การสร้างแบรนด์ธุรกิจดิจิทัล มีอะไรบ้าง

ในยุคที่ Digital เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เป็นความท้าทายของนักธุรกิจรายใหม่ที่ต้องการเข้าสู่สนามแข่งที่มีเจ้าเก่าครองตลาดอยู่แล้ว การจะสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น โดยอาศัยเครื่องมือในยุค Digital นี้เป็นอาวุธทางธุรกิจที่จะทำให้ธุรกิจใหม่ของเราอยู่รอด และนี่อาจเป็น 5 เทคนิคง่ายๆ ที่จะสามารถสร้างแบรนด์ของเราให้เกิดได้

1. สร้าง Unique Characterให้กับแบรนด์ เพราะการออกแบบให้น่าจดจำไม่ว่าจะเป็นโลโก้ ยูนิฟอร์ม หรือบรรจุภัณฑ์ ก็เพื่อให้เป็นที่สะดุดตา สื่อให้ผู้บริโภคจดจำและประทับใจ นั่นคือการกำหนด Brand positioning, Character, ภาพลักษณ์ของแบรนด์, สร้างคุณค่า และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ รวมถึงยกระดับให้เหนือคู่แข่ง แต่ก่อนที่เราจะสร้างการจดจำ เราต้องรู้จักสินค้าและบริการของเราให้ดีก่อน โดยถามตัวเองเสมอว่า ถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะใช้สินค้าและบริการหรือไม่

2.ตั้งกลุ่มเป้าหมายชัดเจน การกำหนดกลุ่มเป้าหมายคือการนำทางที่ดี การวางแผนธุรกิจก็เหมือนกับเรายิงกระสุนออกไปในแต่ละครั้งที่ต้องโดนเป้าหมายที่เล็งไว้ เพื่อไม่ให้การลงทุนนั้นเสียเปล่า การมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนเป็นการวางแผนที่จะกำหนดทิศทางในการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เราอยากได้ได้ง่ายขึ้น

3.Social Media ไม่ได้มีแค่ช่องทางเดียว Facebook ไม่ใช่ทุกอย่าง ในยุคที่ Organic Reach = 0 ไม่ว่าจะทำ Content ดีแค่ไหนยอดไลค์หรือคนติดตามไม่ได้ช่วยให้เราเข้าถึงผู้บริโภคได้ ดังนั้น เราต้องหาช่องทางที่เหมาะสมกับการสร้างโฆษณา สร้าง Content ให้เข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด หรือคติที่เรียกว่า Put the right content in the right channel โดยมีช่องทาง Social media ดังนี้

• Facebook เป็นการสื่อสารแบบ Two-way communicaton เพราะคนที่ใช้งานมีทุกเพศทุกวัย มีการจัดการกับโฆษณาที่ชัดเจน มี notification ที่เตือนได้ตลอดเวลาและตอบได้ทันที พร้อมกับมี rating ความเร็วในการตอบเพื่อให้ลูกค้าพอใจกับบริการก่อน

• Instagram เหมาะกับธุรกิจประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านอาหาร เป็นต้น เพราะเป็นสื่อที่ใช้ภาพสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเน้นแคปชั่นมาก

• Line เหมาะกับการกระจายข่าวสารที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและสามารถเข้าถึงได้ 100% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ปัจจุบันผู้ที่ทำธุรกิจหลายรายเริ่มที่จะหนีจาก Facebook Fanpage เข้ามาติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่าน Line มากขึ้น

• Twitter เป็น Social ที่มีพลังและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก เพราะเป็นการกระจายข่าวสารและส่งสารได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้ายังสามารถติดต่อซื้อขายผ่าน Twitter ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย หรือหากต้องการหาข้อมูลแบบสั้นๆ ก็สามารถ Search หาได้ง่ายอีกด้วย

4. ใช้เครื่องมือการทำโฆษณาหลายๆ ทาง เช่น การทำ SEO, Google Adword, online advertising หรือการทำ Affiliate เป็นต้น เพราะเครื่องมือเหล่านี้เป็นรูปแบบการโฆษณาที่จะปรากฏเมื่อมีการค้นหาบน Serch Engine

5. Content ทำได้หลากหลาย โดยเฉพาะการทำเป็น Video ที่จะได้ผลดีค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันโดยเฉลี่ยแล้วการทำโฆษณาหรือการสื่อสารที่จะให้ผู้บริโภคสนใจนั้นต้องสั้น กระชับ และตรงใจกับผู้บริโภคมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามควรตระหนักไว้เสมอว่าการทำ Content และ Artwork ต้องระวังเรื่องของเนื้อหาและผลกระทบที่อาจตามมา Content ที่ทำตามกระแสบางครั้งก็เหมือนดาบสองคมที่อาจทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่แย่ลงไปได้

ทั้ง 5 เทคนิคนี้เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ต้องปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การสร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นในอนาคต เราจำเป็นต้องก้าวให้ทันและมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอจึงจะอยู่รอด

เพราะโลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน หากนักการตลาดและเจ้าของกิจการไม่อยากตกเทรนด์ก็ต้องหมุนตามให้ทัน เพื่อสร้างยอดขายและกำไรที่ยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในอนาคต ไม่ให้ล้มหายตายจากไปเพราะการรุกคืบของ Digital Economy ปัจจุบันค่อนข้างรุนแรง

และเพื่อให้ธุรกิจจะอยู่รอดปลอดภัยได้ในยุคดิจิทัลเฟื่องฟูเช่นนี้ การพึ่งพารายได้ขาเดียว เฉพาะการวางจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน หรือการตลาดแบบออฟไลน์คงไม่พอ เราควรเสริมความแกร่งของธุรกิจ ด้วยการลงมือทำการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ไปด้วย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจได้ครบครันทุกช่องทาง

ทำไมการสร้างตัวตนให้แตกต่างกับแบรนด์อื่นจึงสำคัญ

ในปัจจุบันนี้ สนามแข่งขันบนเส้นทางการทำธุรกิจมีคู่แข่งสูง หากคุณมีสินค้าที่คล้ายกับคู่แข่ง และอยู่ในตลาดเดียวกัน สิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับต้น ๆ คือการทำให้แบรนด์ดูโดดเด่น และต่างออกไป ซึ่งในส่วนนี้ แบรนด์ของคุณควรมองหาจุดแข็งของตัวเองเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ผู้เขียนมีสถิติจาก Profitfromtech เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์มาฝากกัน

• ผลสำรวจจาก 86% ของกลุ่มคนในประเภทสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลียกล่าวว่า แบรนด์ที่เป็นตัวจริง (Authenticity) ซึ่งก็คือ มีการสื่อสารตัวตนออกมาให้ผู้บริโภคเห็นอย่างความจริงใจต่อผู้บริโภค
• การสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ประสบความสำเร็จมากถึง 89 %
• 78 % ผู้บริโภคจดจำแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ได้จาก “สี” ของโลโกแบรนด์ และการนำเสนอ
• 44 % ของผู้บริโภคยังคงรีวิวกันแบบปากต่อปากกับเพื่อนและครอบครัว หากได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ไม่ดีนัก
• การสื่อสารตัวตนของแบรนด์ผ่าน Blog สามารถสร้าง Lead ให้เติบโตได้มากถึง 126 %

หัวข้อในบทความ

1. เริ่มต้นอย่างไร ?
2. 1. ตัวตนต้องชัดเจน
3. 2. รู้จักลูกค้าให้ดี
4. 3. คอนเทนต์ต้องล้ำเลิศ
5. 4. เลือกเครื่องมือโปรโมทให้ถูกต้อง
6. 5. พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง
7. Learning More

เริ่มต้นอย่างไร ?

ก่อนลงมือทำ Digital Marketing เต็มตัว การตอกหมุดให้คนรู้จักแบรนด์เราในโลกดิจิทัล คือ ต้องเริ่มต้นปั้นแบรนด์ (Digital Branding) ให้ชัดเจน มีความโดดเด่น แตกต่าง และที่สำคัญ คือ เจ้าของแบรนด์หรือนักการตลาดต้องรู้จักตัวตนของธุรกิจที่แท้จริง เพื่อนำเสนออัตลักษณ์แบรนด์ออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ว่า “เราคือใคร เราทำอะไร เราขายอะไรอยู่ ?”

แน่นอนว่า ก่อนจะสร้างแบรนด์ให้โด่งดัง และกลายเป็นที่รู้จักในโลกดิจิทัล ธุรกิจต้องมี Digital Branding ทีเด็ดเฉพาะตัวที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร ผลักดันให้การตลาดออนไลน์เติบโตมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ติดหนึบ สร้างยอดขาย และทำให้ลูกค้ากลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ในที่สุด สำหรับ 5 ปัจจัยหลักในการสร้างแบรนด์ Digital Branding มีอะไรบ้างนั้น STEPS Academy นำมาฝากคุณแล้วที่นี่

1. ตัวตนต้องชัดเจน

ถ้าเปรียบการสร้างแบรนด์ให้เข้าใจแบบง่ายสุด ๆ ก็คล้ายกับการจีบสาวที่ถูกใจให้กลายมาเป็นคนรัก ถ้าคุณไม่รู้จักเธอ และเราไม่รู้จักกัน (ถูกไหม ?)

ก่อนที่จะจีบเธอมาเป็นของคุณ ต้องเริ่มจากการทำความรู้จักเบื้องต้น แนะนำตัวเองคร่าว ๆ ว่าเราเป็นใคร ทำอะไรที่ไหน ฯลฯ เตรียมสานต่อความสัมพันธ์ หากคุณแนะนำตัวไม่ดี ขาดจุดเด่น หรือมีโพรไฟล์ไม่น่าสนใจ ก็อาจทำให้คุณอกหักตั้งแต่เริ่มต้นก็เป็นไปได้

การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักก็เช่นกัน คุณจะต้องมีข้อความหลักที่ต้องการสื่อออกไป หรือ Key Message ให้แบรนด์มีตัวตนจับต้องได้ เราจะต้องมี Personal Branding & Character Marketing หรือที่เรียกว่าบุคลิกภาพของตราสินค้า และการตลาดคาแรคเตอร์มาร์เก็ตติ้งที่ชัดเจนให้ผู้บริโภคจำได้ จำง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ซ้ำใคร และต้องครบเครื่อง เช่น โลโก้, คอนเซ็ปต์, โทนสี, สโลแกน ฯลฯ พร้อมกับสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ ตรงนี้สำคัญมาก ๆ

กล่าวคือ เพียงแค่ลูกค้าพบโทนสีแบบนี้ และนึกถึงแบรนด์เรา หรือเห็นเพียงแค่ภาพโลโก้ของเรา ลูกค้าก็จำได้ว่าแบรนด์เราคือใคร ทำอะไร ขายอะไรอยู่ หรืออยากได้สินค้าต้องไปช้อปที่ไหน ฯลฯ

ตัวอย่างการสร้างแบรนด์ที่น่าเรียนรู้

เช่นเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) เว็บไซต์จองแพ็คเกจออนไลน์สัญชาติอเมริกันที่เลือกใช้มาสคอทหมีเอ็กซ์แบร์ (Exbear) เจ้าหมีกริซลี่อารมณ์ดีขนปุยสีน้ำตาล มีดาวติดหน้าอกห้าดวง ผู้รักอิสระ และมีจิตวิญญาณรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

คลิป Exbear in Japan (Expedia.co.jp)

Exbear เวอร์ชั่นการ์ตูน 2D ยังมีในไลน์แอทด้วย
พร้อมกันนี้ หมีเอ็กซ์แบร์ยังมีเวอร์ชั่นการ์ตูนรูปแบบ 2D น่ารักใส ๆ คลุมโทนสีเหลืองสว่างตาที่ใช้เป็นพรีเซนเตอร์หลักในแอปพลิเคชัน [email protected] อีกด้วย เรียกได้ว่าเห็นหมีกริซลี่เมื่อไหร่ หรือพบเห็นโทนสีเหลืองน้ำเงินที่ไหน กลับนึกถึงเอ็กซ์พีเดียขึ้นมาทันทีทันใด

ตามด้วยกรณีศึกษาการสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในไทย เช่น มังกรบาบิก้อน จาก Bar B Q Plaza กับมาสคอตเจ้ามังกรบาร์บีก้อนสีเขียวยิ้มแป้น ให้ความรู้สึกสนุกสนานเป็นกันเอง เห็นที่ไหนต้องจำได้ ทำให้ Bar B Q Plaza กลายเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงใจ มีคนไทยรักไปโดยปริยาย

มีของดีอยู่แล้ว สร้างแบรนด์ไปทำไม ?

หลายคนอาจมีคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า “ถ้ามีสินค้าดี บริการมีคุณภาพวางจำหน่ายอยู่แล้ว ทำไมเราต้องสร้างแบรนด์ หรือ Digital Branding ให้ยุ่งยากอีกล่ะ ?”  STEPS Academy ขอตอบตรงนี้เลยว่า การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และการทำ Digital Branding สำคัญต่อธุรกิจมาก ๆ

โดยอ้างอิงคำกล่าวของคุณโรจนะ ฉั่วสกุล แห่ง Storyteller Bangkok นักสร้างแบรนด์ตัวจริง ผู้ชนะรางวัล Cannes Lions ปี 2011 และ 2013 เขาเคยบอกกับ STEPS Academy ไว้ว่า

“แบรนด์ 1 แบรนด์ เท่ากับคน 1 คน คำว่า แบรนด์ คือ จุดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความคุ้มค่า ความไว้วางใจ สร้างความรู้สึกให้ลูกค้าภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าและบริการ สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว เพื่อให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ (Re-purchasing) โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าการตลาดสักบาทเดียวก็เป็นได้”

เห็นไหมว่า การสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจนั้น ไม่ใช่การลงทุนที่สิ้นเปลือง แต่ยังช่วยสร้างยอดขายที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจได้อีกด้วย ถ้าผู้อ่านอยากรู้วิธีการสร้างแบรนด์แบบเจาะลึกยิ่งขึ้น สามารถอ่านบทสัมภาษณ์คุณโรจนะ ฉั่วสกุล Founder & Chief Creative Officer, Storyteller Bangkok ได้ในบทความ “แกะความคิดการสร้างแบรนด์ กับ Storyteller ไอเดียเอเจนซี่ที่น่าจับตามองของประเทศไทย”

2. รู้จักลูกค้าให้ดี

หลังจากกำหนดแบรนด์ดิ้ง (Branding) ตามแบบฉบับของคุณแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ถ้าเราปั้นแบรนด์มาเป๊ะปังอลังการ แต่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก หรือไม่มีใครติดตามแม้แต่คนเดียว

จงอย่าลืมว่า การตลาด คือ การหาลูกค้าที่ใช่ให้พบกับสินค้าที่ใช่ นักการตลาดหรือผู้ประกอบการควรทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมาย (Target) หรือกลุ่มลูกค้าหลักให้ดีว่า ลูกค้ามีพฤติกรรมอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ฯลฯ ชนิดที่คุณต้องรู้ลึกรู้จริง

เพื่อสานต่อเป้าหมายการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก สร้างความภักดีในแบรนด์สินค้าและบริการ (Brand loyalty)  สร้างกลุ่มเครือข่ายอันแน่นแฟ้น ส่งต่อความรู้สึกร่วมระหว่างลูกค้าและแบรนด์ธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มการรับรู้ Brand Awareness ให้มากขึ้น

นำมาสู่ความสนใจซื้อสินค้าแบบไม่บีบบังคับจิตใจ ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเพราะชื่นชอบและหลงรักในแบรนด์ หรือเปลี่ยนใจให้ลูกค้ารู้สึกว่า ตนเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแบรนด์ได้ยิ่งดี

หากนึกไม่ออกว่าการสร้างแบรนด์ให้มีความรู้สึกร่วมกับลูกค้าในขั้นตอนนี้เป็นอย่างไร เพียงแค่ได้ยินว่า “คุณค่าที่คุณคู่ควร” ก็ต้องร้อง “อ้อ!!” และนึกถึงลอรีอัล ปารีส สินค้าผลิตภัณฑ์ความงามจากฝรั่งเศสทันที เนื่องจากเป็นสโลแกนที่ใช้มานานกว่า 4 ทศวรรษ และกลายเป็นคำพูดติดปากของหลาย ๆ คนอีกด้วย ปัจจัยดังกล่าว ช่วยสร้างแต้มต่อให้คนยังจดจำ และนึกแบรนด์ลอรีอัลได้เป็นอย่างดีเชียว

3. คอนเทนต์ต้องล้ำเลิศ

การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เราจะต้องมีคอนเทนต์ที่ดี น่าคลิก น่าอ่าน และบอกเล่าเรื่องราวให้คนรับรู้ พร้อมกับตอบคำถามคาใจของผู้บริโภค ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้มีเสน่ห์ในโลกดิจิทัล

แม้ว่าจะเป็นยุคที่เข้าถึงง่ายดายเพียงปลายนิ้ว แต่ด้วยข้อมูลที่มีมหาศาลบนโลกออนไลน์ ความท้าทายในการปั้นแบรนด์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ยังมีอยู่มาก เติมพลังให้การสร้างคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ประสบความสำเร็จและเป็นตัวจริงได้ มาศึกษาการสร้างคอนเทนต์จากเสื้อผ้ากีฬาแบรนด์ดังอันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour) จากประเทศสหรัฐอเมริกา แบรนด์สปอร์ตแวร์น้องใหม่ผู้ล้มยักษ์

ล่าสุด (19 เมษายน 2018) ทางอันเดอร์ อาร์เมอร์ เลือกซุปเปอร์สตาร์จากเวทีมวยปล้ำอย่างเดอะร็อก หรือดเวย์น จอห์นสัน ไอดอลสำหรับผู้รักการออกกำลังกายมาเป็นพรีเซนเตอร์ และเลือกบอกทุกคนว่า “Will Finds A Way” แล้วจะพบหนทาง ลงบนยูทิวบ์ (YouTube) พร้อมกับขยายความว่า Wherever we’re starting from. Wherever we’re heading. Will finds a way. กล่าวคือ ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นจากที่ไหน ไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายแบบไหน แล้วจะพบหนทาง ช่วยปลุกความฮึกเหิมในจิตใจและสร้าง Passion ให้กับผู้ที่ติดตามได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างโฆษณา Will Finds A Way (2018)

อย่างไรก็ดี “Will Finds A Way” ถือเป็นการสานต่อขายสินค้าอุปกรณ์กีฬาที่พรีเซนต์เป้าหมายการใช้ชีวิต สานต่อความสำเร็จจากวิดีโอคอนเทนต์ I WILL ที่ได้ยุสรา มาร์ดินี (Yusra Mardini) นักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก หญิงสาวผู้รอดจากสงครามซีเรียและเป็นทูตสันถวไมตรี สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR โดยบอกเล่าเรื่องราวการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้ฝันเป็นจริง พร้อมกับทิ้งประโยคในคลิปโฆษณาไว้อย่างน่าสนใจว่า “Turn your pain into strength,” เปลี่ยนความเจ็บปวดของคุณให้เป็นพลัง ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ที่มักจะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งคิดค้นมาจากปัญหาของผู้คนอยู่เสมอ

ตัวอย่างโฆษณา I WILL (2017)

4. เลือกเครื่องมือโปรโมทให้ถูกต้อง

เมื่อมีแบรนด์ชัดเจน คอนเทนต์ตรงจุดโดนใจลูกค้า วิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมกับเลือกเครื่องมือโปรโมทตัวตนของแบรนด์ในโลกออนไลน์ให้ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหลักที่ไม่ควรมองข้าม

4. 1 เว็บไซต์ (Website)

คือเครื่องมือพรีเซนต์ตัวเองให้ผู้คนค้นพบธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์
ใช้เก็บข้อมูล Traffic ลูกค้าที่สนใจสินค้า ข้อดีคร่าว ๆ คือ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจไปในตัว แถมเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มขายอื่น ๆ ได้อีกเพียบ

4.2 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (Social Media)

• Facebook เพื่อโปรโมทธุรกิจ เข้าถึงลูกค้าได้ ซึ่งเรามีบทความช่วยให้แบรนด์ทั้งหลาย ไม่ต้องเสียเวลาหาทางสร้างแบรนด์ ด้วยบทความเหล่านี้ ในการสร้างแบรนด์ผ่าน Facebook

คอนเทนต์แนะนำ

• • แนะนำ Facebook Business Manager เพื่อทำการตลาดผ่าน Facebook ได้ตรงจุดมากขึ้น

  • สรุป Insight ต้องทำ Branded Content ยังไงให้ปัง (ข้อมูลจาก Facebook)

  • ขั้นตอนการสมัคร Facebook Pay ที่ลูกค้าจะเปย์ผ่านแชทได้อย่างมั่นใจ

• Instagram นำเสนอภาพสวย ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าและยอดขายได้เป็นอย่างดี
• หรือแอปพลิเคชันไลน์แอท ([email protected]) ใช้ทำ CRM เข้าถึงลูกค้า ดูแลให้มากกว่าเดิม ฯลฯ

อีกทั้ง ต้องรู้จักช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโพสต์ ความสั้น-ยาวของคอนเทนต์ที่นำเสนอให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม เพื่อเรียกยอดคลิก เพิ่มการเข้าถึง และสร้างยอดขายได้ในที่สุด

สำหรับผู้อ่านที่สนใจการเพิ่มยอดผู้ติดตามนำไปสู่ยอดขาย สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมในหัวข้อ 7 เคล็ด (ไม่) ลับ เพิ่มยอดธุรกิจผ่าน INSTAGRAM ได้เลย

5. พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

อย่าหยุดเรียนรู้ หากประสบความสำเร็จ จงอย่าหยุดพัฒนา ควรนำเสนอแบรนด์และคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าหากวันไหนไม่เจอคอนเทนต์จากแบรนด์เราแล้ว เหมือนขาดอะไรในชีวิตไปบางอย่าง เพราะนี่คือการสร้างแบรนด์ที่นำมาสู่การสร้างยอดขายบนโลกออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน

แม้ว่าการสร้างแบรนด์ให้ดึงดูดชาวเน็ตในโลกดิจิทัลไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่เราต้องใช้เวลาค้นหาตัวตนที่แท้จริงของธุรกิจ พร้อมกับตอบคำถามให้ได้ว่า “การสร้างแบรนด์ครั้งนี้ เราต้องการสื่อสารอะไรให้ลูกค้าได้รับรู้และรู้จักความเป็นตัวเรา ” ถ้าคุณมีคำตอบแล้ว ลงมือปั้นแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์กันเลย !!