เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว

เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว

ใครที่เจอปัญหาเครื่องล็อคเพราะติด Activation Lock ฟีเจอร์ของ iOS 7 วันนี้มาดูสาเหตุและทางแก้ไขเบื้องต้นด้วยกันครับ

ก่อนเริ่มขอให้ท่านใดที่ไม่เข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อ่าน 2 บทความนี้เสียก่อน

  1. Activation Lock ใน iOS 7 คืออะไร ทำงานอย่างไรและดียังไง (iOS 8-9 ก็หลักการเดียวกัน) Activation Lock หรือเข้าใจง่ายๆ อีกชื่อก็คือ ล็อค Apple ID, ล็อค iCloud, ล็อค Find my iPhone
  2. ข้อแตกต่างระหว่าง iPhone ติด Locked สัญญาณหรือล็อคซิม และ ติด Activation Lock

ถ้าจบแล้วก็ต่อกันได้เลยครับ

เข้าไปที่

  • Settings> iCloud> Find My iPhone> เลือกให้เป็น Off จากนั้นใส่รหัสผ่านของ Apple ID แล้วกด Turn Off
  • การตั้งค่า> iCloud> ค้นหา iPhone ของฉัน> เลือกให้เป็นปิด จากนั้นใส่รหัสผ่านของ Apple ID แล้วกดปิด

แต่หากไม่สามารถจำรหัสผ่านได้หรือว่าติดค้างที่หน้า Activate iPhone หลังเซตอัปเครื่องใหม่ก็อ่านต่อข้างล่าง

สาเหตุที่ทำให้ติด Activation Lock

  1. Apple ID ของเราเองแต่ว่าลืมรหัสผ่าน จำรหัสไม่ได้ จึงไม่สามารถปิด Find my iPhone ได้
  2. Apple ID ที่ล็อคเป็นของคนอื่น เช่น ของร้านที่ลงโปรแกรม, ร้านตู้มือถือที่ซื้อเครื่องมาหรือของเจ้าของเก่าที่ซื้อขายเครื่องมือ 2 มา
  3. เก็บเครื่องได้และไม่รู้ว่าเป็นของใคร

หลักๆ จะเจอปัญหาในข้อที่ 2 เยอะสุดครับ ตัวอย่างเมื่อติด Activation Lock จะเป็นแบบนี้หลังรีสโตร์

เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว

ต่อไปมาดูแนวทางการแก้ไขกันครับ

เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว

ขยายความเพิ่มเติม

1. ระลึกชาติ: ดูว่าเป็น Apple ID, iCloud ID ของเราหรือเปล่าแล้วสุ่มรหัสผ่านที่เป็นไปได้, ถ้าลืม Apple ID ให้อ่านวิธีค้นหา Apple ID ของคุณ

2. ถ้ารู้ Apple ID, iCloud ID ที่ล็อค แต่ไม่รู้รหัสผ่าน ให้ทำการรีเซตรหัสผ่านตามบทความ http://www.iphonemod.net/forgot-apple-id-password.html หรืออ่านที่ หากคุณลืมรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ

3. ถ้า Apple ID ที่ล็อคไม่ใช่ของเรา แต่ว่าเครื่องเป็นของเราจริงๆ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ

  • IMEI ตัวเครื่อง อ่านวิธีการเช็ค IMEI
  • ใบเสร็จที่ซื้อเครื่อง โดยจะต้องเป้นใบเสร็จที่ออกจากตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการเท่านั้น เช่น TrueMove H, AIS, Dtac, iStudio, Apple Online Store

ถ้าครบแล้วโทรไปถาม Apple Support ที่ 001800 4412904 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น. 

โดยทาง Customer Care จะพยายามช่วยให้ปลดล้อคให้ก่อนโดยจะพยายาม Reset รหัสผ่านของ Apple ID โดยจะต้องตอบคำถามความปลอดภัยให้ผ่าน 2 ใน 3 ข้อ จึงจะปลดล็อคได้ ถ้าตอบไม่ได้ต้องส่งใบเสร็จอย่างเดียวเท่านั้น หรือ หากซื้อเครื่องที่ศูนย์ ให้ถือใบเสร็จไปยังศูนย์ที่ซื้อมาขอแบบฟอร์ม disable find my iPhone เจ้าหน้าที่จะทำการส่งเรื่องไปยังสิงคโปร์ให้รอประมาณ 7-10 วันทำการจากนั้นก้จะใช้งานได้ปกติไม่ต้องเสียเงิน  หากผ่านจะได้รับอีเมลจากทาง Apple ก็สามารถรีสโตร์เครื่องใช้ได้ปกติเลย

นอกจากนี้การปลดล็อค iCloud ยังมีทางเลือกอีกคือ

  • ปลดล็อคด้วย IMEI – ต้องใช้ IMEI นำไปเข้าระบบ(ที่จะมีคนรับทำ) ส่งเข้าระบบแล้วรอผล ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงหลัก 5000+ แต่ดีที่ไม่ต้องแกะเครื่อง แต่ว่าอัตราการผ่านนั้นมีค่อนข้างน้อยและเสี่ยงหากไม่ไว้ใจคนที่รับปลดจริงๆ
  • ปลดล็อคด้วย Hardware แบบนี้จะต้องนำเครื่องไปให้ที่ร้านซ่อมที่รับทำ ซึ่งปลดได้จริงและมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 2000+ ขึ้นไป แล้วแต่รุ่นและความยากง่าย  ความเสี่ยงคือ หากช่างไม่ชำนาญจริงๆ จะทำให้ตัวเครื่องเสียไปเลย

นี่เป็นทางออกที่พอจะช่วยได้ลองเอาไปทำดูครับ ได้ผลอย่างไรแจ้งด้วยนะครับ

ที่มา iPhonemod Facebook

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน

ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud เพิ่มหรือไม่ คุณสามารถจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของคุณเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างหรืออัปเกรดเป็น iCloud+ ได้อย่างง่ายดาย

เพิ่มพื้นที่ว่างใน iCloud ให้มากขึ้น

ลดขนาดข้อมูลสำรอง iCloud ของคุณ

เลือกแอปที่จะใช้สำรองข้อมูลบน iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณ

  1. ไปที่การตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] > iCloud
  2. แตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลของบัญชี หรือแตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล จากนั้นแตะข้อมูลสำรอง
  3. แตะชื่อของอุปกรณ์ที่คุณกำลังใช้
  4. ปิดแอปใดๆ ที่คุณไม่ต้องการสำรองข้อมูล
  5. เลือกปิดและลบ

เมื่อคุณมั่นใจแล้วว่าคุณต้องการปิดและลบแอป ให้ปิดข้อมูลสำรอง iCloud สำหรับแอปดังกล่าวแล้วลบข้อมูลทั้งหมดของแอปนั้นออกจาก iCloud

แอปบางแอปจะสำรองข้อมูลไว้อยู่เสมอ ซึ่งคุณไม่สามารถปิดได้

ลบข้อมูลสำรองแล้วปิดข้อมูลสำรอง iCloud สำหรับอุปกรณ์ของคุณ

คุณสามารถลบข้อมูลสำรอง iCloud เก่าสำหรับอุปกรณ์ที่คุณกำลังใช้อยู่หรืออุปกรณ์เก่าที่คุณอาจไม่ใช้แล้วได้ การสำรองข้อมูล iCloud จะสามารถใช้งานได้ 180 วัน หลังจากที่คุณปิดใช้งานหรือหยุดใช้การสำรองข้อมูล iCloud ไม่สามารถลบข้อมูลสำรองที่ใช้ในการกู้คืนอุปกรณ์ในปัจจุบันได้

iPhone, iPad และ iPod touch

  1. ไปที่การตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] แล้วแตะ iCloud
  2. แตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลของบัญชี หรือแตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล จากนั้นแตะข้อมูลสำรอง
  3. แตะชื่อของอุปกรณ์ที่คุณต้องการลบข้อมูลสำรอง 
  4. แตะลบข้อมูลสำรอง > ปิดและลบ

เมื่อคุณลบข้อมูลสำรอง การสำรองข้อมูล iCloud ของ iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณจะถูกปิดด้วยเช่นกัน คุณสามารถเปิดการสำรองข้อมูล iCloud อีกครั้งได้ในการตั้งค่า iCloud ต่างๆ บนอุปกรณ์ของคุณ 

Mac

  1. เลือกเมนู Apple  > การตั้งค่าระบบ > Apple ID จากนั้นคลิก iCloud
  2. คลิกจัดการ และเลือกข้อมูลสำรอง
  3. เลือกหนึ่งในข้อมูลสำรองของอุปกรณ์ จากนั้นคลิก — เพื่อลบ หากคุณต้องการปิดการสำรองข้อมูลและลบข้อมูลสำรองทั้งหมดของอุปกรณ์จาก iCloud เมื่อระบบขอให้คุณยืนยัน ให้เลือกลบ

เมื่อคุณลบข้อมูลสำรอง การสำรองข้อมูล iCloud ของอุปกรณ์ของคุณจะถูกปิดด้วยเช่นกัน คุณสามารถเปิดการสำรองข้อมูล iCloud อีกครั้งได้ในการตั้งค่า iCloud ต่างๆ บนอุปกรณ์ของคุณ 

PC ที่ใช้ Windows

  1. เปิด iCloud สำหรับ Windows
  2. คลิกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
  3. เลือกข้อมูลสำรองจากรายการที่มีอยู่
  4. เลือกหนึ่งในข้อมูลสำรองของอุปกรณ์ จากนั้นคลิกลบ หากคุณต้องการปิดการสำรองข้อมูลและลบข้อมูลสำรองทั้งหมดของอุปกรณ์จาก iCloud เมื่อระบบขอให้คุณยืนยัน ให้เลือกลบ 

เมื่อคุณลบข้อมูลสำรอง การสำรองข้อมูล iCloud ของอุปกรณ์ของคุณจะถูกปิดด้วยเช่นกัน คุณสามารถเปิดการสำรองข้อมูล iCloud อีกครั้งได้ในการตั้งค่า iCloud ต่างๆ บนอุปกรณ์ของคุณ 

ลบรูปภาพในรูปภาพ iCloud

รูปภาพ iCloud จะใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud ของคุณ เพื่อให้รูปภาพและวิดีโอทั้งหมดในอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณอัปเดตตรงกันอยู่เสมอ คุณสามารถเพิ่มเนื้อที่ iCloud ให้มากขึ้นได้ เมื่อคุณลบรูปภาพและวิดีโอที่คุณไม่ต้องการออกจากแอปรูปภาพบนอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ

ก่อนที่จะลบอะไรก็ตาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอที่คุณยังต้องการไว้แล้ว เมื่อคุณใช้รูปภาพ iCloud แล้วลบรูปภาพหรือวิดีโอบนอุปกรณ์เครื่องหนึ่ง จะเป็นการลบรูปภาพหรือวิดีโอนั้นบนอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ทุกเครื่องที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID เดียวกันอีกด้วย

ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อลบรูปภาพและวิดีโอออกจากรูปภาพ iCloud ของคุณ หากคุณไม่ได้ใช้รูปภาพ iCloud คุณสามารถลบรูปภาพจากม้วนฟิล์มของคุณได้แทน

iPhone, iPad และ iPod touch

  1. เปิดแอปรูปภาพ แล้วแตะคลังที่ด้านล่างของหน้าจอ
  2. แตะรูปภาพทั้งหมด 
  3. แตะเลือก แล้วเลือกรูปภาพหรือวิดีโอที่คุณต้องการลบตั้งแต่หนึ่งรายการ
  4. แตะลบ 
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
    แล้วแตะลบรูปภาพ

หากคุณไม่ได้ใช้รูปภาพ iCloud

หากคุณไม่ได้ใช้รูปภาพ iCloud ม้วนฟิล์มของคุณจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลสำรอง iCloud วิธีตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ใช้ในข้อมูลสำรอง iCloud:

  1. ไปที่การตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] แล้วแตะ iCloud
  2. แตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลของบัญชี หรือแตะจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล จากนั้นแตะข้อมูลสำรอง 
  3. แตะชื่อของอุปกรณ์ที่คุณกำลังใช้อยู่ แล้วดูที่รูปภาพ  

Mac

  1. เปิดแอปพรูปภาพ
  2. เลือกรูปภาพและวิดีโอที่คุณต้องการลบ
  3. กดปุ่มลบบนคีย์บอร์ด กดปุ่ม Control ค้างไว้แล้วคลิกหรือคลิกขวา แล้วเลือกลบ (#) รูปภาพ จากนั้นคลิกลบเพื่อยืนยัน

iCloud.com

  1. จาก iPhone, iPad หรือคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ลงชื่อเข้าใช้ iCloud.com
  2. แตะแอปรูปภาพ
  3. เลือกรูปภาพหรือวิดีโอที่คุณต้องการลบ 
  4. แตะลบ 
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
    จากนั้นแตะลบ

หากต้องการเลือกรูปภาพหรือวิดีโอหลายรายการ ให้แตะเลือกบน iOS หรือ iPadOS หรือกดปุ่ม Command ค้างไว้บน Mac หรือ Control บน PC เมื่อคุณเลือกรายการดังกล่าว หากต้องการเลือกทั้งหมด ให้กด Command-A ค้างไว้บน macOS หรีอ Control-A บน Windows หรือแตะเลือกทั้งหมดบน iOS หรือ iPadOS 

คุณสามารถกู้คืนรูปภาพและวิดีโอที่คุณลบออกจากอัลบั้ม "ที่เพิ่งลบล่าสุด" ได้ภายในเวลา 30 วัน หากคุณต้องการลบคอนเทนต์ออกจากอัลบั้มที่เพิ่งลบล่าสุดให้เร็วขึ้น ให้แตะเลือก แล้วเลือกรายการที่คุณต้องการลบ แตะลบ > ลบ หากคุณใช้เนื้อที่เก็บข้อมูล iCloud ครบหรือเกินที่มีให้ อุปกรณ์ของคุณจะลบรูปภาพและวิดีโอที่คุณลบออกทันที และจะไม่สามารถกู้คืนได้ในอัลบั้ม ที่เพิ่งลบล่าสุด ของคุณ

ลบโฟลเดอร์หรือไฟล์ใน iCloud Drive

คุณสามารถจัดการและลบโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่จัดเก็บไว้ใน iCloud Drive ได้จาก iPhone, iPad, iPod touch, Mac หรือ PC ของคุณ หากคุณเป็นผู้เข้าร่วมในโฟลเดอร์ที่แชร์ของคนอื่น โฟลเดอร์ที่แชร์นั้นจะไม่นับรวมในพื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud ของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแชร์โฟลเดอร์ใน iCloud Drive

ใน iOS 11 หรือใหม่กว่า ไฟล์ที่คุณลบออกจาก iCloud Drive จะยังคงอยู่ในที่เพิ่งลบล่าสุดเป็นเวลา 30 วันก่อนที่จะถูกลบออกจากอุปกรณ์ของคุณ

iPhone, iPad หรือ iPod touch

Mac

  1. เปิด Finder และไปที่โฟลเดอร์ iCloud Drive
  2. ลากรายการไปที่ถังขยะ หรือย้ายไปที่โฟลเดอร์อื่นบน Mac ของคุณ
  3. เปิดถังขยะ จากนั้นคลิกขวาที่ไฟล์ที่คุณต้องการลบ
  4. เลือกลบทันที จากนั้นคลิกลบเพื่อยืนยัน 

Windows

บน PC ที่ใช้ Windows 7 หรือใหม่กว่า คุณสามารถจัดการไฟล์ iCloud Drive ได้โดยใช้ Windows Explorer ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเพิ่มโฟลเดอร์ iCloud Drive ไปยัง Windows Explorer โดยทำดังนี้

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง iCloud สำหรับ Windows
  2. ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
  3. เปิด iCloud Drive
  4. ไปที่โฟลเดอร์ iCloud Drive
  5. เลือกโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่คุณต้องการลบ
  6. คลิกลบ

iCloud.com

  1. ลงชื่อเข้าใช้ iCloud.com
  2. แตะแอป iCloud Drive
  3. เลือกไฟล์ที่คุณต้องการลบ จากนั้นแตะลบ 
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
  4. เปิดโฟลเดอร์ iCloud Drive แล้วแตะที่เพิ่งลบล่าสุด
  5. เลือกโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่คุณต้องการลบ
  6. แตะลบ

ลบข้อความและไฟล์แนบในแอปข้อความ

เมื่อคุณใช้แอปข้อความใน iCloud ข้อความตัวอักษรและไฟล์แนบทั้งหมดที่คุณส่งและรับจะใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud ของคุณ คุณสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างให้มากขึ้นได้เมื่อคุณลบข้อความและไฟล์แนบต่างๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์ที่คุณไม่ต้องการอีกต่อไป 

ลบข้อความหรือไฟล์แนบบน Mac

  1. เปิดการสนทนาข้อความ
  2. กดปุ่ม Control ค้างไว้แล้วคลิกที่พื้นที่ว่างในฟองข้อความที่คุณต้องการลบ
  3. เลือกลบ
  4. คลิกลบ

ลบไฟล์แนบหลายรายการออกจากรายชื่อหรือการสนทนา

  1. เปิดการสนทนาข้อความ
  2. คลิกปุ่มข้อมูล
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
  3. เลื่อนไปที่ส่วนรูปภาพ
  4. คลิกที่ไฟล์แนบแล้วกดปุ่ม Command ค้างไว้เพื่อเลือกไฟล์แนบหลายไฟล์ 
  5. กด Control แล้วคลิกหรือคลิกขวา แล้วเลือกลบ
  6. คลิกลบไฟล์แนบเพื่อยืนยัน 

ลบการสนทนาทั้งหมด

  1. กดปุ่ม Control ค้างไว้แล้วคลิกการสนทนา
  2. เลือกลบการสนทนา
  3. คลิกลบ

ลบข้อความและจัดการแอปเมล

คุณสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างให้ iCloud ได้เมื่อคุณลบข้อความอีเมลออกจากบัญชีอีเมล iCloud ของคุณ คุณยังสามารถย้ายข้อความอีเมลจาก iPhone, iPad หรือ iPod touch ไปยัง Mac หรือ PC ของคุณได้ ซึ่งข้อความเหล่านี้จะไม่นับรวมอยู่ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูล iCloud ของคุณอีกต่อไป

ใช้ขั้นตอนด้านล่างเพื่อลบข้อความออกจากบัญชีของคุณ โปรดจำไว้ว่าข้อความที่มีไฟล์แนบขนาดใหญ่จะใช้พื้นที่ว่างมากกว่าอีเมลข้อความธรรมดา

iPhone, iPad หรือ iPod touch

หาก iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณมีการตั้งค่าเพื่อเข้าใช้งานอีเมล iCloud คุณสามารถลบข้อความจากกล่องเมลใดๆ แล้วล้างถังขยะเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างได้

  1. ปัดไปทางซ้ายบนข้อความใดก็ตามเพื่อลบข้อความนั้น
  2. ไปที่กล่องเมลแล้วเลือกโฟลเดอร์ถังขยะ 
  3. หากต้องการลบข้อความทีละข้อความ ให้ปัดซ้ายบนแต่ละข้อความ หากต้องการลบทุกอย่าง ให้แตะแก้ไข แตะเลือกทั้งหมด แล้วแตะลบ แตะลบทั้งหมดเพื่อยืนยัน  

Mac หรือ PC ที่ใช้ Windows

หากคุณกำลังใช้เมล iCloud ด้วยแอปอีเมลเดสก์ท็อป เช่น แอปเมล ใน Mac หรือ Microsoft Outlook ใน PC ให้ใช้ขั้นตอนเหล่านี้

  • แอปเมลใน Mac ของคุณ: ลบข้อความที่คุณไม่ต้องการอีกต่อไป จากนั้นเลือกกล่องเมล > ลบรายการที่ถูกลบ แล้วเลือกบัญชีอีเมล iCloud ของคุณจากเมนู จากนั้นคลิกลบข้อมูลเพื่อยืนยัน
  • Microsoft Outlook 2010 จนถึง Outlook 2016 (Windows): ลบข้อความที่คุณไม่ต้องการแล้ว Outlook จะลบข้อความของคุณอย่างถาวรในครั้งต่อไปที่คุณปิดและรีสตาร์ทแอป

iCloud.com

  1. ลงชื่อเข้าใช้ iCloud.com
  2. เลือกเมล แล้วเลือกโฟลเดอร์ถังขยะ
  3. หากต้องการลบข้อความทีละข้อความ ให้เลือกข้อความที่คุณต้องการลบ แล้วเลือกปุ่มถังขยะ 
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
    หากต้องการลบหลายข้อความ ให้เลือกข้อความที่คุณต้องการลบ แล้วเลือกลบ  

ลบเสียงบันทึก

เมื่อใช้เสียงบันทึกบน iCloud เสียงบันทึกของคุณจะถูกจัดเก็บไว้ใน iCloud คุณสามารถลบเสียงบันทึกได้ง่ายๆ หากคุณต้องการพื้นที่ว่างเพิ่ม

iPhone, iPad หรือ iPod touch

  1. แตะแก้ไข จากนั้นเลือกเสียงบันทึกที่คุณต้องการจะลบ
  2. แตะลบ
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
  3. เปิดที่เพิ่งลบล่าสุด แล้วแตะแก้ไข
  4. แตะลบทั้งหมด หรือเลือกเสียงบันทึกแล้วแตะลบ

Mac

  1. เลือกเสียงบันทึกที่คุณต้องการลบ 
  2. คลิกลบ
    เก็บ ไอ โฟน ได้ ติด ไอ คราว
  3. เปิดที่เพิ่งลบล่าสุด แล้วคลิกลบ
  4. คลิกลบอย่างถาวร 

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

วันที่เผยแพร่: 15 กันยายน 2565