ผลผลิต (output) คือ ผลที่ได้จากการทำงานร่วมกันของตัวป้อน และกระบวนการของระบบ ผลผลิตยังรวมถึงสิ่งที่เป็นผลพลอยได้จากระบบซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ก็ได้ เช่น ของเสีย เศษวัสดุ ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) คือ ข้อมูลที่ใช้ในการควบคุมหรือป้อนกลับให้ระบบทำงานได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจมีได้ในบางระบบ ���������������Ѻ������������ͧ��ͷ�� �Ъ�����餹��Ѻ�ĵԡ��� ���ͷӧҹ�����ҧ�ջ��Է���Ҿ�ҡ��� ���Шз�����������ҷ���ҷ�仹���ռš�з����� ���ͼԴ��Ҵ��ͼ������ҡ������§� ������ҨФԴ���ҧ�áѺ�ŧҹ�ͧ��� ���ǹӢ�͵Ԫ���ҧ � ����ҹ�������������Ԩ�ó��֡�� ��л�Ѻ��ا���բ����ա ��ѡ���������������Ѻ
���������Ҿĵԡ����ͧ������ ����ö��Ѻ����¹�����仵������ͧ�������㹤����繨�ԧ ��÷����Ҩл�Ѻ�ĵԡ��������蹹�� ���������ҡ���ҡ������һ�Ѻ�ĵԡ����ͧ���ͧ �ѧ��� ���ӡ������¹������ʴ��͡��觾ĵԡ������������� ���;Ѳ�ҵ��ͧ����Դ�����������㹡���ʴ��͡ ���������Դ����ª��㹡������ѧ�� ����㹡�÷ӧҹ���� 14 กันยายน 2563 การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ผศ นพ พนม เกตุมาน ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล “ชมบนหลังคา ด่าในห้องใต้ถุน” การทำงานหรือการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน เมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่พึงประสงค์ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จำเป็นต้องมีเปลี่ยนแปลงโดยการให้ feedback หรือการให้ข้อมูลย้อนกลับ เพื่อให้ผู้นั้นรู้ความต้องการ ความคาดหวัง และมีพฤติกรรมใหม่ที่ดี พัฒนาขึ้น เพื่อให้เรียนรู้ ทำงานหรืออยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข การ feedback เป็นทักษะสังคมที่สำคัญ แต่มักถูกละเลย พฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม เมื่อไม่มีใคร feedback ไม่มีใครช่วยเตือน สอน หรือบอกให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ผู้นั้นอาจจะเรียนรู้ไปผิดๆ คิดว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นถูกต้อง ดังนั้นถ้าไม่แก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมนั้นจะติดเป็นนิสัยไม่ดี และกลายเป็นบุคลิกภาพไม่ดี ในทางกลับกัน เมื่อใครทำดี แล้วไม่มีใครชื่นชม พฤติกรรมดีนั้นขาดการส่งเสริมให้คงอยู่ ในที่สุดจะค่อยๆหายไป การ feedback มีหลักการ และเทคนิควิธีการที่เหมาะสมและได้ผล การfeedback ที่ใช้อำนาจ รุนแรง หรือทำด้วยอารมณ์มากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ความไม่พอใจ ความโกรธ ดื้อดึงต่อต้าน เสียความสัมพันธ์ และไม่เปลี่ยนพฤติกรรม คำจำกัดความ การให้ข้อมูลย้อนกลับ คือ การสื่อสารให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พฤติกรรมดียังคงอยู่หรือเพิ่มขึ้น พฤติกรรมที่ไม่ดีลดลง องค์ประกอบ การให้ข้อมูลย้อนกลับ ประกอบด้วย
ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ต้องการการให้ข้อมูลย้อนกลับ
การใช้ Feedback ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคน การ feedback ในพฤติกรรมคน คำนึงถึงจิตใจอารมณ์ความคิดของคน ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ตามบุคลิกภาพของคน การ feedback โดยใช้หลักการโค้ช (coaching) และการให้คำปรึกษา (counseling) เน้นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ตามทฤษฎี Client Centered Theory ของ Carl Roger ที่เชื่อในศักยภาพของมนุษย์ พฤติกรรม สามารถเรียนรู้เปลี่ยนแปลงแก้ไข และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เมื่อจิตใจอารมณ์สงบ และได้รับข้อมูลเพียงพอ เทคนิคการ feedback ใช้แนวทางการให้คำปรึกษา (counseling) โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยใช้พื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างผู้ให้ feedback และผู้รับ feedback และใช้หลักการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามทฤษฎี cognitive-behavior theory ที่ใช้การเสริมแรงทางบวก positive reinforcement ในการสร้างแรงจูงใจให้อยากมีพฤติกรรมที่ดี มีส่วนร่วมในการคิด และแก้ไขพฤติกรรมด้วยตัวเอง ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้อนข้อมูลย้อนกลับ (Common myths about feedback)
ความเชื่อเหล่านี้ ถูกต้องเพียงบางส่วน ไม่ควรใช้เพราะไม่ได้ผลดี และเกิดปัญหาตามมาได้มาก หลักการ feedback
ประเภทของ feedback
การชม (Positive Feedback) ใช้เทคนิค “ชมบนหลังคา ด่าที่ใต้ถุน” พฤติกรรมดีควรมีเทคนิคในการชม (positive feedback) ให้เกิดความภาคภูมิใจตนเอง ควรชมให้ผู้อื่นทราบหรือร่วมชื่นชมด้วย แต่อย่าให้มากเกินไป และเมื่อชมแล้วอาจเสริมให้ผู้นั้นรู้สึกต่อไปว่าตัวเองเป็นรู้สึกดีหรือภาคภูมิใจที่ได้ทำดีด้วย ต่อไปจะชื่นชมตัวเองเป็น โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นเห็นความดีของตน หรือรอให้คนอื่นชม ดังตัวอย่างนี้ “อาจารย์ดีใจมากที่เธอช่วยเหลือเพื่อน เธอรู้สึกอย่างไร (เธอรู้สึกดีต่อตัวเองมั้ย หรือรู้สึกอย่างไร)” “พวกเราภูมิใจที่เธอได้รางวัลครั้งนี้ เธอคงภูมิใจในตัวเองเหมือนกัน ใช่ไหม” การชม หรือ การชื่นชม คือเทคนิคหนึ่งในกลุ่ม การเปลี่ยนพฤติกรรมที่ให้รางวัลเพื่อให้พฤติกรรมนั้นไม่จางหายไป เรียกว่า operant conditioning การชมมีหลักการดังนี้
การเตือน (Negative Feedback) เมื่อมีพฤติกรรมไม่ดี ไม่เหมาะสม ที่สมควรแก้ไขเปลี่ยนแปลง อาจารย์ควรมีเทคนิคในการตักเตือน (negative feedback)ให้คิดและยอมรับด้วยตัวเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เวลาเตือน อย่าให้เกิดความรู้สึกอับอาย อย่าให้เสียหน้า การเตือนเรื่องที่น่าอับอายควรเตือนเป็นการส่วนตัว ก่อนเตือนควรหาข้อดีของเขาและชมเรื่องนั้นก่อน แล้วค่อยเตือนตรงพฤติกรรมนั้น เช่น “ อาจารย์รู้ว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่อาจารย์ไม่เห็นด้วยกับการที่เธอเอาของเพื่อนไปโดยไม่บอก” (ใช้ I-message ร่วมด้วย) “อาจารย์เห็นแล้วว่าเธอมีความตั้งใจมาก แต่งานนี้เป็นงานกลุ่ม ที่อาจารย์อยากให้ช่วยกันทำทุกคน” เทคนิคการชมก่อนเตือนนี้เรียกว่า เทคนิคแซนวิช (sandwich method) โดยการผสมผสานทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยใช้วิธีการ “ชม-เตือน-ชม” จะช่วยให้การเตือนนุ่มนวล และยอมรับได้ง่ายขึ้น หลักการสำคัญ ในการเตือน
การเตือน ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการสื่อสาร เพื่อจูงใจให้เปลี่ยนพฤติกรรม โดยใช้การสื่อสารทางบวก ตามแนวทางการให้คำปรึกษา (counseling) มีขั้นตอนดังนี้
Feedback โดยใช้เทคนิก SOAP (SOAP Feedback Technique) S – Subjective O – Objective A – Assessment P – Plan 1. Subjective อาจารย์ใช้คำถาม เพื่อให้ได้ข้อมูลว่า เกิดเหตุการณ์ อะไร อย่างไร มีผลดี มีผลเสีย อะไรตามมา ถ้าจะเปลี่ยนแปลงได้อยากทำอะไร “เกิดอะไรขึ้น” “เกิดได้อย่างไร” “ผลตามมาเป็นอย่างไร” “ผลดีที่เกิดขึ้น” “ผลเสียที่เกิดขึ้น” “คิด รู้สึกอย่างไร” “ถ้ากลับไปเปลี่ยนแปลงได้ อยากจะทำอะไรแตกต่างไปจากเดิม” “คิดจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป” 2. Objective อาจารย์แสดงความเห็น จากที่ฟังนักเรียนนั้น อาจารย์เห็นข้อดีอะไร 1-2 ข้อ เห็นข้อเสียอะไร 1-2 ข้อ อาจารย์รู้สึกอย่างไร เช่น ดีใจ เสียใจ เป็นห่วง กังวล ต่อเหตุการณ์ “ข้อดีคือ…” “มองด้านบวก อาจารย์เห็นว่า…” “ข้อเสียที่อาจารย์เห็นคือ…” “อาจารย์รู้สึกกังวลที่เกิดเหตุการณ์นี้” 3. Assessment อาจารย์ประเมินเหตุการณ์นั้น แล้วสรุปว่า ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะเกิดอะไร ถ้าทำมากขึ้นหรือน้อยลงจะเกิดอะไร เป็นความเห็นของอาจารย์ แล้วสื่อสารความคาดหวังของอาจารย์ “อาจารย์คิดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะ…” “อาจารย์คิดว่า ถ้าไม่ทำจะ…” “อาจารย์คิดว่า ถ้าทำเพิ่มขึ้นจะ…” 4. Plan แผน ทบทวนว่า จะทำอะไรต่อไป ให้นักเรียนคิดเอง มี commitment ด้วยตัวเอง วางแผนเอง มีรายละเอียด “สรุปแล้วเธอมีความเห็นอย่างไร” “อะไรทำให้เธออยากแก้ไข เปลี่ยนแปลง” “อาจารย์อยากฟังว่า เธอจะคิดแก้ไขอย่างไร” “อาจารย์เชื่อว่าเธอคงจะหาทางแก้ไขได้” ในทุกขั้นตอน ชมในส่วนดีของนักเรียน เช่น วิธีคิด ที่ดี การวางแผนที่ดี เจตคติที่ดี Feedback ด้วยประโยค I–message ในการเตือน ถ้าเลือกใช้สรรพนามขึ้นต้นที่ดี จะสร้างความรู้สึกที่แตกต่างกัน การสื่อสารทั่วไปมักขึ้นต้นด้วย You- message ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ผลที่ตามมาของ You-message มักสร้างความรู้สึกลบต่อผู้ฟัง ทำให้เสียความรู้สึก เสีย self esteem คิดว่าคนอื่น(พ่อแม่หรืออาจารย์) มองตนเองไม่ดี คิดว่าตนเป็นคนไม่ดี ไม่มีคุณค่า คงไม่สามารถทำได้ดี ไม่มีใครไว้ว่างใจ ทำให้รู้สึกเสียใจ เศร้า โกรธ ไม่ยอมรับ เบื่อ ไม่อยากฟัง หูทวนลม ดื้อ ไม่มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือยิ่งแกล้งทำผิดมากขึ้น การใช้ I-message ซึ่งเป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย “I” หรือ “ฉัน” ซึ่งเป็นสรรพนามที่ 1 (ฉัน ผม อาจารย์ ฯลฯ) สร้างความรู้สึกยอมรับได้ดีกว่า You-message ตัวอย่างเช่น “แม่ไม่สบายใจที่เห็นผลสอบลูก” ขึ้นต้นด้วยคำว่า “แม่” “อาจารย์เป็นห่วงผลการเรียนของหนู” ขึ้นต้นด้วยคำว่า “อาจารย์” “อาจารย์อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” ขึ้นต้นด้วยคำว่า “อาจารย์” ประโยคที่ขึ้นต้นแบบนี้ จะถ่ายทอดความรู้สึกที่ดี นุ่มนวล และ สามารถบอกความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการความคาดหวังของผู้พูดที่ชัดเจน และจูงใจให้ผู้ฟังอยากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากกว่า บทบาทผู้ให้ feedback ผู้ที่ทำหน้าที่ให้ feedback ควรมีการกำหนดหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน รับทราบทั้งสองฝ่าย โดยมีการตกลงกันก่อนตั้งแต่เริ่มต้น แล้วติดตามพฤติกรรมนั้นเพื่อให้ feedback ผู้ที่มีหน้าที่ feedback ตามกฎหมาย เช่น เจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ตำรวจ อัยการ เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าพนักงานของรัฐ ที่มีต่อประชาชน บางสถานการณ์มีการ feedback ตามวัฒนธรรมหรือหลักการปกครอง เช่น พ่อแม่ผู้ปกครองเตือนลูก อาจารย์เตือนเด็กในปกครอง เจ้านายเตือนลูกน้อง อาจารย์เตือนอาจารย์รุ่นน้อง หรือ เพื่อนเตือนเพื่อน การเตือนในบางสถานการณ์อาจมีความเสี่ยง เช่น ลูกน้องเตือนเจ้านาย เตือนคนที่ไม่รู้จักกัน เตือนผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อน หรือ ไม่ได้ตกลงกันก่อน ผู้รับการเตือนอาจไม่ยอมรับ หรือไม่พอใจ ควรทำด้วยความระมัดระวัง บทบาทผู้รับ feedback ผู้รับการ feedback ควรมีพฤติกรรมแสวงหาการให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback-seeking behavior) ในการเรียนหรือการทำงาน ผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ควรมีพฤติกรรมแสวงหาการให้ข้อมูลย้อนกลับ ดังนี้
ผู้ที่มีพฤติกรรมแสวงหา feedback มักประสบความสำเร็จในการเรียน และการทำงาน เพราะคนที่ให้ feedback จะมีแรงจูงใจที่จะให้อีก การ feedback ที่ไม่ได้ผล
สรุป การให้ข้อมูลย้อนกลับ หรือ feedback เป็นการสื่อสารที่ช่วยให้พฤติกรรมที่ดียังคงมีต่อไป และลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา การ feedback ที่ดีควรใช้เทคนิคในการสื่อสารด้านบวก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง อาจารย์สามารถนำไปใช้เพื่อช่วยให้นิสิตนักศึกษามีพฤติกรรมดีขึ้นและแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พัฒนาเป็นคนเก่ง ดี และมีความสุขต่อไป ขอให้สนุกกับการ feedback นะครับ 12 กันยายน 2563 เอกสารแนะนำ 1.Benjamin Jim Blatt, The George Washington University School of Medicine [email protected]. SOAP method is from the GW TALKS (Teaching and Learning Knowledge and Skills) Senior Students as Teachers Program) 2.Positive Behavioral Interventions and Supports https://miblsi.org/practices/behavior/tier-1-behavior/feedback-for-behavior 3.Which Kind of Feedback Is Best? How do we know when we should use positive or negative feedback? https://www.psychologytoday.com/intl/blog/happiness-in-world/201309/which-kind-feedback-is-best 4.Behavior Feedback. https://www.provost.vt.edu/content/dam/provost_vt_edu/faculty_affairs/leadership_development/Behavioral_Feedback.pdf |