วิธี ใช้เครื่องฟอกอากาศ Philips AC0820

4. สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง คงเลี่ยงได้ยากสำหรับปัญหาเรื่องของ ขนสัตว์ที่ลอยในอากาศ รวมถึงเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว รวมไปถึงน้ำลายที่กลายเป็นแหล่งของเชื้อโรค ซึ่งส่งผลต่อร่างกายของผู้ที่แพ้ได้

ประเภทของเครื่องฟอกอากาศ

เทคโนโลยีของเครื่องฟอกอากาศที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีอยู่หลายแบบ แต่แบบที่เนิยมในประเทศไทยนั้นมี 2 ประเภท คือ 

1. การกรองแบบใช้แผ่นกรองล้วน (Mechanical Filtration)

หลักการของระบบนี้คือ พัดลมจะดูดอากาศเข้าสู่แผ่นกรองเพื่อดักจับสิ่งปนเปื้อนในอากาศ ซึ่งสามารถกรองสิ่งปนเปื้อนได้ตามประสิทธิภาพของแผ่นกรอง ที่จะแตกต่างไปในแต่ละยี่ห้อ

การกรองแบบนี้ ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับแผ่นกรองเป็นสำคัญ ว่าเป็นแผ่นกรองคุณภาพสูงหรือไม่และมีความสามารถในการสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้แค่ไหน  ยิ่งแผ่นกรองละเอียดเท่าใด ก็ยิ่งกรองสารหลายชนิดได้ดีมากขึ้น หากเรากังวลเรื่องฝุ่น PM2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ก็ควรฃเลือกแผ่นกรองที่สามารถกรองได้เล็กที่สุด เพราะในฝุ่น PM2.5 นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน แต่อาจมีฝุ่นเล็กระดับนาโนปะปนอยู่

แผ่นกรองมาตรฐาน HEPA จะสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่กว่า 0.3 micron ได้ 90-99.97% 

2. การกรองแบบใช้ประจุไฟฟ้า (Negative Ionization)

เครื่องฟอกอากาศชนิดนี้จะสร้างประจุไฟฟ้าลบ ออกมาจับกับฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้ฝุ่นละอองนั้นตกลงบนพื้น หรือติดตามผนัง และเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นการลดปริมาณฝุ่นในอากาศ แต่ไม่ใช่การกำจัดโดยสิ้นเชิง บางยี่ห้อจึงมีการใช้แผ่นกรองร่วมด้วย   สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้คือการสร้างประจุไฟฟ้าลบทำทำให้เกิดก๊าซโอโซน ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุตาและจมูก จึงไม่เหมาะกับการนำไปใช้ในบ้านที่มีเด็กเล็ก

แกะกล่องลองใช้เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS AC0820

หลังจากที่เราแกะกล่องออกมา เราก็พบว่านี่เป็นเครื่องที่ที่เน้นใช้ง่าย ติดตั้งไว ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรให้วุ่นวายมาก คือมีอแดปเตอร์ 1 หนึ่งตัว คู่มือ 1 เล่ม และไส้กรองทื่ติดตั้งมาให้แล้ว 1 ชิ้น
การยกออกมานี่ทำได้ง่ายสบายมาก ตอนแรกเราก็จิตนาการไปก่อนว่าเครื่องมันต้องดูใหญ่โตโอฬาร เอาเข้าจริงแล้วเครื่องนี่ตัวไม่ใหญ่เลย น้ำหนักแค่ 3 กิโลกรัม ก็ถือใช้พื้นที่ในห้องไม่เยอะ เคลื่อนย้ายง่าย ใครๆ ก็ยกไหว

เครื่องรุ่นนี้เหมาะกับขนาดห้อง ขนาดห้อง: 16-49 ตร.ม. ถ้าห้องที่คุณใช้นั้นไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มาก เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือคอนโดมิเนียมขนาดทั่วไป รุ่นนี้ก็เหมาะสมอยู่  

อ่อ..ก่อนจะเปิดเครื่องเสียบปลั๊กไฟให้ทำตามนี้ก่อนนะครับ คือทำการหงายเครื่องเอาด้านใต้หงายขึ้นมาก่อน จากนั้นหมุนฝาเครื่องด้านใต้ไปตามลูกศรด้านซ้าย ที่มีคำว่า “Open” จากนั้นจึงเปิดฝาออกครับ

จากนั้นเราจะพบว่ามีแผ่นกรองอากาศบรรจุอยู่ในถุง ขั้นตอนการนำออกมา ยกออกมาทั้งถุงครับ แล้วใช้กรรไกรตัดที่ปากถุง แล้วค่อยๆ รูดถุงพลาสติคลงมาเบาๆ

จากนั้นใช้นิ้วจับตรงส่วนของกระดาษที่ยื่นออกมาจากของแผ่นกรองอากาศ แล้วค่อยๆหย่อนกลับลงไปที่เดิมจากนั้นค่อยปิดฝาครับ โดยบิดกลับไปทางขวา แล้วก็จับเครื่องหงายตั้งตามปกติ 

หลังจากจัดการกับแผ่นกรองแล้ว การเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรกไม่มีอะไรยากครับ แค่เสียบปลั๊กแบบนี้ แล้วกดสวิทช์การทำงานที่ด้านหลัง แป๊บเดียวเครื่องก็เริ่มทำงานแล้วครับ ไม่ต้องมีการเชื่อมต่ออะไรให้วุ่นวาย

โหมดการทำงานของเครื่องจะแบ่งออกเป็น 3 โหมด ซึ่งจะใช้การสัมผัสปุ่มที่ด้านบนกดสลับวนไป

• Auto Mode เป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ ยังจะมีแสงสว่างของไฟแจ้งสถานะอยู่
• Turbo Mode เป็นการทำงานแบบแบบเร่งด่วนเพื่อให้อากาศกลับมาสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด ซึ่งเป็นโหมดที่เสียงดังที่สุด
• Sleep Mode เป็นการทำงานแบบอัตโนมัติเช่นเดียวกัน แต่ว่าแสงไฟจาการบอกสถาะนั้นจะจางกว่า เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาเวลาที่นอน และเงียบถึง 35db(A) ซึ่งเบากว่าเครื่องปรับอากาศ

ในแว้บแรกเราอาจจะเห็นว่านี่เป็นเครื่องฟอกอากาศที่หน้าตาดูเรียบๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่ถ้าเราดูที่ด้านหน้า ก็จะเห็นสองสัญลักษณ์นี้ที่บอกว่า เครื่องรุ่นนี้มีเทคโนโลยีอยู่ข้างในเช่นกัน อาทิ 

• เทคโนโลยี VitaShield IPS ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.003 ไมครอน
  หรือเทียบเท่ากับ 3 นาโนเมตร และกรองได้เล็กกว่าขนาดฝุ่น PM2.5 ถึง 800 เท่า และสามารถกำจัดอนุภาคละเอียดซึ่งมีขนาดเล็กถึง 0.02 ไมครอน และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ถึง 99.97%
• เทคโนโลยี Aerasense ที่แสดงคุณภาพอากาศในบ้านแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ

อย่างเรื่องของการอ่านคุณภาพของอากาศภายในห้อง  เครื่องรุ่นนี้ใช้การแสดงผลด้วยไฟสถานะ
ที่อยู่ตำแหน่งด้านบนของเครื่อง ซึ่งสามารถมองด้วยสายตาแบบเข้าใจง่ายมาก โดยมีไฟแจ้งสถานะอยู่ 4 สี คือ

• สีน้ำเงิน คือ คุณภาพอากาศดี
• สีม่วง คือ คุณภาพอากาศปานกลาง
• สีชมพู คือ คุณภาพอากาศไม่ดี
• สีแดง คือ คุณภาพอากาศไม่ดีเป็นอย่างมาก

จากที่เราทำการทดสอบในห้องแบบปิด เราทดสอบด้วยการตั้งค่าแบบ Auto ซึ่งเป็นค่าดั้งเดิมจากโรงงาน ครั้งแรกไฟจะปรับจากสีม่วง แล้วเปลี่ยนมาที่สีน้ำเงิน แต่ทันทีที่เราเดินออกไปเปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อรับอากาศจากบ้านที่เปิดโล่ง แค่เปิดรับลมเพียงไม่ถึง 10 วินาทีเท่านั้นล่ะ ไฟสถานะจากสีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีแดง และปรับเปลี่ยนมาเป็นโหมดเทอร์โบเพื่อคืนสภาพอากาศให้ดีอย่างรวดเร็วทันที! แล้วเสียงดูดอากาศก็เร็ว และแรงขึ้น แต่ก็เป็นแบบนั้นอยู่ช่วงสั้นๆ ครับ หลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ไฟกลับมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เสียงทุกอย่างก็เงียบลง โดยเบื้องหลังคือการฟอกอากาศอัตโนมัติที่ด้วยเซนเซอร์อัจฉริยะระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมนั่นเอง

การดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier AC0820

เครื่องฟอกอากาศนั่นส่งผลต่อคุณอากาศที่เรานั้นหายใจ ฉะนั้นอีกเรื่องที่สำคัญคือ การดูแลรักษาในช่วงระยะเวลาการใช้งาน โดยเครื่องรุ่นนี้เขามีคำแนะนำแบบนี้ครับ

• ควรทำความสะอาดพื้นผิดของแผ่นกรองทุกๆ 4 สัปดาห์ สรุปง่ายๆ คือ ควรจะถอดออกมาทำความสะอาดทุกเดือน
• ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ที่ใช้ในการตรวจวัด แนะนำให้เปิดฝาด้านหลังใช้แล้ว Contton Bud แห้งๆ เช็ดตามตำแหน่ง โดยทำเป็นประจำทุก 2 เดือน
• เมื่อมีการเปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อมีไฟแจ้งเตือน ซึ่งหลังจากที่มีการเปลี่ยนไส้กรองแล้ว อย่าลืมกดปุ่มที่ด้านบนค้างไว้ 3 วินาที

ซื้อดีไหมเครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier AC0820

1. จากที่เราทดสอบเองกับตัว อย่างแรกเราชอบน้ำหนักที่เบามาก  เราพิสูจน์แล้วต้องยกขึ้นยกลงบนโต๊ะเพื่อทำการถ่ายภาพ รวมถึงจัดวางในห้องสตูดิโอของเราโดยย้ายไปย้ายมาตามจุด ซึ่งห้องของเรามีขนาดไม่ใหญ่ พอมาวางแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเกะกะแต่อย่างใด

1. เราไม่ต้องวุ่นวายเรียนรู้อะไรในการใช้  คือที่มากับเครื่องจะมีคู่มือ และแผ่นอธิบายสถานของไฟเป็นภาษาไทยบอกมาสั้นๆ  นั่นคือสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้แค่นั้นจริงๆ ซึ่งเราพบว่าเสียงจาก Laptop หรือ เสียงแอร์ในก้องทำงานยังดังกว่าเครื่องฟอกด้วยซ้ำ
2. จะซื้อทั้งทีอย่าลืมดูค่า CADR  ซึ่งค่านี้คืออัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธ์ เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่แท้จริง หากเครื่องฟอกอากาศเครื่องใดมีค่า CADR สูงกว่า จะให้ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูงกว่า

   เครื่องแต่ละรุ่นมีค่า CADR ที่ต่างกันออกไป นั่นหมายถึงว่าหมายถึงประสิทธิภาพการทำงานที่แตกต่างกัน อย่างเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีค่า CADR 190 ลูกบาศ์กเมตรต่อชั่วโมง นั่นก็ครอบคลุมขนาดห้องสูงสุด 49 ตร.ม. สำหรับใครที่ห้องมีขนาดไม่ใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะการนำเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR สูง ไปใช้ในห้องขนาดเล็กกว่าขนาดแนะนำ ก็จะทำให้สามารถฟอกอากาศทั้งห้องได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม

3. ซื้อทั้งทีดูเทคโนโลยีด้วยครับ เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ Technology VitaShield IPS กรองได้ถึง 0.003 micron เล็กกว่า PM 2.5 ถึง 800 เท่า รวมถึงสารก่อภูมิแพ้และไวรัส  สิ่งที่เราทำคือเปิดทิ้งไว้ แล้วเหลือบตาลองลงไปที่ไฟสถานะว่าอากาศในห้องเป็นอย่างไร ปล่อยให้เครื่องทำหน้าที่ของตัวเองไป แล้วเราก็นั่งหายใจแบบลื่นๆ แล้วเอาเวลาทำงานอย่างอื่นแทน
4. เรื่องบริการหลังการขาย เรื่องนี้ทีต้องดูเงื่อนไขให้ชัด  เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้รับประกันตัวเครื่องนานถึง 2 ปี แบบ Woldwide ด้วย!  ส่วนแผ่นกรองสามารถใช้ได้นานสูงสุด 1 ปี ถ้าเราหารด้วยราคาออกมาเป็นตัวเลขต่อปีความคุ้มค่านั้นดูจะคุ้มมากอยู่  อย่างราคาขายเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 4,490 บาท รับประกัน 2 ปี หารออกเป็นเงินต่อปีก็อยู่ที่ปีละ 2,000 กว่าบาทเท่านั้น (ไม่นับค่าไส้กรอง)

ส่วนการหาซื้อไส้กรองใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  เพราะเป็นของที่ต้องทีการเปลี่ยนไส้กรองตามอายุคุณสามารถสั่งซื้อได้ที่ศูนย์บริการทุกสาขา และ หรือที่เวปไซต์ www.Powerbuy.co.th