คำในภาษาไทยมีลักษณะพิเศษอย่างไร

ลักษณะของภาษาไทย

ลักษณะของภาษาไทยได้ ๗ ลักษณะ  ดังนี้

๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด  คือภาษาที่เป็นคำพยางค์เดียว เช่น คำที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า  พี่  น้อง  ยาย  ป้า  ตา  ต่อมายืมคำจากภาษาต่างประเทศมีคำหลายพยางค์ใ เช่น ดำริ  เสด็จ 

     ลักษณะพิเศษของคำไทยซึ่งไม่มีในภาษาอื่น มีดังนี้

๑. ภาษาไทยมีคำลักษณนามที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เพื่อให้ทราบสัดส่วนรูปพรรณสัณฐาน

          ๒. ภาษาไทยมีคำซ้ำ คำซ้อน ที่เป็นการสร้างคำเพิ่มเพื่อใช้ในภาษา

           ๓. ภาษาไทยมีคำบอกท่าทีของผู้พูด เช่น นั้น  นี้   หรอ  โน้น  ไป

           ๔. ภาษาไทยมีคำบอกสถานภาพของผู้พูดกับผู้ฟัง เช่น  กระผม  ดิฉัน   ครู   เรา  นาย

๒. ภาษาไทยมีการเรียงคำเป็นประโยคในรูปแบบ ประธาน กริยา กรรม

แต่ก็มีประโยคในภาษาไทยอยู่ไม่น้อยที่เหมือนว่าจะเปลี่ยนลำดับคำได้ โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

เช่น ดินเปื้อนกระเป๋า                    ข. กระเป๋าเปื้อนดิน

๓. ภาษาไทยมีการใช้ วรรณยุกต์ คือ มี การไล่เสียงวรรณยุกต์ นั้นคือ การผันวรรณยุกต์

การผันวรรณยุกต์ ได้ ๕ เสียง

1.       เสียงสามัญ

2.       เสียงเอก

3.       เสียงโท

4.       เสียงตรี

5.       เสียงจัตวา

๔. ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ เป็นหน่วยภาษา

หน่วยเสียงที่ใช้ในภาษาไทยแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ หน่วยเสียงสระ หน่วยเสียงพยัญชนะ และหน่วยเสียงวรรณยุกต์

         หน่วยเสียงสระในภาษาไทยมี ๒๑ หน่วยเสียง

o   สระเดี่ยว ๑๘ เสียง 

o   สระสั้น ๙ เสียง

o   สระเสียงยาว ๙ เสียง

o   สระประสม ๓ เสียง

        หน่วยเสียงพยัญชนะไทย มี ๔๔ รูป  ๒๑ เสียง

o   พยัญชนะเดี่ยว

o   พยัญชนะควบกล้ำ

        หน่วยเสียงวรรณยุกต์ มี ๕ เสียง

o   เสียงสามัญ

o   เสียงเอก

o   เสียงโท

o   เสียงตรี

เสียงจัตวา แต่มีเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์เพียง ๔ รูปเท่านั้น  คือ   ไม้เอก  ไม้โท ไม้ตรี และไม้จัตวา เครื่องหมายวรรณยุกต์ไม่ได้ใช้แทนเสียงวรรณยุกต์นั้น ๆ ตรงตัวเสมอไป เพราะ ต้องเปลี่ยนแปรไปตามกลุ่มของพยัญชนะว่าเป็น อักษรกลาง อักษรสูง หรืออักษรต่ำรวมทั้งคำเป็น คำตาย สระสั้น-สระยาว และกฎการผันวรรณยุกต์

 

๕. ภาษาไทยเป็นการขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

๖. ภาษาไทยมีการลงเสียงหนัก-เบาของ

การลงเสียงหนัก เบาของคำ

    ๑.คำสองพยางค์ จะลงเสียงหนักในพยางค์ที่สอง

    ๒. คำสามพยางค์ มักจะลงเสียงหนักที่พยางค์ที่สาม และพยางค์ที่หนึ่ง

    ๓. คำสี่พยางค์ขึ้นไป ลงเสียงหนักที่พยางค์สุดท้าย ส่วนพยางค์อื่น ๆจะลงเสียงหนัก-เบาตามลักษณะส่วนประกอบของพยางค์ที่มีสระยาวหรือมีเสียงพยัญชนะท้าย

 

๗. คำในภาษาไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำเมื่อนำไปใช้ในประโยค เพื่อแสดงความสัมพันธ์กับคำอื่นในประโยค และไม่ต้องเปลี่ยนรูปคำ เพื่อแสดงเพศ พจน์ หรือกาล เราจึงเราสามารถทราบความหมายของคำและความสัมพันธ์กับคำอื่นได้จากบริบท

บริบท หมายถึง ถ้อยคำที่ปรากฏร่วมกับคำที่เรากำลังพิจารณา หรือสถานการณ์แวดล้อมในขณะที่กล่าว หรือเขียนคำ ๆ นั้น

ภาษาไทยมีความพิเศษอย่างไร

1. เป็นคำภาษาโดด มีคำใช้โดยอิสระ ไม่ต้องเปลี่ยนรูปเพื่อบอก เพศ,พจน์,กาล เช่น พ่อ, แม่, เขย, ลุง, พระ เป็นคำแสดงเพศในตัว ฝูง,กอง,เดียว,เหล่า,เด็กๆ เป็นคำแสดงพจน์(จำนวน)ในตัว กำลัง, จะ, แล้ว, เพิ่ง, เมื่อวาน เป็นคำแสดงกาล (เวลา) ในตัว

ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยเป็นอย่างไร

ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยที่มีความแตกต่างไปจากภาษาอังกฤษที่ส่งผลต่อการท าความเข้าใจ และถ่ายทอดได้อย่างถูกต้องในกรณีของการแปลเอกสารทางวิชาการ ประกอบด้วย 1) ภาษาไทยไม่มี การใช้ค าน าหน้านามเพื่อบ่งชี้เฉพาะหรือกล่าวโดยทั่วไป 2) ประโยคภาษาไทยสามารถละประธานของ ประโยคได้ 3) ภาษาไทยมีค าก ากวม และ 4) ภาษาไทยไม่มีการเปลี่ยนรูปค า ...

ลักษณะของภาษาไทยมีความเป็นมาอย่างไร

ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ ภาษาไทยปรากฏครั้งแรกในพุทธศักราช 1826 โดยพ่อขุนรามคำแหง และปรากฏอย่างสากลและใช้ในงานของราชการ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2476 ด้วยการก่อตั้งสำนักงานราชบัณฑิตยสภาขึ้น และปฏิรูปภาษาไทย พุทธศักราช 2485.

ลักษณะสำคัญของภาษาคำโดดคือข้อใด

1. ภาษาไทยเป็นภาษาคําโดด (Isolating Language) คือ เป็นคําที่มี ความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง รูปศัพท์เพื่อบอก พจน์เพศ กาล จะทราบได้จากบริบทหรือคําบางคําก็บอกเพศใน ตัวเองอยู่แล้ว