เวลาเราเห็นการอธิบายข้อมูลต่างๆ โดยใช้ภาพมาประกอบให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะตามโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านั้นเรียกว่า Infographic (อินโฟกราฟิกส์) เนื่องจากพฤติกรรมการเข้าถึงข้อมูลของคนยุคปัจจุบันมีความรวดเร็วมากขึ้น ข้อมูลหลายอย่างแม้มีประโยชน์แต่ถ้าต้องใช้เวลาในการอ่านหรือศึกษาก็อาจจะไม่มีคนสนใจ Infographic จึงช่วยมาแก้ปัญหาตรงนี้นั่นเอง Show หัวข้อ Infographic คืออะไร?Infographic (อินโฟกราฟิกส์) คือ การเล่าเรื่องหรืออธิบายข้อมูล (Information) เช่น สถิติ ตัวเลข ข่าวสาร ความรู้ โดยใช้ ภาพ (Graphic) ในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของกราฟ แผนภูมิ แผนผัง สัญลักษณ์ โดยข้อมูลจะถูกย่อยให้เข้าใจได้ง่าย ทั้งยังมีการออกแบบสี รูปแบบ ลูกเล่น ภาพประกอบให้สวยงาม ดึงดูดผู้อ่านได้ด้วย โดยอาจจะมาในรูปแบบคลิปวิดีโอที่มีภาพเคลื่อนไหวและเสียงด้วยก็ได้ ข้อดีของการใช้ Infographic1. เข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะมีข้อมูลมากขนาดไหน หรือรายละเอียดเยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าสามารถย่อยและสรุปออกมาสั้นๆ อย่างตรงประเด็น ทำเป็นรูปภาพให้ดูเข้าใจง่าย ก็จะทำให้คนดูเข้าใจง่ายขึ้น หรือเห็นครั้งแรกก็รู้สึกสนใจอยากศึกษาต่อทันที 2. ทำให้คนจำได้การใช้ภาพและสีสันจะช่วยทำให้ข้อมูลดูน่าสนใจ อีกทั้งยังทำให้คนจดจำข้อมูลได้มากกว่าการอ่าน และยังเป็นการกระตุ้นให้คนสนใจและจดจำผู้ผลิตหรือแบรนด์ด้วย 3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับเพจต่างๆ ที่ต้องการทำ Content Marketing การใช้อินโฟกราฟิกจะช่วยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เพราะบ่งบอกถึงความใส่ใจในการทำคอนเทนต์ออกมานั่นเอง 4. นำเสนอข้อมูลได้หลายรูปแบบไม่จำเป็นต้องเป็นข้อมูลเชิงสถิติอย่างเดียวเท่านั้น อาจเป็นการเล่าเรื่องราว การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ในรูปแบบต่างๆ ทั้งรูปภาพ การ์ตูน คลิปวิดีโอ 5. มีอัตราการแชร์สูงกว่าคอนเทนต์แบบอื่นๆอินโฟกราฟิกดูน่าสนใจ สวยงาม ข้อมูลกระชับ ครบถ้วน สามารถเข้าใจได้ง่ายในภาพเดียว ใช้เวลาในการอ่านไม่มาก สะดวกรวดเร็ว คนจึงนิยมแชร์ในโซเชียลมีเดียเพื่อเผยแพร่ความรู้ต่อ หลักการออกแบบ Infographic1. ด้านข้อมูล
2. ด้านการออกแบบ
ขั้นตอนการทำ Infographic1. กำหนดหัวข้อการกำหนดหัวข้อก่อนจะทำให้กำหนดสิ่งอื่นๆ ต่อมาได้ คือ เนื้อหา กลุ่มเป้าหมาย เวลาที่จะเผยแพร่ 2. รวบรวมข้อมูลรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ และจดบันทึกแหล่งที่มาให้ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถกลับมาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ในภายหลัง หรือใช้สำหรับอ้างอิงในผลงาน 3. อ่านสรุปข้อมูลแล้วเลือกส่วนสำคัญสิ่งสำคัญในการทำ Infographic คือข้อมูลต้องกระชับ ครบถ้วน และเลือกข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์หรือคนทั่วไปต้องการรู้มาใส่ไว้ใน Infographic แล้วจัดกลุ่มข้อมูล เพื่อที่จะให้มีโครงสร้างชัดเจน เป็นเรื่องราว เข้าใจง่าย 4. เลือกรูปแบบ Infographicเลือกรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอข้อมูล เช่น แผนภูมิ ตาราง รูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือการเน้นตัวเลขที่เป็นข้อมูลเชิงสถิติเพื่อความน่าสนใจ 5. ตรวจสอบความเรียบร้อยเมื่อทำเสร็จแล้ว ควรตรวจสอบอีกครั้ง ขั้นตอนนี้สำคัญ เพราะ Infographic ต้องเป็นสิ่งที่เห็นแล้วสะดุดตา น่าสนใจ อ่านเข้าใจได้ง่าย นอกจากทบทวนด้วยตนเองแล้ว ควรให้คนอื่นๆ ช่วยดูด้วยว่าน่าสนใจ อ่านเข้าใจหรือไม่ 6. เผยแพร่ผลงานการเผยแพร่บนโลกโซเชียลมีเดีย ควรเขียนแคปชั่นที่น่าสนใจเพื่อเป็นตัวช่วยในการดึงดูดให้คนอยากรู้อยากอ่าน และควรติดแฮชแท็ก # ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เพื่อให้คนสามารถค้นหา Infographic ของเราได้ง่ายขึ้น คอนเทนต์ที่เป็น Infographic นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเหมาะกับพฤติกรรมการรับข่าวสารของผู้คนในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว จึงเป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการทำ Content Marketing ทำอินโฟกราฟิกยังไงให้ดูดี ? แน่นอนว่าทุกวันนี้อินโฟกราฟิกนับเป็นรูปแบบในการใช้นำเสนอข้อมูลกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นรูปภาพที่มาพร้อมข้อมูลที่เห็นภาพชัด และอ่านง่ายนั่นเอง แต่ใช่ว่าจะนำข้อมูลมาจับยัด แปะภาพแล้วจบ เพราะหัวใจสำคัญของอินโฟกราฟิก คือ ข้อมูลที่ย่อยง่าย จากการลดทอนรายละเอียด รวมถึงมีการใช้ภาพและสัญลักษณ์ในการดึงดูดผู้คนให้อ่าน เพราะฉะนั้นการทำอินโฟกราฟิกจึงไม่ใช่แค่เรื่องของภาพและตัวหนังสือ แต่ยังมีอีกหลายจุดที่ควรรู้มากมาย เพื่อให้การออกแบบออกมาเป็นมิตรกับผู้อ่านมากที่สุด วันนี้ RAiNMaker เลยรวบรวม 10 ทิปส์พื้นฐานรู้ไว้ก่อนเริ่มทำอินโฟกราฟิก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสามารถนำไปใช้งานได้จริง ไปดูกันเลยค่ะว่าทิปส์ที่ว่านี้มีอะไรบ้าง เลือกขนาดให้เข้ากับแพลตฟอร์มก่อนที่จะทำอินโฟกราฟิกก็ต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มที่จะลงก่อน ดูว่าแพลตฟอร์มที่จะโพสต์เหมาะกับภาพอัตราส่วนเท่าไหร่ 1:1, 4:5 หรือ 9:16 เพื่อจะได้ออกแบบอินโฟกราฟิกได้เหมาะสม ซึ่งเราแนะนำสำหรับคนที่อยากโพสต์แบบข้ามแพลตฟอร์มว่าให้ใช้อัตราส่วน 4:5 จะสามารถนำไปใช้ต่อได้มากที่สุด สร้าง Wireframe ทุกครั้งก่อนทำออกแบบโครงร่างคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าอินโฟกราฟิกจะออกมาเป็นแบบไหน จะได้จัดการกับทั้งข้อมูล รูปภาพได้อย่างเหมาะสมและออกมาสวยงามที่สุด ทั้งนี้ยังช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน และป้องกันความสับสน หรือไอเดียตันระหว่างทำอินโฟกราฟิกได้อีกด้วย ใช้ Visual Hierarchyทางที่ดีควรมีการจัดลำดับภาพให้เหมาะสม แบ่งเป็นประเภทของข้อมูลออกเป็นสัดส่วน หรือหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อทำให้ข้อมูลที่ซับซ้อนดูง่ายขึ้น ผู้อ่านจะได้รู้ว่าควรอ่านจากตรงไหนก่อนหลัง นอกจากนี้ควรจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้สมดุลกัน ทั้งการเว้นขอบซ้ายขวา หรือบนล่าง เพื่อไม่ให้หนักด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ข้อมูลไม่เยอะจนเกินไปข้อมูลถือเป็นหัวใจสำคัญของอินโฟกราฟิกก็จริง แต่สิ่งที่ใส่ไปในอินโฟกราฟิกต้องไม่เยอะจนเกินไป ไม่อย่างนั้นผู้อ่านจะรู้สึกว่าได้รับข้อมูลท้วมท้นเกินความจำเป็น และไม่รู้ว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด ฟอนต์อ่านง่าย แต่ต้องสะดุดตาเนื่องจากอินโฟกราฟิกมีจุดประสงค์คือการให้ข้อมูล ตัวหนังสือที่ใช้ควรจะอ่านง่าย โดยแนะนำใช้ไม่เกิน 2 ฟอนต์ สำหรับแยกความแตกต่างให้หัวข้อกับตัวข้อมูล เพื่อเน้นความสำคัญ เพราะหากใช้ฟอนต์หลายแบบในงานเดียวผู้อ่านจะสับสน และไม่รู้ว่าส่วนไหนที่เน้นเป็นส่วนสำคัญกันแน่ ซ้ำยังอาจทำให้อ่านยากอีกต่างหาก ใช้ไอคอนหรือภาพประกอบการใช้ภาพเล่าหรือใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไอคอน กราฟ หรือภาพประกอบ เป็นต้น เพื่อช่วยในการลดตัวหนังสือ ลดความซับซ้อน แถมยังช่วยดึงดูด เมื่อคนเห็นปุ๊บก็เข้าใจปั๊บโดยที่ไม่ต้องอธิบายเป็นตัวหนังสือ โดยเฉพาะส่วนที่อธิบายข้อมูลสถิติที่มีตัวเลขมาเกี่ยวข้อง การใช้ภาพ เช่น ชาร์ต กราฟ แผนภูมิ หรือแผนที่ จะเป็นการย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย และเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ควรใช้สีในการแบ่งแต่ละส่วนของข้อมูล เพื่อให้ง่ายต่อการแยกประเภทข้อมูล และอาจมีคำอธิบายเล็กน้อยอยู่ข้าง ๆ ภาพ สำหรับไอคอนก็ควรใช้แนวเดียวกันทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะทำให้ภาพไปคนละทาง เช่น ใช้ไอคอนแบบมีสีก็ใช้แบบมีสีทั้งหมด หากใช้แบบขาวดำก็ควรจะใช้ขาวดำให้เหมือนกันทั้งหมด เป็นต้น ในการเลือกภาพ สัญลักษณ์ หรือไอคอนต่าง ๆ ควรเลือกให้เหมาะสมกับข้อมูล เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเล่า และที่สำคัญคือ คุณภาพของภาพต้องดี ชัดเจน ไม่เบลอและไม่แตก เลือกสีให้เข้ากับ Mood & Tone ของงานถ้าเลือกใช้สีไม่เหมาะกับเรื่อง หรือโทนเสียงที่สื่อออกไป อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกขัดอารมณ์เมื่ออ่านข้อมูลได้ ที่สำคัญคือ ควรควบคุมสีให้อยู่ในพาเลตเดียวกัน และไม่ควรใช้สีเยอะมากจนเกินไป โดยสีที่แนะนำต่อหนึ่งชิ้นงานควรมีประมาณ 3 สีหลัก หากต้องการสีอื่น ๆ เพิ่มเติม สามารถใช้เป็นพาเลตสีรองที่ช่วยเสริมเติมแต่งองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ไม่ควรจะเด่นจนแย่งสีหลัก ข้อควรระวัง คือ หลีกเลี่ยงสีโทนนีออนที่อาจไม่เป็นมิตรกับสายตาผู้อ่าน และควรคำนึงถึงอินโฟกราฟิกที่จะไปแสดงอยู่บนพื้นหลังสีขาว บนโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ เพราะฉะนั้นพยายามเลือกสีที่ไม่กลืนกับสีขาวที่เป็นพื้นหลังจะดีกว่า ใช้พื้นที่ว่างให้เป็นประโยชน์การเหลือที่ว่างให้ผู้อ่านได้พักสายตาหรือพักหายใจในการอ่านบ้างเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าได้รับข้อมูลท่วมท้นจนเกินไป หรือมองเข้ามาแล้วรู้สึกอึดอัดเนื่องจากไม่มีช่องไฟของตัวหนังสือและรูปภาพ ดังนั้นจึงควรจัดวางเลย์เอาต์ให้สะอาดและเป็นระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน และต้องไม่ให้เหลือที่ว่างโล่งจนเกินไป เพราะจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าดีไซน์ไม่น่าดึงดูด หรือรู้สึกว่าข้อมูลไม่เพียงพอต่อความต้องการได้ คุมโทนให้ไปทางเดียวกันที่สำคัญคือการคุมโทนของงานให้ไปทางเดียวกัน ทั้งดีไซน์ สี ภาพ ฟอนต์ เพื่อให้ชิ้นงานดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการสื่อได้อย่างตรงประเด็นและชัดเจนนั่นเอง ตรวจสอบลิขสิทธิ์และให้เครดิตทุกครั้งก่อนจะนำองค์ประกอบต่าง ๆ หรือภาพมาใช้ จำเป็นต้องตรวจสอบลิขสิทธิ์และให้เครดิตทุกครั้ง รวมถึงในส่วนของข้อมูล ที่มีตัวเลข หรือสถิติ ก็ต้องตรวจสอบที่มาของข้อมูลว่าถูกต้อง และให้เครดิตทุกครั้งเมื่อนำมาใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในภายหลัง และเป็นการให้เกียรติเจ้าของผลงาน องค์ประกอบของ Infographic ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง6. องค์ประกอบของอินโฟกราฟิก • ข้อมูล – ตัวหนังสือ – ข้อความ – ตัวเลข • ภาพกราฟิก – รูปทรงเรขาคณิต –ภาพไอคอน –ภาพการ์ตูน –ชาร์ต ไดอะแกรม –ภาพถ่าย
อินโฟกราฟิก (infographic)ที่ดีเป็นอย่างไรอินโฟกราฟิกส์ที่ดีจะสามารถชี้นำผู้ชมดูและเข้าใจได้ทั้งหมด อย่าใส่องค์ประกอบทุกที่ที่เราคิดและอย่าออกแบบเป็นวงกลม ควรพิจารณาว่าผู้ชมจะสนใจจุดไหน ต้องแน่ใจว่าผู้ชมสามารถเข้าใจในวิธีการนำ เสนอ ต้องไม่ให้ผู้อ่านยุ่งยากเพราะไม่ได้ใส่ข้อมูลที่ดีไว้
Infographic รูปแบบไหนได้รับความนิยมมากที่สุดStatic infographics
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่นิยมใช้งานมากที่สุด เป็นการออกแบบจากข้อมูล นำมาสร้างแผนภาพนิ่ง เพื่อนำเสนอข้อมูลแบบทางเดียว(Linear) เพียงเรื่องเดียว ออกแบบได้ทั้งแบบเฟรมเดียว หรือ แยกเฟรมก็ได้ อ้างอิง
ข้อมูลระดับใดที่นิยมนำมาใช้ทำ Infographic มากที่สุดข้อมูลระดับใดที่นิยมนำมาใช้ทำอินโฟกราฟิกมากที่สุด
ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เพราะสามารถนำมาใช้ได้เลย อีกทั้งยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ข้อมูลตติยภูมิ (Tertiary Data) เพราะเป็นการชี้แนะแหล่งข้อมูลให้ผู้ใช้ได้ทราบ
|