กล้อง วงจรปิด Xiaomi ดู ย้อน หลัง ได้กี่วัน

กล้องวงจรปิด Xiaomi IMILAB EC2 เป็นกล้องวงจรปิดไร้สายตัวเดียวจาก Xiaomi ที่ สามารถบันทึก และทำงานได้โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก

กล้องวงจรปิดตัวนี้มีคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น ในระดับ IP66 (เฉพาะ Global Version) และยังมีระบบ Night Vision

รองรับการบันทึกในรูปแบบ Motion Detect

ที่สำคัญรองรับการใช้งานผ่านแอพ Mi Home ได้เลย ซึ่งเหมาะกับสาวก Xiaomi มาก

IMILAB เป็นบริษัทที่เน้นผลิตภัณฑ์ประเภท Smart home ซึ่งเป็นแบรนด์แรกๆในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ที่เข้าร่วมกับ Xiaomi Ecosystem อีกด้วย

กล้องวงจรปิดรุ่นนี้ จะมี จำหน่ายอยู่ 2 รูปแบบ

1. เฉพาะกล้องอย่างเดียว ราคา 2,390 – 2,590 บาท (ราคาประกันศูนย์ไทย 15 เดือน)

2. ชุดกล้องพร้อมเกตเวย์ ราคา 2,590 – 2,790 บาท (ประกันศูนย์ไทย 15 เดือน)

การใช้งานกล้องรุ่นนี้จำเป็นที่จะต้องมีเกตเวย์ ไม่สามารถใช้กล้องอย่างเดียวโดยไม่มีเกตเวย์ได้

เกตเวย์คืออะไร?

หากคุณไม่ถนัดในการอ่านอะไรยาวๆ ลองดูคลิปวิดีโอรีวิวนี้ก็ได้ครับ

แต่แนะนำให้อ่าน ข้อดี ข้อเสีย ท้ายบทความประกอบด้วยนะครับ 🙂

คุณสมบัติกล้องวงจรปิด IMILAB EC2

ตัวกล้องไร้สาย IMILAB EC2 มีขนาด แบบ กว้างยาวสูง ที่ 14.04 x 4.70 x 7.30 เซนติเมตร ใช้วัสดุเป็นแบบพลาสติก ABS และ มีน้ำหนัก 270 กรัม

สามารถบันทึกวิดีโอได้ในรูปแบบความละเอียด Full HD 1920 x 1080 Pixel มีรูรับแสง F2.6 มีมุมกว้าง 120 องศา

กล้องรุ่นนี้มีวางจำหน่ายอยู่ 2 เวอร์ชั่น คือ Chinese Version และ Global Version

กลับสู่สารบัญ

เหตุผลที่คุณควรซื้อ Global Version และควรหลีกเลี่ยงเวอร์ชั่นจีนหรือของหิ้ว

ในส่วนที่แตกต่างกันหลักๆ คือ หากเป็นเวอร์ชั่นของจีน จะมีมาตรฐานการกันน้ำ กันฝุ่นที่ด้อยกว่า คือ IP65 ในขณะที่สินค้าที่วางจำหน่ายโดยศูนย์ไทย (Global Version) จะมีมาตรฐานกันน้ำในระดับ IP66

กล้องรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ด้วยคลื่นความถี่แบบ 2.4 GHz ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ Router ทุกประเภทสามารถปล่อยคลื่นสัญญาณออกมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์อยู่แล้ว

แต่จะไม่รองรับคลื่นความถี่แบบ 5 GHz ซึ่งก็ ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาตรฐานของกล้องวงจรปิดของ Xiaomi ที่ไม่รองรับเป็นเรื่องปกติแทบทุกรุ่น อยู่แล้ว

รุ่นนี้สามารถรองรับการพูดคุยผ่านหน้ากล้อง แปลว่าสามารถได้ยินเสียงที่หน้ากล้อง และสามารถพูดจากโทรศัพท์ส่งเสียงออกไปหน้ากล้องได้เช่นเดียวกัน

ตัวกล้องสามารถบันทึกไฟล์วิดีโอลง microSD card ซึ่งรองรับสูงสุดที่ 64GB ในชุดมาตรฐานกล้องจะไม่มีเมมโมรี่แถมมาให้

กล้องรุ่นนี้แตกต่างจากกล้องวงจรปิด Xiaomi รุ่นอื่น เพราะเป็นกล้องที่มีแบตเตอรี่ในตัวความจุสูงถึง 5100mAh ซึ่งความจุนี้ผู้ผลิตโฆษณาว่า การชาร์ตแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นานถึง 4 เดือน

IMILAB EC2 มีระบบ AI (artificial intelligence) ซึ่งในคุณสมบัติบอกว่าสามารถแยก คน สัตว์ ออกจากกัน และส่งแจ้งเตือนเข้ามือถือผู้ใช้ผ่าน App ได้โดยเลือกแจ้งเฉพาะคนเคลื่อนไหวผ่านกล้องเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ คือ คำโปรย ของ IMILAB EC2 ที่ทำการตลาดขายในปัจจุบัน

กลับสู่สารบัญ

ในกล่องให้อะไรมาบ้าง?

กล้องวงจรปิด IMILAB EC2 ถูกวางจำหน่ายออกมาแบบ 2 ตัวเลือก

แบบแรก คือ เป็นชุดเฉพาะกล้องซึ่งในกล่องจะมีแค่กล้องและไม่มี Gateway มาให้

และ แบบที่สอง คือ ชุดกล้อง IMILAB EC2 พร้อม Gateway

อุปกรณ์ในกล่องก็จะคล้ายๆกัน คือ มี ฐานยึด พร้อมสกรู สำหรับยึดหรือเจาะผนัง แผ่นกาว Adhesive Mount สำหรับยึดบนพื้นผิวกระจก สายชาร์ต Micro USB พร้อมปลั๊กไฟบ้านแบบหัว EU และคู่มือแนะนำการใช้ต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ

การติดตั้งกล้องรุ่นนี้จึงทำได้สองแบบคือ ยึดฐานกับผนัง และติดแผ่นกาวสองหน้าที่ให้มาในกล่อง แต่วิธียึดเจาะผนังนั้นดีกว่ามาก

เพราะไม่มีโอกาสที่กล้องจะหล่นหรือแตกหักในอนาคต ซึ่งจะส่งผลต่อการรับประกันของศูนย์อีกต่างหาก

อาการกล้องตก หล่น แตกหัก จะไม่อยู่ในเงื่อนไขประกันศูนย์ไทย การที่ยึดให้แน่นหนาก็จะเป็นเหตุผลที่ดีกว่า

ซึ่งในกรณีที่คุณเลือกเป็นแพคเกจกล้องพร้อม Gateway สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มขึ้นมาคือ Gateway , สาย LAN เพิ่มมาให้ด้วย

กลับสู่สารบัญ

Gateway เอาไว้ทำอะไร จำเป็นต้องมีไหม?

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า กล้องตัวนี้ทำงานได้แบบไร้สาย และต้องใช้แบตเตอรี่ในตัวประคองตัวไปให้ใช้งานได้นาน โดยโปรโมทว่าใช้ได้หลายเดือนต่อการชาร์ตเพียงครั้งเดียว

ซึ่งในทางปฏิบัติจริงๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่กล้องไร้สายจะทำงานได้นานขนาดนั้น เพราะขนาดมือถือของเราแบตอึดที่สุดเปิดใช้งานก็อยู่ได้ไม่เกิน 1-2 วัน

ด้วยเหตุนี้ กล้องวงจรปิดไร้สาย และอุปกรณ์ไร้สายแทบทุกชนิด จึงต้องมีอุปกรณ์ควบคุมเพื่อแบ่งเบาภาระการใช้พลังงานของมันอีกที

ตัว Gateway นี้ก็คือกล่องควบคุมหรือสมองสั่งการไม่ว่าจะเป็นการรับสัญญาณ WIFI หรือ LAN รวมถึงการใส่ MicroSD Card ก็ทำที่ Gateway ทั้งหมด ในที่นี้ขอเรียกว่า “ตัวแม่”

หากสรุปง่ายๆ Gateway คือ ตัวแม่ (ยานแม่) ที่ควบคุม สั่งการ ตัวกล้องเปล่าๆ หรือ เรียกว่า “ตัวลูก” ให้ทำงานได้ นั่นเอง

แปลว่า ถ้าไม่มี Gateway หรือเรามี Gateway แต่เป็นของกล้องรุ่นอื่น หรืออุปกรณ์แบบอื่น ก็จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
เพราะอุปกรณ์ตัวลูกจะไม่รู้จักตัวแม่ของอุปกรณ์อื่น

ถ้าจะให้สรุปให้เข้าใจง่ายขึ้น

หากไม่เคยใช้กล้องรุ่น IMILAB EC2 มาก่อนเลย ต้องซื้อชุดกล้องพร้อม Gateway ก่อน

• แต่หากมี IMILAB EC2 Gateway แล้ว คุณสามารถเลือกซื้อกล้องอย่างเดียวไม่ต้องซื้อ Gateway ได้
• 1 Gateway ของ EC2 จะรองรับการควบคุม กล้องตัวลูกได้สูงสุด 4 ตัว*
• *โดยมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ในโซนประเทศไทยเท่านั้น (ไม่สามารถเพิ่มกล้องได้มากกว่า 1 ตัว หากใช้โซน Mainland China)

ท่องไว้เลยนะครับว่า หากจะซื้อติดตั้งเป็นตัวแรกของสถานที่ จำเป็นต้องซื้อกล้องพร้อม Gateway ก่อน

เพราะจุดผิดพลาดที่สุดของผู้ซื้อคือ ไม่เข้าใจว่า Gateway คืออะไร เลยซื้อแค่กล้อง

เพราะความจริงมีอยู่ว่า เฉพาะตัว Gateway ไม่มีแยกขาย ถ้าซื้อผิดแต่แรกต้องซื้อกล้องพร้อม Gateway อีกชุดเลย!!

กลับสู่สารบัญ

วิธีการใช้งาน กล้องวงจรปิด IMILAB EC2

• เริ่มต้นการใช้จาก Gateway

ตัว IMILAB EC2 Gateway จะทำงานได้ต้องมีการเสียบปลั๊กที่ให้มาในชุดทิ้งไว้ตลอดเวลา ด้านหลังของตัว Gateway จะมีช่อง Input ไฟแบบ Micro USB ซึ่งสามารถใช้ของในกล่องที่ให้มาได้เลย

การตั้งค่าของกล้องตัวนี้ คุณต้องมี Internet ให้ Gateway ตลอดเวลา อุปกรณ์ตัวนี้รองรับทั้งการต่อ WiFi และการต่อสาย LAN ซึ่งสามารถใช้อย่างใดอย่างหนึ่งได้

หน้าที่ของมันคือจะใช้ Internet ในการส่งไฟล์สั้นๆขึ้นไปเก็บบน Cloud ให้ และส่ง Push Notification เมื่อมีวัตถุเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องแจ้งเจ้าของได้ด้วยผ่านแอพ Mi Home

• เชื่อมต่อกับ Mi Home

หลังจากคุณเสียบปลั๊กแล้ว ไฟที่ Gateway จะเป็นสีส้มกระพริบ ซึ่งเราแนะนำว่าให้คุณนำ Gateway ให้อยู่ในระยะที่รับสัญญาณ WiFi จาก Router ได้อย่างเต็มที่ ไม่ไกลจนเกินไป หรือ ถ้ามีสาย LAN จะเดินสายเสียบสาย LAN เข้ากล่อง Gateway เลยก็ได้

กรณีที่ไฟที่ Gateway ไม่เป็นสีส้มกระพริบ ให้คุณกดปุ่ม Reset ที่ Gateway ก่อน จนกว่าจะเป็นสีส้มกระพริบ เพื่อเป็นการยืนยันว่าอุปกรณ์พร้อมในการเชื่อมต่อ ตั้งค่าในขั้นตอนต่อไป

การตั้งค่าและเชื่อมต่ออุปกรณ์ตัวนี้ คุณต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นชื่อ Mi Home ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play และ App Store

กรณีที่เข้าใช้งานเป็นครั้งแรก และอยากให้กล้องตอบสนองไวในการดูออนไลน์ เราควรเลือก ตำแหน่งที่ตั้งเป็นประเทศไทย ตั้งแต่แรก

• เพิ่มเกตเวย์สำหรับควบคุมกล้อง

หลังจากที่โหลดแอพ Mi Home แล้ว ให้คุณกดเครื่องหมาย + ที่มุมขวาบนของแอพ เพื่อเพิ่มอุปกรณ์ใหม่

ตัว Gateway จะอยู่ในรายการ Router and Gateway ในแอพ Mi Home ซึ่งจะไม่อยู่ในรายการกล้องนะครับ

หลังจากกดแล้วก็สามารถเลือกเชื่อมต่อ WIFI ในเครือข่ายที่ต้องการใช้ได้เลย

หากหาสัญญาณ WiFi ของ Router ไม่เจอ เป็นไปได้ว่า WiFi ที่คุณใช้อาจใช้คลื่นความถี่แบบ 5GHz ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะรองรับที่ 2.4GHz เท่านั้น อาจต้องไปเปลี่ยนค่านี้ที่ Router นะครับ

• เพิ่มกล้องให้รู้จักกับเกตเวย์

เราจะเพิ่มกล้องต่อเมื่อเราเชื่อมเกตเวย์สำเร็จแล้วเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่เราย้ำไว้ด้านบนว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องมีเกตเวย์ และเชื่อมต่อเกตเวย์ให้สำเร็จก่อนนั่นเอง

ในขั้นตอนที่เพิ่มกล้อง ก่อนอื่นต้องเปิดกล้องก่อน โดยการกดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที หากตัวกล้องพร้อมที่จะเชื่อมต่อแล้ว จะมีไฟสีฟ้ากระพริบถี่ๆ

หากกล้องวงจรปิดของคุณเปิดแล้วเป็นไฟสีฟ้าติดนิ่ง ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้ 9 วินาที เพื่อ Reset การทำงานของกล้องให้พร้อมเชื่อมต่อใหม่ก่อน

ในขั้นตอนนี้ หากคุณได้ทำตามขั้นตอนทั้งหมดที่ว่ามาแปลว่าการติดตั้งทั้งเกตเวย์และกล้องของคุณเสร็จสมบูรณ์แล้ว

แปลว่าคุณน่าจะสามารถกดเข้ากล้องเพื่อดูเหตุการณ์หน้ากล้องได้แล้ว

คุณก็สามารถนำกล้องไปติดในตำแหน่งที่คุณต้องการได้เลย

ซึ่งระยะห่างระหว่างเกตเวย์ และ กล้องวงจรปิด imilab EC2 ไม่ควรวางห่างกันเกิน 10 เมตร จะดีที่สุด

ลูกค้าของเราบางท่านก็นำไปใช้ห่าง 15 เมตร ก็มี แต่อย่าลืมนึกถึงเรื่องระยะทางระหว่างเกตเวย์ รวมถึงสิ่งกั้นต่างๆระหว่าง เกตเวย์กับกล้องก็มีผลต่อการลดทอนของการเชื่อมต่อไร้สายด้วยนะ

กลับสู่สารบัญ

สิ่งที่คนซื้อ Xiaomi IMILAB EC2 ควรรู้ก่อนซื้อและเข้าใจผิดบ่อย

1. ทำไมไม่สามารถเพิ่มกล้องได้มากกว่า 1 ตัว?

หากคุณเลือกตำแหน่งที่ตั้งเป็นประเทศจีน (Mainland China) จะไม่สามารถเพิ่มกล้องมากกว่า 1 ตัวได้

วิธีแก้ไข จากแอพ Mi Home มุมซ้ายล่างเลือก โปรไฟล์ > การตั้งค่า > ตำแหน่งที่ตั้ง > ไทย

2. ต้องเสียบสายชาร์ตกล้องทิ้งไว้ตลอดหรือไม่?

กล้องวงจรปิด Xiaomi IMILAB EC2 ไม่จำเป็นต้องเสียบสายกล้องทิ้งไว้ตลอดเวลา และ ไม่ควรเสียบสายทิ้งไว้ตลอดเวลาเช่นกัน

เนื่องจากช่อง Micro USB ที่เอาไว้ชาร์ต จะเป็นฝาปิดแบบกันน้ำ ซึ่งผู้ผลิตได้ระบุชัดเจนว่า ควรปิดให้สนิทเพื่อกันน้ำและฝุ่น ระหว่างใช้งาน และอุปกรณ์กล้องตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อชาร์ตไฟและปล่อยใช้งาน

หากคุณต้องการใช้กล้องวงจรปิด Xiaomi ที่ต้องการเสียบสายชาร์ตตลอดเวลา คุณควรเปลี่ยนไปใช้ IMILAB EC3 จะเหมาะสมกว่า

กล้องวงจรปิด Xiaomi Imilab EC3 นั้นจะมีความคมชัดที่สูงกว่าในราคาที่ถูกกว่ารุ่นนี้ แต่จะเป็นกล้องที่ต้องเสียบสายตลอดเวลา

ซึ่งมีข้อดีกว่า คือ ไม่ต้องถอดออกมาเสียบชาร์ตบ่อยๆ
ความคมชัดวิดีโอมากถึง 2K (รุ่น EC2 เพียง 1080P)

นอกจากนี้ EC3 จะมีเสียงลำโพงดังกว่า และสามารถหมุนกล้องได้ด้วย

แม้ว่ากล้องไร้สาย จะไม่ต้องเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ตลอดเวลา แต่คุณต้องเสียบสายชาร์ตตัวเกตเวย์ไว้ตลอดเวลานะครับ

3. ชาร์ตแบตเตอรี่ 1 ครั้ง อยู่ได้นานถึง 4 เดือน จริงหรือไม่?

มีผู้ใช้บางคนชาร์ตแบตเตอรี่จนเต็มอยู่ได้ไม่ถึง 3-7 วัน

เพราะกล้องรุ่นนี้ อายุแบตเตอรี่จะอยู่ได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน

สิ่งที่ผู้ผลิตและคนขาย หรือ Youtuber ต่างๆ ไม่ได้พูดให้ชัดเจน คือ กล้องไร้สายประเภทชาร์ตแบตเตอรี่ในตัวแบบ IMILAB EC2 นี้ จะมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ คือ

• กล้องไม่สามารถบันทึกได้ตลอดเวลา บันทึกได้เพียงคลิปสั้นๆ ที่ตั้งค่าได้สูงสุดต่อคลิปเพียง 30 วินาที หลัง Sensor ตรวจจับการเคลื่อนไหวหน้ากล้องได้เท่านั้น
• กล้องมีช่วงระยะเวลาระห่างต่อคลิปต่ำสุด 30 วินาที แปลว่า หากมีคนผ่านหน้ากล้องไปแล้วหนึ่งครั้ง กล้องจะหยุดการทำงาน และต้องรอระยะห่างให้ครบ 30 วินาทีก่อนจึงบันทึกอีกหนึ่งคลิป
• กล้องจะกินแบตเตอรี่มากขึ้นหากมีการตั้งแจ้งเตือนให้ส่ง Notification ผ่านมือถือตลอดเวลา หรือ ตั้งค่าให้กล้องบันทึกตลอด 24 ชั่วโมง

สาเหตุที่ผู้ใช้งานคนดังกล่าวใช้ได้เพียงไม่กี่วัน คือ

• นำกล้องไปติดในมุมที่ติดหน้าถนนที่มีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา แบตเตอรี่จึงหมดเร็วมากผิดปกติ
• นำกล้องไปติดตั้งบริเวณร้านค้า ซึ่งมีลูกค้าเข้าออกทั้งวัน
• นำกล้องไปติดหน้าโรงงาน ที่มีรถ และพนักงานเข้าออกโรงงานทุกๆสิบนาที

กล้องรุ่นนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาบันทึกในสถานที่พลุกพล่าน

แต่เหมาะสำหรับการติดในสถานที่การสัญจรน้อย เช่น หน้าประตูบ้านที่อยู่ในหมู่บ้าน หรือ มุมบ้านที่คนสัญจรน้อยมากกว่า

กล้องจึงสามารถใช้งานได้นานหลายเดือน ก่อนที่จะต้องถอดกล้องมาชาร์ตใหม่อีกครั้ง

ซึ่งตามโฆษณาที่แจ้งว่าอยู่ได้ 4 เดือน เกิดจากการทดสอบ ที่ว่า
วันหนึ่งมีการผ่านสัญจรแจ้งเตือนไม่เกิน 10 ครั้ง
ไม่ได้มีการเปิดดูภาพออนไลน์บ่อย (เพราะการเปิดทุกครั้งกล้องต้องใช้แบตมากขึ้น)

มันจึงอยู่ได้นานนั่นเอง

กลับสู่สารบัญ

สรุป ข้อดี ข้อเสีย กล้องวงจรปิด Xiaomi IMILAB EC2

ข้อดี

• เป็นกล้องวงจรปิดไร้สายเพียงรุ่นเดียวของ Xiaomi ที่ใช้แอพ Mi Home
• วัสดุพลาสติก ABS เท่าที่สัมผัสมีความแข็งแรง ทนทาน กว่ากล้องราคาถูกทั่วๆไป
• สะดวกสบายในการติดตั้ง เนื่องจากไม่ต้องเดินสายไฟเสียบกับกล้องทิ้งไว้ตลอดเวลา
• หากติดตั้งใช้งานตามสภาพที่เหมาะสม สามารถใช้งานได้นานหลายเดือน โดยไม่ต้องเสียบสายไฟทิ้งไว้ที่กล้องเลย
• การติดตั้งทำได้เรียบร้อย และไม่มีสายเกะกะสายตาให้เห็นบริเวณที่ติดตั้ง
• สามารถตั้งค่า Condition กับอุปกรณ์อื่นๆที่อยู่ใช้ร่วมใน Mi Home ได้
• สามารถเชื่อมต่อเก็บข้อมูลผ่าน NAS ได้

ข้อเสีย

• ไม่สามารถบันทึกได้ตลอดเวลา และบันทึกได้เพียงคลิปความยาวสูงสุด 30 วินาที
• การบันทึกได้เฉพาะเหตุการณ์ผ่านหน้ากล้อง (Motion Detect) จะมีช่วงดีเลย์เล็กน้อยก่อนเริ่มบันทึกจริง
• เสียงลำโพงที่ออกมาจากกล้องเบามาก และไม่สามารถเร่งเสียงให้ดังกว่าเดิมได้ (ส่วนตัวแนะนำว่าไม่ควรคาดหวังเรื่องนี้เลย)
• พบปัญหาฐานแตกร้าวจากผู้ผลิตบ่อยครั้ง ซึ่งจะส่งผลทำให้ฐานไม่สามารถรับน้ำหนักกล้องไม่ได้ และมุมกล้องตก
• เนื่องจากมีหลายผู้จัดจำหน่าย อีกทั้งศูนย์ไทยเองยังไม่มีศูนย์บริการที่เปิดให้ Walk in เพื่อเครมสินค้า ทำให้มีความลำบากในการเครมเล็กน้อย
• สินค้ามีหลายเวอร์ชั่น และผู้ขายประเภทหิ้วเข้ามาจำหน่ายในไทย ซึ่งหากมีปัญหาโดยไม่ใช่สินค้าประกันศูนย์จะวุ่นวายมาก

กลับสู่สารบัญ

ซื้อกล้องวงจรปิด Xiaomi IMILAB EC2 ที่ไหน ปลอดภัย?

หากคุณสนใจสามารถกดดูรายละเอียดและสั่งซื้อสินค้ากล้องวงจรปิด XIAOMI IMILAB EC2 ได้ทางนี้

สินค้าของแท้ มีการรับประกันศูนย์ไทย 15 เดือน

(ของแท้จะมี Serial Number ซึ่งสามารถตรวจเช็คข้อมูลกับทางเว็บไซท์ของศูนย์ เพื่อรับบริการหลังการขายได้)

ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
ราคาไม่รวม MicroSD Card

สนใจดูกล้องวงจรปิดแบบอื่นอยู่รึเปล่า?

คุณยังสามารถดูกล้องวงจรปิด Xiaomi รุ่นอื่นๆ ได้ ที่นี่ เพื่ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่สุดครับ