ประกันสุขภาพเหมาจ่ายตัวไหนดี ให้ค่ารักษา 1 ล้านบาท ใครอยากทำประกันสุขภาพมาเปรียบเทียบข้อมูลปี 2565 ก่อนซื้อประกัน Show
เพราะความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว หลายคนจึงอยากกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อประกันสุขภาพติดตัวไว้ แต่ก็ลังเลอยู่ว่าจะทำประกันสุขภาพของที่ไหนดี แล้วจะเลือกแผนประกันแบบไหน ต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เราจึงนำแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย 1 ล้านบาท มาเปรียบเทียบให้เห็นกันทั้งเรื่องความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย แต่ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจเรื่องประกันสุขภาพให้ชัดเจนก่อน ประกันสุขภาพมีกี่แบบ ต่างกับประกันชีวิตอย่างไร หลายคนซื้อประกันชีวิตไว้ แต่พอเจ็บป่วยขึ้นมาก็สงสัยว่าทำไมถึงเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ทั้งที่จ่ายเงินครบทุกปี นั่นเพราะเราอาจไม่เข้าใจว่าแบบประกันนั้นคุ้มครองอะไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องแยกความแตกต่างของประกันประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อน เป็นแบบประกันที่คุ้มครองกรณีเสียชีวิตเป็นหลัก คือจะได้เงินก็ต่อเมื่อตัวเราเสียชีวิต ดังนั้นถ้าเกิดเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจะไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ประกันชีวิตมีอยู่หลายประเภท เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ : เบี้ยไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองสูงและยาวนานไปจนถึงอายุ 85-99 ปี จะได้รับเงินคืนก็ต่อเมื่อมีอายุอยู่จนครบสัญญา แต่ถ้าเสียชีวิตก่อน ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินประกันไป ประกันชีวิตแบบตลอดชีพเหมาะกับใคร ?
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือออมทรัพย์ : แบบประกันที่เน้นออมเงินควบคู่กับความคุ้มครองชีวิต ซึ่งจะมีระยะเวลาคุ้มครองสั้นกว่าแบบตลอดชีวิต เช่น แผน 10/1 หมายถึงจ่ายเบี้ย 1 ปี คุ้มครอง 10 ปี, แผน 15/8 หมายถึง จ่ายเบี้ย 8 ปี คุ้มครอง 15 ปี โดยเราอาจจะได้รับเงินคืนระหว่างสัญญา หรือรับเงินคืนทีเดียวเมื่อครบอายุสัญญาก็ได้ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เหมาะกับใคร ?
ประกันชีวิตแบบบำนาญ : แบบประกันที่ช่วยออมเงินระยะยาว โดยจะจ่ายผลประโยชน์คืนให้เราทุก ๆ เดือน หลังอายุ 55 ปี หรือ 60 ปีตามสัญญา เป็นการการันตีว่าแก่ตัวไปมีเงินใช้แน่นอน ประกันชีวิตแบบบำนาญเหมาะกับใคร ?
เป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น หกล้ม ตกบันได สุนัขกัด แมวข่วน น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ไปจนถึงรถชน ถูกทำร้ายร่างกาย ฆาตกรรม และบางแผนยังมีค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้รายวัน ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายทันตกรรมที่เกิดจากอุบัติเหตุ ค่าชดเชยเมื่อกระดูกแตกหัก มาให้ด้วย ประกันอุบัติเหตุ เหมาะกับใคร ?
เป็นประกันที่บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยหรือค่ารักษาพยาบาลให้ในกรณีเจ็บป่วย โดยมีอยู่หลายแบบ คือ ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD) : คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไส้ติ่งอักเสบ การผ่าตัดต่าง ๆ ทั้งจากอาการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) : คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แค่ไปพบแพทย์ รับยา แล้วกลับบ้านได้เลย เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย ประกันสุขภาพเหมาะกับใคร ?
ประกันโรคร้ายแรง : หากเราป่วยด้วยโรคร้ายแรงตามที่บริษัทกำหนดไว้ในแผนประกันก็รับเงินก้อนทันที ในลักษณะเจอ จ่าย จบ ประกันโรคร้ายแรงเหมาะกับใคร ?
ประกันชดเชยรายได้ : เป็นแผนที่เราจะได้เงินชดเชยเป็นรายวัน เมื่อต้องนอนโรงพยาบาล หรือผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้เหมาะกับใคร ?
วิธีเลือกประกันสุขภาพที่ตรงความต้องการ ก่อนจะทำประกันสุขภาพสักเล่มควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้ประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกแผนไหนที่เหมาะกับเรา 1. เลือกประกันสุขภาพแบบ New Health Standardอันดับแรกให้ดูว่าแผนประกันสุขภาพที่เราสนใจเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ (New Health Standard) ของ คปภ. หรือไม่ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยผู้ซื้อประกันจะได้รับประโยชน์ที่มากกว่าเดิม อาทิ
2. เช็กสวัสดิการที่ตัวเองมีลองดูซิว่าตอนนี้เรามีสวัสดิการอะไรอยู่บ้าง เช่น บางคนอาจมีประกันสุขภาพเล่มเดิมอยู่แล้วแต่ไม่เพียงพอ หรือมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มของบริษัทอยู่ ก็ต้องไปดูว่าประกันนั้นให้งบค่ารักษาพยาบาลและค่าห้องเท่าไร เมื่อทราบข้อมูลตรงนี้ก็จะช่วยในการวางแผนเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับตัวเองได้ และถ้าเรามีสวัสดิการอยู่แล้วก็อาจจะมองหาแผนประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรก (Deduction) คือ เมื่อเราเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล เราจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาส่วนแรกตามแผนที่เลือกไปก่อน จากนั้นจึงเคลมค่ารักษาส่วนที่เหลือจากประกันได้ เช่น คุณบี ซื้อประกันสุขภาพวงเงิน 1 ล้านบาท/ปี แบบมีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท หากต้องผ่าตัด มีค่าใช้จ่ายรวม 100,000 บาท คุณบีจะต้องออกเงินเองก่อน 30,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 70,000 บาท ค่อยไปเคลมประกัน ดังนั้นแผนประกันแบบนี้จึงเหมาะกับคนที่มีสวัสดิการกลุ่ม หรือประกันสุขภาพเล่มเดิมอยู่ก่อนแล้ว และต้องการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม เพราะเราสามารถเคลมส่วนแรกจากสวัสดิการกลุ่ม หรือประกันสุขภาพเล่มเดิมได้โดยไม่ต้องจ่ายเอง แล้วส่วนที่เหลือจึงค่อยมาเคลมกับประกันเล่มใหม่ ซึ่งการซื้อประกันสุขภาพที่มี Deduction ค่าเบี้ยประกันจะถูกลงกว่า 30-80% เลยทีเดียว 3. จะทำประกันสุขภาพเดี่ยว หรือพ่วงประกันชีวิตประกันสุขภาพมีทั้งแบบที่ต้องทำพ่วงกับประกันชีวิต และแบบที่ไม่ต้องทำพ่วงกับประกันชีวิต ซึ่งมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้ ประกันสุขภาพที่ทำพ่วงประกันชีวิต คือ ต้องมีสัญญาหลักเป็นประกันชีวิตก่อน จากนั้นจึงสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมเป็นประกันสุขภาพได้ เปรียบเหมือนซื้อไอศกรีม (ประกันชีวิต) แล้วเพิ่มท็อปปิ้ง (ประกันสุขภาพ) เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตด้วย โดยจะต้องทำกับบริษัทที่เป็นประกันชีวิต เช่น AIA, ไทยประกันชีวิต, เมืองไทยประกันชีวิต ฯลฯ ทั้งนี้ การทำประกันชีวิตเป็นสัญญาหลัก ควรเลือกประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ 80-90 ปีขึ้นไป เนื่องจากเบี้ยประกันถูกกว่าแบบอื่น อีกทั้งจ่ายเป็นจำนวนเงินเท่าเดิมทุกปีตามอายุที่เราทำครั้งแรกและคุ้มครองไปยาว ๆ ทว่าถ้าเลือกทำประกันสะสมทรัพย์ แม้จะได้เงินคืนไว แต่ก็ต้องทำประกันเล่มใหม่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งพออายุมากขึ้น เบี้ยประกันก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย ประกันสุขภาพเดี่ยว ๆ ไม่พ่วงประกันชีวิต ประกันสุขภาพที่ไม่พ่วงประกันชีวิต จะต้องทำกับบริษัทประกันวินาศภัยที่มีชื่อลงท้ายว่า ประกันภัย เช่น วิริยะประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย เมืองไทยประกันภัย ทิพยประกันภัย ฯลฯ ข้อดีของประกันสุขภาพเดี่ยว ๆ ก็คือ เบี้ยประกันราคาถูกกว่าแบบพ่วงประกัน เพราะไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิต แต่ก็อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือได้รับความคุ้มครองทางสุขภาพบางอย่างที่น้อยกว่า (ขึ้นอยู่กับแผนของแต่ละบริษัท) 4. เลือกความคุ้มครองที่ต้องการจุดประสงค์ของคนที่อยากซื้อประกันสุขภาพส่วนใหญ่ก็คือต้องการให้คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล หรือผู้ป่วยในเป็นหลัก ดังนั้นต้องเปรียบเทียบแผนประกันต่าง ๆ ว่าให้ความคุ้มครองในกรณีใดบ้าง ที่สำคัญคือ อย่าลืมพิจารณาค่าห้องด้วย เพราะเวลานอนโรงพยาบาลมักมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินตรงนี้ โดยเราอาจลองเช็กค่าห้องของโรงพยาบาลที่ใช้บริการอยู่บ่อย ๆ มาเทียบกับแผนประกันว่าให้ค่าห้องเพียงพอไหม ถ้าไม่พอก็อาจซื้อความคุ้มครองชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลพ่วงเข้าไปด้วย เพื่อเอาไปโปะค่าห้องเพิ่มเติม ส่วนความคุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก กรณีโรคร้ายแรง หรืออุบัติเหตุ ก็จะเป็นออปชั่นเสริม ถ้าใครต้องการให้คุ้มครองกรณีเหล่านี้ด้วยก็จะต้องซื้อเพิ่มเข้าไปในเล่ม แต่ประกันสุขภาพบางแผนก็มีออปชั่นเหล่านี้รวมมาให้ครบแพ็กเกจแล้ว ดังนั้นต้องพิจารณาและเลือกแผนที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด 5. ตรวจสอบวงเงินความคุ้มครองประกันแต่ละแผนจะมีวงเงินคุ้มครองต่างกันไป เริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงร้อยล้าน ซึ่งยังแบ่งออกเป็นแผนประกันแบบเดิม (แยกค่าใช้จ่าย) และแบบเหมาจ่าย ได้อีก
ทั้งนี้ ยังต้องตรวจสอบให้ดีด้วยว่าวงเงินที่คุ้มครองนั้นเป็นแบบต่อปี หรือต่อครั้ง เช่น
ตัวอย่างตารางเปรียบเทียบแผน ดูจากตรงนี้จะเห็นว่าประกันสุขภาพเหมาจ่ายเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองแบบครอบคลุม เพราะประกันจะจ่ายให้ตามจริง แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุด ไม่ต้องคิดแยกค่าใช้จ่ายให้ปวดหัว แต่เนื่องจากแบบเหมาจ่ายครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลกว่านี่เอง ทำให้เบี้ยประกันแพงกว่าแบบแยกค่าใช้จ่ายอยู่พอสมควร ส่วนประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายจะเหมาะกับคนที่มีงบประมาณไม่มาก หรือมีสวัสดิการด้านสุขภาพบางตัวอยู่แล้ว 6. พิจารณางบประมาณในกระเป๋าลองวางแผนการเงินของตัวเองดูก่อนว่าจะแบ่งเงินมาทำประกันได้เท่าไรถึงจะไม่เดือดร้อนต่อสภาพคล่อง ซึ่งโดยทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้ทั้งปี เช่น มีรายได้ 300,000 บาทต่อปี ก็ไม่ควรจ่ายเบี้ยประกันเกิน 30,000-45,000 บาทต่อปี ทั้งนี้ เบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพจะมีข้อแตกต่างกันคือ
7. พิจารณาบริษัทที่รับประกันบริษัทก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะมีผลไปถึงเรื่องการเคลมประกัน โดยควรพิจารณาดังนี้
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ตัวไหนดี ปี 2565 เมื่อเข้าใจเรื่องประกันสุขภาพแล้ว คราวนี้มาเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายกันดีกว่า โดยในที่นี้จะขอเปรียบเทียบแผนที่มีความคุ้มครองค่ารักษา 1 ล้านบาท และเป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ซื้อแนบกับประกันชีวิต 1. ประกันสุขภาพ AIA Health Happy จากเอ ไอ เอภาพจาก : AIA อายุรับประกัน : 6-75 ปี ต่ออายุถึง 84 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : AIA 2. ประกันสุขภาพ BLA Happy Health จากกรุงเทพประกันชีวิตภาพจาก : กรุงเทพประกันชีวิต อายุรับประกัน : 11-80 ปี และสามารถซื้อความคุ้มครองต่อไปได้เท่ากับระยะเวลาเอาประกันภัยของสัญญาประกันชีวิต สูงสุดถึงอายุ 99 ปี ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : กรุงเทพประกันชีวิต 3. ประกันสุขภาพ Health Fit DD จากไทยประกันชีวิตภาพจาก : ไทยประกันชีวิต อายุรับประกัน : 1 เดือน - 80 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี (อายุ 1 เดือน - 5 ขวบ ซื้อได้เฉพาะแผนที่มีความรับผิดส่วนแรกเท่านั้น) ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : ไทยประกันชีวิต 4. ประกันสุขภาพ D Health Plus จากเมืองไทยประกันชีวิตภาพจาก : เมืองไทยประกันชีวิต อายุรับประกัน : อายุ 11-90 ปี และคุ้มครองสูงสุดถึง 99 ปี ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : เมืองไทยประกันชีวิต 5. ประกันสุขภาพ Precious Care จาก FWDภาพจาก : FWD Thailand อายุรับประกัน : 6-75 ปี ต่ออายุได้ถึง 84 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี ตัวอย่างความคุ้มครองแผนบรอนซ์ 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : FWD 6. ประกันสุขภาพ Tokio Good Health จากโตเกียวมารีนประกันชีวิตภาพจาก : โตเกียวมารีนประกันชีวิต อายุรับประกัน : 1 เดือน 1 วัน - 70 ปี (ต่ออายุได้ถึง 84 ปี คุ้มครองถึง 85 ปี) ตัวอย่างความคุ้มครองแผน VIP 3000 วงเงิน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : โตเกียวมารีนประกันชีวิต 7. ประกันสุขภาพปลดล็อก สบายกระเป๋า จากอลิอันซ์ อยุธยาภาพจาก : อลิอันซ์ อยุธยา อายุรับประกัน : 11-69 ปี (ต่ออายุสัญญาได้ถึงอายุ 89 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี) ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : อลิอันซ์ อยุธยา 8. ประกันสุขภาพ Super Health จากอาคเนย์ประกันชีวิตภาพจาก : อาคเนย์ ประกันชีวิต อายุรับประกัน : 11-70 ปี (ต่ออายุได้ถึง 80 ปี) ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
หมายเหตุ : อาคเนย์ประกันชีวิต เป็นคนละส่วนกับอาคเนย์ประกันภัยที่ปิดตัวลงในช่วงโควิด 19 ข้อมูลเพิ่มเติม : อาคเนย์ ประกันชีวิต 9. ประกันสุขภาพลักซ์ชัวรี่ แคร์ จากซัมซุงประกันชีวิตภาพจาก : ซัมซุงประกันชีวิต อายุรับประกัน : 30 วัน - 65 ปี (ต่ออายุได้ถึง 98 ปี ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี) ตัวอย่างความคุ้มครองแผน 1.5 ล้านบาท
ตัวอย่างค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (ยังไม่รวมประกันชีวิต) จุดเด่น :
ข้อพิจารณา :
ข้อมูลเพิ่มเติม : ซัมซุงประกันชีวิต ทั้งนี้ ประกันสุขภาพของแต่ละบริษัทมีเงื่อนไขการรับประกันไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าลืมศึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจทำประกัน เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ จะได้ไม่มีปัญหาเวลาเคลมประกันในภายหลัง * หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (1), (2) , AIA, กรุงเทพประกันชีวิต, ไทยประกันชีวิต, เมืองไทยประกันชีวิต, FWD, โตเกียวมารีนประกันชีวิต, อลิอันซ์ อยุธยา, อาคเนย์ ประกันชีวิต, ซัมซุงประกันชีวิต |