อังคาร พ.ค. 19 ผู้เขียน: นพพร แสงสร้อย |
ประวัติความเป็นมาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | |
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทยมีหลักฐานของการ | |
เป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมี | |
ร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะ | |
ตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ซึ่งเมือง | |
อโยธยาหรืออโยธยาศรีรามเทพนคร หรือเมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา มีบ้าน | |
เมืองที่มีความเจริญทางการเมือง การปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมายในการปกครอง | |
บ้านเมือง 3 ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จ พระอัยการลักษณะทาส พระอัยการลักษณะกู้หนี้ | |
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อ | |
พ.ศ. 1893 กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางของประเทศสยามสืบต่อยาวนานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง 33 | |
พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง | |
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง กรุงศรีอยุธยาสูญเสียเอกราชให้แก่พม่า 2 ครั้ง ครั้งแรกใน พ.ศ. 2112 สมเด็จพระนเรศวร | |
มหาราช ทรงกู้เอกราชคืนมาได้ใน พ.ศ.2127 และเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสิน | |
มหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้ในปลายปีเดียวกัน แล้วทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่กวาดต้อนผู้คนจาก | |
กรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรีเพื่อสร้างบ้านเมืองแห่งใหม่ให้มั่นคง แต่กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้างยังมีคน | |
ที่รักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่ และมีราษฎรที่หลบหนีไปอยู่ตามป่ากลับเข้ามาอาศัยอยู่รอบ ๆ เมือง รวมกันเข้าเป็นเมือง | |
จนทางการยกเป็นเมืองจัตวาเรียกว่า "เมืองกรุงเก่า" | |
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยกเมืองกรุงเก่าขึ้นเป็นหัวเมือง | |
จัตวาเช่นเดียวกับสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า | |
อยู่หัว โปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยการ | |
ปกครองส่วนภูมิภาคนั้นโปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้นโดยให้รวมเมือง | |
ที่ใกล้เคียงกัน 3 - 4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดย | |
ในปี พ.ศ. 2438 ทรงโปรดให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ | |
คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี ต่อมาโปรดให้รวมเมืองอินทร์ และ | |
เมืองพรหมเข้ากับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา และต่อมาในปี พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อจากมณฑลกรุงเก่า | |
เป็นมณฑลอยุธยา ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหาร การปกครองมากขึ้น | |
การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบ | |
เทศาภิบาล ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | |
จนถึงปัจจุบัน | |
ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายบูรณะโบราณสถาน | |
ภายในเมืองอยุธยาเพื่อเป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษประจวบกับในปี พ.ศ.2498 | |
นายกรัฐมนตรีประเทศพม่าเดินทางมาเยือนประเทศไทยและมอบเงินจำนวน | |
200,000 บาท เพื่อปฏิสังขรณ์วัดและองค์พระมงคลบพิตร เป็นการเริ่มต้นการบูรณะ | |
โบราณสถานในอยุธยาอย่างจริงจัง ซึ่งต่อมากรมศิลปากรเป็นหน่วยงานสำคัญในการ | |
ดำเนินการ จนองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ | |
ยูเนสโก มีมติให้ขึ้นทะเบียนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็น " มรดกโลก " เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 | |
มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยา | |
อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 1893 จนถึงวันที่ 7 | |
เมษายน 2310 เป็นเวลายาวนานถึง 417 ปี มีประวัติในการปกครอง การกอบกู้เอกราช วีรกรรมและด้านขนบธรรม | |
เนียมประเพณีมากมาย เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธัญญาหารดังคำกล่าวว่า " ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว " ทั่ว | |
ทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยายังมากมายไปด้วยวัดวาอาราม ปราสาทราชวังและปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุมากมาย | |
กรุงศรีอยุธยามีพระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักรสืบต่อกันมา 33 พระองค์ มีราชวงศ์ผลัดเปลี่ยนกันครองอาณาจักร | |
รวม 5 ราชวงศ์ | |
1. ราชวงศ์อู่ทอง 3 พระองค์ | |
2. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ 13 พระองค์ | |
3. ราชวงศ์สุโขทัย 7 พระองค์ | |
4. ราชวงศ์ปราสาททอง 4 พระองค์ | |
5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง 6 พระองค์ | |
พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา | |||
ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | พระราชวงศ์ |
1 | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) | 1893 - 1912 (19 ปี) | อู่ทอง |
2 | สมเด็จพระราเมศวร (โอรสพระเจ้าอู่ทอง) ครองราชย์ครั้งที่ 1 | 1912 -1913 (1 ปี ) | อู่ทอง |
3 | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) | 1913 - 1931 (18 ปี) | สุพรรณภูมิ |
4 | สมเด็จพระเจ้าทองลัน (โอรสขุนหลวงพะงั่ว) | 1931 - 1931 (7 วัน) | สุพรรณภูมิ |
5 | พระราเมศวร สมเด็จพระราชาธิราช (โอรสพระราเมศวร) | 1931 -1938 ( 7 ปี) | อู่ทอง |
6 | สมเด็จพระอินราชาธิราช (เจ้านครอินทร์) โอรสพระอนุชาของขุนหลวงพระงั่ว | 1952 - 1967 (16 ปี) | สุพรรณภูมิ |
7 | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โอรสเจ้านครอินทร์ | 1967 - 1991 (16 ปี) | สุพรรณภูมิ |
8 | สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (โอรสเจ้าสามพระยา) | 1991 - 2031 (40 ปี) | สุพรรณภูมิ |
9 | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ) | 2031 - 2034 (3 ปี) | สุพรรณถูมิ |
10 | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ) | 2034 - 2072 (38 ปี) | สุพรรณภูมิ |
11 | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (โอรสพระรามาธิบดีที่ 2) | 2072 -2076 (4 ปี) | สุพรรณภูมิ |
12 | พระรัษฎาธิราช (โอรสพระบรมราชาธิราชที่ 4) | 2076 -2077 (1 ปี) | สุพรรณภูมิ |
13 | สมเด็จพระไชยราชาธิราช (โอรสพระรามาธิบดีที่ 2) | 2077 - 2089 (12 ปี) | สุพรรณภูมิ |
14 | พระแก้วฟ้า (พระยอดฟ้า) (โอรสไชยราชาธิราช) | 2089 - 2091 (2 ปี) | สุพรรณภูมิ |
15 | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเฑียรราชา) | 2091 - 2111 (20 ปี) | สุพรรณภูมิ |
16 | สมเด็จพระมหินทราธิราช (โอรสพระมหาจักรพรรดิ) | 2111 - 2112 (1 ปี) | สุพรรณภูมิ |
17 | สมเด็จพระมหาธรรมราชา | 2112 - 2133 (21 ปี) | สุโขทัย |
18 | สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (โอรสพระมหาธรรมราชา) | 2133 - 2148 (15 ปี) | สุโขทัย |
19 | สมเด็จพระเอกาทศรถ (โอรสพระมหาธรรมราชา) | 2148 -2153 (5 ปี) | สุโขทัย |
20 | พระศรีเสาวภาคย์ (โอรสพระเอกาทศรถ) | 2153 - 2153 (1 ปี) | สุโขทัย |
21 | สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (โอรสพระเอกาทศรถ) | 2153 - 2171 (17 ปี) | สุโขทัย |
22 | สมเด็จพระเชษฐาธิราช (โอรสพระเจ้าทรงธรรม) | 2172 - 2172 (8 เดือน) | สุโขทัย |
23 | พระอาทิตยวงศ์ (โอรสพระเจ้าทรงธรรม) | 2172 - 2199 (28วัน) | สุโขทัย |
24 | สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ออกญากลาโหมสุริยวงค์) | 2172 - 2199 (27 ปี) | ปราสาททอง |
25 | สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (โอรสพระเจ้าปราสาททอง) | 2199 - 2199 (3 - 4 วัน) | ปราสาททอง |
26 | พระศรีสุธรรมราชา (อนุชาพระเจ้าปราสาททอง) | 2199 - 2199 (3 เดือน) | ปราสาททอง |
27 | สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (โอรสพระเจ้าปรารสาททอง) | 2199 - 2231 (32 ปี) | ปราสาททอง |
28 | สมเด็จพระเพทราชา | 2231 - 2246 (15 ปี) | บ้านพลูหลวง |
29 | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) | 2246 - 2275 (6 ปี) | บ้านพลูหลวง |
30 | สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ (โอรสพระเจ้าเสือ) | 2275 - 2301 (24 ปี) | บ้านพลูหลวง |
31 | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (โอรสพระเจ้าเสือ) | 2275 - 2301 (26 ปี) | บ้านพลูหลวง |
32 | สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (โอรสพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) | 2301 - 2301 (2 เดือน) | บ้านพลูหลวง |
33 | สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์(พระเจ้าเอกทัศน์) (โอรสพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) | 2301 - 2310 (9 ปี) | บ้านพลูหลวง |