ข้อมูลปฐมภูมิ คือ ข้อมูลที่นักเรียนเก็บจากแหล่งกำเนิดข้อมูลโดยตรง ส่วนข้อมูลทุติยภูมิคือ ข้อมูลที่นักเรียนนำมาจากบุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่น ข้อมูลประเภทนี้... Show
ประเภทของข้อมูลในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนจะศึกษาการแบ่งประเภทของข้อมูลโดยหลักเกณฑ์การแบ่งประเภทดังต่อไปนี้ การแบ่งประเภทของข้อมูลโดยอาศัยแหล่งที่มาของข้อมูลข้อมูลปฐมภูมิ (primary data)คือ ข้อมูลที่นักเรียนเก็บจากแหล่งกำเนิดข้อมูลโดยตรง เช่น
การเก็บรวบรวมข้อมูลแบบปฐมภูมิ สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การสำมะโน (census) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกๆ หน่วยของประชากร เหมาะสำหรับข้อมูลขนาดเล็ก เช่น การสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการสอบ O-NET หรือข้อมูลที่ต้องการความแม่นยำสูง มักพบได้จากการสำมะโนของสำนักงานสถิติแห่งชาติซึ่งจะจัดทำขึ้นทุกๆ 5 ปี หรือ 10 ปี เช่น สำมะโนประชากรและเคหะ สำมะโนการเกษตร ฯลฯ ข้อมูลที่ได้จากการสำมะโนจะเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างแม่นยำ เนื่องจากเป็นค่าจริงไม่ใช่ค่าประมาณ ข้อเสียที่เด่นชัดของการสำมะโน คือ หากขนาดของประชากรมีขนาดใหญ่ ผู้เก็บข้อมูลจะต้องใช้เวลามากในการเก็บข้อมูลทุกหน่วย รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง อีกวิธีที่นิยมใช้สำหรับการเก็บข้อมูลแบบปฐมภูมิที่มีประชากรขนาดใหญ่ คือ การสำรวจตัวอย่าง (sample survey) เป็นวิธีการคัดเลือกตัวอย่างมาใช้เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตัวอย่างจะเป็นค่าประมาณ ทำให้มีความแม่นยำน้อยกว่าข้อมูลที่ได้จากการสำมะโน ข้อดีของการสำรวจตัวอย่างคือ ผู้เก็บข้อมูลจากใช้งบประมาณและเวลาค่อนข้างน้อยในการเก็บข้อมูล ข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data)คือ ข้อมูลที่นักเรียนนำมาจากบุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่น ข้อมูลประเภทนี้ นักเรียนจะไม่ได้ลงมือเก็บรวบรวมด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่แล้วข้อมูลประเภทนี้มักเป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น
ข้อดีของการเก็บข้อมูลแบบทุติยภูมิ คือ นักเรียนไม่ต้องเสียเวลาในการเก็บข้อมูล อีกทั้งมีความสะดวกและรวดเร็วในการนำไปใช้งาน อย่างไรก็ตามเนื่องข้อมูลประเภทนี้นักเรียนไม่ได้ลงมือเก็บรวบรวมจากแหล่งกำเนิดโดยตนเอง ทำให้ข้อมูลที่นักเรียนนำมาใช้งานอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย นักเรียนควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความถูกต้องของข้อมูลทุติยภูมิ เช่น บุคคล หรือ หน่วยงาน ที่จัดเก็บข้อมูลจากแหล่งกำเนิด มีความรู้ความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด รวมถึงข้อมูลที่จัดเก็บมีความชัดเจนและหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือหรือไม่
ข้อมูล ( data ) คือ ข้อความจริง หรือสิ่งที่บ่งบอกถึงสภาพ สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ใดปรากฏการณ์หนึ่ง โดยที่ข้อมูลอาจเป็นตัวเลขหรือข้อความก็ได้ ข้อมูลเชิงสถิติ ( statistical data )คือ ข้อมูลที่สามารถนำมาประมวลผลหรือวิเคราะห์ด้วยกระบวนการหรือวิธีต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างข้อมูลที่เป็นตัวเลข เช่น -ในเดือนตุลาคม 2553 น้ำมันดีเซล B5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลราคาลิตรละ 27.59 บาท -ปริมาณข้าวที่เสียหายในช่วงน้ำท่วม ปี พ.ศ. 25531 แสนไร่ ตัวอย่างข้อมูลที่เป็นตัวเลข ข้อความ เช่น -กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรมากกว่าประชากรในจังหวัดปัตตานี -ความคิดเห็นของประชากรเกี่ยวกับการทำแท้ง การจำแนกประเภทของข้อมูล มีการจำแนกได้ 2 ลักษณะ คือ – จำแนกตามวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือแหล่งที่มาของข้อมูล – ตามลักษณะของข้อมูล ประเภทของข้อมูลที่จำแนกตามวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล มี 2 ประเภท คือ – ข้อมูลปฐมภูมิ (primary data ) – ข้อมูลทุติยภูมิ ( secondary data ) ข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ผู้ใช้จะต้องเก็บรวบรวมจากผู้ให้ข้อมูลหรือแหล่งที่มา ของข้อมูลโดยตรง ข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ผู้ใช้ไม่ต้องเก็บรวบรวมจากผู้ให้ข้อมูล หรือ แหล่งที่มาของข้อมูลโดยตรง แต่ได้จากข้อมูลที่มีผู้อื่นเก็บรวบรวมไว้แล้ว การเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ทำได้ 2 วิธี คือ การสำมะโน ( census ) และการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง ( sample survey ) การสำมะโน คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ หน่วยของประชากรหรือสิ่งที่เรา ต้องการศึกษา ใช้กรณีประชากรมีขนาดเล็กหรือขอบเขตไม่กว้างขวางนัก ( เพราะเป็นวิธีที่ทำให้ เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก ) การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบางหน่วยที่เลือกมาเป็น ตัวแทนจากทุก ๆ หน่วยของประชากรหรือสิ่งที่เราต้องการศึกษาเท่านั้น วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ที่นิยมใช้กันทั่ว ๆ ไป มี 5 วิธี การสัมภาษณ์ (interview )นิยมใช้กันมาก เพราะจะได้คำตอบทันที หากผู้ตอบไม่ เข้าใจสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ แต่ผู้สัมภาษณ์ต้องซื่อสัตย์ และเข้าใจจุดมุ่งหมายของการเก็บ ข้อมูลอย่างแท้จริง การสอบถามทางไปรษณีย์ ( mail )ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมาก สะดวกและ สบายใจในการตอบแบบสอบถาม แต่มีข้อเสียคือ ต้องใช้ในเฉพาะที่มีการศึกษา มีไปรษณีย์ถึง คำถามต้องชัดเจน อาจไม่ได้รับคืนตามเวลาหรือจำนวนที่ต้องการ จึงต้องส่งไปเป็นจำนวนมาก หรืออาจไปแจกและเก็บด้วยตนเอง
แหล่งที่มาของข้อมูลทุติยภูมิมี 2 แหล่งที่สำคัญ คือ
บุคลากร ประวัติคนไข้ ทะเบียนนักเรียน นักศึกษา
เฉพาะส่วนของข้อมูลที่เผยแพร่ได้ในรูปของรายงานต่าง ๆ วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปหนังสือ รายงาน บทความ หรือเอกสารต่างๆ ควรจะดำเนินการดังนี้ – พิจารณาตัวบุคคลผู้เขียนรายงาน บทความหรือเอกสาร เป็นผู้มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียนพอที่จะเชื่อถือได้หรือไม่ การเขียนอาศัยเหตุผลและหลักวิชาการมากน้อยเพียงใดควรใช้ข้อมูลที่ผู้เขียนเก็บรวบรวมมาเองได้โดยตรง เช่น ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจหรือสำมะโน ไม่ควรใช้ข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาจากแหล่งข้อมูลอื่นเนื่องจากอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ – ถ้าข้อมูลที่ต้องการเก็บรวบรวมสามารถหาได้จากหลาย ๆ แหล่ง ควรเก็บรวบรวมมา จากหลาย ๆ แหล่งเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบว่าข้อมูลที่ต้องการมีความผิดพลาดบ้างหรือไม -พิจารณาจากลักษณะของข้อมูลที่ต้องการเก็บรวบรวม ถ้าข้อมูลที่เป็นข้อความจริง ข้อมูลที่ได้จากทะเบียนหรือข้อมูลที่เป็นความคิดเห็นหรือเจตคติ ส่วนใหญ่มักจะมีความถูกต้องเชื่อถือได้สูง แต่ถ้าเป็นข้อมูลประเภทความลับหรือข้อมูลซึ่งผู้ตอบอาจต้องเสียประโยชน์จากการ ตอบ ส่วนใหญ่มักจะไม่ถูกต้องเชื่อถือได้น้อย – ถ้าข้อมูลที่จะเก็บรวบรวมได้มาจากการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง หรือต้องผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติมาก่อน ควรต้องตรวจสอบวิธีการที่ใช้ในการเลือกกลุ่มตัวอย่างขนาดกลุ่มตัวอย่าง และวิธีการวิเคราะห์ว่าเหมาะสมที่จะใช้หรือไม่ |