ระบบฟิวดัลหรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ Show ระบบฟิวดัลหรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ เป็นระบบการเมืองการปกครองสังคม และเศรษฐกิจของยุโรปในยุคกลาง ซึ่งเป็นลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง ขุนนางระดับสูงกับขุนนางระดับลองลงมา และเจ้าของที่ดินกับพลเมืองที่ทำมาหากินบนที่ดินนั้น ระบบฟิวดัลพัฒนาการมาจากการปกครองของจักรวรรดิโรมันในยุคที่พวกอนารยชนรุกรานประชาชนจึงต้องพึ่งขุนนางที่ปกครองท้องถิ่น ขุนนางท้องถิ่นจึงมีอำนาจขึ้นเรื่อยๆ จักรพรรดิโรมันจึงต้องกระจายอำนาจให้แคว้นต่างๆปกครองดินอดนตนเอง มีกองทัพและกฎหมายตัดสินคดีความต่างๆ เพื่อคุ้มครองประชาชน ต่อมาเกิดการช่วงชิงอำนาจในระหว่างผู้ปกครองจักรพรรดิต้องอาศัยกองกำลังและการสนับสนุนจากขุนนางในมีอำนาจมั่นคง จักรพรรดิจึงต้องพระราชทานที่ดินให้แก่ขุนนางหรือ ลอร์ด เพื่อให้ขุนนางจงรักภักดี และเป็นการตอบแทนความดีความชอบจากการทำสงคราม ขุนนางหรือลอร์ดจะนำที่ดินที่ได้รับพระราชทานมาแบ่งให้กับขุนนางระดับรองลงไป เรียกว่า วัสซัล ซึ่งเป็นผู้หาประโยชน์ในที่ดินนั้นคือ จะปกครองดูแลผู้คนที่ทำมาหากินบนที่ดินในเขตที่ตนรับผิดชอบ เรียกว่าแมนเนอร์ (Manor)ในแต่แมนเนอร์จะมีคฤหาสน์หรือปราสาทซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของขุนนางและครอบครัว ปราสาทของขุนนางมีกำแพงล้อมรอบ เป็นศูนย์กลางของแมนเนอร์บริเวณรอบๆเป็นท้องไร่ท้องนาและที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ทำงานในที่ดินนั้น ซึ่งอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน แต่ละแมนเนอร์จึงเป็นหน่วยเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยสินค้าจากภายนอก ประชนที่อาศัยและทำงานในที่ดินนั้นเรียกว่า เซิร์ฟ (Serf) ซึ่งจะจ่ายผลผลิตให้เจ้าของที่ดิน และอุทิศแรงงานทำการเพราะปลูกในที่ดินของเจ้าของที่ดินเป็นการตอบแทน เรียกระบบเศรษฐกิจแบบนี้ว่า ระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์ (Manorial System) ระบบฟิวดัลเริ่มล่มสลายในราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ เมื่อเศรษฐกิจในยุโรปเจริญเติบโตขึ้น จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเมื่องที่เป็นศูนย์กลางการค้าและเมืองอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยเฉพาะเมืองท่าต่างๆทำให้ผู้คนที่อยู่ในแมนเนอร์อพยพเข้าไปอยู่ในเขตเมืองเพื่อทำงานและได้สิทธิเป็นพลเมือง เกิดการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ทำให้ระบบแมนเนอร์ล่มสลาย ผนวกกับขุนนางที่เคยมีอำนาจต้องออกไปทำสงครามครูเสดเสียชีวิตเป็นจำนวนมากและยากจนมาก เป็นผลทำให้ระบบฟิวดัลเสื่อมอำนาจลงในที่สุดจนล่มสลายในคริสต์ศตวรรษที่๑๓-๑๔ อิทธิพลขอลระบบฟิวดัลที่มีต่อพัฒนาการของยุโรป ด้านการปกครอง ระบบฟิวดัลเป็นรากฐานการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เป็นรูปแบบการปกครองท้องถิ่นของดินแดนต่างๆในยุโรป เมื่อระบบฟิวดัลล่มสลาย กษัตริย์สามารถสถาปนาอำนาจทางการเมืองได้อย่างมันคง ทำให้เกิดการสร้างรัฐชาติ และพัฒนาเป็ฯประเทศในเวลาต่อมา ด้านสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมในสมัยฟิวดัลสะท้อนอยู่ในปราสาทหรือคฤหาสน์ของลอร์ด ที่เป็นศูนย์กลางในแมนเนอร์ รับอิทธิพลจากสิ่งก่อสร้างความรู้สึกมั่นคง แข็งแกร่งสำหรับเป็ฯที่อยู่อาศัยและป้องกันศัตรูที่มากรุกรานได้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม ในช่วงปลายสมัยฟิวดัล เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นมาก ทำให้เกิดชนชั้นกลางซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้าและพวกช่างเรียกว่า ชนชั้นกระฎุมพี (bourgeois)หมายถึงชนชั้นที่เป็นอิสระไม่อยู่ในระบบแมนเนอร์ และได้รวมตัวจัดตั้งสมาคมช่างฝีมือหรือสมาคมอาชีพ เพื่อพัฒนาแรงงานและคุณภาพสินค้า ระบอบฟิวดัลหรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ charlem-crowned farmer Share this:Like this:ถูกใจ กำลังโหลด... ระบบฟิวดัล มีผลอย่างไรกับสภาพสังคมในสมัยกลางในช่วงปลายสมัยฟิวดัล เศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นมาก ทำให้เกิดชนชั้นกลางซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้าและพวกช่างเรียกว่า ชนชั้นกระฎุมพี (bourgeois)หมายถึงชนชั้นที่เป็นอิสระไม่อยู่ในระบบแมนเนอร์ และได้รวมตัวจัดตั้งสมาคมช่างฝีมือหรือสมาคมอาชีพ เพื่อพัฒนาแรงงานและคุณภาพสินค้า
ผลของระบบฟิวดัลยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบันในรูปของอะไร *4. ในปัจจุบันอิทธิพลของระบอบฟิวดัลยังคงเหลือให้เห็นอยู่หรือไม่อย่างไร ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเป็นอิทธิพลทางวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จาก ตาแหน่งของขุนนางต่างๆ เช่น ดุ๊ก บารอน เอิร์ล เซอร์ เป็นต้น รวมทั้งข้อปฏิบัติของอัศวิน ที่ต้องให้เกียรติและปกป้องคุ้มครองสตรี เรื่อง สงครามครูเสด
ระบอบฟิวดัลเสื่อมลงด้วยสาเหตุใดสาเหตุแห่งความเสื่อม สงครามครูเสดทำให้ระบบฟิวดัลเสื่อมลง เพราะพวกขุนนางต้องออกไปรบ กษัตริย์ก็พยายามเพิ่มพูนอำนาจของตนขึ้นเรื่อยๆ ความเจริญทางการค้าทำให้ระบบช่วยตนเองของแมเนอร์ลดความสำคัญลง
ระบบฟิวดัลเกิดขึ้นในสมัยใดระบบฟิวดัล ระบบเจ้าครองนคร ระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือบ้างใช้ว่า ศักดินาสวามิภักดิ์ (อังกฤษ: feudalism) คือระบอบการปกครองในอดีตเป็นระบบการเมืองที่ผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียมทางกฎหมาย เศรษฐกิจ การทหารและวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองในทวีปยุโรปยุคกลางตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ถึง 15.
|