“การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เป็นประโยคตอกย้ำสำหรับคนที่ไม่อยากก่อหนี้ แต่หลายคนที่มีความจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ เช่น เมื่อแต่งงานและมีลูกก็ต้องการมีบ้าน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสี่สำหรับการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคนไทยไม่นิยมซื้อบ้านด้วยเงินสด ทางออกที่เหมาะสม คือ ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์
1 .อัตราดอกเบี้ยคงที่ เป็นอัตราคงที่ในช่วงเวลากำหนด ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงแรกของการกู้ เช่น 3 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2% เป็นต้น
เป็นอัตราที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง โดยจะอ้างอิงกับดอกเบี้ย MLR ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน, MOR เป็นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี, MRR เป็นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลง ธนาคารจะประกาศอัตราดอกเบี้ยใหม่ให้ผู้ขอกู้ทราบ
ยิ่งเมื่อผ่อนนาน ยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก ดังนั้น หากต้องการปลดหนี้ให้เร็วขึ้นก็ต้องหาทางลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งมีหลายวิธี เช่น 1. โปะหนี้ ชำระหนี้ในแต่ละเดือนมากกว่าอัตราขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์กำหนด เช่น นาย ก. เหลือเงินที่ต้องผ่อนบ้าน 1,800,000 บาท เป็นระยะเวลา 20 ปี ดอกเบี้ยเงินกู้ 7%
สมมติว่า นาย ก. ต้องการโปะหนี้ด้วยการเพิ่มเงินผ่อนต่อเดือนจาก 13,955 บาท เป็น 14,955 บาท (โปะหนี้เดือนละ 1,000 บาท) จะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้ 235,614 บาท และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น 2 ปี 7 เดือน ดังนั้น ยิ่งเพิ่มเงินผ่อนต่อเดือนมากเท่าไหร่จะสามารถประหยัดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถแบ่งเงินแต่ละเดือนมาโปะหนี้แล้วยังเหลือเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอ
2. โปะเงินก้อน การโปะหนี้ข้อ 1 เป็นการเพิ่มเงินผ่อนต่อเดือน แต่การโปะเงินก้อน คือ โปะครั้งเดียวในจำนวนเงินที่มาก ถัดจากนั้นก็ผ่อนในแต่ละเดือนในอัตราขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์กำหนด เช่น นาย ก. นำเงิน 200,000 บาทมาลดยอดเงินกู้ ทำให้ยอดเงินกู้คงเหลือ 1,600,000 บาท (จากเดิมเหลือ 1,800,00 บาท) ทำให้เหลือผ่อนเดือนละ 12,405 บาท และตลอดสัญญา 20 ปี ต้องจ่ายเงินทั้งหมด 2,977,147 บาท ในจำนวนนี้คิดเป็นดอกเบี้ยจ่าย 1,377,147 บาท
3. เพิ่มเงินดาวน์ กรณีนี้ต้องวางแผนก่อนจะขอกู้เงิน คือ จ่ายเงินดาวน์ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเงินดาวน์มาก เงินต้นจะลดลง จึงสามารถประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนเพิ่มเงินดาวน์ควรพิจารณาก่อนว่าสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ได้อย่างลงตัวหรือไม่
4. รีไฟแนนซ์ เป็นการขอสินเชื่อก้อนใหม่เพื่อมาจ่ายหนี้ก้อนเดิม ส่วนใหญ่มักจะรีไฟแนนซ์กันตั้งแต่ธนาคารพาณิชย์เริ่มคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวแล้ว เพื่อทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยถูกลง แต่ก่อนจะทำการรีไฟแนนซ์ต้องดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมที่ธนาคารพาณิชย์คิดค่าดำเนินการด้วย
วิธีการนี้ คือ ติดต่อสาขาที่ขอกู้เงิน แล้วเจรจาเพื่อขอลดดอกเบี้ยแบบตรงๆ โดยเหตุผลที่ใช้ เช่น เป็นลูกค้าชั้นดี ไม่มีประวัติในการจ่ายหนี้ล่าช้า เป็นต้น
การขอสินเชื่อ นอกจากต้องศึกษาข้อมูลก่อนซื้อบ้านให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หลังจากกู้เงินก็ต้องพยายามหาทางเพื่อลดภาระเงินกู้และดอกเบี้ยลงให้มากที่สุด ถ้าทำได้จะปลดหนี้ได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน |