ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

เริ่มต้นก่อนลดน้ำหนัก = 75-77 กิโลกรัม น้ำหนักสวิงตามอาหารที่กิน
ปัจจุบัน = 63.5 กิโลกรัม
เป้าหมาย = 50-55 กิโลกรัม (เอาไว้ถึงเป้าจะขอมาโพสอีกทีนะค่า)

เหตุผลที่อยากลด: ตอนน้ำหนักมาก ยอมรับว่ามีหลายโรค ทั้งหอบหืด ปวดขา ปวดเข่า
แค่เดินเล่นเกมเยอะๆยังปวดขาเลย ประจวบเหมาะกับหอแฟนมีฟิตเนสฟรีด้านบน ขอใช้ซะหน่อย
อีกเหตุผลนึงคือ รู้สึกว่าถ้าอยากทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ เป็นพวกไม่ยอมแพ้อะ

เคล็ดลับส่วนตัว ซึ่งจริงๆ ท่านอื่นคงทำมาเยอะแหละ แต่จะเน้นอีกทีว่า ถ้าทำได้ละก็
ยาลดไม่ต้อง อดข้าวก็ไม่ต้อง งดอาหารก็บายเลย

1. พวกน้ำหวาน เคยกินเป๊ปซี่ เคยกินโค้ก เข้าใจว่าบางคนติด แต่ต้องพยายามไม่ทาน หรือคนที่ติดกาแฟ เคยมีคนแนะนำเราทานกาแฟดำ ทำใจไม่ได้จริงๆ กาแฟนี่ต้องนมนะ เลยใช้วิธีกินครึ่งแก้ว แล้วเก็บไว้กินวันถัดไปต่อ แต่วันไหนอยากกินชาก็จะซื้อเป็นแบบ No Sugar กินเลยจ๊ะ
2. ลดข้าว 50% จากที่กินอยู่แบบเดิม แต่ส่วนตัวกินข้าวไรซ์เบอรี่นะคะ เวลาเคี้ยวมันจะเพลิน เคี้ยวนานดี รู้สึกอิ่มกว่าข้าวขาว และถ่ายคล่อง (อันหลังนี่สัมผัสได้จากตัวเองจริงๆค่า) ส่วนพวกอาหารคลีน กินค่ะ แทบจะทุกกลางวันเลย เพราะออฟฟิศมีสั่งมากิน ไม่น้อยนะคะ เยอะจนอิ่มไปทั้งวันเลย
3. พยายามงดพวกของทอดทุกชนิด เมื่อก่อนติดหมูทอดเชียงรายมากก มันหมูกรอบๆกับข้าวเหรียวมันเป็นอะไรที่สุดยอด แต่ทุกวันนี้ต้องทำใจค่ะ เบือนหน้าหนีทุกครั้งเมื่อเห็น แต่ใช่ว่าจะไม่กินนะคะ ถ้าวันใดแฟนอยากกิน KFC หรือที่ออฟฟิศเลี้ยงของแนวนี้ เรายอมข่ะ ไม่รู้สิ ไม่อยากให้คนอื่นมาลำบากด้วย (หรรอออ)
4. หนังไก่ มันหมู ขาหมู แทบจะไม่แตะแล้วค่ะ เมื่อก่อนกินขาหมูแถวออฟฟิศบ่อยมากๆ พอเริ่มมาลดน้ำหนัก คือหักดิบไม่เข้าร้าน จนเจ๊ขายข้าวขาหมูเดินมาเกาะแขนแล้วบอกว่า "โกธรอะไรพี่หรือเปล่า" 555 เลยบอกเหตุผลไปค่ะ แต่สารภาพว่ากากหมูแถมฟรีในก๋วยเตี๋ยว บางทีก็ยอมเพื่อความแซ่บ
5. ตั้งแต่เราลดน้ำหนักเรากินน้ำเยอะขึ้นมากๆนะ ส่วนตัวเมื่อก่อนประมาณ 4-5 แก้ว ตอนนี้ตามเกณฑ์ 8-10 แก้ว บางวันแอบเกิน เรารู้สึกว่าการกินน้ำช่วยลดอาหารอยากของจุบจิบระหว่างวันได้นะคะ
6. ออกกำลังอย่างต่ำครึ่งชม. เคยฟิตจัดคือ 2 ชม.แต่ตอนนั้นหลับเป็นตาย
- ความโชคดีคือด้านบนมีฟิตเนสเล็กๆของหอ แต่ไม่มีลู่วิ่ง จะมีพวกจักรยาน เครื่องออกกำลังวงรี อันนี้อย่างน้อย 4 ครั้ง/สัปดาห์
- ซื้อแผ่นรองออกกำลังมา 450 บาท (ขอบคุณแฟนที่ซื้อให้) ณ จุดนี้เน้นออกพวกกล้ามเนื้อ เช่น พุง ตูด ขา ท่าทางเราก็เก็บเอาตามเน็ตมาปรับใช้ตามวัน และให้เหมาะสม ไม่ให้เจ็บกล้ามเนื้อ
- ส่วนแขน ด้านบนฟิตเนสมีดัมเบลหลายขนาด เลยได้ออกบ้าง ท่าทางเหมือนเดิม เก็บตามเน็ตมาปรับใช้ให้เหมาะสม
- ซิทอัพกับแพลงค์ เกือบทุกวัน ยกเว้นวันไหนกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนบ้างแฟนบ้าง วันนั้นจะไม่ทำ เดวอ้วก
7. ถ้าเลี่ยงอาหารที่เป็นบุฟเฟ่ต์ไม่ได้ จงอย่าปฎิเสธค่ะ แต่รำลึกในใจเสมอว่า อย่ากินเยอะ...เอาพออิ่ม อย่าเอาคุ้ม เน้นคุยเน้นฮามากกว่า ล่าสุดนี่บุฟเฟ่ต์พิซซ่า กินไปเยอะมาก รู้สึกผิด แต่ก็ห้ามงดมื้ออื่นนะคะ ก็ทดแทนด้วยการออกกำลังกายเอา
8. งดขนมจุบจิบระหว่างวัน ตอนทำงานนี่ยิ่งมีสิทแลกซื้อนี่ขนมมาเต็มจ้า ห้ามใจสิ อย่ากินนะอย่ากิน แต่ถ้าปากว่างจริงๆ เรากินแต่ผลไม้อะคะ เรานี่ซื้อขนมมาเติมเกม ยังไม่ได้กินเลย ส่งให้น้องที่ทำงานกินต่อ แต่ถ้าเลี่ยงไม่กิไม่ได้จงนึกเสมอว่าที่ผ่านมากว่าจะทำได้มันทรมานนะแก 1-2 ชิ้นพอนะ
9. สำคัญที่สุดที่จะเกี่ยวข้องกับทุกข้อคือ "ใจ" และ "สมอง" ค่ะ ใช้สมองพยายามคิดนะว่า กว่าจะทำได้เนี่ยมันเหนื่อยนะ เข้าใจว่ามันหอมมาก เอาใจกับข่มสิ แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดี เมื่ออาหารหมดแล้ว โล่งมากๆ 555

ตอนอ้วนสุดๆ ประมาณ 75-77 กิโลกรัม
ภาพนี้ประมาณช่วงกลาง-ปลายปีที่แล้ว กินอย่างมันส์เลย 555 ตอนนั้นหาได้แคร์ไม่

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

อันนี้คือภาพล่าสุดประมาณช่วงสัปดาห์ก่อน
น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 64-65 โดยประมาณ

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
จนแฟนบอก "นี่ตะเองใส่เสื้อเค้าได้แล้วเรอะ!"
ปล. ภาพไม่ได้แต่งอะไรทั้งนั้น ยกเว้นภาพเสื้อชมพู แต่งแสงเพราะตอนถ่ายมันมืดมาก >,<

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ขาลงอะ แต่แขนลงยากชะมัดเลยพี่ชาย

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ภาพล่าสุด เมื่อวานนี้เลย เลี้ยงส่งน้องที่ทำงาน กินชาบูซูชิ แต่ดูในมือสิคะ ขนมหวาน!
แต่ก็กินนะ กังวัลไม่ก็ตอบว่าไม่  

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ดูผอมลงเยอะมากนัก เพราะเป้าหมายจริงๆยังอีกยาวไกลนักตั้งอีก 10 โล
แต่เราต้องทำให้ได้ อะไรที่ยากก็เคยผ่านมาแล้ว อันนี้ต้องทำให้ได้เช่นกัน
ฝากถึงคนที่ลดทุกท่าน "ถ้าใจเราอยากทำซะอย่าง สุดท้ายก็ต้องทำได้ค่ะ"

สู้ๆนะ ^ ^

สรุป 4 สูตรลดความอ้วน จากน้ำหนัก 82 กิโลกรัม ลดเหลือ 50 กิโลกรัม แบบ step by step แนะนำวิธีลดความอ้วน อย่างง่ายที่หลายๆคนมองข้าม หลักสำคัญคือเรื่องอาหาร แนะนำ ควร งดแป้ง และ น้ำตาล ส่วนการออกกำลังกายนั้นจะช่วยเพิ่มความกระชับให้กับหุ่น ทำให้หุ่นสวยเข้าที่ ดังนั้นการลดน้ำหนัก เน้นการเลือกรับประทานอาหาร เป็นหลัง 90% ส่วน 10% ของการลดน้ำหนักคือการออกกำลังกาย 

สรุป 4 สูตรหลักๆ ที่สำคัญต่อการลดน้ำหนัก

  1. งดข้าวเย็น
  2. งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย
  3. ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่
  4. ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก

ความอ้วน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับของกินอร่อยๆ มาช้านาน หากว่าใครที่กำลังกินจุกจิก หรือกินเกินความพอดี ความอ้วนจะต้องมาเยือนเราอย่างแน่นอน ตอนกินเข้าไปอะไรๆ ก็ดูง่าย แต่รู้รึเปล่าว่าการเบิร์นออกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากซะยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองมีความน่าสนใจมาก เธอได้นำเรื่องราวสูตรลดน้ำหนักด้วยตัวเองนี้ลงไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com โดยถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในการลดน้ำหนักขนาดไหน แต่เธอก็ยังพยายาม จนสามารถทำให้รูปร่างตัวเองกลับมาสวยใสได้ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน ถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และไม่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเกินไป ลองไปติดตามเรื่องราวของเธอกัน …

สวัสดีค่ะ คือเราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก
คือมันเป็นไรที่จะว่าง่ายก็ง่ายนะ ว่ายากหน่อยก็ได้ 5555555 แต่มันอยู่ที่ใจล้วนๆ

และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ ... คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป

เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรก

คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย

คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ .....

พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู .... ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริง

เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโล

สูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าน้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนานมีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
ลดน้ําหนัก

1. งดข้าวเย็น

นั่นแหละ น่าตกใจไหม
วิธีแรกที่เราเริ่มทำเลยนะ คือ งดข้าวเย็น วันแรกที่เริ่มลดก็คือในรูปนี่ละ ซัดพิซซ่าไปแล้ว หลังจากนี้ก็รู้สึก เห้ยเราก็ทนได้นี่หว่า ไม่ได้รู้สึกหิวเลยนะ อาจจะเป็นเพราะอ้วนมาก อาหารที่กินแต่ละวันคงยังเหลือให้ใช้พลังงานได้อีกเยอะ 55555

ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆ ไปเลย

มันดีมาก เลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 5555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล !! แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ

นี่คือน้ำหนักลดแล้ว 2 โล เย้เย้ คือเหลือ 80 กิโล

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
ลดน้ําหนัก

2. งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย

คือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
ไม่ สิ เราไม่ถึงขั้นวิ่ง เราทำแบบเดินเร็วๆ เร็วธรรมดากับเร็วมาก สลับกัน เราไปวิ่งที่ฟิตเนสมหาลัย ความเร็วของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.9 ไรแบบนี้
แล้วก็มีปั่นจักรยานบ้างนะ บ้างจริงๆ เวลารอเครื่องวิ่งตอนไปว่างก็ปั่นๆ รอ มีภาพมายืนยัน

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
ลดน้ําหนัก

การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป
การออกกำลังกายของเราอีกแบบคือ ตีแบต มันสนุกดีนะ โชคดีที่เพื่อนก็ไปตีด้วย
อ๋อ ลืมบอกตอนลดน้ำหนักนี่ เพื่อนก็เป็นส่วนสำคัญนะ คือปกติเราอยู่หอใช่ปะ ทุกวันคือกินข้าวกับเพื่อน พอถึงคราวที่เราจะลดน้ำหนัก
เรา ต้องบอกมันอย่างจริงจังเลย ว่า ไม่กินนะข้าวเย็น ร้านนมหรือไปกินขนมที่ไหนก็ห้ามชวน แรกๆ ก็ยังมีชวนบ้าง หลังๆ เราไม่ไป เพื่อนนี่เงียบหายไปเลย 555

คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมาก !!
จริงนะ คือเราดูแล้วเรามีกำลังใจมากเลย ก็คือจะเน้นควบคุมอาหาร มากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งปกติเราก็ออกอยู่แล้วละ
พอ ดูรายการนี้เราก็ กินแบบคำนวณแคลอรี่เลยละ จริงจังมากๆ ถ้าจะกินตอนเย็นคือก็ต้องดูอะไรที่แคลอรี่น้อย ๆ พอช่วงนี้ก็เลยออกกำลังกายไม่ได้สม่ำเสมอ
ออกบ้างไม่ออกบ้าง บางอาทิตย์นี่หยุดไปเลย แต่ น้ำหนักก็ลดนะ ลงมาเหลือประมาณ 75-76 กิโล

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
วิธีลดความอ้วน

คือทุกส่วนนี่มันแน่นไปหมดจริงๆ

3. ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่

หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆ ตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
แต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ไปก็คือไม่ได้ไปเลยทั้งอาทิตย์นะ ถ้าจำไม่ผิด ช่วงประมาณเดือนมีนาเราหนัก 71 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเรียนซัมเมอร์
เราลองใช้สูตรพระเทพ แบบ 7 วัน น้ำหนักก็ลดประมาณ 3 กิโลนะ จำไม่ได้ว่าทำช่วงมีนาหรือเมษา ถือว่าไม่เยอะ เพราะอ่านจากสูตรเค้าบอกลด 7-8 โล
แต่มันเป็นระยะเวลาที่ทำให้เราลงถึงเลข 6!!! แบบ 68-69 เห๊ยยย มันฟินมากกกกก ไม่รู้ว่าทำไม 55555 ดีใจที่ตัวเองพ้นจากเลข7 สักที
แล้วพอเดือนพฤษภาเราจำได้เลยหนัก 65 กิโล ..

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
วิธีลดความอ้วน

ลงรูปใน facebook ช่วง หนัก 65 เพื่อนเริ่มทักเยอะมากขึ้นว่าผอมลงป่าวๆ รู้สึกดีมากเลยนะ
แล้วก็กังวลเบาๆ เพราะ เดือนพฤษภาไปเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เกือบเดือนนึงเต็ม กลัวน้ำหนักขึ้นมากๆๆ
แต่ไปแต่ละที่คือกินจัดเต็มนะ รู้สึกแบบ อุตส่าห์มานี่นา ... พอกลับมาไทย ชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่า ไม่ขึ้นเลย !!!
ดีใจม้ากกกกก พอกลับมาแล้วอยู่ในจุดอิ่มตัว คือกินปกติ กินเย็นกินดึก กินบุฟเฟ่ จนวันนึงชั่งน้ำหนักแล้ว 68 !!!
เห้ย คือไร ... ที่เราตั้งใจมาทำไปทำไม ? กลับมาจากเที่ยวน้ำหนักก็อุตสาห์ไม่ขึ้น มีเวลาลดทำไมไม่ตั้งใจ?
แบบวนในหัวเรามากกกกกก จำได้ว่าเริ่มลดจริงๆ จังๆ อีกครั้งช่วงกลางเดือน มิถุนา

4. ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก

***คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ***
เราลองทำเองแบบไม่ถามใครคือ
มื้อเช้า : โยเกิร์ต
เที่ยง : ไข่ต้ม 2ฟอง
เย็น : ผลไม้ (บางวันไม่กิน)

ตอน เย็นออกไปเดินเร็วๆ รอบสวนสารธารณะ (สระพังทอง) 2-3รอบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆ นอนๆ ออกไปขยับร่างกายซะหน่อย
ช่วงนั้นเราออกอยู่สองแบบคือ ว่ายน้ำกับวิ่งนี่ละ ไม่รู้ออกกำลังกายได้มากไหม แต่ควบคุมอาหารนี่ได้ผลสุดๆๆ
เอ่อ .. แต่เราขอเตือนนะ ช่วงที่เราทำคือเราไม่ได้ทำไรเลยแต่ละวัน แบบงานบ้านหรือทำไรก็ไม่ได้ทำ แล้ว มันเป็นช่วงปิดเทอม เราทำเราโอเค เพื่อนเราเคยลองทำแล้วมันหน้ามืด
คืออาจจะแล้วแต่คนอะ ใชวิจารณญาณแล้วกันเน่อออออ

นั่นละ พอวันที่ 20 กรกฎา เราจำได้แม่น เพราะเรากำลังจะไปค่ายกับเพื่อนๆ สาขา เราเลยพยายามเร่งลดมาก 5555 แบบอยากมีการเปลี่ยนแปลงชัดๆ
น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโล ....... เห้ยมันคือเลข5แล้ว ....... ดีใจอะ

พอเปิดเทอม กลางๆ เดือนสิงหาก็หนัก 58 อยู่ คือแบบ แต่งตัวเด๋อด๋าๆ มากก เพราะเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่หมด เย้

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
วิธีลดความอ้วน

เราก็กลับไปอยู่หอ ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวอะไรก็ปกติ แต่มันยังติดนิสัยแบบตอนอยู่บ้านก็คือ กินน้อยอะ คือ ถ้ากินข้าวอิ่มแล้วคือ อิ่ม
ขนม เค้ก นม ถ้าไม่มีความอยากก็ไม่ได้กิน บางวันรู้สึกชิน กลางวันนั่งกินไข่ต้มก็มีบ้าง 555555
ทำให้น้ำหนักเราลดเองมาเหลืออยู่ที่ 55 กิโล .... มันดีอะแก (เปิดเทอมมาแรกๆไม่ได้ออกกำลังกายเลย)

สูตรลดน้ําหนัก

พอ น้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ
แล้วคราว นี้อยู่ๆไปเรื่อยก็รู้สึกว่า 55 ฉันก็ยังอวบๆอยู่เลยนะ เลยพยายามลด โดยการกลับมาควบคุมการกิน แบบจริงจังขึ้น แต่คราวนี้เราไม่ใช้สูตรโหด
เพราะ เราต้องเรียนหนังสือ ทำนู๊นนี่ เราทำเป็นแบบ กินพวกก๋วยเตี๋ยว สลัดผัก เกาเหลา ผลไม้ ไข่ต้ม วนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าต้องกินข้าวจริงๆ ก็กินกับเยอะกว่า ข้าวก็แบ่งๆ ให้เพื่อนไป
ช่วงนี้เราออกกำลังกายด้วยนะ ไปวิ่งตอนเช้า 40 นาที น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งได้

นั่นละ ... น้ำหนักเราลดเหลือ 52 !! เย้ บอกตรงๆนะมันเริ่มลดยากแล้วตั้งแต่ 55 กิโล มา

พอ หนัก 52 เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของเรา เราอยากหนัก 45 !! คือรู้นะว่ามันย้ากกกยาก แต่ก็พยายามกระดึ้บๆ ให้ลดลงๆ ไปเรื่อย คราวนี้มาถึงช่วงสอบ final ก็อยากจะลดน้ำหนักไปด้วยละ แต่มันก็ต้องกินละเน้อะ ก็กินปกติ แต่ละมื้อส่วนมากแบบรีบกินรีบเสร็จจะได้ไปอ่านหนังสือ ก็ยังกินไข่ต้มอีกเช่นเคย มันอิ่มมากเลยนะ ไปลอง ... ก็จะกินแบบปกติ แต่ไม่มีเวลาไปหาขนมมากินอะดิ หรือบางวันขี้เกียจออกไปข้างนอกมากๆ แบบอยากนั่งอยู่กับที่ ก็กินแค่โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมเล่นๆ (มันไม่ดีนะ) น้ำหนักก็ลดมาถึง 50 กิโลถ้วนสมบูรณ์
คือดีใจมากกกกกกกกกก อยากลดต่อ แต่ติดตรงกลับมาบ้านนี่ละ ของกินอร่อย ไม่กิน พ่อแม่ก็ดูเป็นห่วง ฮร่าาาาาาา

ถึงเวลาต้องลงรูป after 30 กิโลที่หายไปแล้วใช่ปะ ? แต่รูปตอนก่อนลดเราเยอะกว่าตอนลดแล้วอีก ดูไหม ? ดูๆๆ เราจะลง 555555
จำไม่ได้นะช่วงไหนเท่าไร ดูสุ่มๆ ไป 55555 ปัญหาหลักสำหรับเราเลยนะ เราเป็นคนหน้าใหญ่ แก้มนี่ใหญ่มาก 555 น้ำหนักลดเท่าไรหน้าก็ยังอ้วนอยู่

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
สูตรลดน้ําหนัก

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
สูตรลดน้ําหนัก

หลังจากที่น้ำหนักหายไป 32 กิโล !!! จาก 82.9 ลงมาเหลือ 50 กิโล ..... เฮ้ !!

สรุปน้ำหนักทุกวันนี้คือ 50 กินเยอะๆหน่อยก็สัก51-52 แต่วันถัดมาก็อยู่ช่วง 50 โลแหละ ..

นี่คือการเปลี่ยนแปลง เหมือนชีวิตหลังมรสุมมมมมม ฮ่าาา

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร
สูตรลดน้ําหนัก

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

สุดท้ายด้วยการ selfie ที่คิดว่าหน้าจะเล็กสุดได้เท่านี้ละ แก้มก็ยังมีเช่นเดิม แต่มันคงเล็กกว่าภาพแรกเย้อะ

ตาราง ลดน้ำหนักแบบไม่อดอาหาร

#### จบแล้ววววว ####
* ขอบคุณไอดีของพี่ไกด์
*รูปอาจจะสีแปลกๆ คือมันเป็นรูปแต่งไว้ลง Instagram
*ไม่ได้กินยาลดน้ำหนัก ช่วงนั้นแค่วิตามินซี หรือยาบำรุงผิวไรก็แทบไม่กิน กลัวมันจะทำให้อ้วน 5555
- เคยกินยา fulfill ของแบล๊คมอที่ว่าทำให้อิ่ม สีชมพูๆ แต่ยานี้เราว่ามันอยู่ที่ใจ มันทำให้อิ่ม แต่ถ้าใจอยากสะอย่าง เลยไม่ค่อยได้กิน, แล้วก็ยา detox สีเขียวๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับลดน้ำหนักนะ เป็นแบบขับถ่ายไรงี้ กิน แค่นี้จริงๆ
*สงสัยอะไร ถามเลย
*เรามีเป้าหมายจะลดให้ได้ 45 แต่พ่อแม่ที่บ้านบอกให้พอ เราเลยขอสัก 48
*อยากให้ทุกคนสู้ คือเราลดได้ทุกคนก็ได้อะ เชื่อดิ้
*นิสัยส่วนตัวเราคือชอบกินจุกจิก ชอบน้ำอัดลม ขนม เค้ก
*การลดของเราเน้นการควบคุมอาหารนะ ออกกำลังกายเป็นรอง ทำได้ก็จะดี
*การลดน้ำหนักอยู่ที่ใจสุดๆเลย

TT^TT เพิ่มเติมนะคะ TT^TT

ขอบคุณทั้งคอมเม้น คำชม และความเป็นห่วง เราไม่ได้บอกว่าวิธีเราเป็นวิธีที่ดี แต่เราแค่อยากจะแชร์ว่าวิธีนี้เห็นผลกับเรา แล้วตอนเราลงรูปใน facebook คนจะทักแชทมาถามเยอะมาก แล้วบอกว่าเราทำให้เค้ามีกำลังใจ ที่มาโพสคืออยากให้คนที่อ้วนมากๆ มาก่อนแบบเราได้มีกำลังใจในการลดนะ ว่าเอ้อคนอย่างเราก็ลดได้เหมือนกันนะ ...

สำหรับคอมเม้นที่บอกถึงว่า เราตอบแต่คนชมไม่ตอบคนติเลย คือเราเลือกตอบคนที่มีคำถามอยากจะถามเรา คนที่ติเราอ่านแล้วเราก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเราลดมาถึงขนาดนี้แล้ว เราควรทำยังไงละ ? ทุกวันนี้เรากินข้าวปกติมาสักพักแล้วนะคะ

เราขอบอกว่า วิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ถ้าจะกิน แนะนำให้กินให้ครบ สามมื้อ แต่ลดปริมาณลงนะคะ ^^

เชื่อได้ว่าเรื่องราวของสาวน้อยที่ใช้นามว่า Like a Pyramid คงจะเป็นวิธีที่ดีในการที่สาวๆ คนไหนอยากจะหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เห็นรึเปล่าว่าวิธีที่เธอทำนั้นไม่ยาก และไม่ต้องเตรียมการ หรือเตรียมความพร้อมอะไรให้มากมาย ขอแค่เรามีความอดทนที่จะผ่านมันไปให้ได้ มีความสม่ำเสมอ อย่าเพิ่งย่อท้อก่อนจะเห็นผล ไม่ใช่แค่รูปร่างดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย ใส่ชุดไหนก็ดูสวย ถ่ายรูป Act ไหนก็ดูสดใส เดินไปทางไหนก็น่าจับตามองไปซะหมด

แคลอรี่กับความต้องการพลังงานของร่างกาย

แคลอรี่ (Calorie) ก็คือหน่วยในการวัดพลังงานที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีจุดประสงค์เพื่อไว้ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เนื่องจากว่าร่างกายของเราต้องการพลังงาน โดยสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ได้แก่

  • คาร์โบไฮเดรต จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม เท่ากับโปรตีน
  • โปรตีน จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม
  • ไขมัน จะให้พลังงานสูงสุด คือ 9 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม (ให้พลังงานเป็นสองเท่าของโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรต)

สำหรับร่างกายของเรานั้น โดยปกติปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับผู้ที่ทำงานหนักปานกลาง คือ ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรืออาจต้องใช้พลังงานมาก อย่าง กรรมกร หรือนักกีฬา ต่างก็ต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ หากต้องการลดน้ําหนักจะต้องเข้าใจถึงเรื่องพลังงานในอาหาร ส่วนผู้ที่ทำงานเบากว่าคนปกติทั่วไปก็ต้องพลังงานในส่วนที่น้อย วิธีลดความอ้วนบางคนอาจเหมาะกับการนับแคลอรี่ การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรี่ มักจะเป็นอาหารจานเดียว อย่าง ข้าวผัด และก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะให้ปริมาณพลังงานประมาณ 300 - 500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งตามคำแนะนของ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) ได้ระบุปริมาณของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปที่มีความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ อาจจำแนกเป็นปริมาณความต้องการของสารอาหารต่างๆ ได้แก่ …

  • คาโบไฮเดรต คิดเป็น 60% หรือประมาณ 1,200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 300 กรัมต่อวัน
  • โปรตีน คิดเป็น 10% หรือประมาณ 200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมารที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 50 กรัมต่อวัน
  • ไขมัน คิดเป็น 30% หรือประมาณ 30% หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 66.6 กรัมต่อวัน

แต่หากคนไหนที่ต้องการพลังงานมากกว่า หรือน้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นนี้ แนะนำให้ทำการปรับเพิ่ม หรือลดลงตามสัดส่วนของพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน สูตรลดน้ําหนักด้วยการทานพลังงานจากอาหารให้เพียงพอไม่เกินพอดีนี้ ร่างกายของเราจะใช้พลังงานที่ได้รับเข้าไปช่วยเสริมระบบต่างๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ภายในร่างกายสามารถกักเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมันและแหล่งพลังงานอื่นๆ ตามอวัยวะภายในร่างกายไว้สำหรับใช้ในอนาคตอีกด้วย

แนะนำ  6 ท่าออกกำลังกาย เน้นเอวเอส กระชับ

ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบ : คุณ Like a Pyramid สมาชิกจาก http://pantip.com/