เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงานของ 2baht.com มีโอกาสเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินรุ่น A350-900 XWB รุ่นใหม่ล่าสุดของ การบินไทย ในชั้น Royal Silk Class (ชั้นธุรกิจ) จึงขอถ่ายทอดประสบการณ์ออกมาเป็นรีวิวชิ้นนี้ครับ Show
อนึ่ง รีวิวนี้เขียนจากประสบการณ์ของทีมงาน 2baht.com โดยตรง และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ทางการบินไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใดครับ รู้จักกับ Airbus A350-900 XWBAirbus A350-900 XWB เป็นเครื่องบินรุ่นล่าสุดที่การบินไทยนำมาประจำการในฝูงบิน ผลิตโดยบริษัท Airbus SAS ในฝรั่งเศส (บริษัทลูกของ Airbus Group) การบินไทยเริ่มรับมอบลำแรกไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว และทยอยรับมอบมาเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายเป็นเครื่องบินในบางเส้นทางระยะไกล เช่น เส้นทางยุโรป เส้นทางออสเตรเลีย ควบคู่กันไปกับเครื่องบินแบบ Boeing B787-8 ที่การบินไทยเริ่มรับมอบมาก่อนหน้านี้ ในเชิงประวัติโดยคร่าวของ A350 ต้องเท้าความกลับไปถึงการแข่งขันระหว่างสองผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก Airbus (ยุโรป) และ Boeing (อเมริกา) แต่เดิม Boeing มีเครื่องบินตระกูล B777 ที่เป็นเครื่องบินพิสัยกลางถึงไกล ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใช้แค่สองเครื่องยนต์ แต่สามารถทำระยะการบินได้ไกลมาก ส่วน Airbus ก็พยายามเข็น A340 ออกมา แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าเพราะกินน้ำมันมากกว่า (ใช้ 4 เครื่องยนต์) จากนั้นเมื่อ Airbus เริ่มโครงการ A380 (A3XX เดิม) ที่เป็นเครื่องแบบสองชั้นเต็มลำ เพราะมองว่าผู้คนจะโดยสารแบบจากแต่ละศูนย์กลาง (hub) แล้วไปกระจายเอาในอนาคต ทาง Boeing กลับมองว่าคนจะเดินทางแบบจุดต่อจุด (point-to-point) มากขึ้น ไม่ต้องการเครื่องบินใหญ่ขนาดนั้น จึงเริ่มโครงการ B787 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก B777 แต่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้นกว่าเดิม จุดนี้เองทำให้ Airbus ต้องตั้งโครงการพัฒนา A350 ขึ้นมาสู้กับ B787 โดยตรง A350 เริ่มพัฒนาขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2004 แต่หลังจากลูกค้าสายการบินจำนวนมากให้ความเห็นและข้อวิจารณ์ ทางบริษัทได้กลับไปพัฒนาใหม่ และเปิดตัวอีกครั้งในปี 2006 พร้อมกับชื่อ XWB (Extra-wide body) ห้อยท้าย และเริ่มบินทดสอบครั้งแรกปี 2013 ก่อนจะส่งมอบให้ Qatar Airways ที่เป็นลูกค้ารายแรกในปี 2014 เทคโนโลยีของ A350 ทั้งในเชิงการประกอบและสร้างเครื่องบิน รวมถึงเทคโนโลยีภายในของเครื่องบินทั้งหมด เป็นไปในรูปแบบเดียวกับเครื่องบิน B787 ของ Boeing กล่าวคือมีการใช้วัสดุแบบ Composites (คาร์บอนไฟเบอร์ผสมพลาสติก) เข้ามาร่วมในบางชิ้นส่วนร่วมกับโลหะ ปีกแบบใหม่ หน้าต่างที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นต้น โปรเจคต์ A350 มีทั้งหมดด้วยกัน 3 รุ่นย่อย (variants) คือ A350-900 XWB, A350-900ULR XWB และ A350-1000 XWB (รุ่นย่อย -800 เลิกพัฒนาไปแล้วหลังเสียงตอบรับไม่ดี) การบินไทยเริ่มรับมอบเครื่องบินแบบ A350-900 XWB ลำแรกเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยได้รับนามพระราชทานว่า “วิเชียรบุรี” และเริ่มใช้ในเส้นทางภายในประเทศช่วงแรก จากนั้นจึงเริ่มปรับมาใช้ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ปัจจุบันจากข้อมูลล่าสุด การบินไทยมีเครื่องบินแบบนี้แล้ว 3 ลำ (HS-THB, HS-THC และ HS-THD) และยังจะรับมอบเพิ่มเติมในอนาคต บนเครื่องมีที่นั่งเพียงแค่ 2 ระดับชั้นโดยสาร คือชั้น Royal Silk และชั้นประหยัดธรรมดาเท่านั้น (ไม่มีชั้นหนึ่ง Royal First แต่อย่างใด) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน การบินไทยได้นำเครื่องรุ่นนี้มาให้บริการในบางเส้นทางภายในประเทศด้วย สำหรับรีวิวครั้งนี้จะเป็นเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ (TG 120) ครับ แต่บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และรายละเอียดเล็กน้อยบางจุด จะรวมไปถึงเที่ยวขากลับ (TG 121) ที่ออกจากเชียงใหม่ด้วย รายละเอียดเที่ยวบิน
เช็คอินและบริการก่อนขึ้นเครื่องท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสำหรับผู้โดยสารการบินไทยไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ เที่ยวบินทุกเที่ยวที่ออกจากกรุงเทพจะเริ่มทำการบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด จุดที่แตกต่างจะอยู่ที่เคาเตอร์เช็คอิน ซึ่งทีมงานขอแนะนำว่าให้ตรวจสอบดีๆ สำหรับชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) จุดเช็คอินเพื่อรับบัตรโดยสารจะอยู่ที่แถว B ของโถงขาออก (ชั้น 4) ใช้ทั้งเที่ยวบินภายในและระหว่างประเทศ และสมาชิกโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus และโปรแกรมอื่นๆ ของสายการบินในกลุ่ม Star Alliance ระดับ Gold ขึ้นไป สิทธิพิเศษในการเช็คอินนี้ไม่ได้มีเฉพาะแค่เช็คอินแยกจากผู้โดยสารทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิทธิในการได้กระเป๋าที่เร็วกว่าผู้โดยสารอื่น (priority) ในกรณีที่มีสัมภาระที่ต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องด้วย และในกรณีที่เป็นสมาชิก Royal Orchid Plus หรือ Star Alliance อื่นในระดับ Gold ก็จะได้น้ำหนักเพิ่มด้วย ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสมาชิก, สิทธิในการขึ้นและลงจากเครื่องก่อนผู้โดยสารอื่น (สิทธิลงเครื่องก่อนไม่ครอบคลุมถึงผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกนะครับ) และสิทธิในการเข้าใช้ Royal Silk Lounge (ห้องรับรองรอยัลซิลค์) ด้วย ประสบการณ์เช็คอินก็คงต้องบอกว่าทำได้ดี เจ้าหน้าที่ให้บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย ได้บัตรขึ้นเครื่อง (boarding pass) ด้วยความรวดเร็วครับ ในบัตรขึ้นเครื่องจะระบุว่าได้สิทธิเข้า Royal Silk Lounge พิมพ์ติดอยู่ด้วย (ไม่ได้ถ่ายมาครับ) เมื่อได้บัตรขึ้นเครื่องมาแล้ว ก็สามารถผ่านด่านรักษาความปลอดภัยและเข้าไปนั่งที่เลาจน์ได้ทันที ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่สำหรับท่าอากาศยานเชียงใหม่ การเช็คอินจะเป็นเคาน์เตอร์ โดยมีเคาน์เตอร์เฉพาะของผู้โดยสาร Royal Silk และช่องที่ได้รับสิทธิเช็คอินพิเศษต่างหาก (มีพรมปู) สำหรับผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศจะอยู่ที่เคาน์เตอร์หมายเลข 32 เนื่องจากว่าผมไปตอนที่เคาน์เตอร์ปิด และทำการเช็คอินมาล่วงหน้าออนไลน์อยู่แล้ว เลยไปที่ตรงเคาน์เตอร์ส่งกระเป๋า (bag drop) แทน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่บริการมาตรฐานเดียวกับที่สุวรรณภูมิ ด้วยความสุภาพและเรียบร้อย เนื่องจากผมไปก่อนเวลาค่อนข้างมาก (หนีฝนตก) เจ้าหน้าที่เข้าใจสถานการณ์และแนะนำให้ผมไปนั่งรออยู่ที่ Royal Silk Lounge จนกว่าจะขึ้นเครื่องครับ (นานหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย) Royal Silk Loungeอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า หนึ่งในสิทธิที่มาพร้อมกับการโดยสารในชั้น Royal Silk Class คือสิทธิในการเข้าใช้ห้องรับรอง Royal Silk Lounge ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง รีวิวนี้จะรีวิวเลาจ์ทั้งที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ครับ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิหลังจากผ่านด่านรักษาความปลอดภัยมา ทีมงาน 2baht.com ไม่รอช้าที่จะไปนั่ง Royal Silk Lounge เพื่อรอเวลาระหว่างขึ้นเครื่อง เลาจน์จะตั้งอยู่ที่บริเวณโซนประตู A (ฝั่ง B จะไม่มี) ตรงข้ามประตู A1 จากจุดด่านรักษาความปลอดภัยก็เดินกันเล็กน้อยครับ นอกจากผู้โดยสารที่เดินทางชั้น Royal Silk Class ของการบินไทยที่ได้รับสิทธิเข้าใช้งาน (แบบไม่อนุญาตให้มีผู้ติดตาม) ผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกระดับบัตรทองของ Royal Orchid Plus หรือโปรแกรมสะสมไมล์อื่นๆ ในกลุ่มสายการบิน Star Alliance ตั้งแต่ระดับ Gold ขึ้นไป ก็ได้ใช้ด้วยเช่นกัน (กรณีกลุ่มหลัง อนุญาตให้มีผู้ติดตาม 1 คน) เมื่อเข้ามาด้านใน จะพบกับเจ้าหน้าที่รอต้อนรับ สิ่งที่เราต้องทำคือยื่นบัตรขึ้นเครื่องให้เจ้าหน้าที่สแกน จากนั้นก็เดินเข้าเลาจน์ตัวปลิวที่อยู่ด้านซ้ายมือได้ทันทีครับ บรรยากาศของเลาจน์ต้องถือว่าโปร่ง มีสองส่วนคือส่วนหลักที่ติดกับของกิน และส่วนที่เรียกว่า Garden Zone คือส่วนที่ลึกเข้าไปด้านใน มีความเป็นส่วนตัวกว่า วันนั้นที่ไปคนไม่เยอะ ทีมงานเลยเลือกที่จะนั่งด้านนอกครับ อาหารเป็นของกินเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครอยากกินอะไรหนักท้องก็มีเช่นกัน (วันที่ไปเป็นข้าวมันไก่) เครื่องดื่มจะเป็นเครื่องดื่มปลอดแอลกอฮอล์ (ในฝั่งผู้โดยสารระหว่างประเทศมีเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ให้บริการด้วย) จุดที่เป็นข้อสังเกตอีกอย่างคืออาหารที่นี่ใช้อาหารสำเร็จรูป เช่น ขนมจีบหรือซาลาเปาแช่แข็งแล้วเอามานึ่ง น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ครัวการบินไทยทำทั้งหมด เลาจน์ที่นี่ไม่มีการประกาศขึ้นเครื่องนะครับ ดังนั้นควรดูเวลากันดีๆ จะได้ไม่ทานอาหารกันเพลินจนลืมเวลา ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่Royal Silk Lounge ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ มีกฎเกณฑ์การเข้าใช้งานแบบเดียวกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทุกอย่าง ตัวเลาจน์ตั้งอยู่ตรงข้ามประตูขึ้นเครื่อง 3 และ 4 (เรียกว่าอยู่สุดมุมก็ไม่แปลก) ซึ่งเป็นเลาจน์เดียวที่อยู่หลังด่านตรวจสอบความปลอดภัย (สายการบินอย่าง Bangkok Airways จะอยู่ก่อน) Royal Silk Lounge ที่นี่ค่อนข้างเล็ก และในเวลาแออัด (เช่น เวลาก่อนถึงเที่ยวบินของการบินไทยสัก 1 ชั่วโมง) แทบจะหาที่นั่งไม่ได้ ปลั๊กไฟก็มีอยู่อย่างจำกัด เรียกว่าสวนทางกับสุวรรณภูมิพอสมควร ทีมงานเข้าใจตอนแรกว่าเลาจน์จะกว้างกว่านี้ (โดนหลอกตาด้วยการแต่งกระจกเงาเอาไว้ภายในจำนวนมาก) สำหรับของกินและเครื่องดื่มภายในเลาจน์ ยังคงแนวทางแบบเดียวกันที่สุวรรณภูมิ ยกเว้นว่าเล็กลงและมีตัวเลือกให้น้อยลงครับ ทีมงานลงความเห็นว่าแม้จะไม่ได้แย่ แต่คิดว่าเลาจน์อาจจะเก่าเกินไปแล้วและต้องมีการปรับปรุง โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่ให้รองรับการเติบโตของผู้โดยสาร ทั้งที่มาจากสายการบินไทยเอง และการเข้าใช้เลาจน์จากคู่สัญญาบัตรต่างๆ ครับ เลาจน์ที่เชียงใหม่มีข้อดีอยู่อย่าง กล่าวคือ เจ้าหน้าที่จะเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเที่ยวบินของการบินไทย เปิดให้ขึ้นเครื่องแล้ว (อันที่จริงเสียงประกาศข้างนอกก็ได้ยินเข้ามาด้านในอยู่แล้ว แต่การมีเจ้าหน้าที่มาพูดก็เป็นการ “ยืนยัน” อีกรอบครับ) หรือในกรณีที่เที่ยวบินล่าช้า (แบบที่ทีมงานเจอตอนขากลับ) เจ้าหน้าที่จะเดินมาแจ้งผู้โดยสารเป็นรายบุคคลครับ ต้องชื่นชมความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ครับ การขึ้นเครื่องบิน (boarding)หลังจากนั่งรอที่เลาจน์ระยะหนึ่ง พอใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องก็เดินขึ้นไปรอที่ทางขึ้นครับ ผู้โดยสารชั้น Royal Silk Class และผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกระดับบัตรทองของ Royal Orchid Plus หรือโปรแกรมสะสมไมล์อื่นๆ ในกลุ่มสายการบิน Star Alliance ตั้งแต่ระดับ Gold จะได้สิทธิขึ้นเครื่องก่อนผู้โดยสารรายอื่นๆ ทางเชื่อมยังแยกเฉพาะสำหรับผู้โดยสารชั้น Royal Silk Class อีกด้วย ไม่ต้องเดินปะปนกับผู้โดยสารชั้นประหยัดแต่อย่างใด เครื่อง A350-900 XWB ยังมาพร้อมบริการ Wi-Fi บนเครื่องบินอีกด้วย เริ่มต้นที่ 4.99 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูล 10 MB (ทีมงานไม่ได้รีวิว เพราะเห็นว่าราคายังสูงเกินไป) บนเครื่องบินหลังจากขึ้นเครื่องมาแล้ว สิ่งแรกที่พบคือบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่ยังคงใหม่มาก แม้จะใช้งานมาเกือบปี ในจุดนี้ต้องชมการบำรุงรักษาของการบินไทยที่ทำให้ห้องโดยสารดูไม่เก่าครับ ลักษณะการจัดเรียงของเก้าอี้ต่อแถวเป็นแบบ 1-2-1 รวมกันทั้งหมด 8 แถว ที่นั่งทุกที่ติดทางเดินทั้งหมด ทีมงานได้ที่นั่งหมายเลข 15A ครับ เจ้าหน้าที่ทุกคนบริการด้วยความสุภาพอย่างมาก (ใช้คำสรรพนามเรียกว่า “ท่าน”) ที่นั่งของชั้น Royal Silk บน A350-900 XWB มีความกว้าง (seat width) 21 นิ้ว สามารถปรับนอนราบ 180 องศามาพร้อมกับจอภาพของระบบความบันเทิงบนเครื่องบินขนาด 16 นิ้ว (เที่ยวบินภายในประเทศจะไม่มีหูฟังให้ ผู้โดยสารต้องเอามาเอง) มีที่เสียบปลั๊กสำหรับใครที่อยากทำงานบนเครื่องบิน และช่องเก็บของที่ใหญ่มากใต้ที่วางแขน สำหรับปุ่มปรับที่นั่งมีหลายโหมดด้วยกัน ปรับได้ละเอียดมาก หลักๆ คงเป็นปุ่มปรับให้อยู่ในท่าตอนเครื่องบินกำลังขึ้นและลงกับปุ่มปรับนอนครับ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเราสามารถปรับให้นอนราบ 180 องศาได้เลย ซึ่งทีมงานก็ลองปรับนอนแล้วงีบสักระยะ ก็พบว่าสบายดีครับ (จะวิเศษมากในกรณีที่ต้องเดินทางนานๆ) ด้านข้างเราจะมีไฟอ่านหนังสือและไฟบรรยากาศ (ambient light) รวมถึงที่วางของชนิดแบบมากเหลือเฟือ แม้จะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ แต่ระบบความบันเทิงของเครื่องบินของชั้น Royal Silk บนเครื่องลำนี้ไม่ได้ถูกปิด ดังนั้นสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ รีโมทเป็นแบบสัมผัสผสมปุ่ม ใช้งานได้ดี ในบางครั้งเราสามารถเปิดทำงานได้สองอย่างพร้อมกัน เช่น ข้อมูลการบินให้แสดงหน้าจอใหญ่ ขณะที่หน้าจอรีโมททำอย่างอื่นไป นอกจากนี้เราสามารถยังกำหนเความสว่าง (brightness) ของหน้าจอทั้งสองตัวแยกจากกันได้ด้วย โต๊ะทานอาหารจะถูกเก็บด้านข้างตรงบริเวณที่กั้นด้านหน้า เวลาต้องการใช้งานก็แค่เปิดแล้วดึงลงมาครับ ตกแต่งสวยงาม ส่วนด้านบนศีรษะเราจะมีไฟส่องสว่างสองดวงและหน้าจอแสดงสัญลักษณ์ไฟรัดเข็มขัด เรียกว่าทันสมัยกว่าเครื่องแบบก่อนๆ อย่างมาก แม้รีวิวจากหลายที่จะบอกว่ามีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ทีมงานมีความเห็นแย้งว่าด้วยลักษณะของการเปิดโล่งของที่นั่ง และผนังกั้นที่นั่งโดยสารที่เตี้ย ความเป็นส่วนตัวอาจจะ “ไม่เต็มที่” เท่าใดนัก เพราะยังคงเห็นที่นั่งด้านข้าง และผู้โดยสารในที่นั่งด้านข้างสามารถมองเข้ามาได้แม้จะไม่ถนัดนัก (ทางแก้คือการดึงโต๊ะออกมากั้นทางเดินเข้าออกของที่นั่ง จะเสริมความเป็นส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น) ส่วนห้องน้ำของเครื่องบินเองก็ไม่มีอะไรแปลกแตกต่างไปจากห้องน้ำเครื่องบินทั่วไป ยกเว้นถังขยะที่ใช้เซนเซอร์ ทำให้ทิ้งขยะหรือกระดาษเช็ดมือได้สบายๆ ไม่ต้องเหนื่อยเปิดยากเย็นแบบสมัยก่อนอีกต่อไป บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องทันทีที่เราขึ้นเครื่อง ลูกเรือจะสอบถามว่าเราต้องการน้ำดื่มต้อนรับอะไร (พร้อมกับผ้าร้อนด้วย) ตัวเลือกสำหรับเส้นทางภายในประเทศ (ณ วันที่รีวิว) มี 3 อย่าง คือน้ำเปล่า น้ำชามะขาม และน้ำส้ม ทีมงานพบว่าชามะขามเป็นอะไรที่แปลกใหม่ รสชาติไม่หวานจัดมาก มีความเปรี้ยวนิดๆ ถือว่ากำลังดี สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ผู้โดยสารชั้น Royal Silk Class จะได้รับอาหาร 1 มื้อ โดยจะมีเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินเข้ามาถามผู้โดยสารก่อน (ถ้าไม่ต้องการก็จะไม่เสิร์ฟ) จากนั้นเจ้าหน้าที่จะปูโต๊ะให้ สำหรับในมื้อขาไปเป็นข้าวกับแกงแดงไก่และซาหริ่มอัญชันครับ ผู้โดยสารในชั้น Royal Silk สามารถร้องขอเครื่องดื่มอื่นได้นอกเหนือจากน้ำเปล่า (ที่นั่งข้างๆ ผมขอกาแฟร้อน) ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ที่ไม่มีบริการ เรื่องรสชาติก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของครัวการบินไทย ส่วนเที่ยวขากลับเข้ากรุงเทพ ได้เป็นปลาทอดผัดซอส ข้าวผัดไข่ และผัดมะเขือยาว กับมูสครีมบราวนี่คาราเมลครับ รสชาติของจานหลักทำออกมากลางๆ ตัวข้าวทำได้ดี ทว่ามูสครีมบราวนี่ออกจะเลี่ยนและมันไปสักหน่อย ต้องกินคู่กับชาบนเครื่องถึงจะเข้ากันได้ดี การลงเครื่องและรับกระเป๋าที่สายพานอย่างที่เรียนไว้ตอนต้นแล้วว่า ผู้โดยสารชั้น Royal Silk Class จะได้รับสิทธิในการลงเครื่องก่อน ซึ่งทีมงาน 2baht.com ก็เดินตัวปลิวออกมาจากเครื่องด้วยความรวดเร็ว ก่อนลงจากเครื่อง พนักงานที่รับผิดชอบในชั้นโดยสารของเรา (กรณีทีมงานคือหัวหน้าลูกเรือ หรือ Air Purser) จะเข้ามาขอบคุณที่ใช้บริการเราถึงที่นั่งเลยครับ (รู้สึกเคอะเขินพอสมควร) สัมภาระที่เราโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ก็ได้รับภายในเวลาไม่นานหนักเมื่อถึงสายพานครับ นับตั้งแต่เวลาลงจากเครื่องจนได้กระเป๋าและเดินทางออกจากโถงผู้โดยสารขาเข้า ใช้เวลาเพียง 17 นาทีเท่านั้นสำหรับขาไป (เที่ยวกลับไม่ได้นับ) สรุป: ดีมาก หรูมากแม้ทีมงานจะโดยสารเครื่องบินมาไม่มาก แต่ต้องยอมรับว่า Royal Silk Class ของการบินไทยบน A350-900 XWB ทำออกมาได้ดีมาก ในเชิงของการบริการคงต้องบอกว่าราบรื่น สมกับราคาค่าตั๋ว ส่วนอาหารก็จัดเต็ม แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นเรื่องของที่นั่งที่สามารถปรับนอนได้ 180 องศา ทำให้ในบางครั้งที่อยากงีบก็ทำได้สะดวก อย่างไรก็ตาม มิติเรื่องความเป็นส่วนตัวของที่นั่งอาจเป็นปัญหาได้ในกรณีที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ครับ ข้อดี
ข้อสังเกต
ชั้นธุรกิจ กับ เฟิร์สคลาส ต่างกันยังไงเลานจ์ของสายการบินบางแห่ง จะมีโซนรับรองแยกส่วนชัดเจนระหว่าง Business Class และ First Class. โซนรับประทานอาหาร ค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวางและเป็นส่วนตัวกว่า เนื่องจากผู้โดยสารน้อยกว่า และได้รับการบริการใกล้ชิดจากพนักงาน และเมนูอาหารที่ต่างกัน ส่วนมากอาหารจะเป็นแบบปรุงสุกใหม่ และเราสามารถเลือกได้ตามใจชอบ
FULL Flex คืออะไรประกาศ การยื่นขอคืนเงินสำหรับบัตรโดยสาร (เที่ยวบินภายในประเทศญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว) ในวันที่หรือหลังจาก 1 ตุลาคม 2019 จะมีค่าธรรมเนียมการขอคืนเงิน 440 เยนต่อบัตรโดยสาร (Sector) โดยไม่คำนึงถึงวันที่ซื้อบัตรโดยสารและวันออกเดินทางที่กำหนด
Class W คืออะไรW. ( Economy Class Premium ) ชั้นประหยัดบริการพิเศษ S. ( Economy Class ) ชั้นประหยัด
Business Class การบินไทย ได้อะไรบ้างทางสายการบินให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ผ้าห่มและหมอนนุ่มๆได้เตรียมพร้อมไว้บนทุกที่นั่ง พร้อมอาหารสุดหรูเสิร์ฟสไตล์ภัตตาคารโดยมีให้เลือกทั้งอาหารตะวันตกและเอเชีย ชุดเดินทาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายต่างๆจากแบรนด์หรู ชุดแปรงสีฟัน ถุงเท้ารวมถึงที่ปิดตา จากแบรนด์ชั้นนำบรรจุในผลิตภัณฑ์สวยงาม ...
|