ภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำสังคโลก Show 17/05/2564 | 8,969 | อาณาจักรสุโขทัยได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสังคโลก เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตเครื่องสังคโลกที่สำคัญมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๘-๒๐ ซึ่งนอกจากผลิตเพื่อใช้ทั้งในชีวิตประจำวันและในรูปแบบของประติมากรรมต่าง ๆ
เพื่อใช้ประกอบกับสถาปัตยกรรมของยุคสมัยแล้วยังผลิตขึ้นเพื่อเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แม้ในปัจจุบันเครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัยยังคงเป็นที่นิยมสำหรับนักสะสมและพิพิธภัณฑ์จากทั่วโลก ในปัจจุบัน ที่จังหวัดสุโขทัยยังคงมีการผลิตเครื่องสังคโลกทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ที่อาศัยวิธีการปั้น การเคลือบ การเขียนสีและลวดลายตามอย่างในอดีต เช่นที่ สุเทพสังคโลก ที่นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาเรียนรู้รูปแบบและลวดลายของเครื่องสังคโลกได้ก่อนที่จะทดลองปั้น
เขียนลวดลายได้ด้วยตนเองโดยผ่านการแนะนำจากช่างผู้ชำนาญการ อย่างลุงสุเทพและป้าสำเนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผาเคลือบเนื้อละเอียดชนิดแตกลายงาสีเขียวไข่กาที่เรียกว่า เซลาดอน รูปภาพ
วัฒนธรรมสมัยสุโขทัย สุโขทัยเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ได้นานเกือบ 200 ปี สร้างแบบแผนการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน ตลอดจนได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมไว้มากมาย วัฒนธรรมสมัยกรุงสุโขทัยในที่นี้ได้แก่ 1. วัฒนธรรมทางด้านการศึกษา 2. วัฒนธรรมทางด้านตัวอักษรไทย ศิลาจารึกหลักที่ 1 ปรากฎข้อความที่เกี่ยวข้องอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงตอนหนึ่งว่า “ …1205ศกปีมะแม พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในแลใส่ลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่อขุนผุ้นั่นใส่ไว้…” จากศิลาจารึกดังกล่าวจึงเป็นที่เชื่อกันว่าอักษรไทยพ่อขุนรามคำแหงซึ่งลง ศิลาจารึกปี พ.ศ. 1826 นี้เป็นอักษรไทยเก่าแก่ที่สุดที่ใช้ในประเทศไทย สำหรับความเป็นมาของอักษรพ่อ ขุนรามคำแหงนั้นนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี นักอักษรศาสตร์ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะ ยอร์ช เซเดส์ สรุปว่าอักษรพ่อขุนรามคำแหงดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัด เพราะมีรูปลักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่จากการศึกษาของ นันทนา ด่านวัฒน์ ทางด้านอักขรวิทยาพบว่าอักษรต้นตระกูลของอักษรพ่อขุนรามคำแหง คืออักษรหราหมี อักษรคฤนห์ อักษรขอมหวัด เพราะปรากฎความคล้ายคลึงทางด้านอักขรวิทยาของอักษรพ่อขุนรามคำแหงและอักษรใน ตระกูลทั้งสาม อักษรพ่อขุนรามคำแหงนั้นปรากฎใช้เฉพาะในรัชสมัยของพระองค์เท่านั้น ต่อมาในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทยได้ปรากฎรูปอักษรไทยแบบใหม่ขึ้นอักษรพบใหม่ นี้เรียกว่าอักษรพระเจ้าลิไทย
วรรณกรรมที่เกิดขึ้นในสมัยสุโขทัยคงจะมีจำนวนมากและหลายประเภท หากแต่มิได้ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ที่หลงเหลือ ถึงปัจจุบัน มีดังนี้ 4.วัฒนธรรมการแต่งกาย นายชิน อยู่ดี ได้ทำการศึกษาค้นคว้าการแต่งกายของประชาชนชาวสุโขทัยโดยอาศัยหลักฐานประเภทโบราณวัตถุสมัยสุโขทัย ได้สรุปการแต่งกายสมัยสุโขทัยว่า
นายมนตรี ตราโมท ได้ศึกษาเรื่องดนตรีสมัยสุโขทัย โดยอาศัยหลักฐานประเภทศิลาจารึกและภาพประติมากรรม รวมทั้งหนังสือไตรภูมิพระร่วง โดยเฉพาะศิลาจารึกหลักต่าง ๆ ได้ระบุข้อความที่เกี่ยวกับดนตรีและการฟ้อนรำไว้หลายแห่ง เช่น ศิลาจารึกหลักที่ 1 ปรากฏข้อความว่า “…เมื่อจักเข้ามาเวียงเรียงกันแต่อรัญญิก พู้นเท้าหัวลานดมบงคมกลอง ด้วยเสียงพาทย์เสียงพินเสียงเลื่อนเสียงขับ ใครจักมักเล่น ใครจักมักหัว ใครจักมักเลื่อนเลื่อน…” 6. วัฒนธรรมทางด้านประติมากรรมและจิตรกรรม วัฒนธรรมทางด้านประติมากรรมและจิตรกรรมเป็นงานประณีตศิลป์ ซึ่งแสดงถึงความสมารถและความเข้าถึงแก่นของคำสั่งสอนของพุทธศาสนาของช่างศิลป์ พระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ใน พระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพระพุทธรูปสำคัญ และมีความงามมากที่สุดองค์หนึ่งในงานประติมากรรมไทย สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) พระพุทธชินสีห์ ประดิษฐานอยู่ ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เดิมประดิษฐานอยู่ที่พระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก สมเด็จ- พระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (ในรัชกาลที่ 3) โปรดให้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปซึ่งมีรูปลักษณะงดงาม สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในคราวเดียวกับพระพุทธชินราช พระศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2351 7.วัฒนธรรมด้านสถาปัตยกรรม การที่อาณาจักรสุโขทัยรับนับถือพุทธศาสนาจากลังกาจึงได้รับอิทธิพลเข้ามา สถาปัตยกรรม สุโขทัยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบดังนี้ ชลประทานสมัยสุโขทัย ดังได้ทราบกันแล้วว่าสภาพภูมิประเทศของสุโขทัยไม่สมบูรณ์ดี ทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมในฤดูฝน และน้ำแล้งในฤดูแล้ง จึงต้องมีการสร้างระบบชลประทานเพื่อกักเก็บน้ำ บรรพบุรุษสุโขทัยที่ยังชีพด้วยกสิกรรม จึงสร้างทำนบดินขนาดมหึมาขวางกั้นหุบเขา ระหว่างเขาพระบาทใหญ่กับเขากิ่วอ้ายมา ซึ่งเชิงเขาทั้งสองห่างกัน 400 เมตร สำหรับเก็บกักน้ำไว้ภายในหุบเขา ซึ่งเรียกเป็นภาษาสันสกฤตว่า สรีดภงค์ แปลว่า ทำนบ แล้วขุดคลองระบายน้ำเข้าไปในตัวเมืองสุโขทัยและตัวเมืองใกล้เคียงซึ่งปกติเป็นถิ่นกันดารแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้กลับกลายเป็นแหล่งดินดีน้ำอุดม สรีดภงค์ หรือทำนบพระร่วงนี้ เป็นเขื่อนดินกั้นน้ำ โดยที่น้ำในเขื่อนจะถูกส่งไปตามคลองสู่กำแพงเมืองไหลเข้าตระพัง (สระ) เพื่อใช้สอยในเมือง และพระราชวัง หัตถกรรมสมัยสุโขทัย ชาวสุโขทัย นอกจากจะมีอาชีพทำการเกษตรแล้ว ยังมีช่างปั้นช่างเผา หลักฐานคือ เตาทุเรียง เตาเผาถ้วยชามสังคโลก ปัจจุบันสำรวจพบใน 3 บริเวณ คือ เตาทุเรียงบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย เตาทุเรียงป่ายาง และเตาทุเรียงเกาะน้อย ที่อำเภอศรีสัชนาลัย สำหรับที่เมืองเก่าเป็นเนินดินอยู่ระหว่างวัดศรีชุมและวัดพระพายหลวง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 พบเตาโดยรอบ 49 เตา อยู่บริเวณคันคูแม่น้ำโจนด้านทิศเหนือ 37 เตา ด้านทิศใต้ข้างกำแพงเมือง 9 เตา และด้านทิศตะวันออก 3 เตา เตาเผามีลักษณะคล้ายประทุนเกวียน ขนาดกว้าง 1.50-2.00 เมตร ยาว 4.5 เมตร แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ที่ใส่ไฟ ที่วางถ้วยชาม และปล่องไฟ เครื่องปั้นที่พบบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นถ้วยชาม มีขนาดใหญ่หนา น้ำยาเคลือบขุ่น สีเทาแกมเหลือง มีลายเขียนสีดำ ส่วนใหญ่ทำเป็นรูปดอกไม้ ปลา และจักร คุณค่า ของภูมิปัญญาสมัย สุโขทัย มี อะไร บ้างภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์ขึ้นนี้มีคุณค่าสืบมาถึงปัจจุบัน ๑. ภาษาไทย การประดิษฐ์อักษรไทยทำให้คนไทยมีตัวหนังสือของตนเองใช้ในการบันทึกเรื่องราว การสร้างสรรค์งานเขียนประเภทต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน เช่น ผลงานทางศาสนา ทางประวัติศาสตร์ นิทาน โคลงกลอน
ข้อใดเป็นการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาในสมัยสุโขทัยanswer choices. การประดิษฐ์ตัวอักษรไทยที่เรียกว่า ลายสือไทย การรู้จักใช้ศิลาแลง การสร้างที่กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในหน้าแล้ง
คนสุโขทัยใช้ภูมิปัญญาอย่างไรในการ. คนสุโขทัยใช้ภูมิปัญญาในการทําเครืองเคลือบสังคโลกอย่างไรบ้าง ) การใช้ยางไม้เคลือบเครืองดินเผาทีเป็นดินเหนียวและดินขาวให้เกิดความสวยงาม ) การเลือกฤดูกาลในการเผาโดยนิยมเผาในฤดูฝนทีมีความชืนมากจะได้เครืองเคลือบทีมีสีสวยงามกว่าเผาในฤดูร้อน ) การสร้างเตาเผาเครืองเคลือบทีเรียกว่า เตาทุเรียง .
ข้อใดคือภูมิปัญญาไทยในสมัยสุโขทัยที่เกี่ยวข้องระบบชลประทานสรีดภงส์ หรือ ศรีดภงส์, สรีดภงค์, สรีดภงษ์, ทำนบพระร่วง คือ ทำนบกั้นน้ำหรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่าเขื่อน ที่มีลักษณะเป็นเขื่อนดินกั้นน้ำระหว่างเขาพระบาทใหญ่และเขากิ่วอ้ายมา เพื่อทำการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรกรรมและใช้สอยในเมืองสมัยสุโขทัย
|