วันนี้ผมจะมาแบ่งปันเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่อง “กฎไตรลักษณ์” ซึ่งถือว่าเป็นกฎธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อาจหลีกหนีกฎนี้ไปได้ เพื่อให้ทุกท่านตระหนักถึงสัจธรรมข้อนี้ จะได้ไม่ใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท และทำความเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเรา เราไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุด ธรรมชาติต่างหากที่ยิ่งใหญ่ที่สุด Show อนิจจตากับทุกขตา ใกล้เคียงกันมาก ถ้าจะให้เข้าใจง่ายให้กำหนดดังนี้ครับ อาการปรากฏชัดภายนอก หรือความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏให้เห็น เช่น ผมหงอก ฟันหลุด หนังที่เหี่ยวย่น เป็นอนิจจตา ความไม่สมบูรณ์ในตัวมันเองความบกพร่องภายใน ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นทุกขตา พูดง่ายๆ ว่า ความเปลี่ยนแปลง (change) คือ อนิจจตาสาเหตุของความเปลี่ยนแปลง (subject to change) เป็นทุกขตา ส่วน อนัตตา มีความหมาย 2 นัย คือ (1) “ไม่ใช่ตน” หมายถึงไม่ใช่ตัวตนของเรา สักแต่ว่าธาตุสี่ขันธ์ห้ารวมกันแล้วก็สมมติว่า นายนั่น นางนี่ เท่านั้นเอง แท้จริงแล้วไม่มีตัวตนที่แท้จริง ถึงเวลาก็ดับสลายไปตามเหตุปัจจัย พระบาลีอธิบายไว้ชัดแล้วว่า ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นตัวเป็นตนของใครจริงแล้ว เขาย่อมบังคับหรือขอร้องมันได้ เช่น บอกมันว่า ผมเอ๋ย ให้แกดำงามอยู่อย่างนี้นะเว้ย อย่าได้หงอกเป็นอันขาด ฟันเอ๋ย เอ็งอย่าโยกคลอนนาเว้ย เคี้ยวอะไรลำบากว่ะ กำลังวังชาขอให้เข้มแข็งอยู่อย่างนี้นา อย่าได้ “บ้อลั่ก” เป็นอันขาด ขอให้ “เตะปี้บ” ดังปังๆ ตลอดไป มันฟังเราไหม? เปล่าเลย ถึงเวลาผมมันก็หงอก ฟันมันก็โยกคลอนหรือหลุดไป และหมดเรี่ยวหมดแรงลงตามลำดับขนาดขึ้นบันไดยังหอบแล้วหอบอีก นี่คือความหมายของอนัตตานัยที่หนึ่ง ส่วนความหมายนัยที่สองคือ “ไม่มีตัวตนถาวร” อันนี้หมายถึง ไม่มีอัตตา หรืออาตมันถาวร อย่างที่คนสมัยนั้นเชื่อถือและสั่งสอนกัน คือชาวอินเดียสมัยโน้นสอนกันว่า ร่างกายแตกดับสลายไปแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งไม่ดับไปด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ “สมบูรณ์ที่สุด” (the absolute) สิ่งนี้เรียกกันว่า “อัตตา” (หรือ อาตมัน) บ้าง “ชีวะ” บ้าง แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีอัตตาอย่างที่ว่านั้น พระพุทธองค์ทรงบอกให้พระปัญจวัคคีย์วิเคราะห์แยกแยะขันธ์ 5 ไปทีละอย่างๆ เพื่อให้เห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ความเปลี่ยนแปลง ความไม่มีตัวตนและมิใช่ตัวตน เมื่อแยกพิจารณาแล้วก็ให้พิจารณารวมอีกทีว่า เมื่อแยกแต่ละชิ้นส่วนออกแล้ว มันยังไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีตัวตนและมิใช่ตัวตน เวลารวมกันแล้วมันจะเที่ยงแท้แน่นอน มีตัวตนและเป็นตัวตนอย่างไร ขันธ์ 5 คืออะไร คงไม่ต้องแจงอีกนะครับ เพราะได้พูดไว้ย่อๆ ในตอนก่อนแล้ว พระองค์ทรงใช้วิธีถามให้คิดตะล่อมให้เข้าจุด ในที่สุดปัญจวัคคีย์ก็ได้คำตอบด้วยตนเองเป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและได้ใช้บทบาทแห่งปัญญาของตนคิดและเข้าใจโดยอิสระปราศจากการครอบงำและยัดเยียด นับเป็นวิธีการสอนที่ทันสมัยอยู่เสมอ ผู้เรียนวิชาครูลองศึกษาเทคนิควิธีการสอนปัญจวัคคีย์ในพระสูตรนี้ ของสมเด็จพระบรมครูดูสิครับ บางทีท่านอาจ “ตรัสรู้” ก็ได้ บันทึกธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ) (cont.) ไตรลักษณ์ 3 มี อะไร บ้างไตรลักษณ์ทั้ง 3 ประการ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เป็นสิ่งชาวพุทธพึงระลึกได้ หากเกิดทุกขัง คือ ความทุกข์ที่เกิดซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ให้พึงใช้ปัญญามองให้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งบนโลก คือ อนิจจัง ซึ่งจะนำไปสู่ความเห็นแจ้งในอนัตตา คือ ความไม่มีตัวตนที่ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ได้โดยไม่มีวันเสื่อมสลาย
ข้อใดคือความหมายของอนัตตาอนัตตา (บาลี: อนตฺตา) หรือ อนาตมัน (สันสกฤต: अनात्मन् อนาตฺมนฺ) แปลว่า ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ใช่อัตตา (หรืออาตมัน) ไม่ใช่ตัวตน หรือ สภาพที่บังคับบัญชาไม่ได้ อันเป็นธรรมชาติของสังขารและวิสังขาร
อนิจจตาหมายถึงอะไรอนิจจตา (อนิจจลักษณะ) - อาการไม่เที่ยง อาการไม่คงที่ อาการไม่ยั่งยืน อาการที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมและสลายไป อาการที่แสดงถึงความเป็นสิ่งไม่เที่ยงของขันธ์.
ไตรลักษณ์คืออะไร เป็นอย่างไร มีความสําคัญกับชีวิตอย่างไรประโยชน์ของไตรลักษณ์คือ เพื่อให้มนุษย์ไม่ลุ่มหลงไม่ยึดติดยึดถือกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นของเรา ทำให้ลดอุปทานคือ การยึดมั่นยึดถือ ไม่ก่อความ ทุกข์หรือความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ลดความเห็นแก่ตัวลง สามารถปรับตัวได้ แม้ว่าจะเกิดการพลัดพรากจากสิ่งที่พึงปรารถนาที่รักใคร่หรือสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา
|