Show �ԵԺؤ�� ���¶֧ �ؤ�ŷ�衮����������������Ҿ�ؤ�������ǡѺ�ؤ�Ÿ����� �ѧ��� �ԵԺؤ�Ũ֧�դ�������ö�����ǡѺ�ؤ�Ÿ����� ��
1. �ԵԺؤ�ŵ���������͡�� ��� �ԵԺؤ�ŷ��ѭ�ѵ����㹻����š���������оҳԪ�� �մ��¡ѹ 5 ������ ����
��ͨӡѴ�ͧ�ԵԺؤ�� �»��� �ԵԺؤ���������Է�����˹�ҷ�������ǡѺ�ؤ�Ÿ����� ������Է�����˹�ҷ��ҧ���ҧ�������Ҿ���������кؤ�Ÿ�������ҹ�� �ԵԺؤ�Ũ�������� �� �ԵԺؤŨзӡ�è�����¹��������� �͡�ҡ��� ��ǹ��Ҿ�ͧ�ԵԺؤ�������������ö�Ѵ�Թ���������µ���ͧ �����������ͧ�Դ�����ؤ�Ÿ����� �ԵԺؤ�Ũ��դ�������ö �Է�� ���˹�ҷ������ �ͺ�ѵ�ػ��ʧ��ͧ�ԵԺؤ�� ��ҹ�� ��Ш��ʴ��͡����Է�����˹�ҷ������¼�ҹ ���᷹�ԵԺؤ�� �ͺ�ѵ�ػ��ʧ��ͧ�ԵԺؤ�� ��� �ش������� ���͢ͺࢵ����ӹҨ�ͧ�ԵԺؤ�� �ٴ����� ���� �ԵԺؤ�Ź�鹵������������ ��Шз��������ҧ ���᷹�ԵԺؤ�� ��� ����˹�ҷ���ʴ�ਵ��᷹��ǹԵԺؤ�� ���º�����繵�ǹԵԺؤ�Ź���ͧ ��Ҿ�ԵԺؤ������������
นิติบุคคล หมายถึง บุคคลที่กฎหมายสมมติให้มีสภาพบุคคลเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา ดังนั้น นิติบุคคลจึงมีความสามารถเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา เช่น
นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่เฉพาะ ตามประเภทที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถ้าจะถามว่าอะไรเป็นนิติบุคคลบ้าง ต้องไปดูว่ากฎหมายสมมติให้อะไรเป็นนิติบุคคลบ้าง กฎหมายสามารถบัญญัติให้อะไรเป็นนิติบุคคลก็ได้ นิติบุคคลที่กฎหมายบัญญัติไว้มีมากมาย จึงของแยกนิติบุคคลออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน คือ นิติบุคคลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่
2. นิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน คือ นิติบุคคลที่บัญญัติไว้ในกฎหมายมหาชนอื่นๆซึ่งมีเป็นจำนวนมาก เช่น วัด จังหวัด กระทรวง ทบวง กรม องค์การมหาชน เป็นต้น โดยปกติ นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่ก็มีสิทธิและหน้าที่บางอย่างที่โดยสภาพแล้วมีได้เฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น นิติบุคคลจะมีไม่ได้ เช่น นิติบุคลจะทำการจดทะเบียนสมรสไม่ได้ นอกจากนี้ ด้วนสภาพของนิติบุคคลย่อมไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง เพราะไม่มีสมองคิดเหมือนบุคคลธรรมดา นิติบุคคลจะมีความสามารถ สิทธิ และหน้าที่ภายใน ขอบวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล เท่านั้น และจะแสดงออกซึ่งสิทธิและหน้าที่ก็แต่โดยผ่าน ผู้แทนนิติบุคคล ขอบเขตวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล คือ จุดมุ่งหมาย หรือขอบเขตแห่งอำนาจของนิติบุคคล พูดง่ายๆ ก็คือ นิติบุคคลนั้นตั้งมาเพื่ออะไร และจะทำอะไรได้บ้าง ผู้แทนนิติบุคคล คือ ผู้ทำหน้าที่แสดงเจตนาแทนตัวนิติบุคคล เปรียบเสมือนเป็นตัวนิติบุคคลนั้นเอง สภาพนิติบุคคลเริ่มตั้งแต่
สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!การจดทะเบียนพาณิชย์หรือทะเบียนนิติบุคคลการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ คือเมื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแล้ว จะมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล ลักษณะของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา
ลักษณะของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ข้อมูลจาก บมจ. ธนาคารกสิกรไทย กฎหมายควรรู้สำหรับ SMEs แม้จะเป็นเรื่องน่าปวดหัวสักหน่อยเวลาที่คุณต้องศึกษาและเรียนรู้เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ แต่นี่คือความเป็นจริงของวิถีแห่งการเป็นผู้ประกอบการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราขอแนะนำข้อมูลด้านกฎหมายที่คุณจำเป็นต้องรู้ ภาษีอากรสำหรับธุรกิจ SMEs
กิจการร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นทะเบียนพาณิชย์ ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 ในครึ่งปีแรก และยื่น ภ.ง.ด. 90 อีกครั้งในครึ่งปีหลัง
ธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 ในปีแรกเพื่อประมาณการรายได้ จากนั้นเมื่อสิ้นปีจะยื่นแบบ ภ.ง.ด. 52 พร้อมทั้งส่งงบดุล และมีการตรวจสอบบัญชี
ถ้าเป็นทเบียนพาณิชย์ที่มีรายได้ทั้งปีไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปีไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ แต่ถ้ามีรายได้เกิน หรือเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด) ทุกรายต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ. 01) เพื่อจะสามารถคำนวนภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักภาษีซื้อ
ใบกำหับภาษีเป็นเอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องทำขึ้นและออกให้ผู้ซื้อทุกครั้งมีการขายสินค้าหรือมีการรับเงิน หรือในกรณีที่มีการส่งมอบสินค้า โดยแสดงมูลค่าของสินค้าหรือบริการนั้นๆ และระบุจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากผู้ซื้อ โดยต้องส่งมอบใบกำกับภาษีตัวต้นฉบับให้ผู้ซื้อทันทีและเก็บตัวสำเนาไว้เป็นหลักฐาน รูปแบบใบกำหับภาษีมี 2 แบบ คือ ใบกำกับภาา๊เต็มรูปแบบ และใบกำกับภาษีอย่างย่อ กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานถือเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ผู้ประกอบการ SMEs ควรต้องทำความเข้าใจ ซึ่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงานที่คุณควรให้ความสนใจ ไดแก่
มีประเด็นสำคัญที่คุณควรรู้คือ หลักเกณในการทำสัญญาจ้าง หน้าที่ของทั้งลูกจ้างและนายจ้าง การเลิกสัญญาจ้าง
มีการกำหนดคู่สัญญาเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายเจ้าหนี้ ฝ่ายลูกหนี้ กำหนดถึงสิทธิหน้าที่ และการบอกเลิกสัญญา การจ้างลูกจ้างมาทำการงานให้แก่ตนในลักษณะเป็นงานประจำ มีการจ่ายค่าจ้างเป็นรายระยะเวลาที่ชัดเจน และนายจ้างมีอำหนาจบังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นการจ้างแรงงานที่ไม่จำเป็นต้องสัญญา เพียงแต่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันก็เกิดสัญญาแล้ว
หน้าที่ของลูกจ้าง - ต้องทำงานด้วยตนเอง ให้คนอื่นมาทำแทนไม่ได้หากนายจ้างไม่ยินยอม - ต้องทำงานตามที่ตนรับรองไว้ได้ โดยเฉพาะลูกจ้างประเภทผู้มีฝีมือพิเศษ - ต้องเชื่อฟังและปฎิบัติตามคำสั่งนายจ้างหากเป็นเรื่องชอบโดยกฎหมาย ต้องซื่อสัตย์ และเก็บรักษาความลัดของนายจ้างได้ หน้าที่ของนายจ้าง - ให้สินจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งกำหนดการจ่ายอยู่ที่ตกลงกันไว้ - ออกหนังสือรับรองผลงาน และระยะเวลาที่ทำงานให้ลูกจ้าง - หากลูกจ้างมาจากถิ่นอื่นและนายจ้างได้ออกค่าเดินทางให้เมื่อการจ้างจบลง นายจ้างก็ควรออกค่าเดินทางกลับให้ด้วย ยกเว้นว่าลูกจ้างได้ทำผิดต่อนายจ้าง
เมื่อคุณจัดตั้งธุรกิจ (ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล) คุณต้องไปขึ้นทะเบียนประกันสังคมนายจ้างและลูกจ้าง ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่จังหวัดที่กิจการตั้งอยู่ และมีหน้าที่ในการนำส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยเงินที่นำส่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของลูกจ้าง (ทุกคน) โดยหักนำส่งในอัตราร้อยละ 5 ของเิงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 750 บาท) และในส่วนที่สอง คือส่วนที่นายจ้างต้องจ่ายสมทบเป็นจะนวนเท่ากับจำนวนของเงินสมทบในส่วนของลูกจ้าง ข้อมูลเพิ่มเติดูได้จากเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน www.mol.go.th และ เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th การจดทะเบียนนิติบุคคลมีอะไรบ้างจดทะเบียนบริษัทมีขั้นตอนอะไรบ้าง. 1. ตรวจและจองชื่อบริษัท เข้าไปที่ เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อสมัครสมาชิกได้ฟรี ... . 2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ ... . 3. รอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสาร ... . 4. เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัท ... . 5. ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท. ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคลคืออะไรการดำเนินธุรกิจแบบจดทะเบียนนิติบุคคล เป็นการดำเนินธุรกิจที่แยกออกจากการเป็นบุคคลธรรมดา หากมีการดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมสัญญา นิติกรรมสัญญา รวมถึง การชำระเงินภาษีจะเป็นไปในนามของกิจการทั้งหมด ซึ่งโดยปกติการจดทะเบียนนิติบุคคลนิยมทำคือ การจดทะเบียนบริษัทจำกัด
นิติบุคคลเป็นแบบไหนนิติบุคคล หมายถึง บุคคลที่กฎหมายสมมติให้มีสภาพบุคคลเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา ดังนั้น นิติบุคคลจึงมีความสามารถเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา เช่น ความสามารถในการทำนิติกรรมสัญญา สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่ดิน เงิน หน้าที่ในการเสียภาษี
ทำไมถึงต้องจดทะเบียนนิติบุคคลการจดทะเบียนบริษัท เป็นรูปแบบการทำธุรกิจที่ได้รับความนิยมด้วย 3 เหตุผลหลัก ได้แก่ 1) สร้างความน่าเชื่อให้กับธุรกิจ 2) ช่วยคุ้มครองความรับผิดชอบของเจ้าของธุรกิจ และ 3) เสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา จึงทำให้ในปี 2562 มีบริษัทจดใหม่รวมทั้งสิ้น 71,485 บริษัท
|