั้ง 4 ขาเลย ต่อมา ในส่วนของแผงควบคุมจะเป็นปุ่มกดซิลิโคน ที่สัมผัสนุ่มมือมาก ๆ หม้อต้มในคัวเครื่องมีขนาด 7.5 ลิตร มีความเสถียรสูง สามารถรองรับการชงกาแฟได้มากกว่า 250 แก้วต่อวันเลยครับ ตัวก้านสตรีมนม จะสามารถปรับหมุนได้ถึง 360 องศา รวมทั้ง ยังสามารถปรับระดับปริมาณน้ำได้ตามใจต้องการเลย นอกจากนี้นะครับ เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ ก็ยังมีระบบป้องกันหม้อต้มสูญเสียความร้อนด้วย ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิภายในตัวเครื่องได้อย่างคงที่ ทำให้ประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดีเลยครับ เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานในทุก ๆ ด้านครับ จุดเด่น
6. De’Longhi เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ Stilosa รุ่น EC230.BKประเทศต้นกำเนิดสินค้า : อิตาลี น้ำหนัก : 4.3kg แรงดันไฟฟ้านำเข้า : 220V การใช้พลังงาน : 1100W ขนาด (ยาว x กว้าง x สูง) : 34.3×20.5×28.5 CM De’Longhi เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ Stilosa รุ่น EC230.BK เครื่องชงกาแฟดีไซน์สวยงาม จากแบรนด์ดังจากประเทศอิตาลี มีขนาดที่กะทัดรัด น่าใช้งาน 20.5 x 34.3 x 28.5 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 5 กิโลกรัม ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราทันสมัย นอกจากเป็นเครื่องชงกาแฟแล้ว ยังสามารถจัดวางได้ในทุก ๆ ที่ เพื่อสร้างความสวยงามในตัว มาพร้อมกับก้านชงกาแฟที่จับได้กระชับ ถนัดมือ ใช้งานได้อย่างสะดวก ภายในประกอบไปด้วย ถังบรรจุน้ำความจุ 1 ลิตร หม้อต้มทำจากสเตนเลส แรงดันน้ำสูง 15 บาร์ ต่อมา จะมีหัวตีฟองนมแบบสแตนเลส สามารถใช้ทำคาปูชิโน่ได้ อีกทั้ง ยังสามารถถอดถาดรองน้ำหยดออกได้ เพื่อที่เพื่อน ๆ อาจจะต้องการเพิ่มเนื้อที่การใช้งาน ในส่วนของแก้วน้ำที่มีความสูง 11 เซนติเมตรให้วางบนแท่นวางแก้วได้อีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟ ที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ราคาไม่แพง รุ่นนี้ตอบโจทย์เลยยครับ จุดเด่น
7. SKG เครื่องชงกาแฟสด รุ่น SK-1208ขนาดของถังน้ำ : 1.5 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลส และพลาสติกเนื้อหนา น้ำหนักเครื่อง : 3.4 กิโลกรัม แรงดันน้ำ : 20 บาร์ SKG เครื่องชงกาแฟสด รุ่น SK-1208 เครื่องชงกาแฟทรงสวย สามารถทำเครื่องดื่มได้หลายชนิด เหมาะสำหรับบ้าน สำนักงานและร้านกาแฟ เครื่องชงกาแฟแบรนด์ดัง SKG รุ่นนี้ มาพร้อมกับ ถังจุน้ำ 1.5 ลิตร และแรงดันน้ำ 20 บาร์ ภายในตัวเครื่อง ใช้วัสดุสเตนเลส และตัวเครื่องด้านนอก จะใช้เป็นพลาสติกเนื้อหนา แข็งแรง ทนทานมาผลิต ทำให้มีความทนทาน มีระบบไอน้ำ ทำฟองนมมีลูกบิดปรับแรงดันเพื่อเพิ่มความละเอียด ให้ฟองนมหนา นุ่ม เนียน ได้สัมผัสดีเยี่ยม และสามารถใช้ทำเครื่องดื่มได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Espresso, Cappuccino, Latte, Macchiato, Mocha หรือ Tea แท้งก์น้ำ และถาดรองกาแฟ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่ายและสะดวก และมีระบบไอน้ำ ทำน้ำร้อน หรือ อุ่นเครื่องดื่มอื่นให้ร้อน เช่น ชา, กาแฟ, นม หรือ ช็อคโกแลต ไม่ว่าเวลาไหน ก็สามารถดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ได้เสมอ สำหรับเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ น่าสนใจไม่น้อย ซื้อไว้ใช้งาน รับรองว่าคุ้มค่าครับ จุดเด่น
8. Gemilai เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ขนาดหัวชง 58 mm.ขนาดของถังน้ำ : 1.7 ลิตร วัสดุที่ใช้ : อะลูมิเนียม สเตนเลส และพลาสติกเนื้อหนา น้ำหนักเครื่อง : ไม่ระบุ แรงดันน้ำ : 15 บาร์ Gemilai เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ขนาดหัวชง 58 mm. ตัวเครื่องและอุปกรณ์ ทำจากสแตนเลส และพลาสติกเนื้อหนา คุณภาพเยี่ยม แข็งแรง ทนทาน มีการดีไซน์มาอย่างสวยงาม จัดวางได้อย่างเหมาะสมทุกจุด มาพร้อมกับ ระบบไอน้ำ ทำฟองนมมีลูกบิดปรับแรงดันเพื่อเพิ่มความละเอียด ให้ฟองนมหนา นุ่ม เนียน ได้สัมผัสดีเยี่ยม มีระบบไอน้ำ ทำน้ำร้อน หรือ อุ่นเครื่องดื่มอื่นให้ร้อน เช่น ชา, กาแฟ, นม หรือ ช็อคโกแลต มีปุ่มกดอัตโนมัติ และไฟแจ้งสถานะ สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังมีหัวฉีดไอน้ำที่หมุนได้ 360 องศา สามารถตั้งเวลาในการชงกาแฟ รวมถึงควบคุมอุณหภูมิของน้ำสำหรับชงกาแฟได้อย่างคงที่ สร้างสรรค์เครื่องดื่มได้หลายชนิด ทั้ง Espresso, Cappuccino, Latte, Macchiato, Mocha และ Tea เมื่อใช้เสร็จสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้นอกจากจะประสิทธิภาพดีแล้ว ราคายังไม่แพงด้วยครับ จุดเด่น
9. เครื่องชงกาแฟ BS boss ปั๊มแรงดัน 20barขนาดของถังน้ำ : 1.5 ลิตร วัสดุที่ใช้ : ไม่ระบุ น้ำหนักเครื่อง : ไม่ระบุ แรงดันน้ำ : 20 บาร์ เครื่องชงกาแฟ BS boss ปั๊มแรงดัน 20bar ขนาดตัวเครื่อง 18 x 25 x 30 เซนติเมตร มาพร้อมกับความจุของถังบรรจุน้ำ 1.5 ลิตร มีแรงดันน้ำสูงถึง 20 บาร์ ในส่วนของหม้อต้มนะครับ จะใช้อุณหภูมิในการสกัดกาแฟ อุณหภูมิประมาณ 93 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในการสตรีมนมอยู่ที่ประมาณ 110 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ฟองนมที่ตีออกมาได้ มีความเนียนนุ่ม ช่วยให้กาแฟที่ชงมีความอร่อย กลมกล่อม น่าดื่มเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งก็ยังมี การออกแบบดีไซน์ภายนอกตัวเครื่องนั้น จะมีไฟไฟแสดงสถานะความพร้อมของการทำงาน รวมไปถึงการป้องกันน้ำหยดอีกด้วย สำหรับเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้นะครับ มีการรีวิวไปในทางที่ค่อนข้างดี และเพื่อน ๆ หลายคน ที่เคยซื้อเครื่องชงกาแฟ 2 หัว คุณภาพดี ราคาประหยัดรุ่นนี้มาใช้งาน ต่างชื่นชอบกันมาก และสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาอีกด้วยครับ ด้วยราคาเพียงแค่นี้ ไม่ซื้อถือว่าพลาดอย่างแรงครับ จุดเด่น
10. Barsetto เครื่องชงกาแฟบด เครื่องชงกาแฟแบบบูรณาการขนาดของถังน้ำ : 2.8 ลิตร วัสดุที่ใช้ : สเตนเลสสตีล น้ำหนักเครื่อง : 10.8 กิโลกรัม แรงดันน้ำ : 15 บาร์ Barsetto เครื่องชงกาแฟบด เครื่องชงกาแฟแบบบูรณาการ ราคาประหยัด มีเซนเซอร์แม่นยำ ทำโฟมนุ่มเนียน ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลา สำหรับเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้นะครับ มีความพิเศษอย่างหนึ่งนะครับ คือ มีนวัตกรรมที่ใช้ในการทำงานอย่างยอดเยี่ยมนะครับ โดยการใช้เซนเซอร์ที่มีความแม่นยำ ในการบดเมล็ดกาแฟที่สม่ำเสมอ ช่วยให้เพื่อน ๆ มั่นใจได้เลยนะครับว่า เม็ดกาแฟจะไม่หมดในขณะที่กำลังบดอยู่ สามารถทำโฟมนมได้นุ่มมาก ๆ เนื้อเนียนละเอียด แบบอัตโนมัติสำหรับการทำเมนูกาแฟลาเต้ มีระบบในการควบคุมอุณหภูมิภายในเครื่อง เป็นระบบการทำความร้อนแบบคู่ ที่มีความเสถียรในการรักษาอุณหภูมิให้คงที่นั่นเอง ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการทำความร้อนแบบอิสระ 2 ระบบ นอกจากนั้น น้ำหนักตัวเครื่องประมาณ 10.8 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่พอเหมาะกะทัดรัด จัดวางได้ในทุก ๆ มุม เป็นเครื่องชงกาแฟอีกหนึ่งรุ่นที่ฟังก์ชั่นครบถ้วนดีมากครับ จุดเด่น
วิธีการเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว1. เลือกจากขนาดของ Boiler อย่างแรกเลย ต้องพิจารณาในการเลือก Boiler คือ ความจุของ Boiler ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างนี้ครับ โดย Boiler ขนาดเล็ก มีขนาดอยู่ที่ 300 cc แบบนี้จะเหมาะกับร้านกาแฟเล็ก ๆ ลูกค้าไม่มาก จะสามารถบริการได้ Boiler ขนาดกลาง มีขนาดประมาณไม่เกิน 2 ลิตร จะเหมาะกับร้านกาแฟที่มีลูกค้า ประมาณ 3 – 5 คน และ แบบขนาดใหญ่เลย 6.5 ลิตร ขึ้นไป ใช้ในร้านกาแฟที่ใหญ่และมีลูกค้าเข้ามาจำนวนมากนั่นเองครับ 2. เลือกจากคุณสมบัติที่มาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว นะครับ จะมีส่วนประกอบต่าง ๆ มาให้ เพื่อที่จะได้ชงกาแฟได้สมบูรณ์ โดย Coffee Boiler ทำหน้าที่ชงกาแฟและสามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้อย่างอิสระ ต่อมาจะเป็น Steam Boiler ทำหน้าที่ต้มน้ำและสตรีมนม ในส่วนของ Pump จะมี 2 รูปแบบนะครับ คือ แบบสั่น และแบบโรตารี่ โดยจะทำหน้าที่จ่ายน้ำเข้าไปในหม้อต้ม และสร้างแรงดันสำหรับสกัดกาแฟ มีจอการแสดงผล สำหรับปรับตั้งค่าและแสดงค่าที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ปริมาณในการสกัด เวลา เป็นต้นครับ และก็จะมีหัวจ่ายน้ำร้อน ที่ได้รับกาารออกแบบมาเพื่อลดแรงดัน ช่วยให้น้ำไม่มีการกระเด็นในระหว่างการจ่ายน้ำ และยังช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำให้คงที่ด้วยครับ 3. เลือกจากวัสดุที่ใช้ทำเครื่องชงกาแฟโดยเฉพาะ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว แต่ละรุ่นนั้น จะมีราคาที่แตกต่างกัน เพราะว่า วัสดุที่นำมาผลิตตัวเครื่องนั้นแตกต่างกันนั่นเอง เช่น วัสดุของ Boiler ที่เป็นสเตนเลส จะมีความทนทานต่อการถูกกัดกร่อนของแร่ธาตุในน้ำได้ดีกว่าแบบ Boiler ทองแดง ต่อมาความหนาของโลหะก็ต่างกัน บางชิ้นส่วนอาจจะเป็นพลาสติก บางรุ่นปิดตัวเครื่องมิดชิด อีกรุ่นเปิดโล่ง ซึ่งต่าง ๆ เหล่านี้ครับ ทำให้มีผลความทนทานที่ต่างกัน ซึ่งรุ่นที่ราคาสูงนั้น นอกจากจะทำกาแฟอร่อยแล้ว ยังทนทาน คุ้มค่าคุ้มราคาครับ สรุปสำหรับ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว นี้นะครับ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะซื้อมาใช้ชงกาแฟดื่มที่บ้าน หรือนำมาเปิดร้านกาแฟบริการลูกค้า เพื่อน ๆ ต้องทำความเข้าใจกับส่วนประกอบต่าง ๆ ในเครื่องชงกาแฟให้ละเอียดนะครับ เพราะว่า เครื่องชงกาแฟ 2 หัว แต่ละรุ่นแต่ละแบบ มีฟังก์ชั่นและความทนทานแตกต่างกัน ราคาก็จะแตกต่างกันไปด้วย ก่อนที่เพื่อน ๆ จะลงทุนนั้น ควรศึกษาให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้ลงทุนได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดครับ และถ้าเพื่อน ๆ ต้องการเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว สามารถเลือกได้จาก 10 อันดับ เครื่องชงกาแฟ 2 หัว ยี่ห้อไหนดี ได้เลยนะครับ เพราะเป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้เลย และหลังใช้เสร็จทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะครับ |