ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

       ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับรัฐเพื่อนบ้าน  

                               ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับเพื่อนบ้านมีทั้งลักษณะที่เป็นไมตรีต่อกัน และมีความขัดแย้งจนต้องทำสงครามกัน ทั้งนี้เพราะอยุธยามีนโยบายในการขยายอำนาจเข้าไปปกครองในดินแดนของรัฐเพื่อนบ้าน จึงทำให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปในลักษณะการรุกรานซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกับพม่าที่มีการทำสงครามกันตลอดในสมัยอยุธยา 

         1.ล้านนาแคว้นล้านนามีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ อยุธยาไม่ได้มีอาณาเขตติดต่อกับล้านนาโดยตรงเนื่องจากมีอาณาจักรสุโขทัยคั่นอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านนามีลักษณะเป็นการทำสงครามกันมากกว่าการเป็นไมตรีต่อกัน สงครามกับอยุธยากับล้านนาได้เกิดขึ้นหลายครั้งในรัชสมัยพระยาติโลกราชแห่งล้านนากับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้นอยุธยากับล้านนาจึงเป็นไมตรีต่อกัน ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ อยุธยาติดทำสงครามกับพม่าจึงไม่ยกกองทัพไปช่วยเมืองเชียงใหม่ซึ่งถูกพม่ารุกรานเช่นเดียวกัน จะเห็นว่าตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ล้านนาตกอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมืองของไทยเป็นบางช่วง และบางช่วงอยู่ใต้อิทธิพลของพม่า เมื่อสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แล้ว ล้านนาเป็นอิสระได้ระยะหนึ่งจนกระทั่งมาถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย เชียงใหม่ตกเป็นเทศราชของพม่าจนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 

         2. ลาว ในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มได้ทรงรวบรวมดินแดนลาวเข้าเป็นอันหนึ่งเดียวกันแล้วสถาปนาเป็นอานาจักรล้านช้างซึ่งขณะนั้นตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) แห่งอยุธยากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้แบ่งดินแดนกันโดยใช้แนวทิวเขาเพชรบูรณ์และทิวเขาดงพญาเย็นเป็นเขตแดนระหว่างกัน หลักฐานสำคัญที่แสดงถึงสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างไทยและลาวสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐา คือ การร่วมกันสร้างพระธาตุสีสองรัก มีศิลาจารึกเป็นตัวอักษรทางภาษาลาว อีกด้านหนึ่ง เป็นอักษรของภาษาไทย เมื่อฝรั่งเศสเข้ามายึดเมืองด่านซ้ายใน พ.ศ. 2449 ได้นำศิลาจารึกนี้ไปเวียงจันทร์ เนื้อความในศิลาจารึกกล่าวถึงกษัตริย์ทั้งสองนครว่า จะรักใคร่กลมเกลียวกันจนชั่วลูปชั่วหลาน หลังจากไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่าครั้งที่ 1 แล้วไม่ปรากฏหลักฐานความเป็นมิตรไมตรีระหว่างไทยกับลาวตาอย่างใด 

          3. พม่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าส่วนใหญ่เป็นการแข่งอิทธิพลและการขยายอำนาจจึงทำให้เกิดสงครามตลอดมา สาเหตุสำคัญมาจากการที่พม่าได้เป็นใหญ่ในเหนือดินแดนมอญและไทยใหญ่แล้วก็พยายามขยายอำนาจเข้ามายังอาณาจักรอยุธยา การที่พม่ายกทัพมารบกับอยุธยาหลายครั้งแสกงให้เห็นถึงความต้องการเป็นใหญ่ในดินแดนแถบนี้แล้วพม่าต้องการแสดงความเป็นเอกภาพในดินแดนพม่าโดยการรวบรวมชนกลุ่มน้อยให้เป็นหนึ่งเดียวกันแต่อุปสรรคสำคัญของพม่า ในสมัยอยุธยาไทยกับพม่าได้ทำสงครามกันถึง 24 ครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าจึงเป็นลักษณะความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทำสงครามเกือบตลอดเวลา 

          4.เขมรในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ได้โปรดเกล้าฯได้ยกทัพไปตีเขมรได้สำเร็จแต่ปกครองอยู่ได้ไม่นานเขมรประกาศตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงยกทัพไปตีเขมร เขมรจึงตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยา แต่ภายหลังรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เขมรก็ตั้งตัวเป็นอิสระแม้ไทยจะส่งกองทัพไปปราบแต่ก็ไม่สำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับเขมรมีทั้งลักษณะเป็นไมตรีต่อกัน มีความขัดแย้งหรือทำ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ

ความสัมพันธ์พม่า-ไทย
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

พม่า
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

ไทย

ความสัมพันธ์พม่า–ไทย หมายถึงความสัมพันธ์ของสองประเทศตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน พม่ามีสถานทูตประจำประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร ส่วนประเทศไทยมีสถานทูตประจำประเทศพม่าที่ย่างกุ้ง[1][2] ความสัมพันธ์พม่า–ไทยมักดำเนินไปในเรื่องของเศรษฐกิจและการค้า นอกจากนี้ก็มีความขัดแย้งเป็นระยะ ๆ เช่นกรณีพิพาทเกาะหลาม เกาะคัน และเกาะขี้นก[3]

การเปรียบเทียบ[แก้]

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ราชอาณาจักรไทย
ตราแผ่นดิน
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ธงชาติ
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร
ประชากร 53,582,855 คน 68,863,514 คน
พื้นที่ 676,578 ตร.กม. (261,228 ตร.ไมล์) 513,120 ตร.กม. (198,120 ตร.ไมล์)
ความหนาแน่น 76 คน/ตร.กม. (196.8 คน/ตร.ไมล์) 132.1 คน/ตร.กม. (342.1 คน/ตร.ไมล์)
เมืองหลวง เนปยีดอ กรุงเทพมหานคร
เมืองที่ใหญ่ที่สุด ย่างกุ้ง​ – 5,160,512 คน (เขตปริมณฑล 7,360,703 คน) กรุงเทพมหานคร – 8,305,218 คน (เขตปริมณฑล 10,624,700 คน)
การปกครอง เผด็จการทหาร ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประมุขแห่งรัฐ ประธานาธิบดี: มหยิ่นซเว (รักษาการ) พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว​
หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรี: มี่นอองไลง์​ นายกรัฐมนตรี: ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาษาราชการ ภาษาพม่า ภาษาไทย
ศาสนาหลัก
  • พุทธ​ 87.9%,
  • คริสต์​ 6.2%,
  • อิสลาม ​4.3%,
  • อื่น ๆ 1.6%
  • พุทธ 94.6%,
  • อิสลาม​ 4.2%,
  • คริสต์ ​1.1%,
  • อื่น ๆ 0.1%
กลุ่มชาติพันธุ์
  • พม่า 68%,
  • ไทใหญ่ 9%,
  • อื่น ๆ 23%
  • ไทย 76.4%,
  • จีน 14%,
  • อื่น ๆ 12%
จีดีพี (ราคาตลาด) 71.543 พันล้านดอลลาร์ (ต่อหัว 1,354 ดอลลาร์) 516 พันล้านดอลลาร์ (ต่อหัว 7,607 ดอลลาร์)
ค่าใช้จ่ายทางทหาร 2.43 พันล้านดอลลาร์ 5.69 พันล้านดอลลาร์

ประวัติศาสตร์[แก้]

สมัยอยุธยา[แก้]

ดูบทความหลักที่: อาณาจักรอยุธยา

สมัยอยุธยาการความสัมพันธ์เต็มไปด้วยความขัดแย้งจากสงครามนับแต่ครั้งอดีต โดยทั้งไทยและพม่าต่างชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาคเพื่อขยายอำนาจทางการเมือง การปกครอง และเป็นการควบคุมจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าภายในแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพม่าได้เป็นใหญ่เหนือดินแดนมอญและไทใหญ่แล้ว พยายามขยายอำนาจเข้ามายังอาณาจักรอยุธยา โดยเดินทัพผ่านดินแดนมอญทางด้านตะวันตกหรือผ่านลงมาทางล้านนาทางด้านเหนือ การที่พม่ายกทัพมารบกับอยุธยาหลายครั้งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเป็นใหญ่ในดินแดนแถบนี้ และพม่าต้องการสร้างความเป็นเอกภาพในดินแดนพม่าโดยการรวบรวมชนกลุ่มน้อยให้เป็นหนึ่งอันเดียวกัน แต่อุปสรรคสำคัญของพม่าคืออาณาจักรอยุธยาซึ่งมักสนับสนุนชนกลุ่มน้อยให้ต่อต้านอำนาจของพม่าเสมอ การยึดครองอยุธยาจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเป็นเอกภาพของพม่าด้วย ซึ่ง นำไปสู้การสูญเสียเอกราชของอยุธยา 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2112 และปี พ.ศ. 2310 ซึ่งอาณาจักรอยุธยาก็สามารถกอบกู้อิสรภาพได้ทั้งสองครั้ง

สมัยธนบุรี[แก้]

ดูบทความหลักที่: อาณาจักรธนบุรี

ส่วนใหญ่ไทยกับพม่าจะทำสงครามกันเกือบตลอดรัชกาลในสมัยกรุงธนบุรี ทั้งในด้านการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพจากพม่าของพระเจ้าตากสิน โดยไทยเป็นฝ่ายตั้งรับการรุกรานของพม่า หลังจากได้รับเอกราช ต้องทำสงครามกับพม่าถึง 9 ครั้ง และแย่งชิงความเป็นใหญ่ในอาณาจักรล้านนา บริเวณภาคเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน

สมัยรัตนโกสินทร์[แก้]

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น[แก้]

อยู่ในลักษณะทำสงครามสู้รบกัน โดยไทยทำสงครามกับพม่ารวมทั้งสิ้น 10 ครั้ง สงครามครั้งที่มีความสำคัญที่สุดคือ สงครามเก้าทัพ ใน พ.ศ. 2328 แต่เมื่อพม่าเผชิญหน้ากับการคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตก คือ ประเทศอังกฤษ ในเวลาต่อมาก็ไม่ได้ยกทัพมาสู้รบกับไทยอีก

สมัยใหม่[แก้]

ในปี พ.ศ. 2415 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้เสด็จเยือนประเทศอาณานิคมอังกฤษ 2 ประเทศ คือประเทศอินเดีย และประเทศพม่า ทำให้ทรงได้ทอดพระเนตรความเจริญที่อังกฤษนำมาพัฒนาอาณานิคมทั้งสอง สิ่งเหล่านี้พระองค์ท่านได้นำมาพัฒนาบ้านเมืองให้เกิดความเจริญขึ้น

ในปี พ.ศ. 2478 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งที่ทรงลี้ภัยการเมืองไปประทับอยู่ที่ปีนัง ได้ทรงเสด็จไปเยือนพม่าและได้ทรงบันทึกเรื่องราวขณะเสด็จเยือน ได้ทรงนำมานิพนธ์เป็นหนังสือเรื่องเที่ยวเมืองพม่า

วันที่ 2-5 มีนาคม พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหภาพพม่า เพิ่มพูนสัมพันธไมตรีกับพม่า การเสด็จเยือนครั้งดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับพม่าดีขึ้นอย่างมาก

ปัญหาความไม่สงบด้านชายแดน[แก้]

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ทหารพม่ารบกับกะเหรี่ยงดีเคบีเอโดยได้มีระเบิดจากพม่าตกที่จังหวัดตากจำนวน 2 ลูก ส่งผลให้คนไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย

วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554 ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ปิดเส้นทางถนนบ้านห้วยน้ำนัก , บ้านห้วยแห้ง ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ ไปยังบ้านช่องแคบ เนื่องจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอและกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง เคเอ็นยูเกิดขึ้นบริเวณตรงข้ามบ้านห้วยน้ำนัก และก่อนหน้านี้มีลูกกระสุนปืนล้ำเข้ามาตกในเขตไทย

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ถึง 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 พลตรีนะคะมวย ผู้บัญชาการทหารกองกำลังติดอาวุธชาวกะเหรี่ยงกองพลน้อยโกะทูบลอ สั่งทหารปิดช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนไทย-พม่า เพื่อตอบโต้ทางการไทยที่ขึ้นบัญชีดำเป็นพ่อค้ายาเสพติด และตอบโต้ที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าเป็นหนึ่งใน 25 คนที่มีหมายจับคดีค้ายาเสพติดมีค่าหัว 1 ล้านบาท

ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ[แก้]

ด้านการค้า[แก้]

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่าเป็นไปในลักษณะใด เพราะอะไร

ในปี พ.ศ. 2558 การค้ารวมคิดเป็นมูลค่า 261,975.12 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 0.6 จากปี พ.ศ. 2557) ไทยส่งออก 140,789.55 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.32) นำเข้า 121,185 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 4.79 เนื่องจากมูลค่าการนำก๊าซธรรมชาติจากพม่าเข้าประเทศไทยลดลงจากการลดลงของราคาเชื้อเพลิงธรรมชาติในตลาดโลก) ได้ดุลการค้า 19,603.97 ล้านบาท เป็นการค้าชายแดนมูลค่า 214,694.38 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.95 ของมูลค่าการค้ารวม

ด้านการลงทุน[แก้]

ไทยมีการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 – มกราคม พ.ศ. 2559 มูลค่า 114,804.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.54 ของการลงทุนจากต่างชาติ เป็นอันดับ 6 รองจากจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ สาขาการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ พลังงาน การผลิต ประมง และปศุสัตว์ ผู้ลงทุนรายใหญ่ อาทิ ปตท.สผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) อิตาเลียนไทย ซีพี และเครือซิเมนต์ไทย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไทยในพม่าอย่างมีความรับผิดชอบ

ดูเพิ่ม[แก้]

  • ชาวไทยในพม่า
  • ชาวพม่าในไทย

อ้างอิง[แก้]

  1. Burmese embassy in Bangkok Archived 2011-01-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  2. Thai embassy in Burma Archived 2011-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  3. Sophal, Sek (13 January 2020). "New subs sign of troubles to come?" (Opinion). Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 13 January 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  • ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในพม่า Archived 2017-02-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน