=== โปรแกรมนี้เต็ม / ปิดกรุ๊ปแล้วค่ะ === สำคัญ!! กรุณาแจ้ง..รหัสโปรแกรม..ทุกครั้งที่สอบถาม ขอนำท่านเดินทางไปยังประเทศภูฏาน 4 วัน 3 คืน โดยสายการบิน Druk Air (KB) ชั้น Economy เยี่ยมชมเมืองทั้ง 3 เมืองหลัก พาโร-ทิมพู-พูนาคา โปรแกรมสวยบินเช้ากลับเย็น เที่ยวครบสถานที่สำคัญของทุกเมือง เข้าชมวัดถ้ำเสือซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุด เยี่ยมชมสถานอนุรักษ์สัตว์ประจําชาติของภูฏาน และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน นำท่านสักการะหลวงพ่อสัจธรรมซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดของภูฏาน เข้าชมป้อมปราการ “ทิมพู ซอง” ซึ่งอยู่ติดกับที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เก็บกระเป๋าครั้งเดียว โปรแกรมจัดโดยผู้ชำนาญประเทศภูฏานและอยากให้ท่านท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและความประทับใจ!! === โปรแกรมนี้เต็ม / ปิดกรุ๊ปแล้วค่ะ === สำคัญ!! กรุณาแจ้ง..รหัสโปรแกรม..ทุกครั้งที่สอบถาม ขอนำท่านเดินทางไปยังประเทศภูฏาน 5 วัน 4 คืน เก็บครบหมดสถานที่สำคัญ ไม่เปลี่ยนโรงแรมบ่อย โดยสายการบิน Druk Air (KB) ชั้น Economy เยี่ยมชมเมืองทั้ง 3 เมืองหลัก พาโร-ทิมพู-พูนาคา เข้าชมวัดถ้ำเสือซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุด เยี่ยมชมสถานอนุรักษ์สัตว์ประจําชาติของภูฏาน และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน นำท่านสักการะหลวงพ่อสัจธรรมซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดของภูฏาน เข้าชมป้อมปราการ “ทิมพู ซอง” ซึ่งอยู่ติดกับที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เที่ยวหลายสถานที่ได้เพราะจัดให้ท่านพักที่เมืองทิมพูสองคืน ทำให้ไม่ต้องเก็บกระเป๋าและมีเวลาเที่ยวเพิ่ม โปรแกรมจัดโดยผู้ชำนาญประเทศภูฏานและอยากให้ท่านท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและความประทับใจ!! ท่าอากาศยานพาโร เป็นท่าอากาศยานนานาชาติเพียงแห่งเดียวของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำพาโรชชู ลึกเข้าไปในหุบเขาราว 6 กิโลเมตร และล้อมรอบไปด้วยเขาน้อยใหญ่ จึงถูกจัดให้อยู่เป็นสนามบินที่มีความท้าทายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยข้อจำกัดทางด้านธรรมชาติป่าเขา ทำให้สนามบินแห่งนี้เปิดให้เครื่องบิน ขึ้น-ลง เฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น อีกด้านหนึ่งของสนามบินพาโร เมื่อลงจากเครื่องก็เข้าที่รับรองของสนามบิน Tamchog Lhakhang Temple (Paro) - วัดตัมชูลาคัง เป็นวัดที่เก่าแก่อายุกว่า 9000 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาระหว่างพาโร - ทิมพู สร้างโดยนักบวชชาวธิเบตนาม Thangtong Gyalpo เป็นพระที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่ง ซึ่งมีความสามารถหลายด้านเช่น Yogi, Physician, Blacksmith, Architect and a pioneering civil engineer วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี คศ. 14 โดยการสร้าง suspention bridge เพื่อข้ามแม่น้ำพาโรไปยังวัด ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็น 1 ใน 8 สะพานเหล็กของภูฏาน ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำพาโร สะพานแขวนเดิมซึ่งใช้ไม่ได้แล้วสร้างสะพานใหม่อยู่ไกล้กัน Chuzom - ชูซอม เป็นจุดที่แม่น้ำพาโรและแม่น้ำทิมพูไหลมาบรรจบกัน ตรงจุดตัดได้มีการสร้างสถูป หรือเจดีย์ทั้งหมด 3 เจดีย์โดยมีรูปแบบต่างกันตามวัฒนธรรมของธิเบต เนปาล และ ภูฎาน จุดที่แม่น้ำทั้งสองบรรจบกันนั้นอยู่ห่างจากพาโร 24 กม. และทิมพู 31 กม. เจดีย์ทั้ง 3 เจดีย์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งที่แม่น้ำทั้งสองบรรจบกัน จุดบรรจบของแม่น้ำทั้งสองพาโร และ ทิมพู ร้านขายพืชผักผลไม้ข้างทางระหว่างการเดินทางข้างทางจะมีชาวบ้านมาขายสินค้าทางการเกษตรซึ่งจะเป็นชนิดปลอดสารพิษ ตามที่คนขายและไกด์แจ้ง แผงขายพืชผักกผลไม้ ข้างทาง ซึ่งจะเป็นชนิดปลอดสารพิษหรือที่เรียกว่าออร์แกนนิค พอเลยแยกชูซอมมาประมาณ 100 เมตร จะเห็นซุ้ม Welcome To Thimphu Thimphu - กรุงทิมพูเมืองหลวงประเทศภูฏานกรุงทิมพู มีชื่อเป็นทางการในภูฏานว่า ตาชิโชซอง เป็นเมืองหลวงของภูฏานตั้งแต่ ในเมืองหลวงทิมพูจะไม่มีไฟจราจร มีแต่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก สภาพการจราจรช่วงเวลากลางวันที่เมืองทิมพู เป็นเจดีย์ ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองทิมพู สร้างขึ้นเมื่อปี คศ. 1974 เพื่อเป็นเกียรติแด่กษัตริย์องค์ที่ 3 ของประเทศภูฏาน His Majesty Jigme Dorji Wqa ngchuck ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี คศ. 1928 - 1972 และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย ป้ายแสดงสถานที่หน้าประตูทางเข้าอนุเสาวรีย์ บริเวณด้านในอนุเสาวรีย์ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อาคารที่จุดธูปเทียนสักการะ Buddha Dordenma - องค์หลวงพ่อสัจธรรมเป็นองค์พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนเขาสามารถมองเห็นเมืองทิมพูได้ทั้งเมือง องค์หลวงพ่อสัจธรรมนั้นมีความสูงถึง 51.5 เมตร สร้างเสร็จในปี 2015 และภายในองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ยังบรรจุพระพุทธรูปองค์เล็กภายใต้ฐานถึง 125,000 องค์ การสร้างองค์หลวงพ่อสัจธรรมนั้นมีความเชื่อมาจากคำทำนายของโยคีในคริสต์ศตวรรษที่ 20 นามว่า Sonam Zangpo ว่าจะมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในภูฏานแห่งนี้ และพระพุทธรูปองค์นั้นจะประทานพรให้มีแต่สันติสุขและความสุขแด่คนทั่วโลก ลงทุนก่อสร้างโดยคนสิงค์โปร์มูลค่าก่อสร้างเบื้องต้น 100 ล้านดอลล่าร์ ประตูด้านข้างองค์หลวงพ่อสัจธรรมที่รถสามารถขึ้นมาจอดได้ทำให้เดินไม่ไกล บริเวณลานด้านหน้าหลวงพ่อสัจธรรมกว้างที่นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดดเด่นเป็นสง่าหันพระพักต์สู่หุบเขาเมืองทิมพู เป็นส่วนบันใดด้านหน้าซึ่งจะเห็นเมืองทิมพูเกือบทั้งเมือง National Institute for Zorig Chusum - สถาบันศิลปะและหัตถกรรมแห่งชาติโรงเรียนงานฝีมือและงานศิลปะในท้องถิ่นนี้เริ่มตั้งแต่การแกะสลักไม้ไปจนถึงการทำสีเงินการเย็บปักการเย็บการทอผ้า สถาบันแห่งชาติของศิลปะ Zorig Chusum นี้ช่วยให้ภูฏานรักษาศิลปะแบบดั้งเดิมไว้ นักเรียนที่นี่จะได้รับการสอนวิชาศิลปะ 13 ประเภท แกะสลักไม้, ทำหน้ากาก, ทอ, ปัก, การสร้างแบบจำลองดินและประติมากรรม ในขณะการเยี่ยมชมนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามนักเรียนหรืออาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ และ ยังมีร้านค้าเล็ก ให้ซื้อสินค้าที่ระลึก ด้านหน้าทางเข้าจะเป็นหุ่นที่แสดงการแต่งกายของชาวภูฏานแต่ละโอกาศ National Library of Bhutan - หอสมุดแห่งชาติภูฎานตั้งอยู่ที่ย่านคาวาจังซา เมืองทิมพู สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1967 โดยได้รับการอุปถัมภ์จากพระราชินีอาชิ พุนโช โชเด็น แต่เดิมที หนังสือถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ ตาชิโชซอง แต่เมื่อมีหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆ จึงย้ายไปเก็บไว้ที่อาคารแห่งหนึ่งในเขตชันกังคา และต่อมาได้สร้างหอสมุดที่เขตคาวาจังซาขึ้น ซึ่งตั้งให้เป็นหอสมุดแห่งชาติจนถึงปัจจุบัน ที่หอสมุดแห่งชาตินี้เก็บรักษาหนังสือ วรรณคดีโบราณ หนังสือสำคัญและหนังสือหายาก จดหมายเหตุเก่าแก่ ภาพถ่ายกว่า 7,000 ภาพ คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งพระไตรปิฏกอายุนับร้อยปี อาคารจะสร้างบนเนินเพราะเป็นเมืองในหุบเขา ด้านประตูทางเข้าออกจะมีรูปกษัตริย์และราชวงศ์แขวนไว้ซึ่งจะคล้ายๆ กันทั่วภูฏาน หนังสือมากมายหลากหลายส่วนนี้จะเกี่ยวกับพระศาสนา Motithang Takin Preserve - สถานอนุรักษ์ทาคินตั้งอยู่ที่เมืองทิมพู เป็นเหมือนสวนสัตว์เล็กๆ มีตัวทาคินซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน และยังมีสัตว์พื้นเมืองอื่นๆ แต่เดิมเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นสถานอนุรักษ์สัตว์ เพื่อป้องกันสัตว์จากการถูกไล่ล่า มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยปล่อยให้สัตว์อยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ ทาคิน Takin เป็นสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เพราะมีอยู่ที่ภูฏานเพียงแห่งเดียว มีรูปร่างหน้าตาคล้ายวัวผสมแพะ ตัวใหญ่ แข็งแรง ขนสีดำ มีเขา เท้ากีบ เหมาะกับการเดินลุยหิมะ กินหญ้าและชอบกินไม้ไผ่เป็นอาหาร เคลื่อนไหวค่อนข้างช้า อาศัยอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ส่วนหนึ่งของทาคินที่ศูนย์อนุรักษ์ สถาบันการศึกษาสำหรับแม่ชีลักษณะจะเหมือนโรงเรียนวัดของเราสมัยก่อนเมื่อลูกผู้หญิงโตขึ้น พ่อแม่ที่ไม่ค่อยมีเงินก็จะส่งลูกมาบวชและเรียนในที่แห่งนี้ เมื่อจบแล้วก็จะเข้าเรียนต่อในเมืองทิมพูจนจบระดับปริญญา ช่วงที่ไปเยี่ยมจะตรงกับวันพระจึงมีชาวบ้านมาถือศีลนั่งภาวนากันจำนวนมาก การเดินจงกลมรอบโบสถ์ชาวภูฎานจะหมุนกงล้ออธิษฐาน ทุกครั้งที่เดินผ่าน เนื่องจากเป็นวันสำคัญทางศาสนาจึงมีชาวบ้านมาถือศีลกัน โรงเรียนสำหรับสามเณรเช่นเดียวกันกับโรงเรียนแมีชีแต่มีจำนวนมากกว่า ที่นี่มีนักเรียนกว่า 1 พัน ซึ่งคณะที่ไปเยี่ยมครั้งนี้นำหนังสือเกี่ยวกับคำสอนของพุทธศานา และบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งยังต้องการอีกมากในการดำเนินการ รวมทั้งยารักษาโรคด้วย พระอาจารย์ที่เดินทางไปกับคณะได้มอบหนังสือธรรมะพร้อมปัจจัยและถ่ายรูปกับเจ้าอาวาสเป็นที่ระลึก A Living Museum - การแสดงทางวัฒนธรรมเป็นสถานที่แสดงทางวัฒนธรรมของภูฏาน ซึ่งมีตั้งแต่ เต้นรำ ความเชื่อ การเก็บรักษาอาหาร และอืนๆ หากเป็นทางด้านกีฬาจะมีสถานที่ไว้ซ้อมยิงธนู เป็นการแสดงฟ้อนรำของชาวภูฏานให้ชาวคณะชม เป็นลัทธิความเชื่อเรื่องของการดำรงค์อยู่ของชาวภูฏาน เป็นการแสดงการเก็บรักษาพืช ผัก ผลไม้ ไว้บริโภคนอกฤดูเก็บเกี่ยว Tashichho Dzong - ตาชิโซซอง หรือ ทิมพูซองมหาปราการแห่งศาสนาและวิหารหลวง ศูนย์การปกครองและสัญญาลักษณ์เมืองทิมพู เป็นที่ทำการของรัฐบาล คณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู ซึ่งประกอบด้วยคณะสงฆ์ และข้าราชการระดับสูง ภายในซองมีกลุ่มอาคารที่แยกออกเป็นเขตสังฆาวาสและเขตฆราวาส เป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญทางศาสนา สวนดอกไม้ด้านทางเดินเข้ากุหลาบออกดอกสีสันสวยงาม ด้านหน้าบันใดขึ้นบริเวณภายใน ภายในส่วนที่เป็นโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูป (ห้ามถ่ายรูป) อาคารอีกด้านหนึ่งของทิมพูซอง อาคารด้านข้างส่วนที่เป็นที่พำนักของลามะ ภายในบริเวณอีกมุมหนึ่งด้านติดกับโบสถ์ Druk Wangyal Khangzang Stupa (Dochula Pass) - จุดชมวิวโดชูล่าอยู่ระหว่างเมืองทิมพู - พูนาคา เป็นการสร้างเจดีย์ขนาดเล็กจำนวน 108 เจดีย์ ไว้บนสันเขา หรือเนินเตี้ยๆ เรียกว่า สถูปแห่งชัยชนะ ที่นี่เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามระหว่างภูฏานกับกลุ่มกบฏอินเดียเมื่อปี 2003 สร้างขึ้นโดยเชื่อว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทางผ่านไปมาให้ปลอดภัย รอบๆ บริเวณจุดชมวิว ประดับด้วยธงมนต์หลากสีเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งป่าเขาให้ปัดเป่าความชั่วร้าย ที่นี่ยังเป็นจุดพักสำหรับผู้เดินทางไปเมืองพูนาคา หรือเมืองวังดี โดยมีร้านคาเฟ่บริการ อาหาร และเครื่องดื่ม ภาพมองจากด้านหน้าที่ทำเป็นสวนพักผ่อน วัดที่ตั้งอยู่บนเนินตรงกันข้ามต้องเสียค่าเข้าชม 100 Nu. หรือประมาณ 50 บาท ความสวยงามของอาคารด้านนอกของโบสถ์ (ภายในห้ามถ่าย) Dochula Pass อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3.100.หากอากาศแจ่มใสจะมองเห็นเทือกเขาหิมาลัย Mo Chhu River - ล่องแพยาง แม่น้ำโมชู พูนาคาทริปที่อากาศเป็นใจไม่ร้อนและคลื่นไมโหด สนุกสนานสำหรับผู้ี่สูงวัยเพราะมีคลื่นดักอยู่ 3 โค้งเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั้วโมงในการล่อง ลำแรกออกล่องไปก่อนเป็นนักท่องเที่ยวจากอินเดีย Chime Lhakhang - วัดชิมิวัดชิมิ อยู่ที่เมืองพูนาคา ถูกค้นพบในปี 1499 คนภูฏานเชื่อว่าหากไม่ประสบความสำเร็จเรื่องคู่ครอง จะต้องมาแสวงบุญที่นี่ วัดแห่งนี้ยังมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการมาขอพรให้ตั้งครรภ์มีลูกด้วย วัดชิมิตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างเพื่อถวายแด่ท่านดรุกปา คิลเลย์ ตามตำนานของภูฏานเล่าว่า ท่านดรุกปา คิลเลย์ ไล่ล่าอสูรมาจนถึงเมืองพูนาคาและเมืองวังดี อสูรตนนั้นได้แปลงกลายเป็นสุนัข ท่านดรุกปา คิลเลย์ปราบอสูรตนนั้นและเผาบนพื้นดินบนเนินแห่งนี้ แล้วท่านก็ได้ทำนายว่า ในอนาคตจะมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ จึงเป็นที่มาของชื่อวัด ชิมิ แปลว่า ไม่มีสุนัข ป้ายบอกประวัติของวัดว่าเป็นมาอย่างไร ซุ้มประตูทางเข้าวัดคล้ายๆ กับวัดไทยเรา ทางเดินเข้าวัดเป็นเนินไม่สูงมากนักเดินย่อยอาหารเช้าสบายๆ ชาวภูฏานเชื่อว่าเมื่อมีลูกเกิดได้ 3 วัน ให้มาขอพรและขอชื่อจากวัดนี้จะเป็นสิริมงคล ชื่อที่จะได้รับส่วนใหญ่คือ คิลเลย์ หรือชิมิ หรือถ้ามีลูกอ่อน สามารถขอให้ลูกหน้าตาดีได้ด้วย โดยมักจะนำเหล้า น้ำมันเนยใส่ตะเกียง และธูปเทียนมาถวายรูปปั้นท่านดรุกปา คินเลย์ในวัด ชาวบ้านบางคนเรียกวัดแห่งนี้ว่า ดรุกปา คินเลย์ ลาคัง Chime Village - หมู่บ้านชิมิเป็นหมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายก่อนถึงทางขึ้นวัด ชาวบ้านมีอาชีพเกี่ยวกับหัตถกรรม คล้ายๆชาวเขาบ้านเรา การจะซื้อสินค้าโดยเฉพาะภาพวาดบางอย่าง (ของเก่า) ห้ามนำออก ต้องขอใบเสร็จ เพื่อความถูกต้องของที่มา มองกลับลงมาเป็นหมู่บ้านซึ่งจะมีร้านค้าขายสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านแบบชาวเขา ร้านค้าระหว่างรอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม สินค้าภายในร้านสำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนของภาพวาดซึ่งวาดโดยชาวชุมชนของหมู่บ้าน Punakha Dzong - พูนาคาซองป้อมปราการประจำเมืองพูนาคา ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม สร้างในปี ค.ศ.1637 โดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล เคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานนานถึง 300 ปี ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการบริหารปกครองเขตพูนาคา องค์กรสงฆ์ส่วนกลางจะย้ายมาที่นี่นาน 6 เดือนเต็มในฤดูหนาว เนื่องจากพูนาคาซองอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร ต่ำกว่าเมืองทิมพูที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร จึงมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่า เป็นภาพที่ถ่ายจากจุดก่อนถึงที่จอดรถซึ่งจะมีลานให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป พูนาคาซองยังเป็นสถานที่จัดพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เพราะเมืองพูนาคาได้ชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติคของภูฏาน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ สะพานข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าชมภายใน พูนาคาซอง ประตูทางเข้าซึ่งตัวอาคารจะยกพื้นขึ้นสูงพอสมควร อาคารภายในเมื่อแรกเห็นหลังผ่านการขึ้นบันใดมา รูปแบบอาคารศิลปะเฉพาะตัวของภูฏานสวยงามมากๆ ส่วนนี้จะเป็นโบสถ์มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน อีกส่วนหนึ่งของอาคารภายใน พูนาคาซอง ส่วนของอาคารที่เป็นเสมือนกำแพงที่เรามองจากด้านนอกซอง Punakha Suspension Bridge - สะพานแขวนพูนาคาสะพานแขวนพูนาคา เป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นที่ 2 ของสะพานแขวนที่มีในภูฏาน มีความยาวประมาณ 160-180 เมตร เป็นสะพานที่สร้างด้วยวิทยาการสมัยใหม่ มีความปลอดภัย มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และตื่นเต้นระหว่างการเดินข้าม จะตื่นเต้นอย่างไรต้องไปและเดินข้ามด้วยตัวเองสักครั้ง เป็นสะพานที่อยู่ใกล้พูนาคารซอง ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเดินเล่นกัน สภาพเส้นทางระหว่างพูนาคา - ทิมพู - พาโร สภาพเส้นทางจะเป็นถนนแอสฟัลต์ 2 ช่องจราจร รถที่สัญจรส่วนใหญ่จะเป็นรถที่บริการนักท่องเที่ยว และรถโดยสาร อยู่ที่เมืองพาโรซึ่งเป็นเมืองแห่งแรกที่คุณมาถึงเมื่อมาเที่ยวภูฏาน ทันที่ที่ก้าวลงจากเครื่องบิน คุณจะสามารถมองเห็นพาโรซองตั้งสง่าอยู่บนเนินเขา รินปุงซอง แปลว่าป้อมอัญมณี พาโรซองได้ชื่อว่าเป็นซองที่มีรูปทรงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน ข้างนอกซองเป็นลานประลองการยิงธนู ลานอเนกประสงค์เป็นที่จัดการแสดงระบำหน้ากากเซชูเป็นประจำทุกปี สะพานยามิซัม สร้างขึ้นมาใหม่แทนสะพานเดิมที่ถูกน้ำท่วม สะพานแห่งนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมภูฏาน และใช้เป็นฉากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง Little Buddha Paro - เมืองพาโรถ้าหากต้องการท่องเที่ยวภูฏาน การเดินทางจะเริ่มต้นและจบที่ เมืองพาโร ทั้งนี้เพราะว่า พาโร เป็นเมืองเดียวที่มีสนามบิน หุบเขาเมืองพาโร นับได้ว่าเป็นหุบเขาที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นเมืองหลวงเก่า สิ่งสำคัญเป็นแหล่งช้อบปิ้งสินค้าของนักท่องเที่ยวก่อนที่จะกลับ ถนนในเมืองพาโร ส่วนที่เป็นแหล่งช้อบปิ้งทั้งสองฝั่งถนน มองไปอีกด้านก็จะเห็นพาโรซองอยู่ใกล้ๆ แหล่งช้อบปิ้งเลย วัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูฏาน เป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัย แม้แต่ลามะชั้นสูงและชาวทิเบตก็ยังเดินทางข้ามเขาเพื่อมาสักการะอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต วัดทักซังเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวภูฏาน ป้ายแจ้งเรื่องค่าเข้าก่อนขึ้นชมวัดทักซัง ต้องเสียค่าขึ้น 500 Nu ยกเว้นที่มาเป็นแบบทัวร์ ที่เห็นขาวๆ ระหว่างก้อนเฆฆ นั่นแหละคือเป้าหมาย เส้นทางเดินขึ้นค่อยๆ เดินแบบสบายๆ เวลาเดินทางขึ้น-ลง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไม้เท้า (เช่าจากทางขึ้น 25 บาท) บางคนประหยัดพลังงานโดยขี่ม้าขึ้นไปช่วงแรก แต่หากเดินก็จะมีที่พักเหนื่อยเป็นช่วงๆ อีกด้านหนึ่งของร้านอาหารซึ่งเป็นจุดหยุดพักเหนื่อยด้วย เหนื่อยนักก็พักกินกาแฟ ขนมปังก่อนที่จะเดินทางต่อ หลังพักแล้วเดินต่อแต่ก็เหนื่อยอีก ต้องนั่งพักอย่างที่เห็น เป็นสถานที่เกิดของลามะเจ้าอาวาสวัดองค์หนึ่งซึ่งเกิดที่ถ้ำนี้เมื่อท่านมรณะภาพแล้วจึงสร้างอาคารให้ยื่นออกมาเพื่อเป็นที่เคารพบูชา สุดทางโค้งจะเป็นบันไดลงสู่วัดทักซัง ภายในเขตวัดมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั้งหมด 13 แห่ง และมีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของภูฏานทั้งสิ้น มีตำนานเล่าว่า ท่านคุรุ รินโปเชได้ขี่นางเสือที่เป็นศักติของท่านแปลงกายมา เหาะมายังที่แห่งนี้ และบำเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนาน 3 เดือน เทศนาสั่งสอนผู้คนและสำแดงกายสะกดภูติผีปีศาจร้าย วัดทักซังจึงเป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า รังเสือ Tiger Nestวัดทักซังตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร มีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาอย่างยิ่ง การเดินเท้าขึ้นมายังวัดแห่งนี้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ขึ้นบันไดอีก 700 ขั้น ความสวยงามของวัดทักซังท่ามกลางภูเขาสวยและท้องฟ้าคุ้มค่ากับการเดินทาง ไม่แปลกใจ ที่วัดทักซังจะมีชื่อเสียงระดับโลก ตารางอุณภูมเฉลี่ยตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวส่วนตัวหรือหมู่คณะ ทางแอทสยามทัวร์ยินดีจัดให้นะคะ เราจัดให้เหมือนเราไปเอง คลิกด้านล่างนี้เพื่อดูแพ็คเกจได้ค่ะ |