ส่วน 3 อันดับที่เหลือ ก็คงจะเดากันได้ไม่ยากแล้ว เพราะนอกจากจะเหมือนกันกับของไทยแล้ว ก็คงจะเหมือนๆ กันในอีกหลายประเทศทั่วโลก Show
อันดับ 3 Facebook.com อันดับ 2 Youtube.com อันดับ 1 Google.com ส่วนอันดับเว็บไซต์ในไทย สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ สุดยอดไอเดียจากเด็กรุ่นใหม่ ที่รวบรวมเอาปัญหาของกลุ่ม First Priority มาแก้ไข รวมถึง Guest Speaker ที่จะมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา 4 กุมภาพันธ์ 2561 ตั้งแต่เวลา 9:00 - 13:30 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (สวทช.) (ใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต) พอพูดถึงอเมซอน สิ่งที่คนไทยเรานึกอย่างแรกคือกาแฟ เพราะมันดังจริงๆ แต่สิ่งที่คนอยากหาเงินนึกถึงเป็นอย่างแรกคือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก และกำลังอินเทรนด์มากๆ เพราะเป็นเว็บที่กำลังเติบโตสูงมาก และขยายไม่แค่เฉพาะในอเมริกา แต่ยังไปหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรปและเอเชีย โดยอเมซอนนั้นมีมูลค่าการตลาดอยู่ที่หลักแสนล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว และเป็นที่ธุรกิจที่เจ้าของกลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว Amazon คือเว็บการซื้อขายสินค้าปลีกทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (E-Marketplace) มีมูลค่าการตลาดอยู่ที่หลักแสนล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว และเป็นที่ธุรกิจที่เจ้าของกลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว ถ้าให้เทียบกับไทย ก็เหมือนกับ Lazada, Shopee นั่นเอง กำเนิดอเมซอนอเมซอนนั้น เดิมทีเป็นเว็บขายหนังสือออนไลน์ หมายถึง มีคนสั่งหนังสือผ่านทางเว็บ แล้วอเมซอนก็จัดส่งไปที่บ้านนั่นเอง ดังแบบนี้มาประมาณเกือบ 20 ปี ก่อตั้งโดย Jeff Bezos นักธุรกิจอดีตพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีความฝันอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ และทุกวันนี้ก็ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกไปแล้ว (ปี 2018) หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการขายหนังสือออนไลน์ อเมซอน ได้นำระบบตัวเองมาพัฒนาต่อ เพื่อขยายไปขายสินค้าอื่นๆ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วยนั่นเอง อเมซอนทำธุรกิจอะไรเว็บไซต์ของอเมซอนนั้น ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการนำผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน หรือที่เรียกว่า E-Marketplace ซึ่งหน้าที่ของอเมซอนคือการทำให้คนซื้อสินค้า เข้ามาในเว็บเยอะๆ และอีกฝั่งคือการสินค้าที่น่าสนใจหรือคนขายที่ดีเข้ามา นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบที่รองรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการชำระเงิน ระบบโกดังสินค้า และระบบจัดส่งอีกด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เว็บอเมซอนมีบรรยากาศที่เหมาะสมแก่การช้อปปิ้ง โดยอเมซอนนั้นจะได้รับรายได้จากค่าคอมมิชชั่นในการขายเป็นค่าตอบแทนนั่นเอง ใครคือคู่แข่งอเมซอนเดิมทีนั้น เราจะได้ยินเว็บซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างอีเบย์ อย่างไรก็ตาม สองเว็บนี้ไม่เชิงว่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรงเท่าไหร่นัก เพราะสินค้าที่ขายนั้นค่อนข้างต่างกันนั่นเอง อีเบย์เน้นให้บุคคลทั่วไปค้าขายของที่ตัวเองสะสมแต่ไม่ใช้แล้ว หรือของมีค่าทางใจ ของชิ้นเดียวในโลก ให้กับคนที่ต้องการมันจริงๆ การทำธุรกิจจะเป็นแบบ C2C (Consumer to Consumer) มากกว่า ในทางกลับกัน อเมซอน ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้แล้วหมดไป ต้องสั่งใหม่ตลอดเวลา ซึ่งคู่แข่งที่แท้จริงก็คือซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง ในอเมริกา คู่แข่งที่แท้จริงของอเมซอนกลับกลายเป็นห้างดังอย่าง Walmart ที่เป็นห้างค้าปลีกอันดับหนึ่ง และมียอดขายถล่มทลาย จากความแข็งแกร่งด้านการให้บริการ รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้อเมซอนกลายเป็นยักษ์ใหญ๋ในวงการค้าปลีก ล้ม Walmart ห้างอันดับหนึ่งได้นั่นเอง Amazon กับ eBay ต่างกันยังไงAmazon ถ้าเปรียบเป็นห้างก็เหมือนเป็นห้างสรรพสินค้า แบบเซ็นทรัล เดอะมอลล์ หรือซูเปอร์สโตร์ แบบโลตัส บิ๊กซี มีสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้แล้วหมดไป หลากหลาย และที่สำคัญ ราคาต้องไม่แพงจนเกินไป Ebay เป็นเหมือนตลาดเฉพาะเจาะจง ที่ขายสินค้าเฉพาะทาง เช่น ของสะสม ของเก่า มือสอง ที่มีแค่คนเฉพาะกลุ่มเท่านั้นที่ต้องการ และไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากได้ และไม่ได้ซื้อกันบ่อยๆ นั่นเอง เค้าขายสินค้าอะไรกันบนอเมซอนอเมซอน มีสินค้าให้เลือกซื้อมากกว่า 30 หมวดหมู่ ซึ่งแปลง่ายๆ ก็คือ ขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ขายแทบทุกอย่างที่สามารถขายได้ เหมือนห้างสรรพสินค้านั่นเอง สินค้าที่ขายดีบนอเมซอนคืออะไรต้องบอกว่ามีหลากหลายมากครับ เพราะความต้องการแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น จิวเวลรี่ สินค้าแม่และเด็ก สินค้าเกี่ยวกับรถยนต์ก็ขายได้ดีไม่แพ้กันครับ มีหลากหลายมาก อเมซอนขายให้ลูกค้าที่ไหนบ้างปกติแล้ว เว็บแม่ของอเมซอน (amazon.com) มีฐานหลักอยู่ที่อเมริกา โดยจะขายให้ผู้ซื้อจากทั่วโลก โดยผู้ขายสามารถกำหนดเองได้ว่าจะขาย หรือไม่ขายให้ลูกค้าประเทศใดบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วร้อยละ 90 จะเป็นลูกค้าในประเทศอเมริกานั่นเอง ประเทศอเมริกามีประชากรประมาณ 300 ล้านคน มีลูกค้าอเมซอนประมาณ 100 ล้านคน และอเมซอนก็ได้พัฒนาระบบการจัดส่งโดยมีโกดังอยู่ทั่วประเทศหลายสิบแห่ง ซึ่งสามารถรองรับการจัดส่งในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันอเมซอนได้ขยายเว็บไซต์และฐานลูกค้าของตัวเอง ไปยังหลายๆ ประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาลี จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเทศนั้นจะมีฐานลูกค้าเป็นของตัวเอง และอเมซอนก็พยายามทำให้ระบบการขนส่งในแต่ละประเทศนั้นมีประสิทธิภาพแบบในอเมริกานั่นเอง คนไทยขายของบนอเมซอนได้มั้ยขายได้ และขายได้ดีทีเดียว อเมซอนยอมให้คนจากทั่วโลกมาเปิดร้านบนเว็บและขายไปยังลูกค้าหลากหลายประเทศ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก อังกฤษ สเปน เป็นต้น เรียกว่า สามารถขายได้หลายประเทศทั่วโลกจริงๆ ทำไมอเมซอนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ขายไทยเพราะสินค้าไทย เป็นสินค้าคุณภาพดี ราคาไม่แพง และเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก คุณจะไม่อยากเชื่อว่าสินค้าที่เราเห็นกันธรรมดา จะป๊อปปูล่าในตลาดอินเตอร์ หรือบางคนอาจจะสงสัยว่าสินค้าตัวเองสามารถไปตลาดต่างประเทศได้มั้ย ก่อนจะลงทุนอย่างอื่น ทำไมไม่ลองมาขายบนอเมซอน เพื่อทดสอบตลาดก่อนละครับ เพราะอเมซอนทำเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นอุปสรรคเหลือเกินสำหรับคนไทยหลายๆ คนที่ไม่ได้เก่งภาษา แต่อยากขายของ คุณเชื่อมั้ยครับว่า หากคุณข้ามกำแพงภาษาอังกฤษได้ มันจะมีเงินมากมายมหาศาลอยู่หลังกำแพงนี้เอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คู่แข่งของเราที่เป็นคนไทย น้อยลงไปอีกเท่าตัวเลย แต่คุณทราบหรือไม่ครับว่า เราไม่ต้องเก่งภาษาอังกฤษ หรือไปเรียนภาษาอังกฤษ ขอแค่มีความพยายามเรียนรู้อะไรบางอย่าง ก็สามารถทำได้ครับ เพราะอเมซอนมีขั้นตอนการขายที่ซับซ้อนพอสมควร ไม่ใช่ว่าขายกันได้ง่ายๆ อเมซอนค่อนข้างเข้มงวดกับคุณภาพของผู้ขายพอสมควร เพื่อให้ลูกค้าของเค้าได้รับสินค้าและบริการที่ดีในการมาซื้อกับอเมซอน อยากขายของบนอเมซอน มีขั้นตอนยังไงบ้างให้สมัครเป็นสมาชิกผู้ขาย โดยต้องเตรียมข้อมูลพวกบัตรเครดิต หรือ สมุดบัญชีธนาคารด้วย จากนั้นก็สมัครเป็นผู้ขายกับอเมซอน โพสต์สินค้า แล้วก็ขายได้เลยครับ อยากศึกษาเพิ่มเติม มีคอร์สเรียนอเมซอนที่ไหนบ้างในเมืองไทยมีหลายที่ ถนัดกันแต่ละเรื่องไป แต่ของที่นี่จะเน้นไปที่การทำการค้าให้ถูกกฏของอเมซอน ทำแบบยั่งยืน ยืนยาว และทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ค่อยเน้นให้หวือหวาแต่ยอดตกเร็วครับ |