Show
ถ้าไม่อยากถูกนายจ้างเอาเปรียบอ่านซะ!!!อ่านข้อมูลทั้งฉบับได้ที่นี่ Cover Story ลูกจ้างทุกคนที่ทำงานในออสเตรเลียมีสิทธิในสถานประกอบการอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งรวมถึงแรงงานต่างด้าวหรือผู้ถือวีซ่าด้วย ผู้ว่าจ้างทุกคนในออสเตรเลียต้องปฏิบัติตามกฎหมายในสถานประกอบการ ถึงแม้ว่าคนงานของพวกเขาจะถือวีซ่าอยู่ก็ตาม ค่าจ้างอัตราค่าจ้างขึ้นต่ำที่ต้องจ่ายให้ลูกจ้างนั้นมีอยู่หลายอัตราซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทงานของลูกจ้างคนนั้นๆ ในทางปฏิบัตินั้น ลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปควรได้รับค่าจ้างอย่างน้อยชั่วโมงละ $19.49 หรือ $24.36 หากพวกเขาไม่ได้มีสิทธิลางานโดยได้รับค่าจ้าง หากลูกจ้างต้องรับการอบรม เข้าประชุมหรือ มีหน้าที่ในการเปิดหรือปิดธุรกิจ พวกเขาต้องได้รับค่าจ้างในจำนวนที่ถูกต้องสำหรับชั่วโมงทำงานทั้งหมด ลูกจ้างต้องได้รับการจ่ายค่าจ้างเป็นเงิน ไม่ใช่เป็นสินค้าหรือบริการต่างๆ เช่นอาหาร เสื้อผ้าหรือที่พัก วันหยุดพักผ่อนและ การหยุดงานลูกจ้างสามารถหยุดงานได้ นี่เรียกว่า ‘การลา’ (‘leave’) ซึ่งรวมถึง: • การลาหยุดพักผ่อนโดยได้รับค่าจ้าง • การลาโดยได้รับค่าจ้างเมื่อพวกเขาป่วยหรือต้องดูแลใครสักคน • การลาเมื่อเขามีเด็กทารก การยุติการจ้างงานลูกจ้างอาจลาออกหรือถูกให้ออกจาก งาน (ไล่ออก) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้หมายแจ้ง (notice) ภายในระยะเวลาที่ถูกต้อง ใช้เครื่องคำนวณหมายแจ้งการยุติงาน และการจ่ายเงินชดเชยสำหรับตำแหน่งที่ถูกเลิกจ้างของเรา (Notice and Redundancy Calculator) เพื่อคำนวณระยะเวลาในการส่งหมายแจ้ง และสิทธิในการได้รับเงินชดเชยสำหรับตำแหน่งที่ถูกเลิกจ้าง (redundancy) หากต้องการความช่วยเหลือหากท่านกำลังมีปัญหากับค่าจ้างหรือเงื่อนไขในสถานประกอบการของท่าน คุยกับเราในภาษาของท่านเอง ทุกคนมีสิทธิในที่ทำงานอย่างเดียวกันในออสเตรเลีย หากท่านต้องการใช้ล่าม โทรหาเพื่อใช้บริการแปล และล่าม (TIS) ที่ 131 450 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย บอกพนักงานที่รับโทรศัพท์ว่าท่านพูดภาษาอะไร และขอให้พวกเขาโทรหาเราที่ 131 394 ท่านสามารถโทรมาที่ TIS จากนอกประเทศออสเตรเลียได้ที่หมายเลข+61 3 9268 8332 การจ่ายเงินค่าจ้างเมื่อลูกจ้างเริ่มทำงานใหม่ พวกเขาควร: • ตรวจสอบสถานะการจ้างงานของพวกเขา • ตรวจสอบอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของพวกเขา • เก็บบันทึกซึ่งรวมถึงชั่วโมงที่พวกเขาทำงาน และจำนวนที่พวกเขาได้รับการจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างต้องมั่นใจว่าพวกเขาทราบกฎเกี่ยวกับค่าจ้าง และเงื่อนไขในการทำ งานอื่น ๆ ของนายจ้าง ลูกจ้างสามารถถูกจ้างงานได้ในสถานะ: • เต็มเวลา • ไม่เต็มเวลา หรือ • ชั่วคราว(casual) อัตราค่าจ้างขึ้นต่ำที่ต้องจ่ายให้ลูกจ้างนั้นมีอยู่หลายอัตราซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทงานของลูกจ้างคนนั้น ๆ ในฐานะแนวทางปฏิบัติ ลูกจ้างที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป ควรได้รับค่าจ้างอย่างน้อยชั่วโมงละ $19.49 หรือ $24.36 หากพวกเขาไม่มีสิทธิลางานโดยได้รับค่าจ้าง ท่านสามารถใช้เครื่องคำนวณค่าจ้างออนไลน์ของเรา (Pay Calculator) เพื่อหาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับงานต่าง ๆ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คือค่าจ้างขั้นต้นทั้งหมดของลูกจ้าง (จำนวนเงินค่าจ้างก่อนหักภาษี) นายจ้างต้องเก็บภาษีจากค่าจ้างที่จ่ายให้ลูกจ้าง สำนักงานภาษีออสเตรเลีย (Australian Taxation Office – ATO) ให้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับภาษี และกองทุนเงินเกษียณ (superannuation) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู เว็บไซต์ ATO ( www.ato.gov.au/General/Other-languages/In-detail/Thai/Thai-language-home-page ) ลูกจ้างสามารถรับค่าจ้างเป็นเงินสด เช็คหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ ลูกจ้างจะต้องได้รับเพย์สลิปสำหรับการจ่ายเงินทุกครั้ง งานที่ไม่ได้รับค่าจ้างมีบางกรณีที่ผู้ทำงานจะไม่ได้รับค่าจ้างสำหรับงานที่พวกเขาทำ ถ้าลูกจ้างต้องรับการอบรมในฐานะส่วนหนึ่งของงาน พวกเขาต้องได้รับค่าจ้างสำหรับชั่วโมงเหล่านั้น ถ้าท่านยังไม่แน่ใจว่างานนั้นควรได้รับค่าจ้างหรือไม่ได้รับค่าจ้างโทรหา (TIS) ที่ 131 450 หรือทำการ สอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ งานที่ทำโดยไม่ได้รับค่าจ้างสามารถเกิดขึ้นในทางปฏิบัติการในรูปแบบที่แตกต่างกัน-จากตำแหน่งอาชีพที่จะไม่ได้รับการวางตำแหน่งงาน, การฝึกงาน, ประสบการณ์การทำการและการทดลอง. พวกเขาจะถูกป้อนลงไปด้วยเหตุผลหลายประการ เหล่านี้รวมถึง: • เมื่อต้องการให้ประสบการณ์ของบุคคลในงานหรืออุตสาหกรรม • เพื่อให้การการอบรมและทักษะและ/หรือประสบการณ์ในการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมที่เป็นทางการเพื่อช่วยให้คนที่จะได้รับการทำงาน • เพื่อทดสอบทักษะงานของบุคคลหรือ • และพยายามที่จะอาสาสมัครกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร การไม่จ่ายเงินคนทำงานในการจัดการเหล่านี้บางอย่างอาจถูกกฎหมาย. ตัวอย่างเช่นสำหรับตำแหน่งอาชีพที่กำหนดหรือตำแหน่งที่ผู้สมัครงานไม่ได้เป็นลูกจ้างแต่จะได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาลและดำเนินการวางตำแหน่งงานเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการจ้างงาน Commonwealth ในกรณีที่บุคคลเป็นจริงลูกจ้าง, พวกเขามีสิทธิที่จะค่าจ้างและเงื่อนไขภายใต้ Fair Work Act. ถ้าบุคคลเป็นลูกจ้างพวกเขาอาจจะต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์หรือเป็นทางการการอบรมเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีทักษะที่เหมาะสมและความรู้ในการดำเนินงานของพวกเขา การทำเช่นนี้รวมถึงหลักสูตรการอบรมทางออนไลน์หรือการอบรมอย่างเป็นทางการของงานหรือการอบรมทีม ถ้าลูกจ้างต้องทำการอบรมเป็นส่วนหนึ่งของงานของพวกเขา, พวกเขาจะต้องจ่ายค่าจ้างขวาสำหรับชั่วโมงเหล่านั้น. ลูกจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับเวลาที่ใช้ในการประชุมทีมงานหรือเปิดและปิดธุรกิจถ้านายจ้างของพวกเขาต้องการที่จะอยู่ที่นั่น ค้นหาชนิดของการเตรียมงานที่ทำโดยไม่ได้รับค่าจ้างและปัญหาบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับ: • การทดลองที่ยังไม่ได้ชำระ • ตำแหน่งนักเรียน • ประสบการณ์และการฝึกงาน วันหยุดพักผ่อนและ การหยุดงานลูกจ้างสามารถลาหยุดได้ด้วยเหตุ ผลหลายประการ ซึ่งรวมถึง: • เพื่อหยุดพัก ผ่อน (การลาหยุดประจำปี) • เพราะพวกเขาเจ็บป่วยหรือต้องดูแลสมาชิกครอบครัวที่เจ็บป่วย (และการลาหยุดของผู้ดู แล ) • วันหยุดราชการ • เมื่อมีเด็กเกิดใหม่ หรือรับอุปการะบุตรบุญธรรม (การลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูบุตร ) ลูกจ้างทุกคน ยกเว้นลูกจ้างประเภทชั่ว คราว (casual) มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำ หรับการลาหยุดพักผ่อน และเจ็บป่วยและการลาของผู้ดูแล เมื่อลางาน ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้างในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งไม่รวมค่าล่วง เวลา ค่าทำงานนอกเวลา ค่าเบี้ยเลี้ยงหรือเงินโบนัส ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อน (ซึ่งรู้จักกันในนามว่า การลาหยุดประจำปี (annual leave)) จะอนุญาตให้ลูก จ้างได้รับค่าจ้างในขณะที่ลาหยุดงานได้ ลูกจ้างจะได้รับวันลามากแค่ไหน?ลูกจ้างประเภทเต็มเวลา และไม่เต็มสามารถลาหยุดประจำปีได้ 4 สัปดาห์ต่อปี ลูกจ้างบางคนจะได้รับค่าจ้างพิเศษที่เรียกว่าการจ่ายเงินพิเศษสำหรับการลาประจำปี (annual leave loading) ลูกจ้างประเภทชั่วคราวจะไม่ได้รับค่าจ้างสำหรับการหยุดงาน แต่สามารถขอลาหยุดพักผ่อนโดยไม่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้างได้ จะลาหยุดพักผ่อนได้เมื่อไร?ลูกจ้างเริ่มสะสมวันหยุดประจำปีตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำงาน การลาหยุดประจำปีอาจ: • ใช้เมื่อใดก็ได้ระหว่าง 12 เดือนแรกของการทำงาน • เป็นเวลานานเท่าใดก็ได้ ซึ่งรวมถึงทั้งวันหรือบางช่วงเวลาของวันก็ได้ นายจ้าง และลูกจ้างต้องตกลงกันว่าเมื่อไรจึงจะลาได้ นายจ้างสามารถปฏิเสธคำขอลาหยุดประจำปีของลูกจ้างได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลอันสมควรเท่านั้น บางที นายจ้างสามารถแนะนำให้ลูกจ้างของพวกเขาลาหยุดประจำปีก็ได้ การสิ้นสุดการจ้างงานเมื่อสิ้นสุดการจ้างงาน ลูกจ้างจะได้รับการจ่ายเงินเป็นค่าวันลาหยุดประจำปีที่พวกเขาได้สะสมมาแต่ยังไม่ได้ลาหยุด จำนวนที่จ่ายให้ต้องรวมเงินเพิ่มสำหรับการลาหยุดประจำปี (annual leave loading) หากลูกจ้างคนนั้นควรได้รับเงินเพิ่มจำนวนนั้นเมื่อเขาลาหยุด ระหว่างการจ้างงาน เพย์สลิป และการเก็บบันทึกข้อมูลนายจ้างต้องเก็บข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับลูกจ้างแต่ละคนไว้ และให้เพย์สลิปแก่ลูกจ้าง ความรับผิดชอบในการเก็บบันทึกข้อมูลและเพย์สลิปไว้จะช่วยทำให้ท่านมั่นใจว่าลูกจ้างของท่านได้รับค่าจ้าง และสิทธิประโยชน์ที่ถูกต้อง เพย์สลิปลูกจ้างต้องได้รับเพย์สลิป (pay slip) ภายใน 1 วันทำการหลังจากที่ลูกจ้างได้รับค่าจ้าง ถ้านายจ้างของท่านไม่ให้เพย์สลิปแก่ท่าน ท่านจำเป็นต้องทวงเพย์สลิปจากเขา นายจ้างต้องให้เพย์สลิปเป็นภาษา อังกฤษแก่ลูกจ้าง ทางอีเมลหรือเป็นกระดาษก็ได้ เพย์สลิปต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้: • ชื่อของนายจ้าง • ABN ของนายจ้าง • ชื่อของลูกจ้าง • วันที่จ่ายค่าจ้าง • งวดของการจ่ายเงิน • ยอดเงินก่อนหักภาษี และยอดสุทธิ นอกจากนี้ เพย์สลิปยังต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับโบนัส เบี้ยเลี้ยง ค่าล่วง เวลา รายการเงินหัก และกองทุนเงินเกษียณ (superannuation) เคล็ดลับสำหรับการปฏิบัติที่ดีเลิศ• ออกเพย์สลิปในรูปแบบที่ง่ายและอยู่ในรูปแบบที่พิมพ์ได้ • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกจ้างสามารถเข้าถึงเพย์สลิปของตนได้อย่างเป็นความลับ การเก็บบันทึกข้อมูลมีข้อมูลจำนวนหนึ่งที่นายจ้างต้องเก็บไว้ให้กับลูกจ้างของพวกเขา นายจ้างต้องเก็บบันทึกประวัติเวลาทำงาน และค่าจ้างเป็นเวลา 7 ปี ข้อมูลในบันทึกเหล่านี้ต้องมีความชัดเจนและเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าลูกจ้างขอดูบันทึกข้อมูลของพวกเขา นายจ้างต้องแสดงบันทึกให้พวกเขาดูได้ นอกจากนี้ ผู้ตรวจการของ Fair Work ยังสามารถตรวจเช็คบันทึกข้อมูลเหล่านั้นได้ทุกเวลา บันทึกข้อมูลจะต้องไม่เป็นเท็จหรือถูกเปลี่ยนแปลง ท่านสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ตราบเท่าที่ท่านบันทึกเกี่ยวกับข้อ ผิดพลาดนั้นและสาเหตุที่ต้องแก้ไขมัน นายจ้างต้องเก็บบันทึกสิ่งต่อไปนี้: • ค่าจ้าง • ชั่วโมงทำงาน ซึ่งรวมถึงการทำ งานล่วงเวลา • การลา • การยุติการจ้างงาน • การสมทบกองทุนเงินเกษียณ (superannuation) • การเตรียมการที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานของแต่ละคน (Individual Flexibility Arrangements - IFA) • การประกันรายได้ประจำปี • การโอนธุรกิจ การยุติการจ้างงานลูกจ้างสามารถลาออกหรือถูกเลิกจ้าง (ไล่ออก)ได้ ในการที่จะไล่ลูกจ้างออกนั้น นายจ้างต้องให้หมายแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร (notice) เพื่อแจ้งวันสุดท้ายในการทำงานของเขา ลูกจ้างที่กำลังจะลาออกไม่จำเป็นต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร – พวกเขาสามารถลาออกด้วยคำพูดได้ ต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วัน?นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างถาวรทราบก่อนภายในระยะเวลาขั้นต่ำดังนี้: ลูกจ้างจะได้เวลาในการรับหมายแจ้งเพิ่มหนึ่งสัปดาห์ หากเขาอายุเกิน 45 ปี และได้ทำงานให้นายจ้างผู้นั้นมาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ตามปกติ ลูกจ้างต้องให้หมายแจ้งในเวลาเท่ากันแก่นายจ้าง เมื่อเขาต้องการลาออกจากงาน ใช้เครื่องคำนวณหมายแจ้ง และจ่ายเงินชดเชยสำหรับตำแหน่งที่ถูกเลิกจ้างของเรา (Notice and Redundancy Calculator) เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับระยะการแจ้งขั้นต่ำ ลูกจ้างต้องไม่ถูกเลิกจ้างงานเพราะถามคำถามหรือร้องเรียนเกี่ยวกับค่าจ้างหรือสิทธิในสถานที่ทำงานของพวกเขา ปัญหาต่างๆ ในสถานที่ทำงานรู้จักคนที่ได้รับค่าจ้างไม่ถูกต้องหรือ? ได้ยินมาว่ามีธุรกิจหรือองค์กรใดได้กระทำความผิดอะไรรึเปล่า? เราสามารถช่วยท่านแก้ปัญหานี้ได้ หรือท่านสามารถให้ข้อมูลของท่านแก่เราโดยไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ ทางเลือกที่ 1: รับความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาในสถานที่ทำงานท่านต้องการคำแนะนำในการแก้ปัญหาในสถานที่ทำงานของท่านหรือไม่? กรุณาปฏิบัติตามขั้นตอนทีละขั้นตอนของแนวปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทในสถานที่ทำงานของเรา (Guide to resolving workplace disputes). หากท่านต้องการใช้บริการล่ามแปลภาษา ท่านสามารถโทรศัพท์หาบริการแปลและล่าม (TIS) ได้ที่หมายเลข 131 450 แล้วแจ้งพนักงานที่รับโทรศัพท์ถึงภาษาที่ท่านพูด และขอให้เขาติดต่อเรามาที่หมายเลข131 394 นอกจากนี้ ท่านยังสามารถโทรหา TIS จากนอกประเทศออสเตรเลียได้ที่หมายเลข +61 3 9268 8332 ท่านมีสิทธิได้รับค่าจ้าง และเงื่อนไขขั้นต่ำในสถานที่ทำงาน ถึงแม้ว่าท่านจะทำผิดเงื่อนไขวีซ่าของท่านก็ตาม เราได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงกิจการภายใน (Department of Home Affairs) ว่า วีซ่าชั่วคราวนั้นจะไม่ถูกยกเลิก ในกรณีที่ผู้ถือวีซ่านั้นมาหาเราเพื่อขอความช่วยเหลือ ตราบเท่าที่พวกเขา : • มีสิทธิที่จะทำงานตามวีซ่าของพวกเขา • เชื่อว่าพวกเขาถูกเอาเปรียบในสถานที่ทำงาน • ได้รายงานเกี่ยวกับสภาพในการทำงานของพวกเขาให้เราทราบ • กำลังช่วยเหลือเราในการสืบสวน สิ่งนี่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ: • พวกเขาจะปฏิบัติตามเงื่อนไขวีซ่าของตน เองในอนาคต • ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้วีซ่าของพวกเขาต้องถูกยกเลิก (เช่นเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ความประพฤติ สุขภาพหรือการฉ้อฉล) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิในสถานที่ทำงานสำหรับผู้ถือวีซ่าทุกคนที่ทำงานในออสเตรเลีย ที่เว็บไซต์กระทรวงกิจการภายใน https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/working-in-australia/work-rights-and-exploitation ทางเลือกที่ 2: รายงานเกี่ยวกับความกังวลในสถานที่ทำงานโดยไม่ระบุชื่อหากท่านกังวลว่ามีคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในสถานที่ทำงาน แต่ท่านไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ท่านสามารถรายงานปัญหานี้มาที่เราโดยไม่ระบุชื่อได้ พวกเราจะไม่ติดต่อท่านกลับไป แต่ข้อมูลที่ท่านให้เรามา: • จะช่วยเราในการวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ของเราทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต • อาจถูกนำไปแบ่งปันกับองค์กรอื่น ๆ ของรัฐบาลคอมมอนเวลธ์ รัฐบาลรัฐ และรัฐบาลเขตมณฑล การแก้ปัญหาข้อพิพาทในที่ทำงานท่านต้องการความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหรือข้อพิพาทในที่ทำงานหรือไม่? นี่คือขั้นตอนบางประการที่ท่านสามารถปฏิบัติตามเพื่อแก้ปัญหาในที่ทำงาน: • ขั้นตอนที่1: ระบุปัญหา • ขั้นตอนที่2: ตรวจสอบกฎหมาย • ขั้นตอนที่3: แก้ปัญหาในที่ทำงาน • ขั้นตอนที่4: ขอความช่วยเหลือจากเรา ขั้นตอนที่1: ระบุปัญหาถ้าท่านคิดว่าท่านไม่ได้รับค่าจ้างหรือสิทธิประโยชน์ในที่ทำงานที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านจะต้องเข้าใจปัญหาของท่านเสียก่อน การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนที่ท่านไว้ใจเพื่อระบุว่าปัญหาของท่านนั้นคืออะไร และท่านคิดว่ามันจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานั้นหรือไม่นั้น อาจจะช่วยได้ เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านจะต้องลงมือปฏิบัติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อปัญหาของท่านนั้นจะได้ไม่บานปลาย ขั้นตอนที่2: ตรวจสอบกฎหมายวิธีแก้ปัญหาในที่ทำงานแบบง่ายๆวิธีหนึ่งคือท่านต้องมั่นใจว่าท่านกำลังปฏิบัติตามกฎหมาย ตรวจสอบกฎหมายเกี่ยวกับ: • ค่าจ้าง • การยุติการจ้างงาน • เพย์สลิป และการเก็บบันทึกข้อมูล • การจ่ายเงินสำหรับวันหยุดพักผ่อน • การลาป่วย และการลาเพื่อดูแลผู้อื่น • การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร ขั้นตอนที่3: แก้ปัญหาในที่ทำงานเมื่อท่านระบุปัญหาและตรวจสอบกฎหมายแล้ว ท่านต้องจัดหาเวลาเพื่อพูดกับนายจ้างหรือลูกจ้างของท่านเกี่ยวกับปัญหานั้น ท่านควรเตรียมการอภิปรายเรื่องนี้โดยที่ท่านจะต้องรู้ว่าประเด็นที่ท่านต้องการจะพูดถึงคืออะไร นอกจากนี้ มันจะเป็นประโยชน์แก่ท่านหากท่านได้เตรียมข้อเสนอแนะสำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น วิธีแก้ไขปัญหาในที่ทำงานนั้นมีหลายวิธี รวมถึง: • ให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิทธิประ โยชน์ในที่ทำงาน • การจ่ายสิทธิประโยชน์ที่ค้างอยู่ • การปรับปรุงนโยบายและกระบวน การที่เกี่ยวข้องให้เป็นปัจจุบัน • ให้การฝึกอบรม ถ้าท่านได้พยายามพูดกับนายจ้างหรือลูกจ้างของท่านแล้ว ท่านอาจจะต้องการกล่าวถึงประเด็นเหล่านั้นเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยเช่นกัน อย่าลืม: • สรุปประเด็นนั้นให้ชัดเจน • ในกรณีที่มีการติดเงิน ให้ระบุจำนวนเงินที่ติดค้าง และชี้แจงที่มาของจำนวนเงินเหล่านั้น • อ้างถึงการพูดคุยที่เคยเกิดขึ้นในคราวก่อน • ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนประเด็นของท่าน เช่นเพย์สลิป หรือพิมพ์ข้อมูลออกมาจากเว็บไซต์นี้หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ • ให้เวลานายจ้างหรือลูกจ้างของท่านเพื่อที่จะตอบ • เก็บสำเนาจดหมายหรืออีเมลฉบับนี้ไว้ ขั้นตอนที่4: ขอความช่วยเหลือจากเราถ้าท่านได้กระทำตามขั้นตอนข้างบนนี้แล้ว และท่านยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เราอาจช่วยท่านได้ด้วยการให้ข้อมูลและคำแนะนำ เพื่อช่วยลูกจ้าง และนายจ้างให้เข้าใจถึงสิทธิประโยชน์ในที่ทำงานของตน ถ้าท่านต้องการล่าม ท่านสามารถโทรหาบริการแปลและล่าม (TIS) ได้ที่ 131 450 เพื่อจัดเวลาที่จะพูดคุยกับเราด้วยภาษาของท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บอกพนักงานที่รับโทรศัพท์ว่าท่านพูดภาษาอะไรและขอให้เขาโทรหาเราที่ 131 394 สิ่งที่เราทำFair Work Ombudsman ทำหน้าที่กำหนดกฎหมายในสถานประกอบการในออสเตรเลีย บริการของเราเป็นบริการฟรีสำหรับลูกจ้าง และนายจ้างทุกคน เรา: • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในประกอบ การในออสเตรเลีย • ช่วยลูกจ้าง และนายจ้างให้เรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิ และพันธะของตนเอง • ประเมิน และสอบสวนว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายในสถานประกอบการหรือไม่ • บังคับใช้กฎหมายในสถานประกอบการหากไม่มีการปฏิบัติตาม Fair Work Ombudsman จ้างผู้ตรวจการ Fair Work เพื่อส่งเสริมและเฝ้าติดตามการปฏิบัติตามกฎหมายในที่ทำงาน ผู้ตรวจการ Fair Work มีอำนาจบางประการในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา ซึ่งรวมถึงอำนาจที่จะ: • เข้าไปในสถานที่ทำงาน • ตรวจงานและสัมภาษณ์บุคคล • ขอบันทึกต่างๆ เพื่อช่วยเหลือท่าน ลูกจ้างจะไม่มีปัญหาสำหรับการติดต่อ Fair Work Ombudsman เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ของพวกเขา ข้อเสนอแนะและคำร้อง เรียนของท่านมีคุณค่าสำหรับเราในการปรับปรุงบริการของเรา ที่มา-แหล่งข้อมูล Fairwork.gov.au |