นั่งรถไฟไปอยุธยา ขึ้นที่ไหน

ห่างหายไปจากวงการรถไฟไทยเกือบ 2 ปี วันนี้อยู่ดีๆก็คิดถึงบรรยากาศบนรถไฟชั้น 3 เลยตัดสินใจแพลนทริปง่ายๆ ใกล้กรุง นั่งรถไฟไป “อยุธยา” เที่ยวเมืองเก่าของเราแต่ก่อน ดูพระอาทิตย์ตกดินบนเจดีย์ กินกุ้งแม่น้ำ นอนพักผ่อนสักคืนในเรือนไทยสวยๆ แต่ชิค ชื่อ บุษบาอยุธยา (Busaba Ayutthaya) แล้วตื่นสายๆ เดินทัวร์วัดวาอาราม พักร้อนที่คาเฟ่ดาดฟ้าชมวิววัด โดยไม่ต้องเดินตากแดด แล้วค่อยนั่งรถไฟกลับกรุงเทพ ทริปง่ายๆแบบนี้ 2 วัน 1 คืน ที่ อยุธยา จ้า

ในการวางแผนทริปแต่ละครั้ง ปกติก็ใช้ Traveloka  จองตั๋วเครื่องบินเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากนางมีระบบจองโรงแรม ก็จองกับนางตลอด เพราะมีโปรโมชั่นเรื่อยๆ แสดงราคาที่ต้องจ่ายจริงๆ แบบเราไม่ต้องไปบวกภาษีเพิ่มอีก  ใช้งานง่ายโคตร ในทริปนั่งรถไฟ ไปเที่ยวอยุธยาครั้งนี้ก็ใช้

TRAVELOKA ใช้จองโรงแรม รถเช่า ตั๋วเครื่องบิน ทัวร์ได้ https://www.traveloka.com/th-th/

Traveloka มีโรงแรมตั้งแต่โรงแรมหรู ไปจนถึงโฮสเทล และภาพไฮไลท์ของทริปเรา เป็นบ้านพักทรงไทยสีขาว คูลๆ เหมือนอยู่โรงแรมหรู ที่นี่ชื่อ  “บุษบา อยุธยา” ตามมาค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

เรานั่งรถไฟจากสถานีบางซื่อ รอบบ่าย 3 นั่งๆหลับๆให้ลมตีหน้า ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.  ก็ถึงแล้วอยุธยา ขอถ่ายรูปตั๋วรถไฟเป็นที่ระลึกไว้ซักหน่อยละกัน

พอถึงสถานีอยุธยา เดี๋ยวเราจะออกไปเช่ามอเตอร์ข้างหน้าสถานีรถไฟ แล้วบึ่งไปบุษบา ที่พักที่เราจองไว้ผ่าน Traveloka

เมื่อไปถึงที่พักก็แจ้งหมายเลขการจองเรียบร้อยเข้าพักได้เลย

บุษบา อยุธยา BUSABA AYUTTHAYA HOTEL

เป็นที่พักทรงเรือนไทยสีขาว มีห้องพักแบบห้องส่วนตัวและแบบโฮสเทล ที่มีห้องน้ำรวม ก่อนขึ้นบ้านมีโอ่งล้างเท้าแบบไท้ยไทยโบราณ และมีชานบ้านตรงกลางเชื่อมห้องแต่ละห้องไว้ สไตล์ไทยแท้ๆ แล้วพอตัวบ้านเป็นสีขาวทั้งหมดแล้วก็ดูชิคขึ้นมาเลย

ชอบบ้านทรงไทยตรงหลังคาจั่วแหลมๆนี่แหละ

โรงแรมอยู่ติดริมคลอง มีที่นั่งพักผ่อนบรรยากาศดี เป็น Community Area เหมาะแก่การมานั่งชิลๆ ชมสวนเขียวๆกับบ้านขาวๆ

ภายในบุษบา อยุธยา มีห้องพักทั้งหมด 8 ห้อง มีทั้งห้องดอร์ม 4 ห้อง ห้องละ 8 เตียง (มีห้องรวมช/ญ และห้องหญิงล้วน) / ห้อง Private room 2 ห้อง / ห้องครอบครัว 6 เตียง 2 ห้อง

หรือจะมากับแก๊งเพื่อนหลายคนก็เหมาห้องรวมไปเลย มีราคาพิเศษ

ของเราเป็นห้อง Private Room

ขาวทั้งนอกเรือน ในเรือน

มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย

นอนตากแอร์เปื่อยๆในที่พักสักแปป ก็ออกไปร่อนเมืองช่วงเย็นกัน

วัดราชบูรณะ

ในทุกๆทริป เราตั้งใจไว้ว่าจะมีช่วงเวลาดูพระอาทิตย์ตกดิน เวลาได้มองสีของท้องฟ้าช่วงนั้น มันสวยเหมือนภาพวาดสี gradient ที่ธรรมชาติเป็นคน paint เลยหาจุดดูพระอาทิตย์ที่มีเจดีย์เป็น foreground สรุปได้วัดราชบูรณะ

ไปทันดูพระอาทิตย์ตกพอดี

บุษบาคาเฟ่ (BUSABA CAFE)

ตอนเย็นเราเข้ามาทานอาหารที่ บุษบาคาเฟ่ หน้าที่พัก อาหารแต่ละจานถูกครีเอทมาอย่างดี อย่างเช่นจานผัดไทยกุ้งสด มีถ้วยแยกขนมสายไหมมาเพื่อใช้แทนน้ำตาล และขนมสายไหมก็เป็นขนมท้องถิ่นประจำจังหวัดอยุธยาเค้าแหละ

มาอยุธยาพลาดสิ่งนี้ไม่ได้ คือกินกุ้งแม่น้ำเผา ต้องเป็นตัวใหญ่ๆ มันๆ ด้วยนะ ยิ่งใหญ่ยิ่งฟินบอกเลย

Candy Cotton Smoothie

บุษบาคาเฟ่ นอกจากจะเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังเป็นชอปขายของดีไซน์เก๋ๆ ด้วย ลองมาเดินดูก็ได้

See also

อยุธยา วันที่ 2

เช้าวันที่  2 อาบน้ำ เช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋า แล้วออกเที่ยววัดวาอารามก่อนกลับกันนะวันนี้

วัดมหาธาตุ

วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยาด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายและถูกทิ้งร้างลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2

ที่หน้าวิหารเล็ก มีรากไม้แผ่รากขึ้นเกาะเต็มผนัง รากไม้ส่วนหนึ่งได้ล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้ เป็นภาพที่ประหลาดตา ทำให้จุดนี้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของวัดมหาธาตุ

Bussaba Cafe Bake Lab

เข้าวัดได้วัดเดียว อยากเข้าไปตากแอร์ในคาเฟ่อีกแล้วจ้า เราขับมอไซด์ไปที่ Bussaba Cafe Bake Lab ที่นี่มี Concept เท่ๆ คือห้องทดลอง โดยออกแบบให้เหมือนห้องแลปตั้งแต่ทางเข้า  อุปกรณ์ชงกาแฟ (ซึ่งก็เหมือนอุปกรณ์ในห้องแลปอยู่แล้ว) ถาดขนม ไปจนถึงขนมเค้กที่ทดลองจับคู่ส่วนผสมใหม่ๆ ออกมาเป็นเมนูใหม่ๆ ให้เราได้ลอง

Bussaba Cafe Bake Lab ตั้งอยู่หน้าวัดราชบูรณะ มีทั้งหมด 4 ชั้น ส่วนชั้นที่เราชอบสุดคือชั้น 4 ที่มีวิวมองออกไปเห็นพระปรางค์ของวัดราชบูรณะในมุมสูง คาเฟ่เล็กๆ แต่วิวอลังการเฉย รู้สึกว่าจุดนี้น่าจะดูพระอาทิตย์ตกดินสวยนะ

วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรือ วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นอดีตวัดหลวงประจำพระราชวังโบราณ อยุธยา มีจุดที่น่าสนใจที่สำคัญคือเจดีย์ทรงลังกา จำนวนสามองค์ที่วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

มะละกอคาเฟ่ MALAKOR KITCHEN & CAFE

เหนื่อยบุ๊ปก็เข้าคาเฟ่ปั๊ป คราวนี้เราแวะร้านที่ดูชิลๆ บ้านๆ ไว้นั่งพักเหนื่อย เอาจริงๆคาเฟ่ที่อยุธยานี่มีเยอะมากนะ ของหวานขนม น้ำปั่น แต่เราไม่เอาแล้ว เวลานี้พี่อยากจิบเบียร์เย็นๆ จ้า  รอเวลากลับ

เที่ยวอยุธยาจนอิ่มอก อิ่มใจแล้ว ก็ได้เวลากลับบ้าน ขับรถไปคืนมอเตอร์หน้าสถานี แล้วเข้าไปซื้อตั๋ว ค่ารถไฟแค่ 18 บาทเองง่ะ เที่ยวไทยด้วยรถไฟทำไมถูกอย่างนี้ จนอยากจะสะสมการเดินทางเส้นทางรถไฟในประเทศไทย ไม่รู้จะน่าสนุกมั้ย หรือจะเหนื่อยก่อน ฮ่าๆๆ

ทริปนี้ก็เหมือนเป็นทริปเปลี่ยนที่นอน เที่ยวแบบไม่อัดแน่นมาก  ได้ดูศิลปะ สถาปัตยกรรม ของคนในสมัยก่อนอย่างที่ตั้งใจเหนื่อยก็พัก หิวก็กิน ร้อนก็เข้าคาเฟ่ตากแอร์ 555 เดี๋ยวนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก็สะดวกขึ้นตั้งแต่มีอินเตอร์เนต มีโลกออนไลน์ที่สามารถเข้าได้ตลอดเวลา จะจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ง่ายแค่ปลายนิ้ว แอบคิดว่าโชคดีอยู่เหมือนกันนะ ที่เกิดมาในยุคนี้

และนี่ก็เป็นทริป “นั่งรถไฟ ไปอยุธยา” ในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ

ต้นอ้อ | highondreams