คนที่ต้องการทำธุรกิจอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาตัวเองว่าชอบทำธุรกิจอะไร อยากทำแบบใด หรือ ทายาทต่อยอดธุรกิจ - ค่าเล่าเรียน ต้องสอบถามเอง แต่ละหลักสูตรแต่ละปีมีรายละเอียดต่างกัน https://www.facebook.com/SchoolBIS/ หรือ Business Incubation School - BIS - เวลาเรียน ปรกติจะเรียนทุกสัปดาห์ แต่หลักสูตรใหม่ๆอาจจะการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง สรุป ถ้าใครพร้อมในการพัฒนาธุรกิจต่อก็อยากให้ลองเรียนรู้เพิ่มเติมจากหลายๆช่องทางดูเพื่อใช้เวลาลองถูกลองผิดน้อยลง เร่งเวลาในการประสบความสำเร็จในชีวิตให้เร็วขึ้น ขอเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เกี่ยวกับสถานที่สอนเรื่องธุรกิจที่นี่ ( ในความเห็นจากใจผมนะครับ อาจจะใช้ภาษาที่ไม่ทางการมากนัก ) เพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกันแต่ละคนมีความกล้า (บ้างาน) มาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากวันแรกที่เจอ เพื่อนๆเราทุกคนมีความกระตือรือร้นในการทำงานทำธุรกิจมาก เพื่อนบางคนถึงกับเปลี่ยนธุรกิจเพราะวิเคราะห์แล้วว่าที่ทำอยู่เดิมมันไม่ได้กำไร เพื่อนบางคนเปลี่ยนหุ้นส่วน เพื่อนบางคนได้หุ้นส่วนใหม่ในห้องเรียน ผมเห็นการเปล่ยนแปลงของทุกคน รวมทั้งธุรกิจของผมเอง ที่มองเห็นตัวเองมากขึ้นว่าจริงๆกำลังทำธุรกิจหรือทำงานรับจ้างอยู่ทุกวันๆกันแน่ ( พอรู้ก็ต้องรีบเปลี่ยนให้ไว เพราะผมต้องการสร้างธูรกิจ ) ส่วนตัวผมเองทำงานก่อนมาเรียนทำตัวเหมือน Freelance รับจ้าง ( ไม่ใช่ว่างาน Freelance จะไม่ดีนะครับ เพื่อนๆผมที่สนิทๆก็ทำงานแบบ Freelance ทั้งนั้น แต่โจทย์ชีวิตผลช่วงเรียนจะต้องรีบสร้างธุรกิจให้ได้ใน 1 ปี ) ในที่สุดก็ได้วิธีเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจ ตอนนั้นทำหลายอย่าง แต่ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ ขออธิบายทุกๆคนแค่ผลลัพท์ที่เปลี่ยนแปลงพอ ว่าผมเปลี่ยวิธีคิดไปในทางดีขึ้นมากๆ เพราะได้เรียนรู้จากโรงเรียนนี้ เข้าใจว่าทำอย่างไรเรียกทำธุรกิจ ทำอย่างไรเรียก Freelance ( เอาจริงๆตอนนั้นผมแยกไม่ออกจริงๆครับ แอบเขิล 555 ) เกี่ยวกับโรงเรียน - ทำเลดีมาก นั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้า หรือ ใต้ดิน มาได้หมด - อาจารย์ใส่ใจนักเรียนทุกคน เผ้าคอยดูเป้า ดูยอดขายตลอดเวลา - สังคมไม่กดดัน แต่เราจะต้องการที่จะพัฒนาตัวเองเอง เพราะเห็นเพื่อนๆตั้งใจ สุดท้าย ผมก็ขอให้ทุกคนลองไปศึกษาดูก่อนนะครับ ว่าตรงกับความต้องการเราในตอนนั้นหรือไม่ ไม่มีอันใหนดีกว่าอะไร จนกว่าเราจะเรียนรู้ และตัดสินใจด้วยตนเอง การสัมผัสชีวิตหลากหลายบริบท ทั้งในฐานะลูกสาวชาวสวนภาคใต้ และเป็นนักเรียนที่อาศัยอยู่กับครอบครัวข้าราชการภาคตะวันออก ไปจนถึงเด็กมหาวิทยาลัยเมืองเหนือที่เปี่ยมด้วยอิสระ ล้วนแล้วแต่บ่มเพาะวิสัยทัศน์ทางธุรกิจให้กับเธอตั้งแต่เริ่มต้นชีวิต “เมเกิดและเติบโตที่นครศรีธรรมราชค่ะ เรียนโรงเรียนวัดที่มีเด็กแค่ 100 คน ที่บ้านเปิดร้านขายของชำและทำสวนยางพารา น้ำประปาไม่มีใช้ ถนนเป็นดินลูกรัง ภาพความเจริญเดียวในชีวิต คือ เทสโก้โลตัสค่ะ” ผู้บริหารสาวกล่าวถึงชีวิตวัยเด็กอย่างออกรส “ในตอนนั้นเมต้องตื่นตีสามเพื่อช่วยแม่ปิ้งข้าวเหนียว และไปโรงเรียนสายมาก เพราะช่วยขายของจนนาทีสุดท้าย” เธอเล่าพร้อมรอยยิ้ม “ช่วงที่พ่อขับรถเร่ขายกับข้าว แม่กับเมนั่งขายอยู่ท้ายกระบะ ทุกเย็นเราจะมานั่งนับแบงก์ยี่สิบ แบงก์ร้อยกัน เมเลยไม่อายทำกิน แต่ก็ใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองอยู่เสมอ” คุณเมเล่าย้อนอดีต ก่อนย้ายไปอยู่กับป้าเพื่อเรียนชั้นมัธยมที่ระยอง กระทั่งเข้าศึกษาต่อด้านธุรกิจการบินที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ไม่ใช่เพราะฟลุกแต่ทุกสิ่งต้องเตรียมการ แม้จะออกตัวว่าเรียนเพื่อใบปริญญา แต่ดีกรีเกียรตินิยมที่เธอคว้า ก็สะท้อนถึงความแน่วแน่กับทุกสิ่ง “เมไม่ได้สมองดีเลย เอาความขยันเข้าสู้ค่ะ แต่สิ่งเดียวที่คิดฝันคือการเป็นเจ้าของกิจการ เคยขอแม่ไปเรียนเสริมสวยด้วยซ้ำ เพราะเงินเดือนเด็กจบใหม่แค่ 12,000 บาท ไม่ใช่ทางของเรา ตั้งแต่ ม.1 เลยเก็บข้อมูลมาตลอดว่าทำยังไงถึงจะได้เป็นแม่ค้าเงินล้าน เมศึกษาความสำเร็จของเจ้าของสินค้าต่างๆ เลยรู้ตัวและตั้งเป้าตั้งแต่ตอนนั้นว่าสักวันจะทำธุรกิจอาหารเสริม” “จุดเริ่มต้นจริงๆ คือช่วงปี 3 ค่ะ พ่อแม่ส่งสัญญาณมาว่าถ้าเรียนจบ เมต้องเลี้ยงดูตัวเอง เลยเริ่มจากขายน้ำอะโวคาโด พอมีเงินเก็บ ก็สร้างแบรนด์สบู่ ตอนนั้นวิเคราะห์แล้วพบว่าต้นทุนเราคือศูนย์บาท สิ่งเดียวที่มีคือตัวเอง เมเลยพยายามดูแลหน้าตาและรูปร่าง เพื่อเจียระไนตัวเองให้ดูดีที่สุด การเป็นดาวโรงเรียน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ช่วยให้เมมีฐานคนติดตามเยอะ พอไลฟ์ขายสินค้าเลยทำกำไรได้ 30,000 – 40,000 บาท ตั้งแต่ล็อตแรกๆ ต่อมาจึงสร้างแบรนด์ MAYA ผลิตลิปสติกและมาสคาร่าที่เมดีลเองกับโรงงานในจีน ยอดขายดีมาก จนสร้างรายได้หลักแสนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ” สูตรสำเร็จของคนสำเร็จ ขณะที่ตัวเลขในบัญชีไปได้สวย คุณเมกลับยุติธุรกิจคอสเมติก และตัดสินใจปั้นอาหารเสริม PRIMAYA เต็มกำลัง ทว่าสิ่งที่เด็กสาววัย 23 ปีได้จากการทิ้งเงินแสนในวันนั้น คือรายได้ทะลุล้านในเวลาเพียง 2 เดือน “เมมั่นใจว่าเราทำของดีมาตลอด ที่สำคัญเมให้โอกาสรายย่อยด้วยความจริงใจ ตัวแทนจำหน่ายแบรนด์อื่นอาจต้องเปิดบิลทีละ 1 – 2 ล้านบาท แต่ของเมเกือบทั้งหมดมาจากลูกค้าที่ใช้เอง อัตราการซื้อซ้ำสูงถึง 90% จากกล่องเดียวเพิ่มเป็นสิบและเป็นร้อย เหมือนเมอยู่กับตัวแทนฯ ตั้งแต่กล่องแรกของเขา ประสบการณ์ที่เห็นผลจริงทำให้เกิดการบอกต่อ ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ PRIMAYA ไปไกลโดยเฉพาะตลาดในเอเชีย อย่างตลาดจีน กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ ที่วิ่งหาเราเอง” ซีอีโอคนสวยเผยข้อมูลอันน่าทึ่ง “นอกจากสินค้าคุณภาพต้องดี Key Success ของเมคือความขยัน อดทน บอกต่อสินค้าเราอย่างสม่ำ เสมอ และใช้จ่ายเท่าเดิมค่ะ เมไม่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตามรายได้ โตมาแบบไหนก็กินแบบนั้น ใช้จ่ายทั่วไป บ้านและรถก็ซื้อเมื่อมีเงินเย็นมากพอ” คุณเมแชร์เคล็ดลับความสำเร็จอย่างตรงไปตรงมา “เมนอนแค่วันละ 5 ชั่วโมง ลืมตาตื่นก็เช็กงานในมือถือ 1 – 2 ชั่วโมง ก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำและกินข้าวเช้า กลางวันถ่ายรีวิว ทำการตลาด กว่าจะนอนคือหลังเที่ยงคืน เพราะสองทุ่มถึงตีหนึ่งเป็นเวลาทองที่ออร์เดอร์รัวมาก ใครนอนก่อนสองทุ่มรวยช้าค่ะ เมอยู่กับมือถือทั้งวันมานานหลายปีจนข้อมือแทบพัง แต่จะให้หยุดได้ยังไง ในเมื่อตลาดออนไลยังหอมหวานมาก” เธอเล่าเสียจนเห็นภาพ บริหารคนจากประสบการณ์รอบตัว คุณเมดูแลทีมงานด้วยหลักแห่งความเกื้อกูลเสมอ “ทำยังไงก็ได้ให้เขากินอิ่มนอนหลับค่ะ เมสนับสนุนให้ลูกทีมริเริ่ม หรือเพิ่มช่องทางรายได้ของตัวเอง เมื่อเขารู้ทุกซอกทุกมุมในธุรกิจแล้ว ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสให้รีบคว้าไว้ แม้ไปทำสินค้าตัวเดียวกันกับเมก็ตามที เพราะยุคนี้ความสำเร็จของแบรนด์ไม่ได้อยู่ที่การฟาดฟันกันทางราคาหรือการโฆษณา แต่ยิ่งปรองดองก็ยิ่งทำให้ธุรกิจรอดไปด้วยกัน” นอกจากนี้ เธอยังสะท้อนมุมมองของซีอีโออายุน้อยที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนหนุ่มสาววัยเดียวกันว่า “ถ้ามีปัญหาในองค์กร เราต้องคุยกันบนพื้นฐานของเหตุและผลค่ะ ไม่ใช้อารมณ์หรือวัยที่แตกต่างมาตัดสิน ที่สำคัญ เมเลือกที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ และการจัดการปัญหาจากเพื่อนวัย 50+ ของเมซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ เขาเหล่านี้ช่วยให้วุฒิภาวะของเมโตขึ้นมากในเวลาอันรวดเร็วค่ะ” แฟชั่นคือการลงทุน คุณเมอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน 7 ปี จนถึงปัจจุบัน 5 ปีแรกเป็นช่วงเวลาของการตั้งหน้าตั้งหาเงินและเก็บสะสม ขณะที่ 2 ปีให้หลัง เริ่มขยับขยายสู่การลงทุนในสิ่งที่เธอรัก “เมชอบเสพแฟชั่นมากกก แต่ก็ต้องสร้างประโยชน์นะคะ เพราะตั้งแต่อายุ 25 เมก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า สิ่งที่จะซื้อต้องตอบโจทย์ครบ 3 ด้าน หนึ่งความสุข สองแบรนดิ้ง และสามคือผลตอบแทนในระยะยาว ทุกวันนี้ข้าวของรอบตัวเลยมีแต่ไฮเอนด์แบรนด์ อย่างนาฬิกา เมพุ่งเป้าไป Patek Philippe กระเป๋าต้อง Hermès จิวเวลรี่ต้อง Van Cleef & Arpels ฯลฯ เหมือนเราเลือกที่จะไปดวงจันทร์แบบไม่แวะดาวน้อยดวงอื่นระหว่างทาง (หัวเราะ) ทุกอย่างก็ยังต้อง เป็น Investment และการเก็บเงินเย็นค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบเงินสดหรือทรัพย์สิน” เป้าหมายนักธุรกิจพันล้าน “เมอยากให้คุณภาพที่ดีกับ PRIMAYA เพื่อเป็นมาตรฐานของสินค้าออนไลน์ค่ะ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 นี้ บริษัทจะพร้อมที่จะผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและรูปร่างภายใต้โรงงานและแล็บวิจัยของเราเอง อย่างโปรเจกต์ล่าสุด สินค้ากลุ่มน้ำชงที่ปราศจากน้ำตาล แคลอรีต่ำ เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด “อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ของเรา PRIMYA Clinic ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็เกิดจากการหลงใหลในศาสตร์ความงามของเมเอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการดูดีในแบบฉบับของตนเอง สามารถสร้างความมั่นใจและสะท้อนความสำเร็จของทุกคนได้ ดังนั้น นอกจากสาขาแรกที่ Stadium One แล้ว เมยังวางแผนขยายเพิ่ม 10 สาขาในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน” คุณเมถ่ายทอดทุกมิติของความสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงปัจจุบัน รวมถึงความปรารถนาในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต |