Show waramai 13 กันยายน 2561 ( 11:25 ) สาวๆ หลายคนที่อยากจะ ลดน้ำหนัก หรือเบิร์นไขมัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะออกกำลังกายแบบไหนดี วันนี้เราขอแนะนำให้สาวๆ ลองหันมากระโดดเชือกกันดูค่ะ เพราะ การกระโดดเชือก นั้น สามารถช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนัก ได้ครบทุกส่วนตลอดทั้งตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งขา จากที่สาวๆ หลายคนมักคิดว่าการออกกำลังกายด้วยการกระโดดเชือกนั้น จะทำให้ขาใหญ่ เป็นก้อนกล้ามเนื้อแข็งๆ น่องโป่ง และขาของเราก็จะไม่สวยในที่สุด บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่จริงแน่นอนค่ะ หากเรา กระโดดเชือก อย่างถูกวิธี ตามคลิปนี้ Credit: Mahidol Channel มหิดล แชนแนล ส่วนสาวๆ คนไหนที่สนใจอยากลองหัด กระโดดเชือก เพื่อลดน้ำหนักและไขมัน วันนี้เรามีตารางออกกำลังกายด้วยการกระโดดเชือกมาฝากกันค่ะ ตารางออกกำลังกายคราวนี้จัดให้สาวๆ ได้ ลดน้ำหนัก แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน ไม่หักโหม แต่ได้ผลดีและลดได้จริง สาวๆ คนไหนที่มีเชือกอยู่ในมือแล้ว อย่าปล่อยให้เสียเปล่า หยิบมาออกกำลังกายกับเรากันได้เลยค่ะ วันที่1: 50 ครั้ง วันที่6: 130 ครั้ง วันที่11: 200 ครั้ง วันที่16: 240 ครั้ง วันที่21: 280 ครั้ง วันที่26: 300 ครั้ง บทความที่คุณอาจสนใจ ลด 10 นิ้วทั่วตัว ใน 10 วัน ด้วย 8 ท่าออกกำลังกายลดไขมัน กระชับกล้ามเนื้อ รวมมิตรท่าแพลงก์! 7 วัน 7 ท่าแพลงก์ เฟิร์มทั้งตัว แขน ก้น ต้นขา หน้าท้อง! Tips&How to ตารางกระโดดเชือก 30 วันลดไขมันทั้งตัว พร้อมวิธีโดดสำหรับมือใหม่ สำหรับมือใหม่หัดออกกำลังกายหรือใครที่อยากเริ่มลดน้ำหนักดูแลรูปร่าง กระโดดเชือกก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะทำง่ายใช้อุปกรณ์ชิ้นเดียว ทำที่บ้านก็ได้ แถมยังเรียกเหงื่อได้คาร์ดิโอแบบเต็มๆ มาค่ะเราขอแชร์ตารางกระโดดเชือก 30 วันสำหรับมือใหม่หัดโดด ที่ค่อยๆเพิ่มเลเวลจำนวนไปตามวัน หากพร้อมแล้วไปค่ะ วิธีการเลือกเชือกกระโดดเชือกที่เหมาะสม สำหรับมือใหม่แนะนำให้เลือกเชือกเส้นเล็กที่ไม่หนาหรือหนักจนเกินไป เลี่ยงเชือกถักหนักๆเพราะอาจเมื่อยหรือเจ็บตัวได้ ส่วนตัวเชือกให้เลือกแบบที่สามารถหมุนได้ดีไม่ติดขัดและความยาวเชือกต้องเหมาะสมกับส่วนสูงโดยปลายด้ามจับจะต้องสูงระดับรักแร้พอดี ดังนั้นเลือกยาวไว้ก่อนดีกว่า หากยาวไปสามารถมัดปมตรงปลายให้สั้นลงได้ วิธีเลือกรองเท้า สวมใส่รองเท้ากีฬาเสมอ โดยแนะนำให้เลือกใส่ขนาดที่พอดีไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป ที่สำคัญไม่ควรเลือกพื้นรองเท้าที่ไม่หนาหนักแต่สามารถรองรับรองกระแทกและได้ดี แนะนำรองเท้าประเภท indoor sport หรือรองเท้าชนิด training shoes ท่ากระโดดเชือกที่ถูกต้อง
TIP การวางท่าให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับมือใหม่สามารถฝึกกระโดดให้เป็นจังหวะโดยไม่ต้องใช้เชือกกระโดดก่อนได้ พยายามหาจังหวะของตัวเองให้ได้ อย่าเพิ่งรีบ เมื่อรู้จังวะแล้ว จะโดดเร็วโดดช้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ABOUT THE AUTHOR Beauty See First administrator การลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วน ไม่ใช่เรื่องที่จะเห็นผลชัดเจนได้ในชั่วข้ามคืน มิหนำซ้ำ บางคนก็อาจถอดใจ หรือล้มเลิกความตั้งใจทั้งๆ ที่ลงมือลดน้ำหนักได้ยังไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นเพราะคุณยังไม่เจอวิธีออกกำลังกายที่ใช่สำหรับคุณ ถ้าอย่างนั้น Hello คุณหมอ อยากชวนคุณมาลอง กระโดดเชือกลดน้ำหนัก แบบถูกต้องและเห็นผลจริง หากทำเป็นประจำควบคู่กับการควบคุมอาหาร รับรองน้ำหนักลดลงแน่นอน การออกกำลังกายด้วยการกระโดดเชือกการ กระโดดเชือก ถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของปอดและหัวใจ ช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ช่วยพัฒนาการทำงานสอดประสานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่องและแกนกลางลำตัว ช่วยลดพุง รวมถึงช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ และช่วยในการลดน้ำหนักด้วย หลายคนอาจคิดว่าการกระโดดเชือก ได้ออกกำลังกายแค่ร่างกายท่อนล่างหรือช่วงขา แต่จริงๆ แล้ว การกระโดดเชือกเป็นการฝึกทั่วร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากในเวลาอันสั้น หากเป็นคนรูปร่างและน้ำหนักปานกลาง การกระโดดเชือกอาจช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า 10 กิโลแคลอรี่ต่อนาที การกระโดดเชือกช่วยให้น้ำหนักลดได้จริงไหมอย่างที่บอกไปแล้วว่า การกระโดดเชือกช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากในเวลาอันสั้น แถมยังเป็นกิจกรรมที่สนุก จึงทำให้คุณสามารถ กระโดดเชือก ลดน้ำหนักได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อ การกระโดดเชือกลดน้ำหนักเป็นประจำทุกวันๆ ละ 30-60 นาที สามารถช่วยให้น้ำหนักลดได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ผลจากการกระโดดเชือกของคุณอาจขึ้นอยู่กับ
นอกจากนี้ คุณต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ของคุณด้วย เช่น อายุ ระบบเผาผลาญ จะได้ปรับวิธีการลดน้ำหนักด้วยการกระโดดเชือกกับการกินให้สมดุลกัน เพื่อให้เกิด ภาวะพลังงานขาดดุล (Calorie deficit) หรือการรับพลังงานจากการกินอาหารให้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ไปในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บไว้เป็นพลังงานสำรองออกมาใช้ เรียกง่ายๆ ว่า ให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าที่กินเข้าไปนั่นเอง ยกตัวอย่างผู้หญิงน้ำหนัก 150 ปอนด์ (ประมาณ 68 กิโลกรัม) ที่เลือกกินอาหารดีต่อสุขภาพ อาจสามารถสร้างภาวะพลังงานขาดดุล หรือลดแคลอรี่ได้ถึงวันละ 500 กิโลแคลอรี่ หรือ 3,500 กิโลแคลอรี่ต่อสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้ถึง 1 ปอนด์ (ประมาณ 0.45 กิโลกรัม) หากผู้หญิงคนนี้ กระโดดเชือก วันละ 20 นาที เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ ก็จะลดแคลอรี่เพิ่มได้อีกวันละ 200 กิโลแคลอรี่ หรือ 1,000 กิโลแคลอรี่ต่อสัปดาห์ ทำให้ลดน้ำหนักเพิ่มได้อีกสัปดาห์ละครึ่งปอนด์ (ประมาณ 0.22 กิโลกรัม) เลยทีเดียว และยิ่งหากกระโดดเชือกต่อวันนานขึ้น ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญได้มากขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงเร็วขึ้นอีก เมื่อควบคุมอาหารและ กระโดดเชือก จนน้ำหนักเริ่มลดลงแล้ว คุณจะต้องปรับระยะเวลาในการกระโดดเชือกให้นานขึ้น และต้องปรับปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันให้เหมาะสมด้วย การกระโดดเชือกลดน้ำหนักจึงจะเห็นผลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี แพทย์แนะนำว่า เราไม่ควรลดน้ำหนักลงเกินสัปดาห์ละ 2 ปอนด์ (ประมาณ 0.9 กิโลกรัม) ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อมวลกล้ามเนื้อได้ เทคนิคในการ กระโดดเชือกลดน้ำหนักคนมักเข้าใจผิดว่า หากอยากกระโดดเชือกลดน้ำหนัก ก็แค่กระโดดเชือกไปจนกว่าจะครบเวลาที่กำหนด แต่ความจริงแล้ว คุณจะต้องกระโดดเชือกในรูปแบบของการออกกำลังกายแบบฮิต (HIIT) นั่นคือ ออกกำลังกายอย่างหนักในระยะเวลาสั้นๆ สลับกับออกกำลังกายเบาๆ ซึ่งคุณสามารถทำได้ตามเทคนิค ดังต่อไปนี้ เทคนิคกระโดดเชือดลดน้ำหนักให้ได้ผล
กระโดดเชือก 30 วินาที หยุดพัก 60 วินาที แล้วกระโดดเชือกอีก 30 วินาที ทำซ้ำ 9 ครั้ง
กระโดดเชือกแบบสลับเท้า 30 วินาที พยายามถ่ายน้ำหนักตัวไปหน้า-หลังสลับกัน พร้อมเกร็งกล้ามเนื้อช่วงกลางลำตัว จากนั้นหยุดพัก 60 วินาที ทำซ้ำอย่างน้อย 4 ครั้ง
ออกกำลังกายแบบเซอร์กิต ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอร่วมกับการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เริ่มจาก กระโดดเชือก 30 วินาที หยุดพัก 12 วินาที ต่อด้วยกระโดดตบ (Jumping jack) 30 วินาที หยุดพัก 12 วินาที จากนั้นทำท่าพุ่งหลัง หรือท่าเบอร์พี (Burpee) 30 นาที หยุดพัก 1 ครั้ง แล้วจบด้วยวิดพื้น (Pushup) 30 วินาที กระโดดเชือก ยังไงไม่ให้บาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี หากคุณมีปัญหาสุขภาพ เช่น ข้ออักเสบ อาจต้องปรึกษาแพทย์ก่อนกระโดดเชือก เพื่อให้แพทย์แนะนำว่าคุณสามารถกระโดดเชือกได้หรือไม่ และทำอย่างไรจึงจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ หรือไม่ทำให้อาการแย่กว่าเดิม Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด |