เริ่มต้นก่อนลดน้ำหนัก = 75-77 กิโลกรัม น้ำหนักสวิงตามอาหารที่กิน Show เหตุผลที่อยากลด: ตอนน้ำหนักมาก ยอมรับว่ามีหลายโรค ทั้งหอบหืด ปวดขา ปวดเข่า เคล็ดลับส่วนตัว ซึ่งจริงๆ ท่านอื่นคงทำมาเยอะแหละ แต่จะเน้นอีกทีว่า
ถ้าทำได้ละก็ 1. พวกน้ำหวาน เคยกินเป๊ปซี่ เคยกินโค้ก เข้าใจว่าบางคนติด แต่ต้องพยายามไม่ทาน หรือคนที่ติดกาแฟ เคยมีคนแนะนำเราทานกาแฟดำ ทำใจไม่ได้จริงๆ กาแฟนี่ต้องนมนะ เลยใช้วิธีกินครึ่งแก้ว แล้วเก็บไว้กินวันถัดไปต่อ แต่วันไหนอยากกินชาก็จะซื้อเป็นแบบ No Sugar กินเลยจ๊ะ ตอนอ้วนสุดๆ ประมาณ 75-77 กิโลกรัม
อันนี้คือภาพล่าสุดประมาณช่วงสัปดาห์ก่อน ปล. ภาพไม่ได้แต่งอะไรทั้งนั้น ยกเว้นภาพเสื้อชมพู แต่งแสงเพราะตอนถ่ายมันมืดมาก >,<
ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ขาลงอะ แต่แขนลงยากชะมัดเลยพี่ชาย
ภาพล่าสุด เมื่อวานนี้เลย เลี้ยงส่งน้องที่ทำงาน กินชาบูซูชิ แต่ดูในมือสิคะ ขนมหวาน!
สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ดูผอมลงเยอะมากนัก เพราะเป้าหมายจริงๆยังอีกยาวไกลนักตั้งอีก 10 โล สู้ๆนะ ^ ^ สรุป 4 สูตรลดความอ้วน จากน้ำหนัก 82 กิโลกรัม ลดเหลือ 50 กิโลกรัม แบบ step by step แนะนำวิธีลดความอ้วน อย่างง่ายที่หลายๆคนมองข้าม หลักสำคัญคือเรื่องอาหาร แนะนำ ควร งดแป้ง และ น้ำตาล ส่วนการออกกำลังกายนั้นจะช่วยเพิ่มความกระชับให้กับหุ่น ทำให้หุ่นสวยเข้าที่ ดังนั้นการลดน้ำหนัก เน้นการเลือกรับประทานอาหาร เป็นหลัง 90% ส่วน 10% ของการลดน้ำหนักคือการออกกำลังกาย สรุป 4 สูตรหลักๆ ที่สำคัญต่อการลดน้ำหนัก
ความอ้วน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับของกินอร่อยๆ มาช้านาน หากว่าใครที่กำลังกินจุกจิก หรือกินเกินความพอดี ความอ้วนจะต้องมาเยือนเราอย่างแน่นอน ตอนกินเข้าไปอะไรๆ ก็ดูง่าย แต่รู้รึเปล่าว่าการเบิร์นออกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากซะยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองมีความน่าสนใจมาก เธอได้นำเรื่องราวสูตรลดน้ำหนักด้วยตัวเองนี้ลงไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com โดยถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในการลดน้ำหนักขนาดไหน แต่เธอก็ยังพยายาม จนสามารถทำให้รูปร่างตัวเองกลับมาสวยใสได้ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน ถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และไม่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเกินไป ลองไปติดตามเรื่องราวของเธอกัน … สวัสดีค่ะ คือเราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ ... คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรกคือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ ..... พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู .... ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริง เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโลสูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าน้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนานมีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ
1. งดข้าวเย็นนั่นแหละ น่าตกใจไหม ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆ ไปเลย มันดีมาก เลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 5555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล !! แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ นี่คือน้ำหนักลดแล้ว 2 โล เย้เย้ คือเหลือ 80 กิโล
2. งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกายคือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมาก !!
คือทุกส่วนนี่มันแน่นไปหมดจริงๆ 3. ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆ
ตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
ลงรูปใน facebook ช่วง หนัก 65 เพื่อนเริ่มทักเยอะมากขึ้นว่าผอมลงป่าวๆ รู้สึกดีมากเลยนะ 4. ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก***คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ*** ตอน เย็นออกไปเดินเร็วๆ รอบสวนสารธารณะ (สระพังทอง) 2-3รอบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆ นอนๆ ออกไปขยับร่างกายซะหน่อย นั่นละ พอวันที่ 20 กรกฎา เราจำได้แม่น เพราะเรากำลังจะไปค่ายกับเพื่อนๆ สาขา เราเลยพยายามเร่งลดมาก 5555 แบบอยากมีการเปลี่ยนแปลงชัดๆ พอเปิดเทอม กลางๆ เดือนสิงหาก็หนัก 58 อยู่ คือแบบ แต่งตัวเด๋อด๋าๆ มากก เพราะเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่หมด เย้
เราก็กลับไปอยู่หอ ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวอะไรก็ปกติ แต่มันยังติดนิสัยแบบตอนอยู่บ้านก็คือ กินน้อยอะ คือ ถ้ากินข้าวอิ่มแล้วคือ อิ่ม สูตรลดน้ําหนักพอ น้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ นั่นละ ... น้ำหนักเราลดเหลือ 52 !! เย้ บอกตรงๆนะมันเริ่มลดยากแล้วตั้งแต่ 55 กิโล มา พอ หนัก 52 เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของเรา เราอยากหนัก 45 !! คือรู้นะว่ามันย้ากกกยาก แต่ก็พยายามกระดึ้บๆ ให้ลดลงๆ ไปเรื่อย คราวนี้มาถึงช่วงสอบ final ก็อยากจะลดน้ำหนักไปด้วยละ แต่มันก็ต้องกินละเน้อะ ก็กินปกติ
แต่ละมื้อส่วนมากแบบรีบกินรีบเสร็จจะได้ไปอ่านหนังสือ ก็ยังกินไข่ต้มอีกเช่นเคย มันอิ่มมากเลยนะ ไปลอง ... ก็จะกินแบบปกติ แต่ไม่มีเวลาไปหาขนมมากินอะดิ หรือบางวันขี้เกียจออกไปข้างนอกมากๆ แบบอยากนั่งอยู่กับที่ ก็กินแค่โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมเล่นๆ (มันไม่ดีนะ) น้ำหนักก็ลดมาถึง 50 กิโลถ้วนสมบูรณ์ ถึงเวลาต้องลงรูป after 30 กิโลที่หายไปแล้วใช่ปะ ? แต่รูปตอนก่อนลดเราเยอะกว่าตอนลดแล้วอีก ดูไหม ? ดูๆๆ
เราจะลง 555555
หลังจากที่น้ำหนักหายไป 32 กิโล !!! จาก 82.9 ลงมาเหลือ 50 กิโล ..... เฮ้ !! สรุปน้ำหนักทุกวันนี้คือ 50 กินเยอะๆหน่อยก็สัก51-52 แต่วันถัดมาก็อยู่ช่วง 50 โลแหละ .. นี่คือการเปลี่ยนแปลง เหมือนชีวิตหลังมรสุมมมมมม ฮ่าาา
สุดท้ายด้วยการ selfie ที่คิดว่าหน้าจะเล็กสุดได้เท่านี้ละ แก้มก็ยังมีเช่นเดิม แต่มันคงเล็กกว่าภาพแรกเย้อะ #### จบแล้ววววว #### TT^TT เพิ่มเติมนะคะ TT^TT ขอบคุณทั้งคอมเม้น คำชม และความเป็นห่วง เราไม่ได้บอกว่าวิธีเราเป็นวิธีที่ดี แต่เราแค่อยากจะแชร์ว่าวิธีนี้เห็นผลกับเรา แล้วตอนเราลงรูปใน facebook คนจะทักแชทมาถามเยอะมาก แล้วบอกว่าเราทำให้เค้ามีกำลังใจ ที่มาโพสคืออยากให้คนที่อ้วนมากๆ มาก่อนแบบเราได้มีกำลังใจในการลดนะ ว่าเอ้อคนอย่างเราก็ลดได้เหมือนกันนะ ... สำหรับคอมเม้นที่บอกถึงว่า เราตอบแต่คนชมไม่ตอบคนติเลย คือเราเลือกตอบคนที่มีคำถามอยากจะถามเรา คนที่ติเราอ่านแล้วเราก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเราลดมาถึงขนาดนี้แล้ว เราควรทำยังไงละ ? ทุกวันนี้เรากินข้าวปกติมาสักพักแล้วนะคะ เราขอบอกว่า วิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ถ้าจะกิน แนะนำให้กินให้ครบ สามมื้อ แต่ลดปริมาณลงนะคะ ^^ เชื่อได้ว่าเรื่องราวของสาวน้อยที่ใช้นามว่า Like a Pyramid คงจะเป็นวิธีที่ดีในการที่สาวๆ คนไหนอยากจะหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เห็นรึเปล่าว่าวิธีที่เธอทำนั้นไม่ยาก และไม่ต้องเตรียมการ หรือเตรียมความพร้อมอะไรให้มากมาย ขอแค่เรามีความอดทนที่จะผ่านมันไปให้ได้ มีความสม่ำเสมอ อย่าเพิ่งย่อท้อก่อนจะเห็นผล ไม่ใช่แค่รูปร่างดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย ใส่ชุดไหนก็ดูสวย ถ่ายรูป Act ไหนก็ดูสดใส เดินไปทางไหนก็น่าจับตามองไปซะหมด แคลอรี่กับความต้องการพลังงานของร่างกายแคลอรี่ (Calorie) ก็คือหน่วยในการวัดพลังงานที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีจุดประสงค์เพื่อไว้ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เนื่องจากว่าร่างกายของเราต้องการพลังงาน โดยสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ได้แก่
สำหรับร่างกายของเรานั้น โดยปกติปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับผู้ที่ทำงานหนักปานกลาง คือ ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรืออาจต้องใช้พลังงานมาก อย่าง กรรมกร หรือนักกีฬา ต่างก็ต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ หากต้องการลดน้ําหนักจะต้องเข้าใจถึงเรื่องพลังงานในอาหาร ส่วนผู้ที่ทำงานเบากว่าคนปกติทั่วไปก็ต้องพลังงานในส่วนที่น้อย วิธีลดความอ้วนบางคนอาจเหมาะกับการนับแคลอรี่ การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรี่ มักจะเป็นอาหารจานเดียว อย่าง ข้าวผัด และก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะให้ปริมาณพลังงานประมาณ 300 - 500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งตามคำแนะนของ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) ได้ระบุปริมาณของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปที่มีความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ อาจจำแนกเป็นปริมาณความต้องการของสารอาหารต่างๆ ได้แก่ …
แต่หากคนไหนที่ต้องการพลังงานมากกว่า หรือน้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นนี้ แนะนำให้ทำการปรับเพิ่ม หรือลดลงตามสัดส่วนของพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน สูตรลดน้ําหนักด้วยการทานพลังงานจากอาหารให้เพียงพอไม่เกินพอดีนี้ ร่างกายของเราจะใช้พลังงานที่ได้รับเข้าไปช่วยเสริมระบบต่างๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ภายในร่างกายสามารถกักเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมันและแหล่งพลังงานอื่นๆ ตามอวัยวะภายในร่างกายไว้สำหรับใช้ในอนาคตอีกด้วย แนะนำ 6 ท่าออกกำลังกาย เน้นเอวเอส กระชับ ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบ : คุณ Like a Pyramid สมาชิกจาก http://pantip.com/ |