ข้อใด เป็น หนึ่ง ใน เหตุผล ที่พระอานนท์ทูล ขอพร 8 ประการ จาก พระพุทธเจ้า

พระอานนท์ทูลขอพร  ๘  ประการ

     ๑.   ขอพระองค์อย่าได้ประทานจีวรอันประณีต   ที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์

     ๒.   ขอพระองค์อย่าได้ประทานบิณฑบาตอันประณีต   ที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์

     ๓.   ขอพระองค์อย่าได้โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์

     ๔.   ขอพระองค์อย่าได้ทรงพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์

     ๕.   ขอพระองค์จงเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้

     ๖.   ขอให้ข้าพระองค์ได้พาบริษัทซึ่งมาจากที่ไกล   เพื่อเข้าเฝ้าพระองค์   เข้าเฝ้าได้ในขณะที่มาแล้ว

     ๗.   ถ้าความสงสัยของข้าพระองค์เกิดขึ้นเมื่อใด   ขอให้ได้เข้าเฝ้าทูลถามเมื่อนั้น

     ๘.   ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาอันใด   ในที่ลับหลังข้าพระองค์   ขอพระองค์จงเสด็จมาตรัสบอกธรรมเทศนานั้นแก่ข้าพระองค์ด้วย

     พระอานนท์ได้รับพระราชทานพร  ๘  ประการนี้   จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว   จึงได้ยอมรับเป็นพุทธอุปัฏฐากยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;

My blogs link 👆

https://sites.google.com/site/dhammatharn

http://abhinop.blogspot.co

http://abhinop.bloggang.co

ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รั

A giver is always beloved.กmm/ 

ประวัติ พระอานนท์เถระ เอตทัคคะในทางผู้เป็นพหูสูตร

          พระอานนท์ เป็นพระราชโอรสของพระสุกโกทนะ ผู้เป็นพระกนิษฐาของพระเจ้าสุทโธทนะ พระมารดานามว่า พระนางกีสาโคตมี มีศักดิ์เป็นพระอนุชาของพระบรมศาสดา (พระราชโอรสของพระเจ้าอา) ออกบวชพร้อมกับเจ้าชายอนุรุทธะและอุบาลี (ศึกษาประวัติเบื้องต้นในประวัติของพระอนุรุทธเถระ) เมื่อท่านบวชแล้ว ได้ฟังโอวาทจากพระปุณณมันตานี ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

พระอานนท์ได้รับเลือกเป็นพุทธอุปัฎฐาก

          ในช่วงปฐมโพธิกาลหลังจากตรัสรู้แล้ว 20 พรรษานั้น ยังไม่มีพระภิกษุใดปฏิบัติรับใช้พระพุทธองค์เป็นประจำ มีแต่พระภิกษุผลัดเปลี่ยนวาระกันปฏิบัติ เช่น พระนาคสมาละ พระนาคิตะ พระอุปวาณะ พระสาคตะ และพระเมฆิยะ เป็นต้น บางคราวการผลัดเปลี่ยนบกพร่อง องค์ที่ปฏิบัติอยู่ออกไป แต่องค์ใหม่ยังไม่มาแทน ทำให้พระพุทธองค์ต้องประทับอยู่ตามลำพังขาดผู้ปฏิบัติ บางครั้งพระภิกษุผู้ปฏิบัติ ก็ดื้อดึงขัดรับสั่งของพระพุทธองค์ เช่น ครั้งหนึ่ง เป็นวาระของพระนาคสมาลเถระ ท่านได้ตามเสด็จพระพุทธองค์ไปทางไกล พอถึงทาง 2 แพร่ง พระเถระทราบทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์เสด็จไปทางนี้เถิด พระเจ้าข้า” “อย่าเลย นาคสมาละ ไปอีกทางหนึ่งจะดีกว่า” พระนาคสมาละ ไม่ยอมเชื่อฟังพระดำรัส ขอแยกทางกับพระพุทธองค์ ทำท่าจะวางบาตรและจีวรของพระผู้มีพระภาคที่พื้นดิน พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “นาคสมาละ เธอจงส่งบาตรและจีวรมาให้ตถาคตเถิด” พระนาคสมาละ ถวายบาตรและจีวรแด่พระพุทธองค์แล้วแยกทางเดินไปตามที่ตนต้องการ ไปได้ไม่ไกลนักก็ถูกพวกโจรทำร้ายจนศีรษะแตกแล้วแย่งชิงเอาบาตรและจีวรไป ทั้งที่เลือดอาบหน้ารีบกลับมาเฝ้าพระบรมศาสดา กราบทูลเล่าเรื่องให้ทรงทราบ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “อย่าเสียใจไปเลย นาคสมาละ ตถาคตห้ามเธอก็เพราะเหตุนี้”

พระพุทธองค์ ได้รับความลำบากพระวรกายเพราะถูกปล่อยให้ประทับอยู่ตามลำพังหลายครั้ง จึงมีพระดำรัสรับสั่งให้ภิกษุสงฆ์เลือกสรรภิกษุทำหน้าที่ปฏิบัติพระองค์เป็นประจำ ภิกษุทั้งหลายมีฉันทามติมอบหมายให้พระอานนท์เถระรับหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐากตลอดกาลเป็นนิตย์ ด้วยเห็นว่าท่านเป็นผู้มีสติปัญญา ขยัน อดทน รอบคอบ และเป็นพระญาติใกล้ชิด ย่อมจะทราบพระอัธยาศัยเป็นอย่างดี

พระเถระทูลขอพร 8 ประการ

          แต่ก่อนที่พระเถระจะตอบรับทำหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐากนั้น ท่านได้กราบทูลขอพร 8 ประการ ดังนี้:-

1. ขออย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระองค์

2. ขออย่าประทานบิณฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์

3. ขอได้โปรดอย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์

4. ขอได้โปรดอย่าพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์

5. ขอพระองค์จงเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ ที่ข้าพระองค์รับไว้

6. ขอให้ข้าพระองค์พาบริษัทที่มาจากแดนไกลเข้าเฝ้าพระองค์ได้ในขณะที่มาถึงแล้ว

7. ถ้าข้าพระองค์เกิดความสงสัยขึ้นเมื่อใดขอให้ข้าพระองค์เข้าเฝ้าทูลถามความสงสัยได้เมื่อนั้น

8. ถ้าพระองค์แสดงพระธรรมเทศนาเรื่องใด ในที่ลับหลังข้าพระองค์ขอได้โปรดตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนั้น แก่ข้าพระองค์อีกครั้ง

พระพุทธองค์ตรัสถามคุณและโทษของพร 8 ประการ

          พระบรมศาสดา ได้สดับคำกราบทูลขอพรของพระอานนท์เถระแล้ว ได้ตรัสถามถึงคุณและโทษของพร 8 ประการว่า:-

“ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นคุณและโทษอย่างไร จึงขออย่างนั้น ?”

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ถ้าข้าพระองค์ไม่ได้รับพรข้อที่ 1-4 ข้างต้น ก็จะมีคนพูดติฉินนินทา ได้ว่า พระอานนท์ ปฏิบัติบำรุงอุปัฏฐากพระบรมศาสดา จึงได้ลาภสักการะมากมายอย่างนี้ การปฏิบัติอุปัฏฐากมิได้หนักหนาอะไรเลย และถ้าข้าพระองค์ไม่ได้รับพรข้อที่ 5-7 ก็จะมีคนพูดได้อีกว่าพระอานนท์ จะบำรุงอุปัฏฐากพระบรมศาสดาไปทำไม แม้กิจเพียงเท่านี้ พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุเคราะห์ อนึ่ง โดยเฉพาะถ้าข้าพระองค์ไม่ได้รับพรข้อสุดท้ายแล้ว หากมีผู้มาถามข้าพระองค์ว่า ธรรมข้อนี้พระพุทธองค์ทรงแสดงที่ไหน ถ้าข้าพระองค์ไม่ทราบ เขาก็จะตำหนิได้ว่า พระอานนท์ ติดตามพระบรมศาสดาไปทุกหนแห่ง ดุจเงาตามพระองค์ แต่เหตุไฉนจึงไม่รู้แม้แต่เรื่องเพียงเท่านี้“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นคุณและโทษ ดังกล่าวมานี้ จึงได้กราบทูลขอพรทั้ง 8 ประการนั้น พระเจ้าข้า”

พระบรมศาสดา เมื่อได้สดับคำชี้แจงของพระอานนท์แล้ว จึงประทานสาธุการ และพระราชทานอนุญาตให้ตามที่ขอทุกประการ ตั้งแต่นั้นมา ท่านพระเถระก็ปฏิบัติหน้าที่บำรุงอุปัฏฐากพระพุทธองค์ตลอดมา ตราบเท่าถึงเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน

ยอมสละชีวิตแทนพระพุทธองค์

          พระเถระ ได้ปฏิบัติหน้าที่อุปัฏฐากพระบรมศาสดาด้วยความอุตสาหะมิได้บกพร่อง อีกทั้งมีความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ชีวิตของตนก็ยอมสละแทนพระพุทธองค์ได้ เช่น ในคราวที่พระเทวทัตยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูปล่อยช้างนาฬาคีรี ด้วยหวังจะให้ทำอันตรายพระพุทธองค์ ขณะเสด็จออกบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ในขณะที่ช้างนาฬาคีรีวิ่งตรงเข้าหาพระพุทธองค์นั้น พระอานนท์เถระผู้เปี่ยมล้นด้วยความกตัญญูและความจงรักภักดี ได้ยอมมอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ได้ออกไปยืนขวางหน้าช้างไว้ หวังจะให้ทำอันตรายตนแทน แต่พระพุทธองค์ได้ทรงแผ่พระเมตตาไปยังช้างนาฬาคีรี ด้วยอำนาจแห่งพระเมตตาบารมี ทำให้ช้างสร่างเมาหมดพยศ ลดความดุร้ายยอมหมอบถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าสู่โรงช้าง ด้วยอาการอันสงบ

ได้รับยกย่องหลายตำแหน่ง

          พระอานนท์เถระ ได้ปฏิบัติพระพุทธองค์อย่างใกล้ชิด มิได้ประมาทพลาดพลั้ง ได้ฟังพระธรรมเทศนาทั้งที่ทรงแสดงแก่ตนและผู้อื่น ทั้งที่แสดงต่อหน้าและลับหลัง อีกทั้งท่านเป็นผู้มีสติปัญญาทรงจำไว้ได้มาก จึงเป็นผู้ฉลาดในการแสดงธรรม พระบรมศาสดาทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งปวง ถึง 5 ประการ คือ พระอานนท์ได้ทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากได้เป็นอย่างดียิ่ง จนได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ (ความเป็นเลิศกว่าผู้อื่น) 5 ประการ ได้แก่

1. เป็นพหูสูต (ทรงจำพุทธวจนะได้มากที่สุด)

2. เป็นผู้มีสติ

3. เป็นผู้มีคติ (แนวในการจำพุทธวจนะ)

4. เป็นผู้มีธิติ (ความเพียร)

5. เป็นพุทธอุปัฏฐากผู้เลิศ

ปฐมสังคายนารับหน้าที่สำคัญ

          ในกาลที่พระพุทธองค์ใกล้ปรินิพพาน พระอานนท์เถระมีความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนยังเป็นปุถุชนอยู่ อีกทั้งพระบรมศาสดาบรมครูก็จะเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานในอีกไม่ช้า จึงหลีกออกไปยืนร้องไห้แต่เพียงผู้เดียวข้างนอก พระพุทธองค์รับสั่งให้ภิกษุไปเรียกเธอมาแล้ว ตรัสเตือนให้เธอคลายทุกข์โทมนัสพร้อมทั้งตรัสพยากรณ์ว่า....

“อานนท์ เธอจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ในวันทำปฐมสังคายนา”

เมื่อพระบรมศาสดาปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปเถระได้นัดประชุมพระอรหันต์ขีณาสพ จำนวน 500 องค์ เพื่อทำปฐมสังคายนา โดยมอบให้พระอานนท์รับหน้าที่วิสัชนาพระสูตรและพระอภิธรรม แต่เนื่องจากพระอานนท์ยังเป็นปุถุชนอยู่ ท่านจึงเร่งทำความเพียรอย่างหนักแต่ก็ยังไม่สำเร็จจนเกิดความอ่อนเพลีย ท่านจึงปรารภที่จะพักผ่อนอิริยาบถสักครู่ จึงเอนกายลงบนเตียง ในขณะที่เท้าพ้นจากพื้น ศีรษะกำลังจะถึงหมอน ท่านก็สำเร็จเป็นพะอรหันต์ ในระหว่างอิริยาบถทั้ง 4 คือ ไม่ได้อยู่ในอิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่งทั้ง 4 อย่าง คือ อิริยาบถยืน เดิน นั่ง หรือนอน นับว่าท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แปลกกว่าพระเถระรูปอื่น ๆ

ปรินิพพานกลางอากาศ

          พระอานนท์เถระ ดำรงอายุสังขารอยู่นานถึง 120 ปี พิจารณาเห็นว่าสมควรที่จะปรินิพพานได้แล้ว ท่านจึงเชิญญาติทั้งฝ่ายศากยะและฝ่ายโกลิยะ ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี ซึ่งกั้นเขตแดนระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ และกรุงเทวทหะ ก่อนที่จะปรินิพพาน ท่านเหาะขึ้นไปบนอากาศได้แสดงธรรมสั่งสอนเทวดาและพระประยูรญาติทั้งสองฝ่าย ตลอดทั้งพุทธบริษัทอื่น ๆ เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า....

          “เมื่ออาตมานิพพานแล้ว ขอให้อัฐิธาตุของอาตมานี้จงแยกออกเป็น 2 ส่วน จงตกลงที่ฝั่งกรุงกบิลพัสดุ์ ของพระประยูรญาติฝ่ายศากยวงศ์ ส่วนหนึ่ง และจงตกที่ฝังกรุงเทวทหะของพระประยูรญาติฝ่ายโกลิยวงศ์ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้พระประยูรญาติทั้งสองฝ่ายทะเลาะวิวาทกันเพราะแย่งอัฐิธาตุ”

          ครั้นอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน ณ เบื้องบนอากาศ ในท่ามกลางแม่น้ำโรหิณี นั้น เตโชธาตุก็เกิดขึ้น เผาสรีระของท่านเหลือแต่กระดูกและแยกออกเป็น 2 ส่วน แล้วตกลงบนพื้นดินของ 2 ฝั่งแม่น้ำโรหิณีนั้นสมดังที่ท่านอธิษฐานไว้ทุกประการท่านได้ชื่อว่าเป็นพุทธสาวกที่ได้บรรลุกิเลสนิพพาน และขันธนิพพานแปลกกว่าพระสาวกรูปอื่น ๆ

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง

          1. เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาอย่างยิ่ง  จนกลายเป็นพระหูสูตและได้รับสมญานามว่า “ภัณฑาคาริก” ( ขุนคลัง ) หมายถึง  ขุนคลังแห่งความรู้ทางธรรมะ

          2. มีคุณธรรมในด้านต่างๆ ที่ทำให้ท่านได้รับยกย่องให้เป็น “เอตทัคคะ” เช่น  มีสติสัมปชัญญะตลอดเวลาไม่เผลอเรอ  มีหลักในการจดจำพุทธวจนะจากการแสดงธรรมของพระพุทธองค์เป็นอย่างดี  และมีความเพียรพยายามในการปฏิบัติหน้าที่พุทธสาวกอย่างเข้มแข็ง  เป็นต้น

          3. เป็นผู้รู้จักกาลเทศะอย่างดียิ่ง  ในฐานะที่ทำหน้าที่เป็น “พุทธอุปัฏฐาก”  เป็นผู้คอยปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้าเหมือนกับเลขานุการในปัจจุบัน  พระอานนท์จะรู้เวลาไหนควรทำอะไร  เรื่องนั้นจะทำเมื่อไร  ใช้สถานที่ไหน  และจะปฏิบัติต่อบุคคลต่างๆ อย่างไร  เป็นต้น

          4. เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง  พระอานนท์เป็นผู้ทุ่มเทสละเวลาของตนเพื่อปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้าอย่างดียิ่ง  แม้จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธองค์ก็กล้าทำได้  ดังตัวอย่างเมื่อครั้งพระเจ้าอชาตศัตรูหลงเชื่อคำยุยงของพระเทวทัตจึงปล่อยพญาช้างให้มาทำร้ายพระพุทธองค์ขณะกำลังเสด็จออกบิณฑบาต  พระอานนท์กล้าออกมายืนขวางพญาช้างไม่ให้ทำร้ายพระพุทธองค์  เป็นต้น

          5. เป็นผู้มีความเมตตากรุณา  ดังตัวอย่างเมื่อครั้งพระนางมหาปชาบดีโคตรมี  ( ผู้เป็นน้าของพระพุทธเจ้า )  ปรารถนาจะขอบวชเป็นพระภิกษุณีแต่พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธทุกครั้ง  พระอานนท์เกิดความสงสารจึงกราบทูลอ้อนวอนขอ  จนในที่สุดพระพุทธเจ้าทรงประทานอนุญาตให้บวชได้  เป็นต้น

          6. เป็นผู้มองการณ์ไกล  พระอานนท์  เป็นผู้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าในข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการแสดงความเคารพและการระลึกถึงพระพุทธองค์ภายหลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน  ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่าให้พุทธบริษัททั้ง 4  กราบไหว้บูชา  “สังเวชนียสถานสี่ตำบล”  คือ  สถานที่ประสูติ  ตรัสรู้  แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน

ข้อใดเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พระอานนท์ทูลขอพร 8 ประการ จากพระพุทธเจ้า *

สำหรับเหตุผลที่ท่านขอพรประการนั้น ได้แก่ พรที่ ๑ - ๔ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ที่ท่านรับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐาก มิใช่เพื่อลาภสักการะ และพรที่ ๕ – ๗ เพื่อแสดงว่าท่านเป็นผู้มีความปรารถนาจะปฏิบัติหน้าที่พุทธอุปัฏฐากอย่างอุทิศและให้เกิดประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของพระพุทธเจ้าและพุทธบริษัท พระอานนท์ได้ทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากได้เป็น ...

การที่พระอานนท์ทูลขอพร ๘ ประการทางพระพุทธเจ้าส่งผลให้พระอานนท์มีคุณลักษณะสำคัญอย่างไร

การที่พระอานนท์ทูลขอพร 8 ประการทางพระพุทธเจ้า ส่งผลให้พระอานนท์มีคุณลักษณะสำคัญอย่างไร มีความรู้มากกว่าพระภิกษุสงฆ์รูปอื่น ได้รับการยกย่องจากพุทธบริษัททั้งปวง เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษมากหลายด้าน

พระอานนท์ได้ทูลขอพร 8 ประการจากพระพุทธองค์ได้แก่อะไรบ้าง

พระอานนท์ทูลขอพร ๘ ประการ.
๑. ขอพระองค์อย่าได้ประทานจีวรอันประณีต ที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์.
๒. ขอพระองค์อย่าได้ประทานบิณฑบาตอันประณีต ที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์.
๓. ขอพระองค์อย่าได้โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์.
๔. ขอพระองค์อย่าได้ทรงพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์.

เพราะเหตุใดพระอานนท์ได้รับยกย่องว่าให้เป็นพหูสูต

1.เป็นผู้ทรงจำธรรมไว้ได้มาก ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นพหูสูต เพราะท่านทูลขอพรจากพระพุทธเจ้าก่อนเข้ารับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐากมีข้อหนึ่งความว่า “ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเรื่องใดในที่ลับหลังข้าพระองค์ ขอให้พระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง” ท่านให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันการครหา เพราะถ้ามีผู้ ...

การที่พระอานนท์ทูลขอพร ๘ ประการทางพระพุทธเจ้าส่งผลให้พระอานนท์มีคุณลักษณะสำคัญอย่างไร พระอานนท์ได้ทูลขอพร 8 ประการจากพระพุทธองค์ได้แก่อะไรบ้าง เพราะเหตุใดพระอานนท์ได้รับยกย่องว่าให้เป็นพหูสูต การกระทำในข้อใดของนางจูฬสุภัททาที่แสดงว่า เป็นพุทธสาวิกาตัวอย่าง การที่พระอานนท์ทูลขอพรข้อที่1-4แสดงถึงคุณลักษณะของพระอานนท์อย่างไร พระอานนท์ได้รับการยกย่องมีความเป็นเลิศ เอตทัคคะ ในด้านใดบ้าง ข้อใดสอดคล้องกับคุณธรรมด้านผู้มีธิติของ พระอานนท์ เพราะเหตุใด พระมหากัสสปะจึงเหลือที่นั่งไว้สําหรับพระอานนท์ในการประชุมสังคายนา ข้อใดไม่ใช่เอตทัคคะของพระอานนท์ ข้อใดไม่ใช่ คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระอานนท์