แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

“ลำเลเซอร์” ย่อมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “light amplification by stimulated emission of radiation” เรียกสั้นๆ ว่า Laser สำหรับทางฟิสิกส์ คือหนึ่งในอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดลำแสงที่มีความเฉพาะตัว เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีระหว่างกลศาสตร์ควอนตัมร่วมกับอุณหพลศาสตร์

พลังงานของแสงเลเซอร์จะมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการออกแบบและการนำมาประยุกต์ใช้งาน โดยเลเซอร์ส่วนมากจะมีขนาดเล็ก พบการเบี่ยงเบนน้อย (low-divergence beam) ระบุความยาวของคลื่นแสงได้ง่าย ซึ่งดูได้จากสีของเลเซอร์เอง หากอยู่ในสเป็กตรัมที่ตาเปล่ามองเห็นได้ เรียกว่า “visible spectrum” หากเรานิยามความหมายของลำแสงเลเซอร์ให้เข้าใจได้ง่าย สิ่งนี้ก็คือ การรวมพลังแสงที่ส่งมาจากหลายความยาวคลื่นเข้ามารวมเป็นเส้นเดียวกัน

เลเซอร์อาจจะหมายความรวมไปถึงการที่พลังงานแสงวิ่งผ่านทางที่เป็นสื่อนำแสง โดยสื่อนำแสงสามารถเป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว ก๊าซ ไปจนถึงอิเล็กตรอนในรูปอิสระ ที่มีคุณสมบัติสามารถนำแสงได้ โดยอยู่ในรูปแบบที่ง่ายที่สุดคือ ออบติคอล คาวิตี้ (Optical cavity) ซึ่งจะประกอบด้วยกระจกทั้งหมด 2 อัน มีการจัดเรียงลำแสงเข้าด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งจะมีการผ่านสื่อนำแสง มีกระจกหนึ่งในนั้นทำหน้าที่เป็นตัวส่งลำแสงออกมา (Output coupler)

ตัวลำแสงเลเซอร์ที่ส่งผ่านไปยังสื่อนำแสง จะมีความยาวคลื่นแบบเฉพาะ มีพลังงานเพิ่มเข้ามา ทำให้กระพยายามที่จะกระตุ้นให้แสงส่วนมากส่องผ่านไปยังสื่อนำแสงออกมาเป็นลำแสงเลเซอร์ให้ได้ จากกระบวนการเหนี่ยวนำลำแสง ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงาน ให้เกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานแสงที่อยู่ในหลายความยาวคลื่น ความยาวคลื่นของแสงที่พบในแต่ละความยาวคลื่น จะมีการส่งผลโดยตรงต่อรูปร่าง คุณสมบัติและความยาวคลื่นของลำแสงเลเซอร์ที่ถูกสร้างขึ้น

ในการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับลำแสงเลเซอร์ เกิดขึ้นครั้งแรกในเดือน พฤษภาคม ปี 1960 ด้วยฝีมือของ โอดอร์ ไมแมน (Theodore Maiman) ณ สถาบันวิจัย ฮิวจ์ (Hughes Research Laboratories)

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

คุณสมบัติของลำแสงเลเซอร์

  1. มีคุณสมบัติที่มีทิศทางเดียวแน่นอน เรียกว่า “Directionality” ตัวลำแสงจะขนานไปในทิศทางเดียวกันตลอด แม้จะอยู่ระยะทางไกลแค่ไหน ไม่มีการบานส่วนปลายออกมา แต่ความเข้มของแสงเลเซอร์ก็จะลดลงตามระยะทาง
  2. เป็นแสงจัดอยู่ในกลุ่มแสงเอกรงค์ (Monochromaticity) เนื่องจากแสงเลเซอร์จะมีความยาวคลื่นเพียงค่าเดียวเท่านั้น ต้นกำเนิดแสงที่เราพบในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟฟ้าหรือดวงอาทิตย์ จะเป็นสีขาว แต่หากนำไปผ่านปริซึม เราจะมองเห็นแสงสีต่างๆ แยกออกมา ส่วนแสงที่ต่อเนื่องจากสีม่วงไปจนถึงสีแดง ก็คือ “แถบสเปกตรัมของแสงเลเซอร์” เช่น เลเซอร์ฮีเลียม- นีออน หากให้แสงดังกล่าวส่องผ่านปริซึมจะไม่มีการแยกออกเป็นหลายๆ เส้น แต่จะเป็นเพียง 1 เส้นเช่นเดิม โดยมีระยะความยาวคลื่น 632.8 นาโนเมตร
  3. ลำแสงเลเซอร์มีคุณสมบัติความเจิดจ้า (Brightness) ถือว่าเป็นลักษณะพิเศษที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากแหล่งกำเนิดแสงชนิดอื่น อีกทั้งยังเป็นแสงที่มีความเข้มข้นสูง ลำแสงที่ตกกระทบกับวัตถุจะเกิดเป็นแสงที่มีความระยิบตา เรียกว่า “Laser Speackle” ยิ่งส่องกระทบกับวัตถุที่มีความหยาบ หรือในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง ควัน หรืออนุภาคแขวนลอย จะทำให้เกิดการสะท้อนกลับแบบไร้ทิศทางกับตัวอนุภาคหรือผิวของวัตถุนั้นๆ อีกทั้งยังสามารถเกิดการแทรกสอดของลำแสงจนเกิดเป็นความระยิบระยับขึ้นมา
  4. เลเซอร์ฮีเลียม-นีออน ขนาด 1 mW แม้จะเป็นระดับลำแสงที่อยู่ในความเข้มข้นต่ำ แต่กลับมีความเข้มสูงมากกว่าแสงอาทิตย์ จึงเป็นอันตรายได้หากฉายเข้าดวงตาของมนุษย์โดยตรง เสี่ยงที่จะทำให้เกิดตาบอดเฉียบพลันได้เลยทีเดียว เลเซอร์ที่มีกำลังสูงอย่างมาก นิยมใช้ในด้านการทหาร และการตัดโลหะให้เป็นท่อน
  5. เลเซอร์มีความเป็นอาพันธ์ (coherence) สังเกตในหลอดไฟฟ้าที่เปล่งแสงออกมาจะประกอบไปด้วยอะตอมขนาดเล็กจำนวนมาก โดยอะตอมเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นต้นกำเนิดแสงได้ดี ดังนั้นอะตอมจะมีการปล่อยแสงออกมาได้อย่างอิสระ แสงที่ปล่อยอกมาจะมีเฟสและความยาวคลื่นที่แตกต่างกันออกไป ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นที่ปล่อยออกมาจะมีทิศทางไม่แน่นอน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นแบบ random ก็ได้ ทั้งนี้แสงต้นกำเนิดมาจากแสงธรรมชาติ ที่เรียกว่า “แสงอินโคฮีเรนต์ (incoherence light)” เป็นต้นกำเนิดแสงเลเซอร์ที่จะให้แสงสีเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในคลื่นแสงใดก็ตาม จะอยู่ในเฟสเดียวกันทั้งหมด เราอาจเรียกแสงเลเซอร์ในอีกชื่อหนึ่งว่า แสงโคฮีเรนต์ (coherence light)

คุณสมบัติเด่นของแสงเลเซอร์ คือเป็นแหล่งกำเนิดแสงที่มีการจัดคลื่นแสงได้อย่างเป็นระเบียบ ลำแสงมีความเข้มข้นสูง จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้งานได้หลากหลายด้านเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตัด เชื่อม หรือเจาะ ด้วยความเข้มข้นมาก มีโฟกัสลำแสงขนาดเล็กเป็นเส้นเดียว ก็จะดัดแต่งวัสดุต่างๆ ได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับชิ้นงานที่มีความละเอียดสูง และนิยมใช้เลเซอร์ที่มีกำลังสูง เช่น เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น

ในอุตสาหกรรมยุคปัจจุบัน เลเซอร์ถูกนำมาใช้ในกระบวนการช่วยทำงานในด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย และช่วยสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นหลายล้านดอลลาร์เลยทีเดียว เลเซอร์ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวเรา เช่น เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องสแกนบาร์โค้ด หรืออุปกรณ์ตัดโลหะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ทางด้านการแพทย์ การทหาร และการสร้างโฮโลแกรมสามมิติ ที่เรียกว่าเราจะต้องขอบคุณไอสไตน์และงานด้านควอนตัมที่ช่วยให้เข้าใจถึงอนุภาคพิเศษชนิดนี้ได้อย่างถ่องแท้มากที่สุด – ไทยเจริญเทค รับตัดเลเซอร์โลหะ เหล็ก อลูมิเนียม ฯลฯ

แสงคือ "คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า" ชนิดหนึ่ง "คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า" มีลักษณะตามมาตรฐานของ "ความยาวคลื่น" และเมื่อเริ่มจากที่มีความยาวคลื่นยาว จะแบ่งได้เป็น คลื่นวิทยุ รังสีอินฟราเรด แสงที่มองเห็นได้ รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอ็กซ์เรย์ และรังสีแกมมา

สีคืออะไร

เมื่อความยาวคลื่นแสงกระทบวัตถุ คลื่นแสงที่สะท้อนออกที่วัตถุไม่ได้ดูดซับไว้ จะมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์ (เรตินา) เมื่อปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะรับรู้ความยาวคลื่นเหล่านี้ว่าเป็น "สี" ของวัตถุ ดัชนีหักเหจะแตกต่างกันตามความยาวคลื่น ดังนั้นแสงจึงแยกออก ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถรับรู้ "สี" ต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ผลแอปเปิ้ล (ได้รับแสงธรรมชาติ ก็คือลำแสงเฉพาะที่ทำให้มนุษย์สามารถมองเห็นสีแดง) สะท้อนความยาวคลื่นแสงสีแดง (600 ถึง 700 nm) และดูดซับความยาวคลื่นแสงอื่นๆ ทั้งหมด * วัตถุสีดำดูดซับแสงทั้งหมดจึงปรากฏเป็นสีดำ

แสงที่มองเห็นได้คืออะไร

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความยาวคลื่นอยู่ในระยะที่มนุษย์สามารถมองเห็นเรียกว่า "รังสีที่มองเห็นได้" ด้านฝั่งที่มีความยาวคลื่นสั้น รังสีที่มองเห็นได้มีความยาว 360 ถึง 400 nm ส่วนฝั่งที่มีความยาวคลื่นยาววัดได้ 760 ถึง 830 nm ความยาวคลื่นที่สั้นหรือยาวกว่า "รังสีที่มองเห็นได้" ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

ความแตกต่างระหว่างแสงธรรมดาและลำแสงเลเซอร์

นี่เป็นความแตกต่างระหว่างแสงทั่วไป (โคมไฟ และอื่นๆ) และแสงเลเซอร์ เลเซอร์จะปล่อยลำแสงที่มีความแน่นอนของทิศทางสูง หมายความว่าองค์ประกอบของคลื่นแสงจะเดินทางด้วยกันเป็นเส้นตรง โดยแทบไม่มีองค์ประกอบใดออกนอกทิศทาง แหล่งกำเนิดแสงทั่วไปจะปล่อยคลื่นแสงที่กระจายออกทุกทิศทาง คลื่นแสงในลำแสงเลเซอร์เป็นสีเดียวกันทั้งหมด (คุณสมบัติที่เรียกว่า แสงสีเดียว) แสงทั่วไป (เช่น แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์) มักเป็นส่วนผสมระหว่างสีต่างๆ ที่รวมกันจนปรากฏเป็นสีขาว
เมื่อคลื่นแสงในลำแสงเลเซอร์เดินทาง จุดสูงสุดและร่องคลื่นจะสั่นไปพร้อมกัน ลักษณะนี้เรียกว่า ความพร้อมเพรียง (Coherence) เมื่อนำลำแสงเลเซอร์สองลำมาซ้อนทับกัน จุดสูงสุดและร่องคลื่นแสงในแต่ละลำแสงจะเสริมกันและกันเพื่อสร้างรูปแบบการรบกวน

แสงธรรมดาแสงเลเซอร์มีทิศทางแน่นอน
(เดินทางเป็นเส้นตรง)
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
หลอดไฟ
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
เลเซอร์แสงสีเดียว (มีสีเดียว)
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
ความยาวคลื่นไม่สม่ำเสมอ
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
ความยาวคลื่นสม่ำเสมอความเป็นความพร้อมเพรียง
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
แสงธรรมชาติ
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
ยอดคลื่นและท้องคลื่นอยู่ในแนวตรงกัน

ประวัติของคำว่าเลเซอร์

คำว่าเลเซอร์ (Laser) มีจุดกำเนิดมาจากคำย่อ “Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation”

อะตอม (โมเลกุล) ดูดซับพลังงานจากภายนอก จะเลื่อนจากระดับต่ำ (สถานะพลังงานต่ำ) ไปสู่ระดับสูง (สถานะพลังงานสูง) สถานะนี้อธิบายได้ว่าเป็นสถานะถูกกระตุ้น
สถานะถูกกระตุ้นนี้เป็นสถานะที่ไม่เสถียร เพราะอะตอมอาจกลับไปสู่สถานะพลังงานต่ำได้ทันที ซึ่งเรียกว่า การเปลี่ยนสถานะ
เมื่อเกิดขึ้น แสงที่มีค่าเท่ากับความต่างของพลังงานจะถูกปล่อยออกมา ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า การปล่อยพลังงานออกมาตามธรรมชาติ แสงที่ปล่อยออกมาเมื่อชนเข้ากับอะตอมอื่นๆ ที่อยู่ในสถานะถูกกระตุ้นเหมือนกัน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะในแบบเดียวกัน แสงที่ปล่อยออกมานี้เรียกว่าแสงที่เกิดจากการกระตุ้นให้ปล่อยแสง

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

ชนิดเลเซอร์

เลเซอร์แบ่งออกได้เป็นชนิดกว้างๆ 3 ชนิด คือ Solid-state ก๊าซ และของเหลว

ประเภทของเลเซอร์ที่เหมาะสมจะต่างกันไปขึ้นกับการประยุกต์ใช้งานที่ต้องการ

Solid-State

Nd: YAGYAG (Yttrium Aluminium Garnet)

ความยาวคลื่นมาตรฐาน (1064 nm)

Second harmonic (532 nm) (เลเซอร์สีเขียว)

  • การมาร์กบางบนซิลิกอนเวเฟอร์ ฯลฯใช้สำหรับการมาร์กละเอียดและการตัด

Third harmonic (355 nm) (เลเซอร์ UV)

  • ใช้สำหรับกระบวนการที่มีความละเอียดสูงพิเศษ เช่นการมาร์ก LCD การตัดเพื่อซ่อมแซม และการเจาะรู VIA Holeกระบวนการซ่อมแซมผลึกเหลว: การตัดผิวเคลือบขณะซ่อมแซมการเจาะรู VIA Hole: การเจาะรูในแผ่น PCB

เลเซอร์ YAG (Nd: YAG)เลเซอร์ YAG จะใช้ในการมาร์กทั่วไปและการตัด เช่น การมาร์กและการตัดขอบทั้งในวัสดุพลาสติกและวัสดุประเภทอื่น เลเซอร์ชนิดนี้มีความยาวคลื่นใกล้เคียงอินฟราเรดที่ 1064 nm และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
YAG เป็นโครงสร้างผลึกของอีทเทรียม (Y) อะลูมิเนียม (A) และโกเมน (G) ด้วยการเจือธาตุที่เปล่งแสงได้ ซึ่งในกรณีนี้คือไอออนนีโอไดเมียม (Nd) ผลึก YAG จะเข้าสู่สถานะการกระตุ้นผ่านการดูดซับแสงจากเลเซอร์ไดโอดNd: YVO4 (1064 nm)YVO 4 (Yttrium Vanadate)

  • การมาร์กตัวอักษรขนาดเล็กมีกำลังสูงสุดที่สูงในความถี่ Q-switch สูงมีประสิทธิภาพการแปลงค่าพลังงานที่ดี

เลเซอร์ YVO4 (Nd: YVO4)มักใช้เลเซอร์ YVO4 สำหรับการประยุกต์ใช้งานการมาร์กที่ละเอียด เช่น การมาร์กตัวอักษรขนาดเล็กและการตัดชนิดอื่นๆ เลเซอร์ YVO4 มีความยาวคลื่นคล้ายกับเลเซอร์ YAG (1064 nm) จึงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เลเซอร์ YVO4 เป็นเลเซอร์ชนิดของแข็งที่มีโครงสร้างผลึกของอีทเทรียม (Y) วานาเดียม (V) และออกไซด์ (O4) เมื่อเจือโครงสร้างนี้ด้วยไอออนนีโอไดเมียม (Nd) ซึ่งเป็นธาตุเปล่งแสง จะเกิดสภาวะถูกกระตุ้นเมื่อปลายโครงสร้างได้รับแสงจาก LDYb: ไฟเบอร์ (1090 nm)Yb (Ytterbium)

  • การมาร์กด้วยกำลังสูงกำลังขยายสูงพิเศษบนพื้นที่ขนาดกลาง ให้เอาต์พุตสูงสามารถย่อขนาดได้เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำความเย็นและกลไกทำความเย็นที่เรียบง่าย

LD: (650 ถึง 905 nm)

  • เซมิคอนดักเตอร์เลเซอร์ (GaAs, GaAlAs, GaInAs)

ก๊าซ

CO2 (10.6 μm)

  • เครื่องจักรสำหรับตัด การประยุกต์ใช้งานการมาร์ก การลอกผิวด้วยเลเซอร์

เลเซอร์ CO2เลเซอร์ CO2 มักถูกใช้สำหรับเครื่องจักรสำหรับตัดและการประยุกต์ใช้งานการมาร์ก
เลเซอร์ชนิดนี้มีความยาวคลื่นอินฟราเรด 10.6 μm จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เลเซอร์ CO2 ไม่เพียงแต่มีก๊าซ CO2 ในท่อออสซิลเลชันที่ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังมีก๊าซ N2 (ไนโตรเจน) และ He (ฮีเลียม) ในปริมาณที่กำหนดอีกด้วย
คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เลเซอร์ CO2 มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเลเซอร์ “ชนิดปิดผนึก” ไนโตรเจน (N2) จะเพิ่มพลังงานให้กับ CO2 ส่วนฮีเลียม (He) จะลดระดับพลังงานให้มีความเสถียรมากขึ้นอย่างช้าๆHe-Ne มาตรฐาน (630 nm)

  • ระบบการวัด (การวัดโปรไฟล์ ฯลฯ)เลเซอร์ชนิดนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดมีการใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับการวัดโปรไฟล์ ฯลฯ เนื่องจากมีเอาต์พุตต่ำ

Excimer (193 nm)

  • อุปกรณ์ฉายแสงเซมิคอนดักเตอร์ การรักษาดวงตาเลเซอร์ Excimer จะสร้างแสงที่มีโครงสร้างเรียบง่ายโดยผสมก๊าซเฉื่อยกับก๊าซฮาโลเจนเลเซอร์อุลตร้าไวโอเลตความเข้มสูง (DUV) มีอัตราการดูดซับที่สูงมาก(เลเซอร์ชนิดดังกล่าวใช้ในการรักษาดวงตาด้วยการระเหยผลึกเลนส์และปรับโฟกัสเรตินา

อาร์กอน (488 ถึง 514 nm)

  • การประยุกต์ใช้งานทางวิทยาศาสตร์เลเซอร์อาร์กอนมีให้ใช้งานหลายสี มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในห้องปฏิบัติการ เช่น ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพ

ของเหลว

สีย้อม (330 ถึง 1300 nm)

  • การประยุกต์ใช้งานทางวิทยาศาสตร์การใช้แสงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นสีย้อมจะทำให้สีย้อมเรืองแสง

คุณสมบัติของความยาวคลื่น

เลเซอร์มาร์กเกอร์แบบ CO2

ความยาวคลื่น 10600 nm :มักจะใช้สำหรับการมาร์กกระดาษ พลาสติก แก้ว และเซรามิค
วัสดุที่โปร่งใสจะดูดซับความยาวคลื่นนี้ จึงสามารถมาร์กบนฟิล์มและวัตถุอื่นๆ ได้
เอาต์พุตที่สูงของความยาวคลื่นนี้ทำให้เหมาะสำหรับการตัดขอบผลิตภัณฑ์หล่อขึ้นรูปและการตัดแผ่น PET ฯลฯ

  • เลเซอร์มาร์กเกอร์แบบ YVO4
  • เลเซอร์มาร์กเกอร์แบบ YAG
  • เลเซอร์มาร์กเกอร์แบบไฟเบอร์

ความยาวคลื่น 1064 nm (ไฟเบอร์: 1090 nm):
(ความยาวคลื่นมาตรฐาน)มักจะใช้สำหรับการมาร์กโลหะ พลาสติก และเซรามิค
ความยาวคลื่นนี้ให้สีพลาสติกได้ดีและทำการมาร์กได้อย่างชัดเจน
เลเซอร์ YVO4, YAG และไฟเบอร์เลเซอร์มีคุณสมบัติของแสงที่ต่างกันแม้จะมีความยาวคลื่นคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นผลมาจากตัวกลางและวิธีออสซิลเลชันที่ต่างกัน แต่ละชนิดมีการประยุกต์ใช้งานที่ต่างกันตามชิ้นงานและวัตถุประสงค์ เลเซอร์ YVO4 มีกำลังสูงสุดที่สูงและความกว้างพัลส์สั้น ซึ่งเหมาะสำหรับการมาร์กที่มีความละเอียดสูงและการตัด ไฟเบอร์เลเซอร์จะใช้ความร้อนจากความกว้างพัลส์ที่ยาว จึงเหมาะสำหรับการมาร์กสีดำด้วยความร้อนและการมาร์กแบบลึกบนโลหะ เลเซอร์ YAG มีประสิทธิภาพในการตัดที่ต่ำ แต่เหมาะสำหรับงานเชื่อมและการประยุกต์ใช้งานประเภทอื่นๆ ที่ต้องการความร้อนสูง

เลเซอร์มาร์กเกอร์แสงสีเขียว

ความยาวคลื่น 532 nm:
(ความยาวคลื่น SHG)โดยทั่วไป ยิ่งความยาวคลื่นของเลเซอร์สั้นลง พลังงานจะยิ่งสูงขึ้น และอัตราการดูดซับของวัตถุจะยิ่งมากขึ้น
แม้เลเซอร์ YAG และ YVO4 จะถูกดูดซับได้ไม่ง่ายนัก แต่ก็เหมาะสำหรับใช้งานกับวัสดุที่มาร์กได้ยาก

เลเซอร์มาร์กเกอร์ UV

ความยาวคลื่น 355 nm:
(ความยาวคลื่น THG)เลเซอร์นี้มีความยาวคลื่นสั้นกว่า SHG และอยู่ในช่วงแสง UV
เลเซอร์ UV มีอัตราการดูดซับที่สูงโดยไม่ขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุและสร้างความเครียดที่เกิดจากความร้อนที่ต่ำ ความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์จึงมีน้อยและทำให้การมาร์กมีความเปรียบต่างสูง

หลักการของเลเซอร์ออสซิลเลเตอร์

ส่วนนี้จะอธิบายถึงหลักการทำงานที่นำไปสู่การออสซิลเลเตอร์ของแสงเลเซอร์

1. การเร่งประจุ

เมื่อได้รับแสงจากแหล่งภายนอก อิเล็กตรอนจะดูดซับแสงและเปลี่ยนแปลงสถานะทางพลังงานจากสถานะไม่ถูกกระตุ้น (พลังงานต่ำสุด) เป็นสถานะถูกกระตุ้น (พลังงานสูงขึ้น) เมื่อพลังงานเพิ่มขึ้น อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่จากวงโคจรปกติไปสู่วงโคจรที่มีระยะห่างขึ้น การเพิ่มพลังงานเช่นนี้เรียกว่า “การกระตุ้น”

สถานะของอะตอม

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
อะตอมที่อยู่ในสถานะพื้น

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
อะตอมที่อยู่ในสถานะถูกกระตุ้น

สถานะอิเล็กตรอน
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

2. การปล่อยพลังงานออกมาตามธรรมชาติ

อิเล็กตรอนในสภาวะถูกกระตุ้นจะเปลี่ยนไปตามระดับพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามปริมาณของพลังงานที่ดูดซับได้ อิเล็กตรอนที่มีพลังงานเพิ่มขึ้นจะมีความเสถียรเมื่ออยู่ในสถานะคลายตัวเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นการคายพลังงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดระดับกลับไปสู่สถานะพลังงานต่ำ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น จะมีการเปล่งแสงที่มีพลังงานเทียบเท่ากับพลังงานที่ปล่อยออกมา สิ่งนี้เรียกว่า การปล่อยพลังงานออกมาตามธรรมชาติ

สถานะของอะตอม

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
สถานะอิเล็กตรอน
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

3. การปล่อยพลังงานที่ถูกกระตุ้น

ตามที่ได้แสดงในภาพตัวอย่างด้านล่าง เมื่อแสงถูกส่งผ่านอิเล็กตรอนที่มีพลังงานในระดับเดียวกัน จะมีการสร้างโฟตอนของแสงที่มีพลังงาน เฟส และทิศทางที่เทียบเท่า ขึ้นเพิ่มเติม ในการปล่อยพลังงานที่ถูกกระตุ้น โฟตอนของแสงที่ถูกส่งผ่านจะปล่อยโฟตอนสองตัวเสมอ สิ่งนี้เรียกว่า การปล่อยพลังงานที่ถูกกระตุ้น
แสงที่ถูกกระตุ้นจะมีพลังงาน เฟส และทิศทางในการเคลื่อนที่เช่นเดียวกับแสงตกกระทบ การกระตุ้นและปล่อยพลังงานแสงในปริมาณมากจะทำให้แสงมีความเข้มสูงที่มีปัจจัยหลักทั้งสามนี้ แสงเลเซอร์จะถูกสร้างโดยกระตุ้นการเปล่งแสงเพื่อเพิ่มความเข้มแสงตกกระทบ ดังนั้น แสงเลเซอร์จึงมีสีเดียว (เนื่องจากพลังงานของแสงต้องเท่ากัน) มีความคงที่ (มีเฟสในแนวเดียวกัน) และมีทิศทางแน่นอน (เนื่องจากทิศทางในการเคลื่อนที่เป็นแนวเดียวกัน)

สถานะของอะตอม

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด
สถานะอิเล็กตรอน
แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

4. ปริมาณผกผัน

อิเล็กตรอนที่มีพลังงานหนาแน่นจะต้องมีปริมาณสูงกว่าอิเล็กตรอนพลังงานต่ำอย่างมากเพื่อออสซิลเลตลำแสงเลเซอร์ สิ่งนี้เรียกว่า ปริมาณผกผัน ปริมาณของโฟตอนแสงที่ยิงออกมาจะต้องมีจำนวนมากกว่าโฟตอนแสงที่ถูกดูดซับเพื่อให้การสร้างแสงเลเซอร์มีประสิทธิภาพ

ปริมาณผกผันของอิเล็กตรอน

แสงเลเซอร์อยู่ในช่วงความถี่ใด

  • = อิเล็กตรอนพลังงานสูงจำนวนมาก
  • = อิเล็กตรอนพลังงานสูงจำนวนน้อย

5. เลเซอร์ออสซิลเลชัน

เมื่ออิเล็กตรอนหนึ่งเปล่งแสงด้วยการปล่อยพลังงานออกมาตามธรรมชาติเนื่องจากปริมาณผกผัน แสงนั้นจะกระตุ้นให้อิเล็กตรอนอื่นเปล่งแสง และปริมาณของโฟตอนแสงจะเพิ่มขึ้นตามอิเล็กตรอนที่ถูกกระตุ้นใกล้เคียง ซึ่งทำให้เกิดแสงที่เข้มข้น สิ่งนี้เรียกว่า เลเซอร์ออสซิลเลชัน

แสงเลเซอร์จัดเป็นแหล่งกำเนิดใด

คุณสมบัติทั้ง 4 นี้เรียกรวมๆ กันว่า คุณสมบัติโคฮีเร้นท์ (Coherent) เลเซอร์จึงเป็นแหล่งกำเนิดแสงแบบโคฮีเร้นท์ (Coherent Light Source) นั่นเอง จุดเด่นทั้ง 4 นี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้แสงเลเซอร์เกิดประโยชน์ในด้านประยุกต์ เช่น การที่แสงเลเซอร์มีค่าความยาวคลื่นที่แน่นอน จึงทำให้เลเซอร์ถูกใช้เป็นมาตรฐาน และใช้ในงานที่ต้องการ ...

ยิงแสงเลเซอร์ คือ อะไร

LASER หรือที่ย่อมาจาก Light Amplification By Stimulated Emission of Radiation มีความหมายตามตัวอักษรว่า “การเพิ่มปริมาณคลื่นแสงโดยการกระตุ้นให้ปล่อยคลื่นแสงออกมา” เลเซอร์ จะหมายรวมไปถึงการให้พลังงานผ่านทางสื่อนำแสง ซึ่งสื่อนำแสงอาจเป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว ก๊าซ หรืออิเล็กตรอนอิสระที่มีคุณสมบัติสามารถนำแสงได้ ในรูปแบบ ...

เลเซอร์ ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าข้อใด

รังสีเลเซอร์ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ นิวเคลียสเป็นแกนกลาง และมีอิเล็กตรอนวิ่งรอบ มนุษย์สร้างขึ้น มีความยาวคลื่นในย่านรังสีอินฟราเรด นิวเคลียสเป็นวงอย่างเป็นชั้นๆ ไม่ต่อเนื่องกัน ซึ่ง

แสงเลเซอร์คืออะไร มีความถี่ในช่วงใด

แสงเลเซอร์คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความถี่แคบๆ (คลื่นแสงที่มีความถี่ค่าเดียว) หรืออาจกล่าวได้ว่า “แสงเลเซอร์เป็นแสงบริสุทธิ์ที่สุด เท่าที่นักวิทยาศาสตร์จะผลิตขึ้นมาได้”