สารสนเทศ คือ ข้อมูลชนิดหนึ่งที่ได้ผ่านกรรมวิธีจัดการข้อมูล (Data manipulation) จนมีเนื้อหาและรูปแบบที่ตรงกับความต้องการ และเหมาะสมต่อการนำไปใช้
กรรมวิธีจัดการข้อมูล ได้แก่ การปรับเปลี่ยน การจัดรูปแบบใหม่ การกลั่นกรอง และการสรุป ดังนั้นสารสนเทศเป็นข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ และอยู่ในรูปแบบที่นำไปใช้ได้ทันทีตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ช่วยในการตัดสินใจ สารสนเทศมีรูปแบบต่างๆ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ แผนที่ แผ่นใส หรือวีดิทัศน์ เป็นต้น
สรุปได้ว่าข้อมูลมีความแตกต่างจากสารสนเทศ คือ ข้อมูลเป็นส่วนของข้อเท็จจริง โดยได้จากการเก็บมาจากเหตุการณ์ต่างๆ ส่วนสารสนเทศเป็นข้อมูลที่นำมาผ่านกรรมวิธีจัดการข้อมูลมาแล้ว ให้อยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้หรือนำไปช่วยในการตัดสินใจได้ทันที ดังตัวอย่างแสดงข้อแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ
ข้อมูล : นักเรียนในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งมีจำนวน 2,000 คน มีจำนวนครู 50 คน
สารสนเทศ : อัตรานักเรียนต่อครูในโรงเรียน = 2,000/50 = 40
จากตัวอย่าง แสดงให้เห็นว่าสารสนเทศเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที เช่น ถ้าต้องการทราบว่า โรงเรียนใดที่มีจำนวนครูเพียงพอที่ดูแลนักเรียนได้ทั่วถึงมากกว่ากัน ก็สามารถทำได้โดยการหาค่าอัตราส่วนของนักเรียนต่อครูของแต่ละโรงเรียนมาเปรียบเทียบกัน ก็จะทราบว่าโรงเรียนใดที่มีจำนวนครูไม่เพียงพอ เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้บริหารโรงเรียนหรือผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน
ทั้งข้อมูลและสารสนเทศเป็นพื้นฐานของความรู้โดยข้อมูลถูกประมวลผลออกมาเป็นสารสนเทศ จากสารสนเทศนำไปสู่ความรู้ ดังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้ในรูปพีระมิดแสดงลำดับชั้นของความรู้
หรือ ระบบงานห้องสมุดโรงเรียน ข้อมูลที่ต้องจัดรวบรวมคือข้อมูลหนังสือในห้องสมุด ซึ่งประกอบไปด้วย ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์ รหัสดิวอี้ สารบัญหนังสือ เป็นต้น ข้อมูลสมาชิกซึ่งก็คือครูและนักเรียน ข้อมูลโสตวัสดุ ข้อมูลการยืมคืนของสมาชิก เมื่อมีการรวบรวมข้อมูลแล้ว ก็จะต้องมีการประมวลผลข้อมูล เช่นจัดเรียงรายการหนังสือตามชื่อ ตามเลขทะเบียนหนังสือ ตามผู้แต่ง เพื่อให้สะดวกในการค้นหา หรือจัดทำสถิติต่างๆข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมาย และการประมวลผล ซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัดข้อมูล เป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลข ภาพ เสียง หรือสัญญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริง และต่อเนื่อง ซึ่งตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชือนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น
สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผล อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉลี่ยหรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจให้ตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ ซึ่งสารสนเทศประกอบด้วยข้อมูลเอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย
โดยข้อมูลที่เราพบเห็นทุกวันนี้ มีหลายรูปแบบ เช่น เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียงต่าง ๆ เราสามารถรับรู้ข้อมูลได้จากส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะรับรู้ข้อมูลทางตา ทางหู ทางมือ ทางจมูก และทางปาก
ชนิดของข้อมูล
1. ข้อมูลตัวเลข ประกอบด้วยตัวเลขเท่านั้น เช่น 145 2468 เป็นต้น มักจะนำมาใช้ในการคำนวณ
2. ข้อมูลอักขระ ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข และอักขระพิเศษหรือเครื่องหมายต่าง ๆ เช่น บ้านเลขที่ 13/2 เป็นต้น
3. ข้อมูลภาพ รับรู้จากการมองเห็น เช่น ภาพบุคคล ภาพสัตว์ต่าง ๆ
4. ข้อมูลเสียง รับรู้จากทางหูหรือการได้ยิน เช่น เสียงพูด เสียงเพลง เป็นต้น
ความสำคัญของข้อมูล
ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก มนุษย์ได้นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์มากมายทั้งในชีวิตประจำวัน และในการปฏิบัติงาน สำหรับในชีวิตประจำวันนั้น ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ทำให้เราทราบเรื่องราวความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง ข่าวสังคม ข่าวการศึกษา และเราอาศัยข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการดำรงชีวิต เช่น ข่าวการเดินทาง เรือต่อรถ รถต่อเรือ ทำให้เราทราบว่าในเส้นทางดังกล่าวมีรถสายอะไรผ่าน หากจำเป็นต้องเดินทางนั่นเอง
ประโยชน์ของข้อมูล
1. ด้านการเรียน เช่น ข้อมูลที่ได้จากโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ มาใช้ประโยชน์ในการเรียนหรือเป็นความรู้เพิ่มเติม
2. ด้านการติดต่อสื่อสาร เช่น ถ้าเรามีข้อมูล เราสามารถที่จะสนทนาพูดคุย หรือบอกเรื่องต่าง ๆ ให้กับผู้อื่นได้
3. ด้านการตัดสินใจ เป็นการใช้ช่วยให้เราตัดสินใจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เช่น การเลือกซื้อของเล่น ถ้าเราทราบราคาของเล่นในแต่ละร้าน จะทำให้เราเลือกซื้อของเล่นที่เหมือนกันได้ในราคาที่ถูกที่สุด
ทำความรู้จักกับ Data และ Information ที่หลายคนเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า Data กับ Information ต่างกันอย่างไร พร้อมกับยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้สามารถแยก Data กับ Information ได้ชัดเจน
หลายคนที่เพิ่งเริ่มหัดเป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล การศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหลายคนที่เคยอ่านหนังสือหรือบทความมาหลายบทความอาจจะผ่านตากับคำว่า Data และ Information กันมาบ้าง
ซึ่งก็คงเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า “อ้าว Data แปลเป็นไทยว่าข้อมูลส่วน Information ก็แปลเป็นไทยว่าข้อมูลเหมือนกัน แล้วทั้ง 2 คำมันแตกต่างกันอย่างไรหล่ะ?”
ดังนั้นวันนี้ DIGI จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Data และ Information ที่หลายคนเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า Data กับ Information ต่างกันอย่างไร พร้อมกับยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้สามารถแยก Data กับ Information ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ
Data vs Information ความเหมือนที่แตกต่างกัน
ข้อมูล (Data) เป็นข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการเก็บบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยที่ข้อมูลสามารถอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข หรือจะเป็นสัญลักษณ์อะไรก็ได้ ข้อมูลที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดแค่กระบวนการบันทึกเท่านั้นโดยยังไม่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์หรือแปลงสภาพ ตัวอย่างเช่น จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19, ราคาน้ำมันในแต่ละวัน, จำนวนคนที่มาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เป็นต้น
สารสนเทศ (Information) คือข้อมูลที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ ตีความหมายแล้ว โดยคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเป็นข้อมูลเหมือนกับ Data แต่ในความเป็นจริงแล้ว Information ต้องผ่านกระบวนการอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดความหมายและสามารถนำเอาค่าเหล่านั้นมาแปรผลเพื่อให้เกิดความเข้าใจในรูปแบบใหม่
เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 คือ Data แต่เรานำเอาข้อมูลมาเข้ากระบวนการทางสถิติจะได้ออกมาว่าค่าเฉลี่ยของอายุผู้ติดเชื้อ Covid-19 สิ่งนี้จะเรียกว่า Information เพราะผ่านกระบวนการเรียบร้อยแล้ว หรือราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงในรอบเดือนอันนี้ก็จะนับเป็น Information เช่นกัน
เพราะผ่านกระบวนการทำให้เกิดความเข้าใจใหม่โดยกระบวนการแปลงข้อมูล (Processing) จะประกอบไปด้วย 7 รูปแบบได้แก่
- Calculation เป็นการนำเอา Data มาผ่านกระบวนการคำนวณทางคณิตศาสตร์เผื่อให้เกิดความหมายในรูปแบบใหม่
- Sorting เป็นการนำเอา Data มาเรียงลำดับอาจจะเป็นจากมากไปน้อยหรือน้อยไปมากก็ได้
- Retrieving เป็นการดึงข้อมูลมาใช้เพื่อเป็นการค้นหาข้อมูลที่ต้องการเพิ่มเติม เช่นการทราบข้อมูลที่อยู่ของคนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
- Merging เป็นการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ข้อมูล 2 ชุดขึ้นไปรวมกันเป็นข้อมูลชุดเดียว
- Summarizing เป็นการสรุปข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่มีความกระชับและความเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น การหาค่าเฉลี่ย
- Reproducing เป็นการสร้างข้อมูลชุดใหม่ขึ้นมาจากข้อมูลชุดเดิม
- Updating เป็นการปรับปรุงชุดข้อมูลเก่าให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง Data และ Information
ที่มา : ตารางรายงาน COVID-19 ประจำวัน ข้อมูลประจำประเทศไทย
ตารางข้างต้นแสดงถึงข้อมูล (Data) ของผู้ติดเชื้อ Covid-19 ประจำวันของประเทศไทยซึ่งเป็นข้อมูลที่เก็บมาจากคนไข้โดยยังไม่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพดังนั้นตารางข้างต้นจึงเรียกว่า Data
แต่หากเรานำเอาข้อมูลเหล่านี้มาผ่านกระบวนการเช่น ถ้าเรานำข้อมูลมาผ่านกระบวนการเรียงลำดับข้อมูล (Sorting) ก็จะทราบว่าผู้ป่วยที่มีอายุน้อยสุดอยู่ที่ 12 ปี และผู้ป่วยที่มีอายุมากสุดอยู่ที่ 55 ปี ถ้าผ่านกระบวนการสรุปผลข้อมูลก็จะพบว่าผู้ป่วยมีจำนวนทั้งสิ้น 12 คนเป็นเพศชาย 4 คน เพศหญิง 8 คนโดยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเป็นต้น ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเรียกว่า Information
สรุป
การเข้าใจถึงความหมายความถูกต้องของทั้ง Data และ Information นั้นนอกจากจะช่วยให้คนที่กำลังเริ่มต้นจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนั้นสามารถจัดการกับ Data และ Information ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้การทำงานกับข้อมูลมีความสะดวกรวดเร็วและไม่เกิดความสับสนเวลาจะสื่อสารกับผู้อื่น รวมไปถึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเมื่อเวลาต้องการจะเลือกใช้งานว่ากระบวนการนี้ต้องเลือกใช้เป็น Data หรือ Information