วิชาเครื่องยนต์สันดาปภายใน 30101-2003

30101-2003 งานเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ทฤษฏีจำนวน 3 คาบ : จำนวน 3 หน่วยกิต) (Internal Combustion Engine )

จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้

  1. เข้าใจเกี่ยวกับหลักการทํางานของเครื่องยนตแก๊สโซลีนและดีเซล
  2. สามารถคำนวณอัตราส่วยนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและประสิทธิภาพของความร้อน
  3. เข้าใจหลักการและวิธีการแก้ไขการเกิดมลภาวะจากยานยนต์
  4. มีกิจนิสัยที่ดีในการสืบเสาะหาความรู้ในการทำงานปฎิบัติงานด้วยความประณีตรอบคอบ ประหยัด มีวินัย ตรงต่อเวลา ตระหนักถึงความปลอดภัยและรักษาสภาพแวดล้อม

สมรรถนะรายวิชา

  1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการทํางานของเครื่องยนตแก๊สโซลีนและดีเซล
  2. คำนวณอัตราส่วยนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและประสิทธิภาพของความร้อน
  3. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการแก้ไขการเกิดมลภาวะจากยานยนต์
  4. แสดงความรู้เกี่ยวกับการสืบเสาะหาความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน

คำอธิบายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับหลักการเบื้องต้นของเทอร์โมไดนามิกส์และประยุกต์ใช้งานของเครื่องยนต์สันดาปภายใน วัฎจักรการทำงานของเครื่องยนต์ การผสมกันระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ประสิทธิภาพความร้อน การฉีดเชื้อเพลิงการสันดาป โครงสร้างลักษณะการออกแบบห้องสันดาป การเกิดมลภาวะจากยานยนต์ การน็อกของเครื่องยนต์

1.2.2 พลงั งานจลน์ (Kinetic energy) คอื พลงั งานทเี กดิ ขึนกบั วตั ถุทกี าํ ลงั เคลอื นที เช่น รถยนตก์ าํ ลงั แลน่

ซึงสามารถเขยี นเป็นสมการไดด้ งั นี

KE ₌ mC ……… (1.02)

เมือ KE ₌ พลงั งานจลน์ มหี น่วยเป็น (N.m หรือ J)

m₌ มวลของวตั ถุ มหี น่วยเป็น (kg)

C ₌ ความเร็วของวตั ถุ มหี น่วยเป็น (m/s)

1.2.3 พลังงานภายใน (Internal energy) คือ ผลรวมของพลังงานอันเนืองมาจาก พลังงานจากการ

เคลือนที การสันของโมเลกลุ ซึงสามารถเขียนเป็นสมการไดด้ งั นี

U ₌ mc T ……… (1.03)

เมือ U ₌ พลงั งานภายใน มีหน่วยเป็น (kN.m หรือ kJ)

m₌ มวลของสาร มหี น่วยเป็น (kg)

c ₌ คา่ ความจุความร้อนจาํ เพาะทปี ริมาตรคงที

มีหน่วยเป็น (kN.m/kg.K หรือ kJ/kg.K)

T ₌ อณุ หภูมสิ มั บรู ณ์ของสาร มีหน่วยเป็น (K)

3

1.2.4 พลงั งานจากการไหล (Flow energy) คือ พลงั งานทีผลกั ดนั ให้มวลไหลผ่านขอบเขตเขา้ สู่ระบบ

หรือออกจากระบบ ซงึ สามารถเขยี นเป็นสมการไดด้ งั นี

Wf ₌ PV ……… (1.04)
₌ พลงั งานจากการไหล มีหน่วยเป็น (N.m หรือ J)
เมือ Wf ₌ ความดันของสาร มีหน่วยเป็น (N/m )
P

V ₌ ปริมาตรของสาร มหี น่วยเป็น (m )

1.2.5 พลงั งานความร้อน (Thermal energy) คือ พลงั งานทีสามารถเคลอื นทีจากทีหนึงไปยงั อกี ทหี นึงได้

โดยการแผร่ ังสีความรอ้ นหรือถา่ ยเทความรอ้ น ซึงสามารถเขยี นเป็นสมการไดด้ งั นี

Q ₌ ∆U + W ……… (1.05)

เมอื Q ₌ ความรอ้ นทถี ่ายเท มีหน่วยเป็น (N.m หรือ J)

∆U ₌ การเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน มหี น่วยเป็น

(N.m หรือ J)

W₌ งานภายนอก มหี นว่ ยเป็น (N.m หรือ J)

1.2.6 พลงั งานระบบ (System energy) คือ พลงั งานทีเกดิ ขนึ จากการออกแรงกระทาํ ต่อของไหลให้

เป็นระยะทาง เพอื ให้ของไหลไดห้ ลดุ เขา้ หรือออกจากระบบ ซึงสามารถเขยี นเป็นสมการไดด้ งั นี

Ws ₌ F.S ……… (1.06)
เมอื Ws ₌ พลงั งานระบบ มหี น่วยเป็น (N.m หรือ J)

F ₌ แรงทีทาํ ให้ของไหลเคลอื นที มหี น่วยเป็น (N)

s ₌ ระยะทางการเคลอื นทีของของไหลมีหน่วยเป็น (m)

ตัวอย่าง . เครืองยนตส์ ันดาปภายในเครืองหนึง ในขณะทที าํ งานในจงั หวะอดั มีการสูญเสียความรอ้ นให้กบั นาํ
หล่อเย็น 50 kJ และตอ้ งใช้งานในการอัดอากาศ 100 kJ จงคาํ นวณหาการเปลียนแปลงพลังงานภายในของ
เครืองยนตท์ ีสภาวะดงั กล่าว

โจทยก์ าํ หนด Q ₌ - 50 kJ
W ₌ - 100 kJ

∆U ₌ ?

จาก สมการพลงั งานความร้อน Q ₌ ∆U + W
แต่โจทยต์ อ้ งการให้คาํ นวณหา การเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน (∆U)

ดงั นนั จงึ ตอ้ งยา้ ยสมการขา้ งตน้ จงึ จะได้

4

∆U ₌ Q - W
แทนคา่ ลงในสมการ ₌ (-50) - (- 100 )

จะได้ ∆U ₌ 50 kJ (คาํ ตอบเป็นบวก)
เพราะฉะนันการเปลยี นแปลงพลงั งานภายในของเครืองยนตน์ ีจะมีค่าเพิมขึนเทา่ กบั 50 kJ ตอบ

ตัวอย่าง . เครืองยนต์สันดาปภายในเครืองหนึงมีพลงั งานภายในเพิมขึน kJ ในขณะทีมีงานออกจาก
เครืองยนต์ kJ อยากทราบวา่ เครืองยนตน์ ีจะมีการรบั หรือสูญเสียความร้อนเท่าใด

โจทยก์ าํ หนด ∆U ₌ 140 kJ
W ₌ - 180 kJ
Q₌ ?

จาก สมการพลงั งานความร้อน Q ₌ ∆U + w
แทนค่าลงในสมการ ₌ (140) + (- 180 )

จะได้ Q ₌ -40 kJ (คาํ ตอบเป็นลบ)
เพราะฉะนันเครืองยนตน์ ีจะมกี ารสูญเสียความรอ้ นเทา่ กบั 0 kJ ตอบ

1.3 ความสัมพนั ธ์ระหว่าง Cv , Cp , k และ R
เมือ k คือค่าคงทีของสารตวั กลาง ซึงหาไดจ้ ากอตั ราส่วนค่าความจุความร้อนจาํ เพาะทีความดันคงที

(CP) ต่อค่าความจคุ วามรอ้ นจาํ เพาะทีปริมาตรคงที (CV) ดงั สมการ ( . )

k₌ ……… (1.07)

และเมือ R คือ ค่าคงทีเฉพาะของแก๊สนนั ๆ ซึงหาไดจ้ ากสมการ

R₌ CP - CV ……… (1.08)
CV + R ……… (1.09)
แต่ CP ₌

จากสมการการเปลยี นแปลงเอนทาลปี

∆H ₌ ∆U + ∆PV ……… (1.10)
……… (1.11)
₌ mCV∆T + mR∆T
m (CV + R) ∆T
₌ m CP ∆T

∴ ∆H ₌ mCV∆T + mR∆T

ดงั นนั จากสมการที...( . ) จะไดเ้ ป็น

m CP ∆T ₌

นาํ ค่า mCV∆T มาหารตลอด จะได้

∆₌ ∆+ ∆

∆ ∆∆

5

₌ 1+

k₌ 1+ ……… (1.12)
……… (1.13)
โดยค่า k จะตอ้ งมคี า่ มากกวา่ เสมอ k . CV ……… (1.14)
และจากสมการที ...( . ) จะได้

k-1 ₌

CV ₌

แต่คา่ CP ₌

เมอื CV

ดงั นนั จะไดค้ ่า CP ₌ k

ตัวอย่าง . จงคาํ นวณหาค่าคงทขี องแกส๊ ฮีเลียม (He) ซึงมคี ณุ สมบตั ิดงั นี

CP ₌ 5.2335 kJ/kg.K
3.1568 kJ/kg.K
CV ₌ ?
R₌

จากขอ้ มูลทโี จทยก์ าํ หนดให้ จะใชส้ มการ

R₌ CP - CV
แทนคา่ ลงในสมการ ₌ 5.2335 - 3.1568

จะได้ R ₌ 1.6578 kJ/kg.K

เพราะฉะนนั จะไดค้ า่ คงทขี องแก๊สฮีเลียมเท่ากบั 1.6578 kJ/kg.K ตอบ

ตวั อย่าง . อากาศมคี ณุ สมบตั ดิ งั นี

CP ₌ 1.0048 kJ/kg.K
R₌ 0.2868 kJ/kg.K

จงคาํ นวณหา ) คา่ ความจคุ วามรอ้ นจาํ เพาะทปี ริมาตรคงที (CV)
) ค่าคงทขี องอากาศ (k)

ขอ้ ) คาํ นวณหาคา่ ความจคุ วามร้อนจาํ เพาะทีปริมาตรคงทขี องอากาศ (CV)
จากขอ้ มูลทีโจทยก์ าํ หนดให้ จะใชส้ มการ

R ₌ CP - CV
แต่โจทยต์ อ้ งการหาค่า CV ดงั นนั จึงตอ้ งยา้ ยสมการขา้ งตน้ จะได้

6

CV ₌ CP - R
แทนค่าลงในสมการ ₌ 1.0048 - 0.2868

จะได้ CV ₌ 0.718 kJ/kg.K
เพราะฉะนนั จะไดค้ ่าความจคุ วามรอ้ นจาํ เพาะทีปริมาตรคงทขี องอากาศเทา่ กบั 0.718 kJ/kg.K ตอบ

ขอ้ ) คาํ นวณหาคา่ ค่าคงทีของอากาศ (k)

จากขอ้ มูลทีโจทยก์ าํ หนดให้ จะใชส้ มการ

k₌

แทนค่าลงในสมการ ₌ .
จะได้ k ₌ .

เพราะฉะนนั จะไดค้ ่าคงทีของอากาศเทา่ กบั 1.4 ตอบ 1.4

แบบฝึ กหดั บทที
เรือง สมการพนื ฐานทางเทอร์โมไดนามกิ ส์

. จะมพี ลงั งานศกั ยเ์ ท่าไร เมอื มวล kg ถกู ยกใหส้ ูงขนึ จากพืนหอ้ ง m
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

7

2.ในจงั หวะอดั ของเครืองยนตด์ ีเซล ตอ้ งใช้พลงั งานในการอดั kJ และมีการสูญเสียพลงั งานความร้อนส่วน
หนึงให้กบั ระบบหลอ่ เยน็ kJ จงคาํ นวณหาการเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

3. แก๊สอเี ทน (C2H6) มีคุณสมบตั ิดงั นี
k ₌ 1.18
R ₌ 0.2721 kJ/kg.K
จงคาํ นวณหา ) คา่ ความจคุ วามร้อนจาํ เพาะทคี วามดนั คงที (CP)
) ค่าความจุความรอ้ นจาํ เพาะทปี ริมาตรคงที (CV)

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

8
บทที
กระบวนการของแก๊สในอดุ มคติ
กระบวนการ หมายถึง การเปลียนแปลงสภาวะของสารตวั กลางภายในระบบจากสภาวะหนึงไปยงั อกี
สภาวะหนึงโดยทีคุณสมบตั ขิ องระบบอยา่ งนอ้ ยหนึงอย่างมีการเปลยี นแปลง จึงถอื ว่ามกี ารเปลียนแปลงสภาวะ
หรือกระบวนการ สําหรบั เส้นทางทแี สดงการเปลียนแปลงสภาวะอยา่ งตอ่ เนืองในระหวา่ งการเกดิ กระบวนการ
เรียกว่า เส้นทางการเปลียนแปลงกระบวนการ ดังนันในบทเรียนนีจะเป็ นการศึกษาถึงกระบวนการต่าง ๆ
ซึงไดแ้ ก่
2.1 กระบวนการปริมาตรคงที (Constant Volume หรือ Isometric Process)
คือกระบวนการทีสารตวั กลางเกิดการเปลียนแปลงสภาวะจากจุดเริ มตน้ (จุดที ) ไปยงั จุดสุดทา้ ย
(จุดที ) โดยทีปริมาตรของสารตวั กลางมคี า่ คงที ดงั รูปที .

รูปที . การเปลียนแปลงสภาวะของสารตวั กลางเมือปริมาตรคงที

รูปที 2.2 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความดนั รูปที 2.3 ความสัมพนั ธ์ระหว่างอณุ หภมู ิ
กับปริมาตร เมอื V = C กบั เอนโทรปี เมือ V = C

9

จากแผนภาพ P-V และ T-S Diagram จะได้ความสัมพันธ์ระหว่าง P , V , และ T ดงั นี

. . จากสมการแกส๊ ในอดุ มคติ ₌

เมือ V = C จะได้ สมการดงั ตอ่ ไปนี

₌ หรือ ₌ ……… (2.01)

2.1.2 สมการแกส๊ สมั บรู ณ์ PV ₌ mRT ……… (2.02)
……… (2.03)
2.1.3 งานสาํ หรับกระบวนการทไี มม่ ีการไหล (Wn) ……… (2.04)
……… (2.05)
Wn ₌ ∫ Pdv ₌ 0
……… (2.06)
2.1.4 การเปลียนแปลงพลงั งานภายใน (∆U)

∆U ₌ m CV (T2-T1)

2.1.5 การเปลียนแปลงเอนทาลปี (∆H)

∆H ₌ m CP (T2-T1)

2.1.6 พลงั งานความร้อน (Q)

Q ₌ ∆U + W แตเ่ นืองจาก W ₌ 0 (เมอื V = C)

∴ Q ₌ m Cv (T2-T1) ₌ ∆U

2.1.7 การเปลยี นแปลงเอนโทรปี (∆S)

∆S ₌ ∫ ( เมือ dQ ₌ dU ₌ m CvdT )

₌ mc ∫12 dT
₌ T

mc In[T]

mc (In T2- In T1)

∴ ∆S ₌ mc ln ……… (2.07)

และเมือ ₌

∴ ∆S ₌ mc ln ……… (2.08)

10

ตัวอย่าง . แก๊สในอุดมคติจาํ นวนหนึงบรรจุอยู่ในภาชนะปิ ดมีความดันขา้ งตน้ . bar อุณหภูมิ 27 °C เมือ
เพิมความดันเขา้ ไปทาํ ให้อุณหภูมิของแก๊สเพิมขึนเป็น 600 oC โดยการเปลียนแปลงนีเป็นแบบกระบวนการ
ปริมาตรคงที จงคาํ นวณหาความดนั หลงั การเปลยี นแปลง

โจทยก์ าํ หนด P1 ₌ 1.2 bar
T1 ₌ 27 + 273 ₌ 300 K
T2 ₌ 600 + 273 ₌ 873 K

หาค่า P1 เมือ V = C จากความสัมพนั ธ์

P2 ₌ PT2

T1 1

แทนคา่ ลงในสมการ ₌ 873 x 1.2
จะได้ P2 ₌
300

3.492 bar

เพราะฉะนนั ความดนั หลงั การเปลยี นแปลงจะมีคา่ เทา่ กบั . bar ตอบ

ตัวอย่าง . ถังใบหนึงมีปริมาตร 0.18 m3 ภายในบรรจุอากาศมีมวล 2.65 kg ความดัน 18 bar อุณหภูมิ

168 °C ถา้ ปล่อยให้อุณหภมู ิของอากาศภายในถงั เยน็ ลง จนความดนั ลดลงเหลอื 12 bar จงคาํ นวณหาอุณหภมู ิ

หลงั การเปลยี นแปลง การถ่ายเทความร้อน และการเปลยี นแปลงเอนโทรปี

โจทยก์ าํ หนด V1 ₌ V2 ₌ 0.18 m3 m ₌ 2.65 kg P1 ₌ 18 bar
T1 ₌ 168 + 273 ₌ 441 K
Cp ₌ 1.02 kJ/kg.K P2 ₌ 12 bar

Cv ₌ 0.733 kJ/kg.K

11

) คาํ นวณหาค่ามวลของอากาศ จากสมการ

P1V1 ₌ mRT1
R₌ Cp – Cv
แทนค่าลงในสมการ ₌ 1.02 – 0.733 kJ/kg.K

จะได้ R ₌ 0.287 kJ/kg.K

m₌

แทนค่าลงในสมการ ₌ . ₌ 2.56 kg

.

) คาํ นวณหาอณุ หภูมิหลงั การเปลียนแปลง จากสมการ

T2 ₌ T1 P2
P1

แทนค่าลงในสมการ ₌ 441 x 12 K
18

จะได้ T2 ₌ 294 K

เพราะฉะนนั อณุ หภูมสิ ุดทา้ ยจะมคี ่าเทา่ กบั K ตอบ

12

) คาํ นวณหาการถา่ ยเทความรอ้ น จากสมการ

Q₌ m Cv (T2-T1)
แทนค่าลงในสมการ ₌ 2.65x0.733x(294 - 441) kJ

จะได้ Q ₌ -285.54 kJ

เพราะฉะนนั จะไดค้ วามร้อนทีถ่ายเทออกจากถงั เทา่ กบั . kJ ตอบ

) คาํ นวณหาการเปลียนแปลงเอนโทรปี จากสมการ

∆S ₌ mc ln

แทนค่าลงในสมการ ₌ 2.65x0.733 ln
จะได้ ∆S ₌ - 0.79 kJ/K

เพราะฉะนนั จะไดก้ ารเปลียนแปลงเอนโทรปี เท่ากบั . kJ/K ตอบ

แบบฝึ กหดั ที 2.1
เรือง กระบวนการปริมาตรคงที (Constant Volume หรือ Isometric Process)

1. จงเขยี นแผนภาพ (P-V Diagram) และ (T-S Diagram) ของกระบวนการปริมาตรคงทใี หถ้ ูกตอ้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

13

2. แกส๊ มเี ทน (CH4) หนกั kg มคี วามดนั bar มีปริมาตร . m3 ภายหลงั จากการเปลยี นแปลงกระบวนการ
แบบปริมาตรคงทีจนมีอุณหภูมสิ ูงขนึ ถงึ ,400 K จงคาํ นวณหา

. อุณหภูมขิ องแกส๊ มีเทนกอ่ นการเปลยี นแปลง
. พลงั งานความร้อนทีถา่ ยเท
. เอนโทรปี ของระบบ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

14

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

15
2.2 กระบวนการความดนั คงที (Constant Pressure หรือ Isobaric Process)

คือกระบวนการทีสารตวั กลางเกิดการเปลียนแปลงสภาวะจากจุดเริ มตน้ (จุดที ) ไปยงั จุดสุดทา้ ย
(จดุ ที ) โดยทคี วามดนั ของสารตวั กลางมคี า่ คงที ดงั รูปที .

รูปที . การเปลยี นแปลงสภาวะของสารตวั กลางเมอื ความดนั คงที

รูปที . ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความดนั รูปที . ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอุณหภูมิ
กบั ปริมาตร เมือ P = C กบั เอนโทรปี เมอื P = C

จากแผนภาพ P-V และ T-S Diagram จะได้ความสัมพนั ธ์ระหว่าง P , V , และ T ดงั นี

. . จากสมการแกส๊ ในอดุ มคติ ₌

16

เมือ P = C จะได้ สมการดงั ตอ่ ไปนี

₌ หรือ ₌ ……… (2.09)

2.2.2 สมการแกส๊ สมั บรู ณ์ PV ₌ mRT ……… (2.10)

2.2.3 งานสําหรับกระบวนการทีไม่มกี ารไหล (Wn) ……… (2.11)

Wn ₌ ∫ Pdv ……… (2.12)
เมอื P ₌ ……… (2.13)
C ……… (2.14)

จะได้ Wn ₌ P ∫ dv ……… (2.15)

∴ Wn ₌ P(V2 - V1) ( เมอื dQ ₌ dU ₌ m CP dT )
จาก PV ₌ P V2 - P V1
mRT

Wn ₌ mRT2 - mRT1
₌ mR (T2 - T1)

∴ Wn ₌ mR ∆T

2.2.4 การเปลียนแปลงพลงั งานภายใน (∆U)

∆U ₌ m CV (T2-T1)

2.2.5 การเปลียนแปลงเอนทาลปี (∆H)

∆H ₌ m CP (T2-T1)

2.2.6 พลงั งานความร้อน (Q)

Q ₌ ∆U + W
₌ mCV∆T + mR∆T

∴ Q ₌ m CP ∆T
2.1.7 การเปลยี นแปลงเอนโทรปี (∆S)

∆S ₌ ∫

17

₌ mc ∫12 dT
₌ T

∴ ∆S ₌ mc In[T]
และเมือ ₌
mc (In T2- In T1)
∴ ∆S ₌
mc ln ……… (2.16)
……… (2.17)
mc ln

ตวั อย่าง 2.3 แก๊สไนโตรเจนขยายตวั ภายในกระบอกสูบจากความดนั kPa ปริมาตร . m3 อุณหภมู ิ oC

หลงั จากขยายตวั แลว้ มปี ริมาตรเพิมขึนเป็น เท่าของปริมาตรเดิม โดยการขยายตวั นีเป็นแบบกระบวนการความ

ดนั คงที จงคาํ นวณหาอณุ หภูมหิ ลงั การขยายตวั ความร้อนทีถ่ายเท และงานทไี ด้

โจทยก์ าํ หนด P1 ₌ P2 ₌ 470 kPa V2 ₌ 3 V1 หรือ . m3
V1 ₌ 0.12 m3

) คาํ นวณหาอุณหภูมิหลงั การขยายตวั จากสมการ T1 V2 K
V1
T2 ₌
แทนค่าลงในสมการ ₌ 370 x 0.36
0.12

18

จะได้ T2 ₌ 1,100 K

เพราะฉะนนั อุณหภมู หิ ลงั การขยายตวั จะมคี า่ เทา่ กบั 1,100 K ตอบ

- หามวลของแกส๊ ไนโตรเจน จากสมการ

m₌

แทนคา่ ลงในสมการ ₌ .
.

จะได้ m ₌ 0.513 kg

) คาํ นวณหาปริมาณความร้อนทีถา่ ยเท จากสมการ

Q₌ m Cp (T2-T1)
แทนคา่ ลงในสมการ ₌ 0.153 x 1.041 x (1,100 - 370) kJ

จะได้ Q ₌ 395.184 kJ

เพราะฉะนนั จะไดค้ วามรอ้ นทถี ่ายเทเขา้ สู่ระบบ เทา่ กบั 395.184 kJ ตอบ

3) คาํ นวณหางานจากการขยายตวั ของสารตวั กลางในระบบ จากสมการ

Wn ₌ P ( V2 - V1 )
แทนค่าลงในสมการ ₌ 470 x (0.36 – 0.12)

จะได้ Wn ₌ 112.8 kJ

เพราะฉะนนั จะไดง้ านจากการขยายตวั ของสารตวั กลางในระบบ เท่ากบั 112.8 kJ ตอบ

ตวั อย่าง 2.4 อากาศจาํ นวน . kg ถูกอดั ตวั ในกระบอกสูบทมี ีอณุ หภูมิ oC แบบกระบวนการความดนั คงที
จนกระทงั ปริมาตรลดลง / เท่าของปริมาตรเริมตน้ จงคาํ นวณหาอุณหภมู ิสุดทา้ ยหลงั การอดั อากาศ งานทีใช้
อดั อากาศ และการถ่ายเทความรอ้ น กาํ หนดใหค้ วามดนั ในระบบมคี า่ . bar

โจทยก์ าํ หนด m ₌ 0.12 kg P1 ₌ P2 ₌ 6.8 bar
T1 ₌ 125 + 273 ₌ 398 K Cp ₌ 1.013 kJ/kg.K
Cv ₌ 0.726 kJ/kg.K R ₌ 0.287 kJ/kg.K

19

) คาํ นวณหาค่าอุณหภูมสิ ุดทา้ ยหลงั การอดั อากาศ จากสมการ

T2 ₌ T V2
แต่ V2 ₌ 1 V1
V

ดงั นนั ₌ 398 x V1 K
3V1

จะได้ ₌ 132.67 K

เพราะฉะนนั อณุ หภมู ิสุดทา้ ยหลงั การอดั อากาศจะมคี า่ เทา่ กบั 132.67 K ตอบ

- หาปริมาตร V จากสมการ

V1 ₌

แทนค่าลงในสมการ ₌ ..
.

จะได้ V1 ₌ 0.02 m3

) คาํ นวณหางานทใี ชใ้ นการอดั อากาศ จากสมการ

Wn ₌ P ( V2 - V1 )
แทนคา่ ลงในสมการ ₌ 6.8 x 102 (0.0067 – 0.02)
₌ -9.044 kJ
จะได้ Wn

20

เพราะฉะนนั จะตอ้ งใช้งานในการอดั อากาศ เท่ากบั . kJ ตอบ
) คาํ นวณหาการถา่ ยเทความรอ้ น จากสมการ

Q ₌ m Cp (T2-T1)
₌ 0.12 x 1.013 x (132.67 - 398) kJ
₌ -32.25 kJ

เพราะฉะนนั จะไดค้ วามรอ้ นทีถ่ายเทออกจากกระบอกสูบ เทา่ กบั . kJ ตอบ

แบบฝึ กหดั ที 2.2
เรือง กระบวนการความดนั คงที (Constant Pressure หรือ Isobaric Process)

1. จงเขียนแผนภาพ (P-V Diagram) และ (T-S Diagram) ของกระบวนการความดนั คงทีให้ถกู ตอ้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

21

2. แกส๊ ออกซิเจน (O2) ขยายตวั แบบยอ้ นกลบั ได้ ในกระบอกสูบทีมคี วามดนั คงที bar โดยมปี ริมาตรกอ่ นการ
ขยายตวั . m3 และมปี ริมาตรหลงั การขยายตวั . m3อุณหภมู ิขนั แรก oC โดยสมมตุ วิ า่ แกส๊ ออกซิเจน
(O2) เป็นแก๊สในอดุ มคติ จงคาํ นวณหา

. งานทีเกดิ ขนึ จากการขยายตวั
. พลงั งานความรอ้ นทถี า่ ยเท
. เอนทาลปี ของระบบ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

22

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

23
2.3 กระบวนการอุณหภูมิคงที (Constant Temperature หรือ Isothermal Process)

คือกระบวนการทีสารตวั กลางเกิดการเปลียนแปลงสภาวะจากจุดเริ มตน้ (จุดที ) ไปยงั จุดสุดทา้ ย
(จดุ ที ) โดยทอี ณุ หภมู ขิ องสารตวั กลางมคี า่ คงที ดงั รูปที .

รูปที . การเปลยี นแปลงสภาวะของสารตวั กลางเมอื อุณหภมู ิคงที

รูปที 2.8 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความดนั รูปที 2.9 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอุณหภูมิ
กบั ปริมาตร เมือ T = C กบั เอนโทรปี เมอื T = C

จากแผนภาพ P-V และ T-S Diagram จะได้ความสัมพนั ธ์ระหว่าง P , V , และ T ดงั นี

. . จากสมการแก๊สในอุดมคติ ₌

24

เมือ T = C จะได้ สมการดงั ต่อไปนี

P1V1 ₌ P2V2 ……… (2.18)
2.3.2 สมการแกส๊ สัมบูรณ์ PV ₌ mRT ……… (2.19)

2.3.3 งานสาํ หรบั กระบวนการทีไมม่ กี ารไหล (Wn) ……… (2.20)
……… (2.21)
Wn ₌ ∫ Pdv
เนืองจาก PV ₌ ……… (2.22)
แทนค่า Wn ₌ C ดงั นนั P ₌
……… (2.23)
∫ dv ……… (2.24)

₌ C∫ เมอื PV ₌ mRT
₌ C ln

∴ Wn ₌ PV ln หรือ mRT ln

∴ Wn ₌ PV ln หรือ mRT ln

2.3.4 การเปลียนแปลงพลงั งานภายใน (∆U) และเอนทาลปี (∆H)

สาํ หรบั แกส๊ ในอดุ มคติ ∆U ₌ m CV (∆T)
และ ∆H ₌ m CP (∆T)
แต่ T1 ₌ T2 (T ₌ C ) ∴ ∆T ₌ 0

ดงั นนั ∆U ₌ ∆H ₌ 0

2.3.5 พลงั งานความรอ้ น (Q)

Q ₌ ∆U + W
แต่ ∆U ₌ 0 ∴ Q ₌ W

ดงั นนั Q ₌ PV ln หรือ mRT ln

ดงั นนั Q ₌ PV ln หรือ mRT ln

25

2.3.6 การเปลียนแปลงเอนโทรปี (∆S) เมือ T ₌ C และ Q ₌ PV ln

∆S ₌ ∫

₌ ∫ dQ

ดงั นนั ∆S ₌ ln หรือ mR ln ……… (2.25)

ดงั นนั ∆S ₌ ln หรือ mR ln ……… (2.26)

ตัวอย่าง . แก๊สบิวเทน (C4H10) จาํ นวน kg ปริมาตร . m3 ความดัน . bar เกิดการเปลียนแปลงตาม
กระบวนการอุณหภูมิคงที จนความดนั ลดลงเหลือ . bar จงคาํ นวณหาพลงั งานความร้อนทีถ่ายเท และการ

เปลยี นแปลงของเอนโทรปี

โจทยก์ าํ หนด m ₌ 2 kg V1 ₌ 0.05 m3
P1 ₌ 7.5 bar P2 ₌ 1.2 bar
R ₌ 0.1433 kJ/kg.K

) คาํ นวณหาพลงั งานความรอ้ นทถี า่ ยเท จากสมการ
Q₌ W
Q ₌ P1V1 ln

26

แทนค่าลงในสมการ ₌ 7.8 x 0.05 x 102 x ln .
จะได้ Q ₌ .

73 kJ

เพราะฉะนนั จะไดค้ วามร้อนทถี ่ายเทเขา้ สู่ระบบ เท่ากบั 73 kJ ตอบ

) คาํ นวณหาการเปลยี นแปลงของเอนโทรปี จากสมการ

∆S ₌ mR ln
2 x 0.1433 x ln .
แทนค่าลงในสมการ ₌
.
จะได้ ∆S ₌
0.563 kJ/K

เพราะฉะนนั จะไดก้ ารเปลยี นแปลงของเอนโทรปี เทา่ กบั 0.563 kJ/K ตอบ

ตวั อย่าง .6 ในกระบอกสูบของเครืองยนตข์ นาดใหญ่ มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ kg ทีอุณหภมู ิ oC และ

ความดัน bar ขยายตัวภายใตก้ ระบวนการอุณหภูมิคงที ทีความดัน . bar จงคาํ นวณหาปริมาตรสุดท้าย

ของแกส๊ จะมีค่าเท่าไร กาํ หนดให้ R = 189 N.m/kg.K

โจทยก์ าํ หนด m ₌ 1 kg T1 ₌ T2 ₌ 257 + 273 ₌ 800 K
P1 ₌ 20 bar P2 ₌ 6.8 bar

คาํ นวณหาค่าปริมาตรสุดทา้ ยหลงั การอดั จากสมการ

P1V1 ₌ mRT1
และ V1 ₌

27

แทนค่าลงในสมการ ₌

จะได้ V1 ₌ 0.0756 m3

จากความสมั พนั ธร์ ะหว่างสภาวะที และ

เนืองจากเป็นกระบวนการอณุ หภมู คิ งที T1 ₌ T2

ดงั นนั P1V1 ₌ P2V2

หรือ V2 ₌ V

₌ x 0.0756

.

₌ 1.08 m3

เพราะฉะนนั ปริมาตรสุดทา้ ยหลงั การอดั จะมคี ่าเทา่ กบั . m3 ตอบ

แบบฝึ กหดั ที .
เรือง กระบวนการอณุ หภูมิคงที (Constant Temperature หรือ Isothermal Process)

1. จงเขยี นแผนภาพ (P-V Diagram) และ (T-S Diagram) ของกระบวนการอณุ หภมู ิคงทีใหถ้ ูกตอ้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

28

2. อากาศทีอณุ หภมู ิ oC ความดนั bar ถูกอดั ตวั แบบกระบวนการอณุ หภูมคิ งที จนปริมาตรจาํ เพาะลดลง
เหลือ . m3/kg จงคาํ นวณหา

. การเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน
. การเปลยี นแปลงเอนโทรปี
. พลงั งานความร้อนทีถ่ายเท
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

29

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

30
2.4 กระบวนการเอนโทรปี คงที (Constant Entropy หรือ Isentropic Process)

กระบวนการนีบางครังเรียกว่า กระบวนการแอเดียแบติก หรือกระบวนการไอเซนทรอปิ คแบบ
ยอ้ นกลบั ได้ (Reversible Adiabatic Process) หมายถึงกระบวนการทีมีการเปลียนแปลงสภาวะโดยเอนโทรปี มี
ค่าคงที หรือกระบวนการทีไม่มีการถ่ายเทความร้อนระหว่างระบบกับสิงแวดล้อม Q = 0 หรือ dQ = 0
ดงั รูปที .

รูปที 2.10 การเปลียนแปลงสภาวะของสารตวั กลางเมอื เอนโทรปีคงที

รูปที 2.11 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความดนั รูปที 2.12 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างอณุ หภูมิ
กบั ปริมาตร เมอื S = C กับเอนโทรปี เมือ S = C

31

จากแผนภาพ P-V และ T-S Diagram จะได้ความสัมพันธ์ระหว่าง P , V , และ T ภายใต้กระบวนการเอนโทรปี
คงที ซึงในเนือหานีจะมีสมการทีค่อนข้างซับซ้อนอยู่เป็ นจํานวนมาก ดังนันผู้เรียบเรียงจึงได้สรุปสมการเพอื
นาํ ไปใช้สําหรับการคํานวณในกระบวนการนไี ว้โดยเฉพาะ ดงั นี

2.4.1 สรุปความสัมพนั ธจ์ ากสมการแก๊สในอุดมคติ ไดด้ งั นี

∴ T2 ₌ ₌ ……… (2.27)
T1 ……… (2.28)
PV ₌ mRT
2.4.2 สมการแกส๊ สมั บูรณ์ ……… (2.29)
……… (2.30)
2.4.3 สรุปความสมั พนั ธ์จากงานสาํ หรับกระบวนการทไี มม่ ีการไหล (Wn) ไดด้ งั นี ……… (2.31)
……… (2.32)
∴ Wn ₌ ……… (2.33)
……… (2.34)
หรือ ……… (2.35)

∴ Wn ₌ () ……… (2.36)

2.4.4 สรุปความสมั พนั ธ์จากการเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน (∆U) ไดด้ งั นี

∴ ∆U ₌ -

หรือ

∴ ∆U ₌ -( )

2.4.5 สรุปความสัมพนั ธ์จากการเปลยี นแปลงเอนทาลปี (∆H) ไดด้ งั นี

∴ ∆H ₌ - k . Wn

หรือ

∴ ∆H ₌ -k

หรือ

∴ ∆H ₌ -k ( )

2.4.6 สรุปความสมั พนั ธ์พลงั งานความร้อน (Q) ไดด้ งั นี

เนืองจากเป็นกระบวนการเอนโทรปีคงที (S = C)

∴Q₌ 0

32

2.4.7 สรุปความสัมพนั ธจ์ ากการเปลยี นแปลงเอนโทรปี (∆S) ไดด้ งั นี

เนืองจากเป็นกระบวนการเอนโทรปีคงที (S = C)

∴ ∆S ₌ 0 ……… (2.37)

ตวั อย่าง . เครืองอดั อากาศเครืองหนึงทาํ งานตามกระบวนการ Isentropic ดูดอากาศจาํ นวน 0.8 kg ทคี วามดนั

1.2 bar อุณหภูมิ oC แลว้ อดั ให้มีความดนั สูงเพือส่งออกไปใช้งาน โดยเครืองอดั อากาศเครืองนีมีอตั ราส่วน

ความดัน 8 : 1 จงคาํ นวณหาอุณหภูมิของอากาศหลงั การอดั ตวั งานทีใช้ในการอดั อากาศ การเปลียนแปลง

พลงั งานภายใน และการเปลียนแปลงเอนทลั ปี

โจทยก์ าํ หนด m ₌ 0.8 kg P1 ₌ 1.2 bar

T1 ₌ 27 + 273 ₌ 300 K ₌8

R ₌ 0.1433 kJ/kg.K Cp ₌ 1.005 kJ/kg.K

Cv ₌ 0.718 kJ/kg.K

) คาํ นวณหาอุณหภูมหิ ลงั การเปลียนแปลง จากสมการ

₌T2

T1

หาค่า T2 ₌ T1
300 x (8) . .
แทนค่าลงในสมการ ₌

จะได้ T2 ₌ 543.43 K
เพราะฉะนนั จะไดอ้ ณุ หภมู ิหลงั การเปลียนแปลง เทา่ กบั 543.43 K ตอบ

33

) คาํ นวณหางานทีใชใ้ นการอดั อากาศ จากสมการ

Wn ₌ ()

แทนคา่ ลงในสมการ ₌ . . (. )
จะได้ Wn ₌ .

- 139.73 kJ

เพราะฉะนนั จะตอ้ งใช้งานในการอดั อากาศ เท่ากบั 139.73 kJ ตอบ

3) คาํ นวณหาการเปลียนแปลงพลงั งานภายใน จากสมการ

∆U ₌ -( )

แทนคา่ ลงในสมการ ₌ −. . (. )
จะได้ ∆U ₌ .
139.73 kJ

เพราะฉะนนั จะไดก้ ารเปลียนแปลงพลงั งานภายใน เทา่ กบั 139.73 kJ ตอบ

4) คาํ นวณหาการเปลยี นแปลงเอนทาลปี จากสมการ

∆H ₌ -k ( )

แทนค่าลงในสมการ ₌ -1.4 . . (. )
จะได้ ∆H ₌ 195.72 kJ .

เพราะฉะนนั จะไดก้ ารเปลียนแปลงเอนทาลปี เทา่ กบั 195.72 kJ ตอบ

ตัวอย่าง . แก๊สจาํ นวนหนึงขยายตวั ตามกระบวนการแอเดียแบติก จากความดนั kPa ปริมาตร . m3

ไปเป็นความดนั kPa โดยกาํ หนดให้ CV ₌ 0.752 kJ/kg.K , Cp₌ 1.046 kJ/kg.K จงคาํ นวณหาปริมาตรหลงั
การขยายตวั งานของระบบ และการเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน

โจทยก์ าํ หนด P1 ₌ 700 kPa V1 ₌ 0.015 m3
P2 ₌ 140 kPa Cv ₌ 0.752 kJ/kg.K

Cp ₌ 1.046 kJ/kg.K k ₌ 1.39

34

) คาํ นวณหาปริมาตรหลงั การขยายตวั จากสมการ

และ V2 ₌ V1

แทนค่าลงในสมการ ₌ 0.015 x .

จะได้ V2 ₌ 0.048 m3

เพราะฉะนนั ปริมาตรสุดทา้ ยหลงั การขยายตวั จะมีคา่ เทา่ กบั 0.048 m3 ตอบ

2) คาํ นวณหางานของระบบ จากสมการ

Wn ₌

แทนคา่ ลงในสมการ ₌ ( . )( .)
จะได้ Wn ₌
.

9.692 kJ

เพราะฉะนนั จะไดง้ านของระบบ เทา่ กบั 9.692 kJ ตอบ

) คาํ นวณหาการเปลียนแปลงพลงั งานภายใน จากสมการ

∆U ₌ -

แทนค่าลงในสมการ ₌ − ( . )( .)
.

จะได้ Wn ₌ - 9.692 kJ

เพราะฉะนนั พลงั งานภายในจะลดลง เทา่ กบั 9.692 kJ ตอบ

35

แบบฝึ กหดั ที 2.4
เรือง กระบวนการเอนโทรปี คงที (Constant Entropy หรือ Isentropic Process)

1. จงเขียนแผนภาพ (P-V Diagram) และ (T-S Diagram) ของกระบวนการเอนโทรปี คงทใี ห้ถูกตอ้ ง

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

2. อากาศ . kg อุณหภูมิ oC และความดนั bar ถูกอดั ตวั แบบแอเดียแบตกิ จนความดันเพิมขึน bar
จงคาํ นวณหา

. อุณหภมู สิ ุดทา้ ย
. ปริมาตรสุดทา้ ย
. งาน
. การเปลยี นแปลงพลงั งานภายใน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

36

……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

37

บทที
วัฏจกั รเครืองยนต์สันดาปภายใน

วฏั จกั ร หมายถึง กระบวนการทีสารตวั กลางมีการเปลียนแปลงสภาวะหลายๆ กระบวนการของระบบ
และระบบนนั มีหลายกระบวนการต่อเนืองกนั ไป เมือเกิดการเปลียนแปลงจนครบวฏั จกั รแลว้ สารตวั กลางจะ
กลบั มาอยู่ทีสภาวะเดิม โดยทีความดนั ปริมาตร และอุณหภูมิ ซึงเป็ นคุณสมบตั ิทางเทอร์โมไดนามิกส์ยงั คง
เหมือนเดิม

การทาํ งานของวฏั จกั รเครืองยนต์สันดาปภายใน สามารถแบ่งเป็ นกระบวนการต่าง ๆได้ คือ ดูด อดั
เผาไหม้ ขยายตวั และคายไอเสีย เครืองยนตส์ ันดาปภายในไม่ไดท้ าํ งานแบบระบบเปิด เพราะเมือสารตวั กลาง
เขา้ สู่ระบบในสภาวะหนึงแลว้ กจ็ ะออกจากระบบอกี ในสภาวะหนึงอย่างต่อเนือง ซึงการวิเคราะห์กระบวนการ
ทีเกดิ ขึนจริงในเครืองยนตส์ ันดาปภายในจะมคี วามซบั ซ้อนเป็นอยา่ งมาก ดงั นนั เพือใหน้ กั ศกึ ษาเกิดความเขา้ ใจ
ในการวิเคราะห์ถึงสมรรถนะของวฏั จกั รในทางอุดมคติซึงใช้อากาศเป็ นสารตวั กลาง เรียกว่า วฏั จกั รอากาศ
มาตรฐาน ในการวเิ คราะหจ์ ึงตอ้ งมกี ารตงั สมมุตฐิ าน ดงั นี

) กาํ หนดใหส้ ารตวั กลางเป็นแกส๊ สมั บูรณ์ มีความสมั พนั ธ์ตามสมการ PV ₌ mRT หรือ P ₌ ρRT
2) มวลไมเ่ ปลียนขณะทาํ งาน
) ทุกกระบวนการเป็นกระบวนการแบบยอ้ นกลบั ได้
) ความร้อนไดม้ าจากแหลง่ ความรอ้ นทมี อี ุณหภมู สิ ูง และไม่เกดิ ปฏกิ ิริยาระหวา่ งวฏั จกั ร
) ไม่มีการสูญเสียความรอ้ นจากระบบให้กบั สิงแวดลอ้ ม
) สารตวั กลางมคี ่าความจุความรอ้ นจาํ เพาะคงทตี ลอดวฏั จกั ร
) ค่าคงทีทางเทอร์โมไดนามิกส์ เช่น Cp , Cv , k , R ของสารตวั กลางจะเหมือนกบั อากาศทีสภาวะ
บรรยากาศ ยกตวั อย่าง คุณสมบัติของอากาศ Cp ₌ 1.005 kJ/kg.K , Cv ₌ 0.718 kJ/kg.K , k ₌ 1.4 และ
R ₌ 0.287 kJ/kg.K
) วฏั จกั รในการทาํ งานนีตอ้ งทาํ งานแบบวฏั จกั รปิ ด หมายถึง สารตวั กลางจะคงอยภู่ ายในระบบตลอด
ซึงแตกตา่ งกบั วฏั จกั รเปิ ด คอื สารตวั กลางจะถกู ปล่อยทิง แลว้ จึงดูดสารตวั กลางเขา้ มาแทนทีใหมอ่ กี ครงั
9) วฏั จกั รทีกล่าวถึงนีจะใช้อากาศเป็ นมาตรฐาน (air standard cycle) ซึงได้แก่ วฏั จกั รออตโต้และ
วฏั จกั รดีเซล

. วัฏจกั รออตโต้หรือวัฏจกั รปริมาตรคงที (Otto Cycle or Constant Volume Cycle)
วฏั จกั รออตโตห้ รือวฏั จกั รทีมกี ารเผาไหมแ้ บบปริมาตรคงที เป็นวฏั จกั รทีคดิ ขึนโดยวศิ กรชาวเยอรมนั

ชือ เอ.เอ็น. ออตโต้ (A.N. Otto) เป็นวฏั จกั รทีประกอบดว้ ย กระบวนการแบบไม่มกี ารไหลหรือระบบปิ ด
วฏั จกั รนีเป็นวฏั จกั รทีนาํ มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั เครืองยนตจ์ ริงในปัจจุบนั ซึงกค็ ือเครืองยนตแ์ ก๊สโซลนี ทวั ไปนันเอง
ดงั รูปที . สําหรับวฏั จกั รออตโตป้ ระกอบดว้ ย กระบวนการ ดงั รูปที . และ . ซึงมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี

38

รูปที 3.1 Nikolaus August Otto วิศวกรชาวเยอรมนั ทีพฒั นาเครืองยนตส์ นั ดาปภายใน
ทอี ดั ประจซุ ึงใชแ้ กส๊ ปิ โตรเลยี ม และนาํ ไปสู่เครืองยนตเ์ ผาไหมภ้ ายในทีทนั สมยั
(ทมี า : https://en.wikipedia.org/wiki/Nicolaus_Otto)

รูปที . แสดงแผนภาพ P-V และ T-S Diagram ของวฏั จกั รออตโต้

รูปที . แสดงส่วนประกอบหลกั ของเครืองยนตแ์ ก๊สโซลนี
(ทมี า : https://www.youtube.com/watch?v=UezrM55nPe4)

39

กระบวนการ 1 – 2 เป็ นกระบวนการอดั ตวั แบบไมม่ ีการสูญเสียความร้อนหรือ เรียกว่า อดั ตวั แบบ

ไอเซนโทรปิ ค หรืออดั ตัวแบบกระบวนการความร้อนคงที (Reversible Adiabatic Compression or Isentropic

Compression Process)

ความดนั เพิมขนึ จาก P1 เป็ น P2
ปริมาตรลดลงจาก V1 เป็ น V2
อณุ หภมู เิ พิมขึนจาก T1 เป็ น T2
เอนโทรปี คงที S1 เท่ากบั S2

งานทีใช้ W12 ₌

ปริมาณความร้อนทีถ่ายเท Q12 = 0
กระบวนการ 2 – 3 เป็นกระบวนการรับความร้อนเขา้ แบบปริมาตรคงที (Heat Added at Reversible

Constant Volume Process)

ความดนั เพิมขนึ จาก P2 เป็ น P3

ปริมาตรคงที V2 เทา่ กบั V3

อณุ หภมู เิ พิมขึนจาก T2 เป็ น T3

เอนโทรปี เพิมขนึ จาก S2 เป็ น S3

งานสําหรบั กระบวนการ W23 = 0

ปริมาณความร้อนทเี ขา้ สู่ระบบ Q23 = Qin = mcV (T3 – T2)

กระบวนการ 3 – 4 เป็นกระบวนการขยายตวั แบบไมม่ ีการสูญเสียความรอ้ นหรือ เรียกวา่ ขยายตวั แบบ

ไอเซนโทรปิ ค หรือขยายตวั แบบกระบวนการความร้อนคงที (Reversible Adiabatic Expansion or Isentropic

Expansion Process)

ความดนั ลดลงจาก P3 เป็ น P4
ปริมาตรเพิมขนึ จาก V3 เป็ น V4
อุณหภมู ลิ ดลงจาก T3 เป็ น T4
เอนโทรปี คงที S3 เท่ากบั S4

งานทไี ด้ W34 =

ปริมาณความร้อนทีถ่ายเท Q34 = 0
กระบวนการ 4 – 1 เป็ นกระบวนการถ่ายเทความร้อนทิ งแบบปริมาตรคงที (Heat Rejected at

Reversible Constant Volume Process)

ความดันลดลงจาก P4 เป็ น P1
ปริมาตรคงที V4 เท่ากบั V1

40

อุณหภมู ลิ ดลงจาก T4 เป็ น T1

เอนโทรปี ลดลงจาก S4 เป็ น S1

งานสําหรบั กระบวนการ W41 = 0

ปริมาณความรอ้ นออกจากระบบ Q41 = Qout = mcV (T4 – T1)

จากทงั 4 กระบวนการทเี กิดขนึ สามารถเขียนเป็นสมการไดว้ า่

 พิจารณาจากกระบวนการที 2 – 3 เป็ นกระบวนการรับความร้อนเขา้ แบบปริมาตรคงที

(V2 = V3) จะไดส้ มการดงั นี

Q2-3 = Qin = m CV (T3-T2) ……… (3.01)

 พิจารณาจากกระบวนการที 4 – 1 เป็ นกระบวนการถ่ายเทความร้อนทิงแบบปริมาตรคงที

(V4 = V1) จะไดส้ มการดังนี

Q4-1 = Qout = m CV (T4-T1) ……… (3.02)

 งานสุทธิของวฏั จกั ร หาไดจ้ ากสมการ

Wnet = Qin - Qout

หรือ Wnet = mCV (T3-T2) - mCV (T4-T1) ……… (3.03)

 ประสิทธิภาพเชิงความรอ้ นของวฏั จกั ร ; Otto
Wnet
Otto = Q in ……… (3.04)

= () ( )

() )
)
= () (

() (

= 1- ()
()

= 1- ( )
()

ดงั นนั ประสิทธิภาพเชิงความรอ้ นของวฏั จกั รออตโต้ จะไดส้ มการดงั นี

Otto = 1- ( ) ……… (3.05)
)
(

หมายเหตุ ค่าของ rC = = = (อตั ราส่วนการอดั V1 และอตั ราส่วนการขยายตวั )
V2

k = = 1.4 สาํ หรบั อากาศมาตรฐาน

41

จากรูปที 3.2 ตาํ แหน่งที (1) – (2) เป็นกระบวนการอดั ตวั แบบไอเซนทรอปิ ค (S1 = S2) จะได้

==

T2 = T1 ( r ) ……… (3.06)

จากรูปที 3.2 ตาํ แหน่งที ( ) – ( ) เป็นกระบวนการขยายตวั แบบไอเซนทรอปิ ค (S3 = S4) จะได้

==

T3 = T4 ( r ) ……… (3.07)
……… (3.08)
แทนค่าของ T2 และ T3 ลงในสมการที ( . ) จะได้ ……… (3.09)

Otto = 1- )

(

การหาค่าความดนั เฉลยี ของวฏั จกั ร (MEP)

PMEP =

หรือ PMEP = ……… (3.10)

หมายเหตุ ปกติงานทีได้จากวฏั จักรออตโต้ทางทฤษฎีจะมีค่ามากกว่างานทีได้จากวัฏจักรการทาํ งานจริง
เนืองจากในวฏั จกั รจริงในกระบวนการ (1) – (2) และ ( ) – ( ) มีการสูญเสียความร้อนออกจากระบบ ชินส่วนมี
แรงเฉือยและมคี วามเสียดทาน ทาํ ให้งานทีไดต้ อ้ งสูญเสียใหก้ บั สิงเหลา่ นี

จ ากรู ปที . จะเห็นว่าถ้าให้ VC คือ
ปริมาตรห้องเผาไหม้ (clearance volume) ซึงก็คือ

พืนทีว่างบนหัวลูกสูบ ปกติแลว้ ปริมาตรห้องเผา
ไหมจ้ ะบอกเป็นเปอร์เซ็นตข์ องปริมาตรดูด VD หรือ
ปริมาตรช่วงชักลูกสูบ (Displacement Volume)

จาก อตั ราส่วนของปริมาตร rc =

และ ปริมาตรดดู VD = V1 – V2

เมอื VC บอกเป็นเปอร์เซ็นตป์ ริมาตรดูด

รูปที . แสดงความสมั พนั ธป์ ริมาตรหอ้ งเผาไหม้
กบั ปริมาตรดูดของกระบอกสูบ

(ทมี า : เสมอขวญั ตณั ตกิ ุล , 2544 , น.81)

42

ดงั นนั V2 = (VC) (VD) ……… (3.11)
ยา้ ยขา้ ง VC = V2 / VD
หรือ จะไดว้ า่ VC =
x 100 %
และจาก V1 =
แทนค่าจะได้ ()
rc =
ดงั นนั VD + (VC)(VD) เมือ rc =
rc =
( )( )
( )( )

()
()

ตวั อย่างที . เครืองยนตท์ ที าํ งานตามวฏั จกั รออตโตม้ อี ากาศเป็นของไหลทาํ งานโดยมีอตั ราส่วนการอดั เท่ากบั

: ก่อนเริมกระบวนการอดั อากาศมีความดนั อยทู่ ี kPa และมีอุณหภูมิ °C ภายใตก้ ระบวนการรบั ความ

รอ้ นทีเขา้ ปริมาตรคงทนี นั มีการป้อนปริมาณความรอ้ นให้กบั อากาศ kJ/kg จงคาํ นวณหา

1) ความดนั สูงสุดของวฏั จกั ร

2) งานสุทธิของวฏั จกั ร

3) ประสิทธิภาพเชิงความรอ้ นของวฏั จกั ร

4) ความดนั ยงั ผลเฉลยี ของวฏั จกั ร

โจทยก์ าํ หนด

เนืองจากสารทาํ งานทใี ชก้ บั เครืองยนตน์ ีคอื อากาศ (Air) จงึ กาํ หนดคณุ สมบตั ขิ องอากาศไวด้ งั นี

Cp ₌ 1.0035 kJ/kg.K Cv = 0.7165 kJ/kg.K
R= 0.285 kJ/kg.K k= 1.4

P1 = 95 kPa T1 = 273 + 27 = 300 K
rc = 10 800 kJ/kg
qin =

43

) คาํ นวณหาความดนั สูงสุดของวฏั จกั ร
กระบวนการ ( - ) เป็นกระบวนการอดั ตวั แบบไอเซนทรอปิ ค

T2 = T1

หรือ T2 = T1 r
แทนค่าลงในสมการ = 300 (10)1.4-1

จะได้ T2 = 753.57 K
สําหรบั สมการแกส๊ ในอุดมคติ จากสมการ

=

∴ P2 = P1

แทนค่าลงในสมการ = (95) x (10) .

จะได้ P2 = 2,386.3 kPa

กระบวนการ (2-3) เป็นกระบวนการรบั ความร้อนเขา้ แบบปริมาตรคงที (V2 = V3) จากสมการ

Qin = mCv(T3 – T2 )

หมายเหตุ เนืองจากโจทยก์ าํ หนดให้เป็น qin = 800 kJ/kg ซึงเป็นคา่ ความร้อนจาํ เพาะ (มหี นว่ ยเป็น kJ/kg)

ดงั นนั จากสมการขา้ งตน้ เมอื เทียบปริมาณความรอ้ นตอ่ หน่วยมวลสาร จะไดส้ มการดงั นี

qin = Cv(T3 – T2 )

ยา้ ยขา้ งสมการขา้ งตน้ เพอื หาค่า T3 จะได้

T3 = T2 +

แทนคา่ ลงในสมการ = 753.57 +
จะได้ T3 = .
สําหรบั สมการแก๊สในอุดมคติ จากสมการ
= 1,870.1 K

∴ P3 = P2

44

แทนคา่ ลงในสมการ = (2,386.3) x (1) ,.
.

จะได้ P3 = 5,922 kPa

เพราะฉะนันจะไดค้ วามดนั สูงสุดของวฏั จกั ร เทา่ กบั 5,922 kPa ตอบ

) คาํ นวณหางานสุทธิของวฏั จกั ร
กระบวนการ (3-4) เป็นกระบวนการขยายตวั แบบไอเซนทรอปิ ค

T4 = T3

หรือ T4 = T3

แทนคา่ ลงในสมการ = 1,870.1 .

จะได้ T4 = 744.5 K

กระบวนการ (4-1) เป็นกระบวนการถา่ ยเทความร้อนทิงแบบปริมาตรคงที (V4 = V1) จากสมการ
Qout = mCv(T4 – T1 )

หมายเหตุ เนืองจากคาํ นวณหา qout ซึงเป็นคา่ ความร้อนจาํ เพาะ (มีหน่วยเป็น kJ/kg) ดงั นนั จากสมการขา้ งตน้