สิ่งที่ทำให้ Big Data ช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณได้ มีดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ต้นทุนให้คุ้มค่า
สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเครื่องมือที่ใช้ทำ Big Data เช่น Hadoop และ Spark คือการใช้ในลดค่าใช้จ่ายจากการเก็บข้อมูล, ประมวลผลข้อมูล และการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งเครื่องมือที่กล่าวมาก็ยังสามารถช่วยระบุได้ว่าวิธีไหนเป็นที่ดีที่สุด และประหยัดที่สุดในการจะทำธุรกิจธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์เป็นตัวอย่างที่ดีในการนำ Big Data มาช่วยลด Cost โดยปกติแล้วเวลาที่สินค้าถูกตีกลับเราจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 เท่า เทียบกับค่าขนส่งจริง ๆ Big Data จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ให้ว่าโซนไหน หรือสินค้าชนิดไหนที่มีโอกาสที่สินค้าจะถูกตีกลับสูง ก็จะช่วยให้บริษัทได้ข้อมูลที่ช่วยลดการตีกลับของสินค้าในครั้งถัด ๆ ไปได้นั่นเอง
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
Big Data สามารถช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ได้จากการเก็บ Feedback จากลูกค้า นำเอามาวิเคราะห์หา Insight ต่าง ๆ เช่น รสนิยมของลูกค้า, Pain Point, ลักษณะนิสัยในการเลือกซื้อสินค้า และอื่น ๆ ช่วยให้บริษัทสามารถป้อนสินค้าได้ตรงจุดประสงค์ของลูกค้ารายนั่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผลพลอยได้คือจำนวนยอดขายที่มากขึ้นนั่นเอง การใช้การวิเคราะห์ด้วย Big Data ให้ตรงกับตามเทรนด์ของตลาด จะช่วยให้เราก้าวทันคู่แข่งในตลาด ประโยชน์อีกอย่างก็คือ เราสามารถกำหนดให้เครื่องมือที่ใช้จัดการ Big Data ทำงานแบบอัตโนมัติในสิ่งที่เราต้องการให้ดำเนินการเป็นกิจวัตร เช่น วิเคราะห์ข้อมูลการตลาดที่มากจาก Facebook ของเมื่อวานนี้ทั้งวัน อะไรประมาณนี้ การทำแบบนี้จะช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการไปทำสิ่งที่สำคัญต่อบริษัทในบริบทอื่น ๆ ได้มากกว่าครับ
- กำหนดราคาขายที่เหมาะสม
Big Data Analytics ช่วยอำนวยความสะดวกในการ Monitor ตลาด และคู่แข่งของคุณได้ และยังเห็นด้วยว่าตอนนี้คู่แข่งใช้กลยุทธ์อะไรอยู่ในปัจจุบัน การทำ Analytics ที่เป็นแบบ Real-time ช่วยให้คุณสามารถดำเนินการสิ่งต่อไปนี้ได้
- คำนวณและประเมินผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้
- เพิ่มจุดยืนในตลาดเพื่อให้ได้ผลกำไรสูงสุดต่อบริษัท
- ประเมินเรื่องของการเงินของบริษัท เพื่อที่จะกำหนดทิศทางได้ถูกว่าจะเดินหน้าธุรกิจอย่างไรให้เหมาะสมกับสถานะของการเงินที่มีอยู่
- กำหนดกลยุทธ์ในการเพิ่ม/ลด ราคาโดยอ้างอิงจากข้อมูลของความต้องการลูกค้า, พฤติกรรมในการบริโภคสินค้าของลูกค้า และดูจากรูปแบบของการแข่งขันด้านราคาของคู่แข่ง
- กำหนดราคาได้แบบอัตโนมัติเพื่อคงราคาให้คงที่ และช่วยลดความผิดในการจัดการแบบ Manual
- ช่วยเพิ่มยอดขาย และรักษา Customer Loyalty
อย่างที่ได้กล่าวไป Big Data ค่อนข้างที่จะใช้การวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้จากลูกค้าที่มีปริมาณมหาศาล ซึ่งร่องรอยที่ลูกค้าทิ้งไว้ทำให้เราสามารถรู้ภูมิหลังต่าง ๆ ของลูกค้าได้ เช่น รสนิยมเป็นอย่างไร, ต้องการสินค้าอะไร, พฤติกรรมในการซื้อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อมูลของลูกค้าจะช่วยให้เราสามารถ Scope ได้ว่า ลูกค้าคนนี้ต้องการสินค้าและบริการแบบไหน ทำให้ธุรกิจของคุณมีแรงดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งผลพลอยได้ของการทำแบบนี้ก็คือ การได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง การที่เราสามารถระบุได้ว่าคนไหนเหมาะสมกับสินค้า หรือบริการแบบไหน ก็เป็นผลในเชิงบวกต่อ Customer Loyalty ถ้าคุณขายสินค้าได้ตรงจุดด้วยราคาที่เหมาะสม และเหมาะกับลูกค้าคนนั้น ๆ พร้อมทั้งมีส่วนลด หรือของแถมอื่น ๆ ลูกค้าก็จะแวะกลับมาหาคุณอยู่แล้ว
- ช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ
Big Data สามารถช่วยในการหาข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่เก็บมาได้ และเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง เช่น แผนทางธุรกิจ และการตัดสินใจที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่ว่าก็คือกุญแจสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ นั่นเอง ข้อมูลเชิงลึกที่ขุดมาได้อาจจะนำมาใช้เป็น กลยุทธ์ใหม่ในการทำธุรกิจ, การพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ ๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากปัญหาที่ลูกค้าเจอแล้วแจ้งเข้ามา), ช่วยพัฒนาเทคนิคด้านการตลาด, พัฒนาระบบในการดูแลลูกค้าให้ดีขึ้น, เพิ่ม Productivity ให้กับพนักงาน และอื่น ๆ อีกมากมายที่จะหาประโยชน์ได้จากข้อมูล
- พัฒนาความสามารถในการแข่งขันของตลาดเฉพาะกลุ่ม
อันนี้จะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ให้บริการตลาดเฉพาะกลุ่ม แม้ว่าธุรกิจของคุณจะขายงานที่เฉพาะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจคู่แข่งของคุณ อะไรที่เป็นจุดขายของคู่แข่ง และฐานลูกค้าของเขาการใช้ Big Data จะสแกน และวิเคราะห์ตลาดเฉพาะกลุ่มของคุณ ทำให้สามารถดูเทรนได้ว่าผู้ขาย และผู้ซื้อ มีพฤติกรรมอย่างไร และคุณยังสามารถใช้ประโยชน์ต่อจากข้อมูลที่ได้รับข้างต้นในการเพิ่มการแข่งขันทางการตลาด โดยการออกสินค้า และบริการให้ตรงจุดกับลูกค้านั้น ๆ จะเห็นได้ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้า และบริการทั่ว ๆ ไปก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ ถ้าเราเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ถูกจุด
- ดูแลภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของบริษัท
ด้วยการที่ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มใช้ช่องทางออนไลน์ในการขาย ทำให้การที่จะต้องคอยดูแล และรักษาชื่อเสียงของบริษัทก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจาก ลูกค้าสามารถที่จะพูดอะไรออกมาก็ได้เกี่ยวกับบริษัทของเราผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งก็ส่งผลกระทบกับ Brand ของเราไม่ว่าจะเป็นทางที่ดี หรือทางที่แย่ก็ตาม ซึ่งก็มีคนใช้เครื่องมือ Big Data ที่ว่าอยู่จริง ๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์โดยเฉพาะเพื่อหาว่าผู้คนพูดเกี่ยวกับสินค้า และบริการของคุณในรูปแบบไหนบ้าง ทำให้เราได้รับรู้ปัญหาของลูกค้า ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เอามาพัฒนาสินค้า และบริการต่อไป นี่ก็คือเหตุผลที่เราควรมีเครื่องมือนี้นั่นเอง
สรุปแล้ว Big Data เป็นเครื่องมือยุคใหม่ที่มีความสำคัญมากต่อธุรกิจ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีขนาดใหญ่อย่างเดียว และสามารถใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม ข้อดีที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ Big Data ช่วยในการเปิดช่องทาง และโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาองค์กรในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ, พัฒนาด้านความพึงพอใจของลูกค้า, ช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ และเพิ่มกำไร รวมไปถึงอื่น ๆ อีกมากมาย ประโยชน์มากมายของ Big Data ก็คือสิ่งที่เราเห็นแล้วในปัจจุบัน ซึ่งก็ยังมีโอกาสอีกมากมายที่อาจจะยังไม่มีใครนึกถึงช่องทางเหล่านั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า Big Data จะไปได้ไกลขนาดไหนครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับหัวข้อ Big Data ในวันนี้ ทุกท่านสามารถนำข้อความที่เขียนไปเป็นไอเดียในการพัฒนาองค์กรได้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ ถ้ามีหัวข้อที่สนใจอยากรู้เพิ่มเติม หรืออย่างไร สามารถ Comment กันเข้ามาได้นะครับ สำหรับท่านที่สนใจบริการของ Cloud HM สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางนี้นะครับ
ขอบคุณครับ
— Cloud HM
Suppawat K.
บอสเป็น Development Engineer ของ Cloud HM ไม่ได้เขียน Code แต่เขียน Blog มีความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นพิเศษ