โรงงานผลิตเครื่องสําอาง เชียงใหม่

หลังจากที่เราต้องสวมแมสก์ปกปิดบนใบหน้ามาหลายปี แต่ว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็ยังคงแต่งหน้าเหมือนเดิมเพราะสังเกตได้จากตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่เวลาหลายคนลงรูปก็มักจะถอดหน้ากากอนามัยออกชั่วคราว ใบหน้าจึงต้องดูดีอยู่ทุกสถานการณ์หรือต่อให้ใส่หน้ากากอนามัย สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องแต่งอย่างน้อยก็คือคิ้วและตา ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า “ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น ผู้หญิงก็ยังคงต้องการที่จะดูดีอยู่ตลอดเวลา” 

ในปลายปี 2022 และในช่วงปีหน้า 2023 นี้ สื่อด้านความงามชื่อดังของอเมริกาได้มีการออกมาคาดการณ์กันแล้วว่าเทรนด์การแต่งหน้าแบบไหนจะเป็นที่น่าจับตามองมากที่สุด ในเวลานี้จึงถึงเวลาแล้วที่สาว ๆ จะได้แต่งหน้าโชว์เมกอัพกันได้แล้ว หลังสถานการณ์กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

 

  1. ธุรกิจความงามทั่วโลกกำลังเดินหน้า ไปในทิศทางที่สดใสกว่าเดิม โดยพบว่าเหล่าวัยรุ่น Gen Z มีการใช้จ่ายเงินเพื่อความสวยความงามกันมากขึ้น จากผลการสำรวจใช้จ่ายเครื่องสำอางแต่งหน้ามากที่สุดและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอยู่ในระดับรองลงมา นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม รวมถึงพวกน้ำหอมด้วย
  2. กระแส Y2K ที่กำลังกลับมา เป็นเทรนด์ในปีนี้ ทำให้ลุคเมกอัพที่เป็นซิกเนเจอร์กลับมาเป็นกระแสตามไปด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มความโดดเด่นให้กับดวงตา เน้นสีฉูดฉาดเอาไว้ก่อน ลงกลิตเตอร์ หรือตกแต่งตาด้วยอายไลเนอร์เป็นลวดลายต่าง ๆ รวมถึงการกรีดตาแบบ Foxy Eyes ที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ตลอด แล้วปัดมาสคาราเพื่อให้ดวงตาดูโตสวยคมมากขึ้น และยังมีการคาดการณ์อีกว่าในปีนี้เครื่องสำอางสำหรับดวงตาจะเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น
  3. เทรนด์การแต่งคิ้ว ปีที่ผ่านมาอย่างการสักคิ้ว การลิฟต์ขนคิ้ว หรือการปัดแต่งคิ้วให้ดูอุยฟู (Fluffy Brows) นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าในปลายปีนี้อาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์คิ้วอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคิ้วบางเฉียบแบบยุค’90 คิ้วบาง คิ้วบลอนด์ และอาจรวมไปถึงคิ้วโล้นที่อาจจะฮอตข้ามปีด้วย
  4. ปัดแก้มใต้ตา ลุคปัดแก้มเหมือนใส่ฟิลเตอร์ ใครที่อยากพรางร่องรอยใต้ตาคล้ำ แถมได้ลุคใส ๆ จะพลาดเทรนด์นี้ไม่ได้ แนะนำเป็นโทนสีม่วงมาแรง เฉดสีที่น่าสนใจคือ สีพลัม สีไวโอเลต และลาเวนเดอร์ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกโทนสีผิว
  5. การกลับมาของลิปสติก หลังจากใส่แมสก์กันมานาน ถึงเวลาแล้วที่จะได้โชว์สีปากกันเสียที เพราะลิปสติกเป็นบิวตี้ไอเทมที่แค่เปลี่ยนสี ลุคก็เปลี่ยนได้! โดย WGSN และ Coloro ได้วิเคราะห์แนวโน้มในปีหน้าและพบว่า ผู้คนจะหันมาสนใจเลือกใช้ลิปสติกสีที่ใช้ได้นาน หยิบมาใช้เมื่อไรก็ได้ และเข้าได้กับทุกลุค โดยเฉพาะโทนสี Neutrals สีส้ม สีแดง ซึ่งเป็นเฉดสีที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยหรู สีที่นำมาใช้ได้ตลอดไม่ว่าจะซีซั่นใด โอกาสไหน แถมยังเข้าได้กับทุกโทนสีผิว
  6. กล้าที่จะเผยผิว โดยเมกอัพอาร์ติสชื่อดัง @minddmakeup มีมุมมองเกี่ยวกับเทรนด์ความงามในช่วงนี้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ความงามที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนกล้าที่จะแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง เผยจุดบกพร่องบนผิว โดยมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและความหลากหลายได้
  7. เทรนด์สี เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประกาศ 5 เทรนด์สีมาแรงสำหรับปี 2023 นั่นคือ Sundial, Luscious Red, Tranquil Blue, Verdigris และ Digital Lavender โดย Digital Lavender เป็นสีที่ถูกประกาศให้เป็นสีประจำปี 2023 ซึ่งเป็นสีม่วงแห่งการเยียวยาที่ให้ความรู้สึกสบายตา ผ่อนคลาย มีความรู้สึกหลากหลายปะปนอยู่ และเป็นสีที่เลือกไปแมทช์กับสีอื่นได้ง่าย เพราะเฉดสีมีความละมุน ไม่จัดจ้านจนเกินไป

 

อ้างอิง :

1. Lip Color Trend Forecast 2023/2024.
https://sensient-beauty.com/insights/lip-color-trend-forecast-2023-2024/

2. อัปเดต Color Trend S/S 2023 ก่อนใคร! เทรนด์สี 2566.
https://allthatsstylist.com/fashion/trends/color-trend-2023/

3. ผลสำรวจชี้วัยรุ่น Gen Z กลับมาใช้เงินเพื่อความสวยความงามในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด.
https://thestandard.co/gen-z-beauty-spending/

ในปี 2022 ไทยยังเป็นประเทศที่ส่งออกเครื่องสำอางมากเป็นอันดับ 10 ของโลกเพราะปัจจุบันเครื่องสำอางไทยได้รับความนิยมทั้งในอาเซียน ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และฮ่องกง และมีการคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางจะค่อย ๆ กลับมาเติบโตเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมองการแต่งหน้าเป็นแฟชั่นไม่มีใครยอมตกเทรนด์กันอย่างแน่นอน มาดูกันว่าเทรนด์เครื่องสำอางในปี 2023 นี้แบบไหนจะเป็นที่น่าจับตามองเพื่อเติบโตในวงการนี้

    

  1. เครื่องสำอางครอบคลุมทุกสีผิว

ปัจจุบันนี้หลายคนเริ่มหันมาสนใจเรื่องความหลากหลายในตัวตนของมนุษย์มากขึ้นและยกระดับอุตสาหกรรมความงาม สินค้าต่าง ๆ รวมถึงเครื่องสำอางจึงต้องเพิ่มทางเลือกให้กับทุกคน อย่างเช่น ‘รองพื้น’ ที่เมื่อก่อนมีเฉดให้เลือกไม่มาก แต่ในปัจจุบันนี้บางแบรนด์มีถึง 50 เฉดสีเพื่อรองรับความแตกต่างของทุกสีผิว ซึ่งเทรนด์นี้จะยังคงเติบโตและเปิดกว้างต่อไปอีก

 

  1. เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย

เพราะผู้ชายมีผิวที่แตกต่างจากผู้หญิง การดูแลผิวหน้าจึงจำเป็นต้องใช้สกินแคร์ที่ทำมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ และการดูแลผิวหน้าสำหรับผู้ชายนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเลือกสกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นหลัก ซึ่งเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายก็เป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองอย่างล่าสุด “แฮร์รี่ สไตล์ส” เซเลบริตี้ชื่อดังชาวอังกฤษก็ได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงามด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือ “ดีเจคาเล็ด” ก็ได้สร้างแบรนด์สกินแคร์สำหรับผู้ชายที่มีส่วนผสมของกัญชาด้วยเช่นกัน 

 

  1. เครื่องสำอางแบบซอง

เทรนด์เครื่องสำอางแบบซองยังคงได้รับความนิยมสูง เพราะมีราคาไม่แพงมาก สามารถเจาะกลุ่มได้ทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่อาจจะมีกำลังซื้อไม่สูงมาก หรือกลุ่มวัยทำงานก็ได้ โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้นานและยังถือว่าเป็นการทดลองใช้สินค้าก่อน หากถูกใจก็ไปซื้อขนาดไซส์ใหญ่ได้ แถมแบบซองยังพกพาได้สะดวก ทั้งยังหาซื้อได้ง่ายจากร้านสะดวกซื้ออีกด้วย

 

  1. เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ

ในปีนี้เทรนด์หญิงสูงวัยกำลังมาแรงโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ ฯลฯ ซึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้โซเชียลของผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น ทำให้มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องสำอาง โดยหลายแบรนด์ได้นำหญิงสูงวัยหลายคนมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียล เพราะต้องการเจาะกลุ่มคนในรุ่นนี้ เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินบนโลกออนไลน์มากกว่าเด็กวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ

 

  1. เครื่องสำอางออร์แกนิก

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เพราะคนส่วนใหญ่มักเลือกใช้สกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยความนิยมและความต้องการเครื่องสำอางออร์แกนิกจะเติบโตอย่างไม่หยุดและเพิ่มปริมาณความต้องการขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นเครื่องสำอางที่ผลิตจากธรรมชาติแท้ ทั้งยังส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมด้วย และเชื่อว่าดีต่อผิวมากกว่า รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย

 

อ้างอิง :

1. ตลาดเครื่องสำอาง: ไทยส่งออกเป็นอันดับ 10 ของโลก.
https://marketeeronline.co/archives/216591  

2. What’s New 2022 เปิดเทรนด์ใหม่มาแรงที่น่าจับตามอง.
https://mgronline.com/celebonline/detail/9650000000510 

3. “ลอรีอัล” บุกไซส์เล็ก! ส่ง “ลิปสติกซอง” เมย์เบลลีน นิวยอร์ก จับตลาดสวยสะดวกซื้อ.
https://positioningmag.com/1320107 

4. เทรนด์การตลาด “อินฟลูเอนเซอร์” สูงวัย อาจมาแรงต่อเนื่องในปี 2022.
https://www.bangkokbiznews.com/business/966109

ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอางฉบับล่าสุดในปี พ.ศ. 2562 เรื่อง “ฉลากของเครื่องสำอาง” ได้ระบุให้ผู้ที่ขายเครื่องสำอางในประเทศไทยต้องติดฉลากไว้ในที่เปิดเผยและสามารถอ่านหรือมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยสามารถติดไว้บนบรรจุภัณฑ์หรือตัวภาชนะบรรจุก็ได้ ซึ่งข้อความบนฉลากที่ต้องระบุไว้ มีดังนี้

  1. ชื่อเครื่องสำอาง (ต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น)
  2. ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
  3. ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ต้องเป็นชื่อตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด และต้องเรียงลำดับสารตามปริมาณจากมากไปหาน้อย)
  4. วิธีใช้
  5. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต
    1. กรณีที่ผลิตในประเทศไทยให้แสดงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต
    2. กรณีที่นำเข้าเครื่องสำอางให้ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้าพร้อมกับชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต
  1. ปริมาณสุทธิ
  2. แสดงเลขอักษรครั้งที่ผลิต
  3. วันที่ผลิต โดยระบุเป็น เดือน/ปี หรือ ปี/เดือน 
  4. วันหมดอายุ โดยระบุเป็น เดือน/ปี หรือ ปี/เดือน หรือความหมายในทำนองเดียวกันสำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน
  5. คำเตือนตามที่กฎหมายคำหนด
  6. เลขที่ใบรับจดแจ้ง

หมายเหตุ :

  • ในกรณีที่ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์มีพื้นที่แสดงฉลากน้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร อย่างน้อยต้องแสดงข้อความตามข้อ 1, 7, 8, 9 และ 11
  • หากผู้ผลิตได้จัดทำฉลากไว้ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ ให้ทำการแก้ไขฉลากให้ถูกต้องและสามารถใช้ฉลากเดิมที่เหลืออยู่ต่อไปได้ แต่ต้องไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้

 

อ้างอิง :

1. ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๖๒.
www.fda.moph.go.th/sites/Cosmetic/Shared%20Documents/Laws/14%20ฉลาก/14_1%20ฉลากของเครื่องสำอาง%202562.pdf

สำหรับที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางโดยการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองเพื่อที่จะได้ขายสินค้าที่ตัวเองชื่นชอบ การสร้างแบรนด์และการขายสินค้าในปัจจุบันนี้ถือว่าง่ายกว่าเมื่อก่อนมากเพราะสามารถทำได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือการโปรโมท ผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นแผนงานยังไง คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ได้เลย

  1. วางแผนสินค้าที่ต้องการ

อันดับแรกก่อนที่จะเริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจคุณต้องเริ่ม ‘วางแผน’ ก่อนว่าต้องการขายสินค้าประเภทใด เพราะหากพูดถึงคำว่าเครื่องสำอางมันจะครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์ความสวยงามหลายอย่าง คุณอาจจะเริ่มวางแผนก่อนว่าต้องการขายสินค้าแค่ประเภทเดียวเอาหรือว่าจะขายหลาย ๆ อย่างภายใต้แบรนด์ของคุณ

  1. ดูเทรนด์ในตลาด

เมื่อคุณรู้แล้วว่าคุณต้องการขายสินค้าประเภทไหนต่อไปก็ให้ดูเทรนด์ในตลาดว่าสินค้ามีแบบไหนบ้าง? กลุ่มเป้าหมายของคุณชื่นชอบแบบไหน? หรือในขณะนั้นมีส่วนผสมอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมที่คุณสามารถนำมาปรับให้ใช้กับผลิตภัณฑ์และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ได้

  1. หาโรงงานรับผลิตที่ได้มาตรฐาน

หลังจากที่คุณพอจะมองออกแล้วว่าสินค้าของคุณจะเป็นอะไรก็ให้หาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่ต้องการ โดยโรงงานที่เป็น OEM ส่วนใหญ่จะมีบริการให้คุณแบบครบวงจรทั้งให้คำปรึกษา แกะสูตรผลิตภัณฑ์ ทดสอบสูตรใหม่ ๆ ออกแบบบรรจุภัณฑ์/โลโก้ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกเฉพาะโรงงานที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตต่าง ๆ อย่างถูกต้อง

  1. ค้นหาสูตรผลิตภัณฑ์ที่คุณชื่นชอบ

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้คุณได้สินค้าตามแบบที่ตัวเองต้องการ โดยหลังจากเลือกโรงงานรับผลิตที่ได้มาตรฐานแล้วให้คุณหาสูตรสินค้าที่ชื่นชอบไปให้ทางโรงงานแกะสูตรหรือหากคุณอยากจะพัฒนาสูตรใหม่ขึ้นมาเองด้วยการใส่สารสกัดอื่น ๆ เพิ่มเติมก็สามารถปรึกษากับโรงงานได้

  1. ทดสอบสินค้า

เมื่อคุณได้สูตรสินค้าตามที่ต้องการแล้วสามารถขอทดสอบสินค้าที่โรงงานผลิตเป็นตัวอย่างมาก่อนได้เพื่อลองทดสอบดูว่าสินค้าของคุณเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่

  1. วางแผนการตลาด

ขณะที่รอตัวอย่างสูตรสินค้าที่คุณต้องการ คุณสามารถวางแผนการตลาดต่อได้เลย เพราะหากวางแผนไว้แต่เนิ่น ๆ มันจะช่วยตัดสินใจได้ว่าต่อไปคุณจะตั้งชื่อแบรนด์ว่าอะไร ขายที่ไหน บรรจุภัณฑ์จะเป็นอย่างไรเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของการออกแบบแพคเกจจิ้งต่อไป 

  1. ออกแบบบรรจุภัณฑ์

เมื่อคุณวางแผนการตลาดได้แล้วคุณสามารถปรึกษาโรงงานเรื่องการออกแบบโลโก้ ชื่อแบรนด์ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้เลย 

  1. สั่งผลิต

ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อคุณมีสินค้าแล้ว มีแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าของคุณแล้ว คุณก็สามารถสั่งผลิตกับทางโรงงานได้เลย

 

อ้างอิง :

1. 10 ขั้นตอนง่าย สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง.

เครื่องสำอางทุกชนิดหลายคนอาจจะเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ควรทำความรู้จักกับสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้เพื่อใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนได้ โดยสัญลักษณ์ที่เป็นสากลเหล่านั้น คือ

  1. Green Dot

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Green Dotรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Green Dot

 

สัญลักษณ์ลูกศรที่เชื่อมกันในวงกลมนั้นแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากรายได้จะนำไปมอบให้แก่องค์กรที่ดูแลเรื่องการกำจัดขยะบรรจุภัณฑ์อย่างถูกวิธี 

 

  1. PAO (Period After Opening)

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-PAO (Period After Opening)รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-PAO (Period After Opening)

สัญลักษณ์รูปกระปุกเปิดฝานี้จะเห็นได้แทบทุกผลิตภัณฑ์เนื่องจากมันเป็นตัวที่บ่งบอกว่าเครื่องสำอางที่เราใช้มีอายุการใช้งานกี่ปีหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ถูกเปิดใช้แล้ว ส่วนใหญ่จะบอกว่ากี่เดือน เช่น 3M, 6M, 12M, 24M 

 

  1. Best Before End of (of)

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Best Before End of (of)รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Best Before End of (of)

สัญลักษณ์รูปนาฬิกาทรายคือตัวที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานถึงเมื่อไหร่ซึ่งจะระบุเป็นวันหมดอายุบางครั้งจะใช้เป็นตัวอักษรย่อ BBE หรือ EXP

 

  1. Leaping Bunny

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Leaping Bunnyรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Leaping Bunny

สัญลักษณ์รูปกระต่ายแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีการทดลองกับสัตว์ในตลอดทุกขั้นตอนการผลิตรวมถึงไม่มีส่วนผสมใด ๆ ที่ผ่านการทดลองในสัตว์มาก่อน

 

  1. Refer To Insert

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-refer to insertรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-refer to insert

สัญลักษณ์รูปมือชี้บนหนังสือมักจะอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีชิ้นเล็กมากจนไม่สามารถใส่รายละเอียดสินค้าได้ ซึ่งจะหมายถึงมีแผ่นพับเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติม

 

  1. E-mark

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-E-markรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-E-mark

สัญลักษณ์ตัวอักษร ‘e’ หมายความว่าสินค้านั้นได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรปในเรื่องของปริมาณและน้ำหนักว่าสินค้าตัวนี้มีปริมาณและน้ำหนักที่ระบุไว้อย่างแท้จริง

 

  1. Mobius loop

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Mobius loopรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Mobius loop

สัญลักษณ์รูปลูกศร 3 ดอกที่เรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมนี้ หมายความว่าภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยแต่ละดอกหมายถึง Recycling, Recyclale และ Recycled Product 

 

  1. Ecocert

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Ecocertรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Ecocert

สัญลักษณ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ  COSMOS ORGANIC CERTIFICATION และ COSMOS NATURAL CERTIFICATION ซึ่งหากเห็นคำว่า Organic จะหมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมจากออร์แกนิกมากกว่า 95% ส่วน Natural จะหมายความว่ามีส่วนผสมของออร์แกนิกมากกว่า 50%

 

  1. Open Flame

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Open Flameรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Open Flame

สัญลักษณ์รูปไฟก็จะสื่อความหมายตามรูปโดยตรงเลยว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถก่อให้เกิดประกายไฟได้เพราะมีส่วนผสมจำพวกแอลกอฮอล์หรือสารขับดันในสเปรย์ ดังนั้นควรเก็บให้ห่างจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง

 

  1. Halal Certified 

รูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Halal Certifiedรูปภาพ สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง-Halal Certified

สัญลักษณ์เครื่องหมายฮาลาลจะแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ได้ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานฮาลาลซึ่งก็คือจะไม่มีส่วนผสมของสุกร รวมถึงส่วนผสมอื่น ๆ ที่ผิดต่อหลักของศาสนา เช่น สัตว์เลื้อยคลานหรือแมลง 

 

อ้างอิง :

1. เครื่องหมายสัญลักษณ์บนฉลากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีความหมายว่าอย่างไร.
www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/541/สัญลักษณ์บนเครื่องสำอาง/

คำถามพบบ่อยของการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

ขั้นตอนทั่วไปในการผลิตเครื่องสำอางแบบ OEM?

กำหนดความต้องการของผลิตภัณฑ์, เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา, พัฒนาสูตรและพัฒนาผลิตภัณฑ์, ลูกค้าตัดสินใจทำสัญญาเพื่อสั่งผลิตเครื่องสำอาง, ขึ้นทะเบียนสูตรผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับ อย., ดำเนินการผลิตและตรวจสอบคุณภาพ, จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า

เลือกโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ได้มาตราฐานอย่างไร?

มีการจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้อง, ความสามารถและความเชี่ยวชาญ, มีใบรับประกันมาตราฐาน (ISO GMP Halal เป็นต้น), คิดต้นทุนขาย กําไร และราคาขาย สมเหตุสมผล, มีบริการแบบครบวงจร

ประเภทเครื่องสำอางที่นิยมผลิตแบบ OEM?

ผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบบต่างๆ (สำหรับผิวหน้า,ครีมกันแดด,ครีมทาตัว) และ ลิปสติก

OEM รับผลิตเครื่องสำอาง กับโรงงานที่ดีที่สุด

หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตเครื่องสำอาง เมคอัพประเภทต่างๆ ที่มีคุณภาพ ได้มาตราฐาน และเป็นโรงงานจริงไม่ผ่านนายหน้า คุณสามารถติดต่อบริษัทผู้ผลิตเหล่านั้นได้ง่ายๆ เพียงกรอกแบบฟอร์มความต้องการให้โรงงานผู้ผลิตติดต่อกลับ เพื่อนำเสนอรายละเอียดของผลิตภัณฑ์, ขั้นต่ำในการสั่งผลิต, ขั้นตอนการผลิตและโปรโมชั่นต่างๆของบริษัท พร้อมรับสิทธิพิเศษเมื่อกรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บไซต์ รับผลิต.com | มองหา โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ต้องที่รับผลิต.com