โพน เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีเป็นกลองสองหน้า ตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ตรงกลางตัวกลองด้านบนมีหูโลหะตรึงไว้สำหรับแขวนและตีด้วยไม้ขึงด้วยหนังวัว 2 ด้านประวัติไม่ทราบประวัติที่แน่นอนนิยมตีแข่งขันเสียงดังแต่บางครั้งจะใช้ตีประกอบกับฆ้องเดี่ยวไม่ใช้ประสมวงดนตรีจังหวัดที่นิยมบรรเลงทุกจังหวัดในภาคใต้ โอกาสที่บรรเลงตีเป็นสัญญาณเวลาพระฉันเพลหรือลงโบสถ์ และใช้ตีในขบวนการแห่พระตลอดจนใช้ตีแข่งขันความดังกัน เรียกว่า “จันโพน” กลองแขก เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีเป็นกลองสองหน้ามีลักาณะคล้ายปืดแต่เล็กกว่าตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็งหน้ากลองทำด้วยหนังนากหรือหนังเสือปลา วิธีตีกลองจะตีด้วยไม้มีลักษณะรูปโค้ง และใช้มือตีอีกด้านหนัง ฆ้องคู่ จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทตีฆ้องแฝด ตัวฆ้องทำด้วยโลหะผสมตีด้วยไม้หุ้มนวมแขวนอยู่ในกลอง ไม้สี่เหลี่ยมเจาะรูให้เสียงออกประวัติ มีเล่นกันมาช้านานแล้วใช้บรรเลงในวงดนตรีประกอบด้วย ทับ กลองหนัง ฉิ่ง ปี่ ทับ เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีเป็นกลองหน้าเดียว ทำด้วยไม้เนื้อแข็งชุดหนึ่งมี 2 ใบมีเสียงสูงและเสียงต่ำ ตีสอดสลับกันประวัติใช้มานานแล้ว นิยมใช้ผสมกับกลองตุ๊กสำหรับประกอบการแสดงโนรา วงปี่พาทย์ ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์ที่เป็นวงหลัก มีจำนวนเครื่องดนตรีน้อยชิ้นที่สุด ดังนี้ ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์ที่ประกอบด้วยเครื่องทำทำนองเป็นคู่เนื่องด้วยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีผู้คิดเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นอีก 2 อย่าง คือ ระนาดทุ้มกับฆ้องวงเล็ก และนำเอาปี่นอกซึ่งใช้ในการบรรเลงปี่พาทย์สำหรับการแสดง หนังใหญ่สมัยโบราณมารวมเข้ากับวงปี่พาทย์เครื่องห้าที่มีอยู่เดิม ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์เครื่องคู่ที่เพิ่มระนาดเอกเหล็กกับระนาด บางวงก็เพิ่มกลองทัด รวมเป็น 3 ใบบ้าง 4 ใบบ้าง ส่วนฉาบใหญ่นำมาใช้ในวงปี่พาทย์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วงปี่พาทย์ทั้งเครื่องห้า เครื่องคู่ และเครื่องใหญ่ ถ้ามีการบรรเลงเพลงภาษาจะใช้เครื่องดนตรีกำกับจังหวะของภาษานั้น ๆ ด้วย เช่น ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์ธรรมดาซึ่งใช้บรรเลงทั่วไป แต่เมื่อนำมาใช้ประโคมในงานศพ จะนำวงบัวลอยซึ่งประกอบด้วยปี่ชวา 1 เลา กลองมลายู 1 คู่ และเหม่ง 1 ใบ ที่ใช้ประโคมในงานศพเข้ามาผสม (ดู วงบัวลอย ประกอบ) โดยตัดปี่ใน ตะโพน และกลองทัด ออก ใช้ปี่ชวาแทนปี่ใน ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ส่วนเหม่งนั้นมีเสียงไม่เหมาะกับวงปี่พาทย์จึงไม่นำมาใช้ ใช้แต่โหม่งซึ่งมีอยู่เดิม เรียกว่า "วงปี่พาทย์นางหงส์" ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html ประกอบด้วยเครื่องดนตรีที่ได้อิทธิพลมาจากมอญ เช่น ฆ้องมอญ ปี่มอญ ตะโพนมอญ และเปิงมางคอก ปัจจุบันวงปี่พาทย์มอญมี 3 ขนาด ได้แก่ ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงดนตรีเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ ใช้บรรเลงประกอบการแสดงโนราห์ชาตรี และหนังตลุงทางภาคใต้ของไทย เรียกว่า “ วงปี่พาทย์ชาตรี “ และที่เรียกว่า “ วงปี่พาทย์เครื่องเบา “ เพราะเรียกชื่อให้ตรงกันข้ามกับ “ ปี่พาทย์เครื่องหนัก “ ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์ประสมชนิดหนึ่ง มีต้นเค้าสืบเนื่องมาจากละครดึกดำบรรพ์ ซึ่งเจ้าพระยา เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม พระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกันปรับปรุงขึ้นโดยอาศัยแนวอุปรากร(Opera) ของตะวันตกเข้ามาประกอบ ละครนี้ได้ชื่อตามโรงละคร ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ตั้ง ชื่อว่า “โรงละครดึกดำบรรพ์” ละครก็เรียกว่า “ละครดึกดำบรรพ์” ด้วย วงปี่พาทย์ที่บรรเลงในการเล่นละครครั้งนี้จึงมีชื่อว่า “ปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ได้ทรงคัดเลือกเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้มนุ่มนวล ประสมเข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับการแสดงละครดึกดำบรรพ์ คือ ระนาดเอก(ใช้ไม้ นวม) ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องหุ่ย 7 ใบ มีเสียงเรียงลำดับกัน 7 เสียง ขลุ่ยเพียงออ ตะโพน กลองตะโพน ฉิ่ง ซออู้ (เพิ่มขึ้นภายหลังเมื่อแสดงเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย ได้ทรงบรรจุเพลงสังขาราซึ่งต้องใช้ซออู้สีประกอบ) ขลุ่ยอู้ (มีผู้คิดเพิ่ม ในภายหลัง) ที่มาของภาพ : http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html เป็นวงปี่พาทย์ซึ่งใช้กลองสองหน้ากำกับจังหวะหน้าทับแทนตะโพนและกลองทัด เริ่มนำมาบรรเลงร่วมกับการเล่นเสภาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย http://pirun.ku.ac.th/~b521110058/Templates/Peepart.html ปี่เป็นเครื่องดนตรีภาคใดเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในวงดนตรีพื้นบ้านภาคกลางที่สำคัญๆ ได้แก่ จะเข้ ขลุ่ย ซออู้ ซอด้วง ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ ปี่ ฉิ่ง ฉาบเล็ก กรับ โหม่ง เป็นต้น
เครื่องดนตรีปี่ไหนปี่ไหน เป็นเครื่องเป่าประเภทดำเนินทำนอง มีลักษะเช่นเดียวกับ ปี่นอก ปี่กลาง และปีในของภาคกลาง แต่มีขนาดเล็กกว่า มีระดับเสียงสูงกว่า มีรูบังคับเสียง ๖ รู ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่นไม้ประดู่ ลิ้นปี่ทำด้วยใบตาลผูกติดกับกำพวด(ท่อกลม เล็ก) ใช้การประกอบการแสดงโนราและหนังตะลุง ( ย้อนกลับ )
โหม่งอยู่ภาคไหนเครื่องดนตรีภาคใต้
โหม่งกับฉิ่ง ปี่ แตระพวงหรือกรับพวง
ฆ้องวงเป็นเครื่องดนตรีภาคใด ภาคอีสาน เช่น แคน หืน พิณ โหวด โปงลาง จะเข้กระบือ กระจับปี่ ซอกันตรึม กลองกันตรึม ปี่ไสล กรับคู่ ภาคกลาง เช่น ซอสามสาย ซอด้วง ซออู้ จะเข้ ขลุ่ย ปี่ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก โทน
|