ถ้าพูดถึงการจะซื้อบ้าน มาตรการ LTV เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน เเละเหมาะกับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ โดยทั่วไปเเล้วในการซื้อบ้าน คนส่วนใหญ่มักจะซื้อบ้านด้วยเงินกู้เเละทยอยผ่อนจ่าย เเต่ในการกู้เงินนั้นธนาคารก็ไม่ได้ปล่อยเงินกู้เต็ม 100% ของราคาบ้านเสมอไป ผู้ซื้ออาจต้องวางเงินดาวน์ก่อน ซึ่งมาตรการ LTV นี้เองจะเข้ามาช่วยเรื่องกำหนดวงเงินที่ผู้กู้จะกู้ซื้อบ้านได้ พูดอีกอย่างก็คือกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำที่ผู้กู้จะต้องจ่าย โดยพิจารณาจากราคาบ้านและจำนวนสัญญาที่กู้เป็นหลัก วันนี้ CMC ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ LTV ว่ามันคืออะไร ทำไมธนาคารเเห่งประเทศไทยถึงต้องออกมาตรการ LTV เเละมันมีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านอย่างไรบ้าง LTV คืออะไร? LTV นั้นย่อมาจาก loan-to-value-ratio ก็คือ อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน ตัวอย่างเช่น หากบ้านราคา 2 ล้านบาท และกำหนดให้ LTV = 80% หมายความว่าเราจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้านได้เพียง 1.6 ล้านบาท (80% x 2 ล้าน) และต้องวางเงินดาวน์อีก 4 แสนบาทสำหรับส่วนที่เหลืออีก 20% ของราคาบ้านนั่นเอง อธิบายอย่างง่าย ๆ “เกณฑ์ที่กำหนดวงเงินที่ผู้กู้จะกู้ซื้อบ้านได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือกำหนดว่าผู้กู้จะต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำเท่าไรนั่นเอง” มาตราการ LTV 2565 ส่งผลกระทบต่อใครบ้าง ถ้าพูดถึงเงื่อนไขอัตราสินเชื่อต่อราคาบ้านสำหรับซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้าน เเบบเก่า จะมีอัตราสินเชื่อต่อบ้านอยู่ที่ 70-90% ซึ่งทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องควักเงินตัวเองเพื่อวางเงินดาวน์ของราคาบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบก็จะเป็นนักลงทุน กลุ่มคนที่เก็งกำไรในตลาดอสังหาฯ เหตุผลในการจำกัดดังกล่าวคือป้องกันความเสี่ยงของธนาคารเมื่อปล่อยเงินกู้ ป้องกันไม่ให้เกิดการกู้ซื้อบ้านจำนวนมากจนทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เเต่อย่างไรก็ตาม เเบงค์ชาติได้ประกาศผ่อนปรน อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้านเเบบใหม่ ซึ่งอนุญาตให้ผู้กู้สามารถกู้กับธนาคารได้ถึง 100% เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปหรือไม่ และไม่ว่าจะเป็นหลังที่ 2 หรือ 3 โดยต้องการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และผู้รับเหมา ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อและไม่แน่นอนสูง จึงสามารถพูดได้ว่ามาตราการ LTV ใหม่ส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ อย่างเต็มที่ ปลดล็อคมาตราการ LTV 100% จะส่งผลดีอย่างไร มาตราการปลดล็อคนี้นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ เเล้ว ยังช่วยกลุ่มผู้กู้สินเชื่อได้อีกหลายกลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มผู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกต่ำกว่า 10 ล้านบาท
2. กลุ่มผู้กู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตั้งแต่สัญญาที่ 2 ขึ้นไปในราคาต่ำกว่า หรือมากกว่า 10 ล้านบาท
3. กลุ่มผู้กู้ร่วม
สำหรับใครที่อยากมีบ้าน/คอนโด ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีมีมาตราการ LTV ช่วยสนับสนุน ถ้าหากใครประเมินการผ่อนบ้านและคอนโดแล้วว่าตนเองผ่อนไหว ก็รีบไปที่ธนาคาร เพราะการปลดล็อกสินเชื่อที่อยู่อาศัยครั้งนี้จะอยู่ถึงแค่สิ้นปี 2565 เท่านั้น และยังไม่รู้ว่าจะต่อระยะต่อไปอีกหรือไม่ หรือจะกลับมาจำกัดอีกครั้ง และจำกัดในสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน ต้องรอติดตามมาตราการจากแบงค์ชาติกันต่อไป สุดท้ายขอฝากโครงการ โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ของ CMC ทั้งหมด 13 โครงการ พร้อมกับโครงการทาวน์โฮมเเละบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่อีก 2 โครงการ ได้เเก่ 1. เดอะ คิวเว่ ติวานนท์ ราคาเริ่ม 3.49 ลบ.* โครงการทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ได้แก่ คาซ่า ดีว่า สาทร – กัลปพฤกษ์ ราคาเริ่ม 5.19 ลบ.* และโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ ได้แก่ เดอะ ริช พระราม 2 ราคาเริ่ม 28 ลบ.* ติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.CMC.co.th หรือ Call Center 1172 และ Facebook Fanpage CMC GROUP แม้ปีนี้สถานการณ์หลายอย่างยังคงไม่น่าไว้วางใจ แต่สำหรับคนที่เก็บเงินเตรียมซื้อบ้านมานาน ปีนี้อาจจะเหมาะที่สุดก็เป็นได้ เนื่องจากมีมาตรการดีๆ ที่เอื้อให้สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ในเงื่อนไขที่น่าพึงพอใจ ‘ตลาดนัดบ้านมือสอง’ ชวนมาอัปเดตกันว่ามีมาตรการอะไรบ้าง • มาตรการ LTV กู้ซื้อบ้านได้เต็ม 100% • มาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท • มาตรการคงราคาประเมินที่ดินและบ้าน • มาตรการคงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 0.5% ต่อปี จากมาตรการดีๆ ของปีนี้จะเห็นว่าเป็นโอกาสดีสำหรับคนซื้อบ้านจริงๆ หากเก็บหอมรอมริบมาสักระยะหนึ่งแล้ว ช่วงนี้อาจจะได้ตัดสินใจกันสักที เพราะด้วยตัวช่วยเหล่านี้ การมีบ้านสักหลังเป็นเรื่องง่ายขึ้นแน่นอน |