ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #94: 14 ก.พ. 13, 14:24 น

การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #95: 16 ก.พ. 13, 13:54 น

                                   ความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีในหลวง 
 สำหรับความซาบซึ้งและความภาคภูมิใจในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น คือ ความรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย ที่มีพระเจ้าอยู่หัวเป็น "พ่อของแผ่นดิน" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบของโครงการ และทฤษฎีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง หรือจะเป็นการริเริ่มโครงการของการทำฝนหลวงก็ตาม
 พระองค์ทรงเป็นพระมาหากษัตริย์ที่ไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ไม่เคยย่อท้อ หรือแสดงความเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด และขณะที่เดินชมนิทรรศการอยู่นั้น มีความรู้สึกเหมือนกับได้อยู่ในบ้านของท่าน เพราะเมื่อหันมองไปทางไหนก็จะพบกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์เต็มไปหมด ซึ่งก็รู้สึกอบอุ่นมาก
 จนทุกวันนี้แม้ว่าผมไม่เคยได้รับเสด็จท่านเลย แต่ก็ได้แอบหวังไว้นิด ๆ ว่า คงจะได้มีสักวันหนึ่งที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้ และดิฉันดั้งใจจะทำความดีเพื่อเป็นการตอบแทนผืนแผ่นดินไทย และจะเป็นการถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #96: 16 ก.พ. 13, 14:11 น

ความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุหัว
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชนั้นทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9 ของราชวงศ์รัตนโกสินทร์ ซึ่งพระองค์ทรงสิริราษฐ์สมบัติตั้งแต่ท่านอายุเพียง 19 ปีจนปัจจุบันท่านมีพระชนมายุ 85 พรรษารวมระยะเวลาครองราษฐ์มา 66 ปีนับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราษฐ์ยาวนานที่สุดในโลกก็ว่าได้
       ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าจำความได้พระนามของท่านก็ได้เข้ามาอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าเพราะ พระราชกรณียกิจของพระองค์นับว่ามีมากมายล้นเหลือเกินกว่าที่ประชาชนชาวไทยจะตอบแทนได้เช่น การทำฝนหลวง การคิดทฤษฏีโครงการแก้มลิงเพื่อชะลอการเกิดอุทกภัย การคิดเกษตรทฤษฎีใหม่หรือเศษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนไม่อดยาก เป็นต้น และนี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในประราชกรณียกิจที่ประองค์ทรงคิดและทำเพื่อประชาชนแสดงถึงพระองค์ทรงมีพระอฉริยภาพด้านความคิดมากทำให้ประชนชาวไทยรวมทั้งชาวต่างชาติยอมรับและนอกจากพระราชกรณียกิจแล้วพระองค์ยังทรงทำกิจกรรมต่างๆที่เป็นแบบอย่างที่ดีอีกด้วย
        นับแต่ข้าพเจ้าได้รู้จักในหลวงมามายังไม่มีวันไหนเลยที่พระองค์ทรงพักผ่อนพระองค์ทรงงานอยู่ตลอดเวลาแม้พระองค์ทรงประชวรก็ยังคงทรงงานเพื่อชาวไทยต่อไป มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนไทยได้มีพระมหากษัตริย์ที่เก่งที่คนทั้งโลกยอมรับและผมจะขอยึดพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดี 
        ที่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศไทยอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์พระองค์ทรงเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยทุกคนไม่ว่า บ้านเมืองจะวุ่นวายและสับสนเพียงไดก็ยังคงมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นจุดศูนย์รวมของคนไทยและคอยแก้ปัญหาอยู่ความเป็นอยู่และทุกข์สุข เสมอมา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #97: 17 ก.พ. 13, 13:20 น

ฝนหลวง คือ เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร เมื่อปี พ.ศ. 2536 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานโครงการพระราชดำริ "ฝนหลวง"(Royal rain) ให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปดำเนินการ ซึ่งต่อมาได้เกิดเป็นโครงการค้นคว้าทดลองปฏิบัติการฝนเทียมหรือฝนหลวงขึ้น ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2512 ด้วยความสำเร็จของ โครงการ จึงได้ตราพระราชกฤษฎีกาก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นในปี พ.ศ. 2546 ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดำริฝนหลวงต่อไป

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #98: 17 ก.พ. 13, 13:21 น

ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันสูงสุด  ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งของคนไทยทุกคน เป็นสถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้ พระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ พระองค์ทรงเป็นมหาราชปกครองแผ่นดินโดยธรรม  พระบารมีอันแผ่ไพศาล ย่อมบริบาลผู้ที่มีความจงรักภักดีตลอดไป  ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ตราบเท่าที่ข้าพเจ้าจะทำได้
 

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #99: 17 ก.พ. 13, 13:21 น

1. กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม พระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ชาวไทย
2. ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
3. ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป
4. ทรงยึดหลักศาสนา ทรงศึกษาสรรพวิทยา ทรงนำมาปฏิบัติ ทรงขจัดปัญหาด้วยการพัฒนาโครงการพระราชดำริ ทรงเตือนสติด้วยการปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทรงสร้างค่านิยม ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทุกเมื่อ ทรงสละหยาดพระเสโท เพื่อประชาชนและประเทศไทยอย่างแท้จริง ทรงเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก ( ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก )
5. พระมหากษัตริย์ ที่พรั่งพร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม
6. จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
7. ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
8. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
9. ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
10. ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #100: 17 ก.พ. 13, 13:23 น

ขอให้พระองค์ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรง   เป็นมิ่งขวัญให้แก่ปวงชนชาวไทย  ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #101: 23 ก.พ. 13, 14:29 น

ความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อในหลวง
ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมาก็ได้รู้จักบุคคลหนึ่งซึ่งสามารถเห็นได้ทั่วไปตามบ้าน ทีวี สื่อต่างๆ ในวัยเด็กนั้นข้าพเจ้าได้สงสัยอย่างมากว่าบุคคลผู้นั้นคือใครทำไมทุกคนถึงเคารพและกราบไหว้ จนเมื่อข้าพเจ้าได้เติบโตขึ้น ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของบุคคลนี้บุคคลผู้ซึงทรงงานเพื่อประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนไม่ว่าจายกลำบาก ใกล้ ไกลเพียงใด ท่านมิเคยย่อท้อ ท่านทรงงานทรงทุ่มเทพระวรกาย และ ทรงสละเวลาทั้งหมดของท่านเพื่อประชาชนของท่าน        ท่านคนนั้นคือ       ในหลวง
หากจะใหข้าพเจ้ากล่าวความในใจของข้าพเจ้าที่มีต่อในหลวงแล้วคงจะกล่าวออกมาได้มากมายไม่จบไม่สิ้น เพราะในหลวงนั้นท่านทรงเป็นผู้นำในทุกๆศาสตร์ ผู้เป็นผู้บุกเบิกในเรื่องราวต่างๆมากมายที่พวกนั้นไม่เคยใส่ใจไม่เยเห็นความสำคัญ ข้าพเจ้านั้นคิดว่าในหลวงคือประมุขของประเทศที่เป็นที่สุดของประมุขในทุกประเทศเพราะประโยชน์จากสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้ทรงสร้างและบุกเบิกไว้นั้นทำให้ประชาชนของท่านในวันนี้ได้รับประโยชน์ต่างๆมากมาย ข้าพเจ้าก็เป็นหนุ่งในประชาชนของในหลวงที่ได้รับประโยชน์และความสุขที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินไทย และแต่ในปัจจุบันบ้านเมืองต่างๆนั้นวุ่นวาย คนแตกความสามัคคีกัน พวกเรามัวแต่ห่วงตัวเอง เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นสำคัญ จนลืมหูลืมตาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จนลืมไปแล้วว่ามีคนคนนึงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อประชาชน แม้ตัวท่านทรงพระประชวรก็มิได้หยุดที่จะทรงงาน แต่พวกเรานั้นกับเอาแต่กอบโกยจนลืมไปว่า เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะใคร มีกินมีใช้ มีงานทำมีแผ่นดินอยู่เพราะใครและทำไมพวกเราไม่ตอบแทนท่านบ้าง
วันนี้เรายังมีแผ่นดินอยู่ มีคนคนนึงที่ยังทำทุกอย่างเพื่อพวกเราอยู่ ฉะนั้นจงทำดีเพื่อในหลวงเป็นคนดีของสังคม สามัคคีและเห็นส่วนรวมเป็นสำคัญ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #102: 8 มิ.ย. 13, 18:59 น

ทำรายงานให้ครูอ่านไปลอกไป น้ำตาแทบแตก T^T  

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #103: 18 มิ.ย. 13, 19:17 น

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ อยู่เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้ประชาชนนานนานนะคะ ทรงพระเจริญค่ะ _/\\_

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #104: 24 มิ.ย. 13, 10:34 น

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตลอดกาลนาน

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #105: 1 ส.ค. 13, 11:18 น

แม้นผู้ใดริอาจประมาทหมิ่น
พระภูมินทร์นรินทร-บวรสยาม
จะต่อต้านตามติดประชิดตาม
มิให้หยามเบื้องพระบาทราชวงศ์
พวก เราคนไทยผู้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ต้องช่วยกันต่อต้าน ป้องปรามต่อผู้ที่ดูหมิ่นจาบจ้วง สถาบันอันสูงสุดของชาติไทยเรา
ข้าพระพุทธเจ้าข้าราชการ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก"

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #106: 17 ส.ค. 13, 15:52 น

ขอบคุณครับ ''เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม'' เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยพลัง

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #107: 27 ส.ค. 13, 19:47 น

พระองค์ทรงพระเจริญ
   ซึ่งใจสุดๆค่ะ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #108: 31 ส.ค. 13, 15:05 น

 

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

ซึ้ง

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #109: 3 ก.ย. 13, 10:46 น

สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเราสร้างชาติ สร้างวินัย สร้างสรรค์สังคม สร้างคนไทยให้เจริญ   หนทางจะกันดารลำบากยากแค้นแดนไกลสักปานใดก็ตาม พระองค์ไม่ทรงเคยย่อท้อ.กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม พระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ชาวไทย

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #110: 1 ต.ค. 13, 10:03 น

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ. ยิ่งยืนนาน

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #111: 3 ต.ค. 13, 13:18 น

เราพี่น้อง ผองไทย ภูมิใจยิ่ง พ่อเป็นมิ่ง ขวัญชาติ ปราชญ์ยิ่งใหญ่ ลูกขอกราบ แทบบาทด้วยอวยพรชัยเทพทั่วไทย โปรดคุ้มครอง พ่อของเรา ขอให้พ่อ แข็งแรง แกร่งดังผา ไร้โรคา ภยันตรายและไกลเศร้า อายุยืน หมื่นปี ที่นานเนาว์ ทุกค่ำเช้า เกษมสำราญ ชั่วกาลเทอญ

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #112: 6 ธ.ค. 13, 12:46 น

ทรงพระเจริญ
มีพลานามัยแข็งแรง

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #113: 6 ธ.ค. 13, 17:15 น

“จิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบ เป็นรากฐานสำคัญของชีวิตจิตใจทั้งความประพฤติดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้
หากแต่จำเป็นต้องฝึกหัดอบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ นับตั้งแต่บุคคลเกิด
ดังที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ได้เฝ้าพยายามกระทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งเพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข
ความสำเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ด้วยความผาสุกสงบ”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการสัมมนาของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย
เรื่อง การพัฒนาสังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #114: 9 ธ.ค. 13, 11:43 น

เรารักในหลวง เพราะในหลวงรักและเป็นห่วงประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ
ในหลวงไม่เคยทำเพื่อหวังประโยชน์ใด ๆ ตอบแทน
พระองค์ทำเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง เพื่อทรงอยากให้พสกนิกรของท่านมีความสุข รู้รักสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แค่นี้พระองค์ก็ทรงดีพระทัย และมีความสุขแล้ว

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #115: 13 ธ.ค. 13, 10:11 น

การใช้กฎหมายเพื่อความสงบสุขในสังคม
              …กฎหมายทั้งปวงจะธำรงความยุติธรรมและถูกต้อง เที่ยงธรรม หรือความศักดิ์สิทธิ์และมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมอยู่ได้หรือไม่เพียงไร นั้นขึ้นอยู่กับการใช้ คือถ้าใช้ให้ได้ถูกวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นๆ จริงแล้ว ก็จะทรงความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพอันสมบูรณ์ไว้ได้แต่ถ้าหากนำไปใช้ให้ผิดวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ โดยการพลิก แพลงบิดพลิ้วให้ผันผวนไปด้วยความหลงผิดด้วยอคติ หรือด้วยเจตนาอันไม่สุจริตต่างๆ กฎหมายก็เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพลงทันที และกลับกลายเป็นพิษเป็นภัยแก่ประชาชนอย่างใหญ่หลวง ผู้ที่ต้องการจะใช้กฎหมายสร้างสรรค์ความผาสุกสงบและความเป็นปึกแผ่นก้าวหน้าของประชาชนและบ้านเมือง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาวัตถุประสงค์อันจริงแท้ของกฎหมายแต่ละฉบับ
ไว้ให้แน่วแน่เสมอไปอย่างไม่มีข้อแม้ประการใด ๆ พร้อมทั้งต้องรักษาอุดมคติ จรรยา ความสุจริต และมโนธรรมของนักกฎหมายไว้โดยรอบคอบเคร่งครัดเสมอด้วยรักษาชีวิตของตนเอง...
                (พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้
ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษาแห่งเนติบัณฑิตยสภา วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๐)

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #116: 13 ธ.ค. 13, 13:45 น

การที่คนเรานั้นจะเป็นคนดีได้ จะต้องมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อมิให้ออกนอกลู่นอกทาง หรือ แนวทางแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นศาสนาต่างๆ แต่แนวทางในการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนใครนั้น ก็คือ พ่อหลวง ของเรานั่นเอง พระองค์ท่านทรงเป็นแม่แบบในการดำเนินชีวิตให้กับปวงชนชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตแบบพอเพียง ที่สามารถทำได้จริง หรือ โครงการฝนหลวง ที่สามารถสร้างความชุ่มชื้น ให้กับ พื้นที่ที่ประสบปัญหา ภัยแห้งแล้ง พระองค์ท่านยังให้ความสำคัญกับทุกๆชีวิต เพื่อต้องการให้คนไทยรักกัน สามัคคี และ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือทางด้านสืบสานวัฒนธรรม ของไทยเดิมมา ไม่ว่าจะเป็นการละเล่นแบบไทย การกินอาหารไทย การใช้ของไทย และอาชีพของไทย เฉกเช่นความสัมพันธ์ระหว่าง คนกับควาย ที่อยู่ร่วมกันทำนา วิถีชีวิต ชาวนา ท่านเองก็ทรงสังเกตุ และ วิเคราะห์ ถึงวิถีชีวิตพอเพียง ท่านทรงย้ำให้ทุกชีวิตได้ตระหนักถึงความรักแผ่นดินเกิด ความรักที่มีต่อชาติไทยของเรา

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #117: 22 ธ.ค. 13, 15:15 น

ประเพณีทั้งหลายย่อมมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน เรามีประเพณีของชาติไทยเป็นสมบัติ เราควรจะยินดีอย่างยิ่งและช่วยกันส่งเสริมรักษาไว้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 21 เมษายน 2503)

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #118: 23 ธ.ค. 13, 11:36 น

พระบารมีเหนือกษัตริย์ใดในหล้า
ทรงดำริสิ่งมีค่ามหาศาล
ยอมสละทุกสิ่งเพื่อกิจการ
ให้ทวยราษฎร์ทั่วทุกย่านได้ร่มเย็น

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #119: 15 ม.ค. 14, 15:13 น

ความจงรักภักดีต่อชาตินั้น คือความสำนึกตระหนักในคุณของแผ่นดิน อันเป็นที่เกิดที่อาศัย ซึ่งทำให้บุคคลเกิดความภูมิใจในชาติกำเนิด และมุ่งมั่นที่จะธำรงรักษา ประเทศชาติไว้ ให้เป็นอิสระมั่นคงตลอดไป
พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
(ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนาม ของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต 3 ธ.ค.2529)

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #120: 16 ม.ค. 14, 10:03 น

๑. เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
๒. ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
๓. ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป
๔. รวมใจภักดิ์ รัก ในหลวง
๕. ทรงยึดหลักศาสนา ทรงศึกษาสรรพวิทยา ทรงนำมาปฏิบัติ ทรงขจัดปัญหาด้วยการพัฒนาโครงการพระราชดำริ ทรงเตือนสติด้วยการปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทรงสร้างค่านิยม ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทุกเมื่อ ทรงสละหยาดพระเสโท เพื่อประชาชนและประเทศไทยอย่างแท้จริง ทรงเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก ( ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก )
๖. พระมหากษัตริย์ ที่พรั่งพร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม
๗.จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์
๘. ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข
๙. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำ และมุ่งมั่นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย
๑๐. ความเสียหายของชาติจะบานปลาย ถ้าคนไทยขาดความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๑๑. ไทยเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขปกครองประเทศมาช้านาน ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ
๑๒. พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา
๑๓. พระองค์ทรงเป็นผู้นำตามแนวพระราชดำริ ให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาทด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
๑๔. ร้อยรัดดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
๑๕. เราเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบารมีของพ่อหลวง
๑๖. ๓ สถาบันหลักของชาติไทยเป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษของเรา
๑๗. ธงชาติไทยมี ๓ สี แต่ละสีมีความหมาย ช่วยไทยรักสามัคคี
๑๘. แม้แต่โจรยังรักในหลวง แล้วเราเป็นใครล่ะจะไม่รักหรือ
๑๙. เราคงสิ้นแผ่นดินถิ่นอาศัย หากสิ้นชาติ สิ้นศาสน์ สิ้นกษัตริย์
๒๐. ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยพระบารมีของล้นเกล้า

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #121: 17 ม.ค. 14, 14:34 น

ขอให้พระองค์อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทรของชาวไทยไปนานๆ  

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #122: 22 ม.ค. 14, 13:49 น

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง และเอื้ออาทรต่อทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างจริงจัง    โดยเฉพาะความทุกข์ของไพร่ฟ้าจากพยาธิภัย     ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่าง ๆ  ทุกครั้งพระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ให้คณะแพทย์   ทั้งแพทย์ที่เป็นผู้เชียวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ และแพทย์อาสาสมัคร  โดยเสด็จพระราชดำเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด  เพื่อจะได้รักษาผู้ป่วยไข้ได้ทันที”

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #123: 30 ม.ค. 14, 11:44 น

“ความเจริญของประเทศชาติ เป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคน
ทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ตามความถนัดและความสามารถ
และเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๓

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #124: 31 ม.ค. 14, 12:30 น

“...การพัฒนาชนบทเป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ยาก เป็นงานที่จะต้องทำให้ได้ด้วยความสามารถ ด้วยความเฉลียวฉลาด คือ ทั้งเฉลียวและฉลาด ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิใช่มุ่งที่จะหากินด้วยวิธีการใดๆ ใครอยากหากินขอให้ลาออกจากตำแหน่งไปทำการค้าดีกว่า เพราะผิดพลาดไปแล้วบ้านเมืองเราจะล่มจม และเมื่อบ้านเมืองของเราล่มจมแล้ว เราอยู่ไม่ได้ก็เท่ากับเสียหมดทุกอย่าง...”

พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระราชทานแก่คณะผู้บริหารเร่งรัดพัฒนาชนบทระดับผู้ว่าการจังหวัด

19 มิถุนายน 2512

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #125: 5 ก.พ. 14, 12:05 น

“...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”

พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือ
แห่งชาติ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี   11 ธันวาคม 2512

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #126: 17 ก.พ. 14, 15:48 น

พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ความจงรักภักดีต่อชาตินั้น คือความสำนึกตระหนักในคุณของแผ่นดิน อันเป็นที่เกิดที่อาศัย
ซึ่งทำให้บุคคลเกิดความภูมิใจในชาติกำเนิด และมุ่งมั่นที่จะธำรงรักษา ประเทศชาติไว้ ให้เป็นอิสระมั่นคง
ตลอดไป
(ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนาม ของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต 3 ธ.ค.2529)

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #127: 18 ก.พ. 14, 14:28 น

โครงการฝนหลวง

ทฤษฎีว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรแหล่งน้ำในบรรยากาศ
ในปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเยี่ยม พสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย่านบริเวณเทือกเขาภูพานทรงสังเกตว่า มีปริมาณเมฆมากปกคลุมเหนือพื้นที่ระหว่างเส้นทางบิน แต่ไมสามารถรวมตัวจนเกิดเป็นฝนตกได้ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูฝน และทรงพบเห็นว่าหลายแห่งประสบปัญหา พื้นดินแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรมักประสบความเดือดร้อนจากภาวะฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ในระยะวิกฤติของพืชผล ทำให้ผลผลิตต่ำ หรืออาจไม่มีผลผลิตเลย และอาจทำให้ ผลผลิตที่มีอยู่เสียหายได้ จึงเป็นความเดือดร้อนอย่างสาหัส และก่อให้เกิดความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ แก่เกษตรกรอย่างใหญ่หลวง นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมีมากขึ้น เพราะการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรมเกษตรกรรม และการเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งมีผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนจากทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ ไม่เพียงพอ ซึ่งเห็นได้ชัดจากปริมาณ น้ำในเขื่อนภูมิพลที่ลดลงอย่างน่าตกใจ ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล และทรงความอัจฉริยะของพระองค์ด้วยคุณลักษณะของนักวิทยาศาสตร์ ทรงสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น และได้มีพระราชดำริครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2498 แก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ว่าจะทรงค้นหา วิธีการที่จะทำให้เกิดฝนตกนอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ กับทรัพยากร ที่มีอยู่ให้เกิดมีศักยภาพของการเป็นฝนให้ได้ "ฝนหลวง" หรือ "ฝนเทียม" จึงกำเนิดขึ้นโดยประยุกต์ผลการวิจัยค้นคว้าทางวิชาการด้านฝนเทียมของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอิสราเอล

พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงวิเคราะห์การทำฝนหลวงว่ามี 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน เป็นการกระตุ้นให้เมฆรวมตัวเป็นกลุ่มแกน เพื่อใช้เป็น แกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะต่อมา สารเคมีที่ใช้ ได้แก่ แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคาร์ไบด์ แคลเซียมออกไซด์ หรือสารผสมระหว่าง เกลือแกงกับสารยูเรีย หรือสารผสม

ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน ขั้นตอนนี้ใช้สารเคมี คือ เกลือแกง สารประกอบสูตร ท.1 สารยูเรีย สารแอมโมเนียไนเตรท น้ำแข็งแห้ง และอาจใช้สารแคลเซียมคลอไรด์ร่วมด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มแกนเม็ดไอน้ำ (Nuclii) ให้กลุ่มเมฆฝน มีความหนาแน่นมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 โจมตี สารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนนี้เป็นสารเย็นจัด คือซิลเวอร์ไอโอได น้ำแข็งแห้ง เพื่อทำให้เกิดภาวะความไม่สมดุลมากที่สุด ซึ่งจะเกิดเป็นเม็ดน้ำ ที่มีขนาดใหญ่มาก และตกกลายเป็นฝนในที่สุด อย่างไรก็ดี ทุกขั้นตอนจะต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการตัดสินใจที่จะเลือกใช้สารเคมีในปริมาณที่พอเหมาะ

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #128: 4 มี.ค. 14, 12:27 น

ร่วมถวายความจงรักภักดี ด้วยการเป็นคนดีของสังคม ไม่ทะเลาะกัน
มีความรักความสามัคคีของชนในชาติ ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง
เพื่อให้พระองค์ท่านสบายพระทัย และมีความสุขตลอดไป

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #129: 17 มี.ค. 14, 12:36 น

“คนไทย รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี
อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน
จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี
เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #130: 18 มี.ค. 14, 12:59 น

“วิถีทางดำเนินของบ้านเมืองและประชาชนโดยทั่วไป มีความเปลี่ยนแปลงมาตลอดเนื่องจากความวิปริตผันแปรของวิถีแห่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่น ๆ ของโลก ยากยิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองตัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นอยู่ โดยประหยัดเพื่อที่จะอยู่ให้รอดและก้าวต่อไปได้โดยสวัสดี”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๑

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #131: 4 เม.ย. 14, 10:39 น

พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วิถีทางดำเนินของบ้านเมืองและประชาชนโดยทั่วไป มีความเปลี่ยนแปลงมาตลอดเนื่องจาก
ความวิปริตผันแปรของวิถีแห่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่นๆ ของโลก ยากยิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงให้พ้น
ได้ จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองตัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นอยู่ โดยประหยัดเพื่อที่จะอยู่
ให้รอดและก้าวหน้าต่อไปได้โดยสวัสดี
(เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค.2521)

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #132: 4 เม.ย. 14, 14:08 น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดชมหาราช หรือ “ในหลวง” อันเป็นที่รักของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่านั่นเอง พระองค์ท่านได้ทรงรักษา และ ฟื้นฟูประเทศชาติเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความเป็นอยู่ของประชาชน การสาธารณูปโภคต่างๆ ทรงคำนึงถึงความเป็นอยู่ราษฎรของพระองค์เป็นหลัก ทรงปกครองไพร่ฟ้าให้มีความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อย หนทางจะลำบากยากแค้นสักเพียงไร พระบารมีของพระองค์ก็สามารถแผ่ไปยังเหล่าพสกนิกรที่เดือดร้อนเหล่านั้นได้ โครงการตามพระราชดำริต่างๆที่ได้ทรงริเริ่มไว้ ก็มีประโยชน์ต่อประเทศอย่างมหาศาล พระกรุณาธิคุณ อันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #133: 10 เม.ย. 14, 15:45 น

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๐

            "หลักการสำคัญประการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ปฏิบัติงานสำเร็จ และเจริญก้าวหน้าได้แท้จริง คือการไม่ทำตัวทำความคิดให้คับแคบ หากให้มีเมตตา และไมตรียินดีประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ"

ความรู้สึก ต่อสถาบันพระ มหา กษัตริย์

หน้า: 1 2 3 4
Re : บทความ เรื่อง ความ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

        ความคิดเห็นที่ #134: 17 เม.ย. 14, 15:05 น

พ่อหลวงทรงเล่าถึงแรงบันดาลใจ
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง เล่าถึงแรงบันดาลใจ ในความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ป่า น้ำ ดิน ซึ่งโยงใยมีผลกระทบต่อกัน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ว่า
           ".....อาจมีบางคนเข้าใจว่า ทำไมถึงสนใจเรื่องชลประทาน หรือ เรื่องป่าไม้ จำได้เมื่ออายุ 10 ขวบ ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตายไปแล้ว สอนเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องการอนุรักษ์ดินแล้วให้เขียนว่า ภูเขาต้องมีป่า อย่าง นั้นเม็ดฝนลงมาแล้วจะชะดินลงมาเร็ว ทำให้ไหลตามน้ำไป ไปทำความเสียหาย ดินหมดจากภูเขาเพราะไหลตามสายน้ำไป ก็เป็นหลักของป่าไม้ เรื่องการอนุรักษ์ ดิน และเป็นหลักของชลประทานที่ว่า ถ้าเราไม่รักษาป่าไม้ข้างบน จะทำให้เดือด ร้อนตลอด ตั้งแต่ดินภูเขาจะหมด ไปกระทั่งการที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน มี ตะกอนลงมาในแม่น้ำทำให้น้ำท่วมนี่นะ เรียนมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ....."
           การที่ทรงเห็นความสำคัญของปัญหาป่าเสื่อมโทรม ซึ่งส่งผลกระ ทบต่อปัญหาด้านอื่นๆ ไม่เฉพาะแต่ปัญหาเรื่องดิน เรื่องน้ำเท่านั้น หากโยงใยถึง ปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คุณธรรมและระบบนิเวศน์ ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้แนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาป่า มิได้เป็นกิจกรรมที่ดำเนินไปอย่าง โดดๆ หากแต่รวมเอางานพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด เข้าไปทำงานในพื้นที่ อย่าง ประสานสัมพันธ์กัน