การค้นหาด้วยเครื่องหมายลบ ( - ) จะช่วยให้เราสามารถตัดเรื่องที่เราไม่ต้องการ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่ต้องการ การล่องแก่งที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดตาก ให้เราพิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง -ตาก (เช่นเดียวกับเครื่องหมาย + ต้องเว้นวรรคก่อนหน้าเครื่องหมายด้วย) Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่มีจังหวัดตากเข้ามาเกี่ยวข้อง
ที่มา..http://www.dld.go.th/ict/article/general/gen09.html จัดทำเมื่อวันที่ ......27 /06/49 เสิร์ชเอนจิน (Search Engines) หมายถึง โปรแกรมค้นหา ที่ถูกออกแบบมาเป็นเครื่องมือใช้งานในการสืบค้นข้อมูลต่างๆ โดยโปรแกรมส่วนมากที่ใช้สำหรับการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ Search engines จะมีวิธีการค้นหาโดยการกรอกข้อมูลหรือคำที่ต้องการสืบค้นลงไป แล้วเว็บไซต์จะทำการประมวลผลลัพธ์ต่างๆ ออกมาให้ผู้สืบค้นข้อมูลทราบ ซึ่งคำค้นหาที่ใช้จะเรียกว่าเป็น Keyword (คีย์เวิร์ด) ของการสืบค้นข้อมูล ในปัจจุบันเทคโนโลยีของ Search Engine ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพให้สูงมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากที่ทำการค้นหาเรียบร้อยแล้ว ระบบจะสามารถทำการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ และบันทึกประวัติการค้นหาไว้สำหรับการกรองผลลัพธ์การค้นหาครั้งต่อไป เพื่อช่วยให้ผู้สืบค้นข้อมูล สามารถทำการค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องแม่นยำ การค้นหาข้อมูล หมายถึง การสืบค้นข้อมูลที่ต้องการทราบบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกและรวดเร็ว โดยวิธีการค้นหาที่สามารถทำได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ จะต้องทำการค้นหาจากเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลหรือเรียกว่า Search Engine Site ที่มีหน้าที่ในการรวบรวมรายชื่อของเว็บไซต์ต่างๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ ทำให้ประหยัดเวลาในการใช้งานมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง รายชื่อ Search Engine Site ที่นิยม
ประโยชน์ของ Search EnginesSearch Engines มีประโยชน์ในการใช้สืบค้นข้อมูลที่ต้องการทราบได้อย่างสะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา รวมทั้งให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความตรงการแก่ผู้สืบค้นข้อมูล ดังนั้นการสร้างและออกแบบเว็บไซต์ใหม่ๆ ในในปัจจุบันจึงควรคำนึงถึงรูปแบบของเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมแก่ Search Engine ด้วยเช่นกัน (เรียกว่าการทำ SEO) เพื่อให้ผู้สืบค้นสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ประเภทของ Search EnginesSearch Engine สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท โดยมีความแตกต่างกันที่หลักการทำงาน และการจัดอันดับข้อมูลในการค้นหา
Keyword คืออะไรKeyword (คีย์เวิร์ด) คือคำค้นหา หรือคำอธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นๆ ที่กล่าวถึงสิ่งที่เรากำลังตามหาเพื่อสืบค้นรายละเอียดข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตบนเว็บ Search Engine ตัวอย่างคำ Keyword ที่ใช้ค้นหากันในชีวิตประจำวัน
ประเภทของ Keyword ในการค้นหา
ในปัจจุบันคีย์เวิร์คคำค้นหานั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine เป็นอย่างมาก ยิ่งคีย์เวิร์ดคำค้นหายิ่งสั้นและกระชับมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมียอดค่าการค้นหาที่สูงมากขึ้นตามไปด้วยหลายเท่าตัว เว็บที่มีเนื้อหาคุณภาพที่ดี และมีการทำ SEO ที่ถูกหลักร่วมด้วยเท่านั้นจึงจะมาอยู่ในน้า 1 ของการค้นหานี้ได้ หลักการทำงานของ Search Enginesกระบวนการทำงานของ Search engines บนเว็บไซต์ทั่วไป สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ใช้โปรแกรมรวบรวมเอกสารเว็บ (spider หรือ crawler)ขั้นแรกที่ Search engines ทำการสำรวจและตรวจสอบหน้าเว็บไซต์ต่างๆ จากโดเมน แล้วติดตาม Links ที่พบภายในเว็บไซต์ทั้งหมด โดยการทำงานของโปรแกรมมีรูปแบบลักษณะโยงใย จึงเรียกโปรแกรมดังกล่าวว่า Spider หรือ Crawler ซึ่งหลังจากที่ Spider ทำการติดตาม Links และนำข้อมูลของเว็บไซต์เหล่านั้นไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ Search Engine เรียบร้อยแล้ว Spider จะกลับไปทำการสำรวจและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในเว็บไซต์เหล่านั้น ทุกๆ เดือนหรือสองเดือน 2. จัดทำรายการดรรชนีเมื่อโปรแกรม Spider ทำการค้นพบข้อมูลต่างๆ แล้ว จะมีการนำข้อมูลเหล่านั้นไปทำสำเนา และส่งไปจัดเก็บยังรายการดรรชนี ที่เรียกว่า index หรือ catalog ซึ่งเมื่อข้อมูลในเว็บไซต์หลักมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลให้ข้อมูลภายในสมุดดรรชนีเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยตามบัญชีดัชนีที่ถูกกำหนดไว้ 3. โปรแกรมสืบค้นโปรแกรมที่ใช้สำหรับทำการค้นหาข้อมูลต่างๆ จากฐานข้อมูลของ Search Engine โดยมีการทำงานเริ่มต้นจากการรับคำค้นหาที่ถูกป้อนเข้ามาในโปรแกรม โดยผู้ใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แล้วนำคำค้นหาไปจับคู่กับดรรชนีในฐานข้อมูล หลังจากนั้นจึงจะทำการดึงเอกสารจากเว็บไซต์นั้นๆ หรือดึงข้อมูลจากฐานออกมาประมวลผลลัพธ์ให้แก่ผู้สืบค้น ซึ่งจะมีการจัดลำดับผลการค้นหาตามระดับความเกี่ยวข้องของข้อมูล เทคนิคค้นหาด้วย Googleการค้นหาข้อมูลโดยใช้ search engine จากเว็บไซต์ Google สามารถใช้งานได้ไม่ยากและสะดวกรวดเร็ว มีเทคนิคในการสืบค้นข้อมูล ดังนี้ การยกเว้นผลลัพธ์การค้นหาหากต้องการยกเว้นผลลัพธ์การค้นหาผ่านเว็บไซต์ Google สามารถทำได้โดยการใส่เครื่องหมายลบ (-) วางไว้ข้างหน้าคำที่ไม่ต้องการค้นหาข้อมูล การสืบค้นข้อมูลโดยการนำเครื่องหมาย – มาใช้วางไว้ข้างหน้าคำใดๆ ที่ใช้ค้นหาจะทำให้ Google ประมวลผลลัพธ์ออกมาโดย exclude คำๆ นั้นออกไป ซึ่งวิธีการค้นหาดังกล่าวเป็น Operator ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลให้มีความแม่นยำได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
คำค้นหาที่ Google จะทำการประมวลโดย Match การค้นหาเข้ากับแหล่งข้อมูลที่มีเฉพาะคำว่า “การตลาด” รวมอยู่เท่านั้น แต่ในหน้านั้นๆ จะต้องไม่มีคำว่า “โฆษณา” การค้นหาไฟล์เอกสารนามสกุลต่างๆหากต้องการทำการค้นหาเอกสารนามสกุลต่างๆ ได้แก่ เอกสารในรูปแบบ .DOC .PDF หรือเอกสารนามสกุลอื่นๆ ผู้สืบค้นสามารถค้นหาได้เพียง พิมพ์ชื่อเอกสารที่ต้องการ แล้วต่อท้ายด้วย filetype:นามสกุล ของเอกสารนั้นๆ ทางเว็บไซต์จะประมวลผลลัพธ์เป็นไฟล์เอกสารที่ถูกเก็บไว้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น
การค้นหารอบหนังและรีวิวหนังหากต้องการค้นหารอบหนังหรือรีวิวภาพยนตร์ต่างๆ ผู้สืบค้นสามารถทำการค้นหาได้โดยการพิมพ์ชื่อภาพยนตร์ที่ต้องการ จากนั้นทางเว็บจะประมวลผลลัพธ์ให้ทราบถึงรายละเอียดช่วงเวลาของรอบหนัง รวมทั้งรีวิวของหนังเรื่องนั้นๆ และสามารถทำการจองที่นั่งผ่านทางเว็บไซต์ได้เลย ตัวอย่างเช่น
การตรวจสอบคะแนนและผลการแข่งขันกีฬาหากต้องการตรวจสอบคะแนนหรือผลการแข่งขันกีฬาต่างๆ ผู้สืบค้นสามารถทำการค้นหาได้โดยการพิมพ์ชื่อนักกีฬาหรือชื่อทีมที่ต้องการ ทางเว็บไซต์จะประมวลผลลัพธ์ให้ทราบถึงรายละเอียดของการแข่งขันครั้งล่าสุด ตารางการแข่งขัน และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การตรวจสอบสภาพอากาศหากต้องการตรวจสอบสภาพอากาศในแต่ละวัน สามารถทำการค้นหาได้โดยการพิมพ์คำว่า Weather แล้วตามด้วยชื่อสถานที่ที่ต้องการทราบ เว็บไซต์จะประมวลผลลัพธ์ให้ทราบถึงพยากรณ์อากาศในวันนั้นๆ ตัวอย่างเช่น “Weather ลำปาง” หรือ “พยากรณ์อากาศ ลำปาง” เป็นต้น แต่สำหรับประเทศไทยการค้นหาพยากรณ์อากาศยังคงมีข้อจำกัด เนื่องจากข้อมูลที่มีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ
การแปลงหน่วยหากต้องการแปลงหน่วย ผู้สืบค้นจะต้องทำการพิมพ์หน่วยที่ต้องการแปลงลงไปเพื่อให้เว็บไซต์ประมวลผลลัพธ์ โดยสามารถแปลงได้ครอบคลุมทุกรูปแบบ ตัวอย่างเช่น GB=MB หรือ 10CM=M
การดูกระแสหุ้นและตลาดหลักทรัพย์หากต้องการตรวจสอบหรือดูกระแสหุ้นและตลาดหลักทรัพย์สำหรับผู้เล่นหุ้น สามารถค้นหาผ่านทางเว็บไซต์ Google เพื่อติดตามข่าวสารต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น TCAP, ITD
การใช้เครื่องคิดเลขออนไลน์หากต้องการคิดคำนวณ ผู้สิบค้นสามารถนำเลขจำนวนที่ต้องการทราบค่ามาคำนวณผ่าน Google ได้ โดยพิมพ์ตัวเลขเหล่านั้นลงไปเพื่อให้เว็บไซต์ทำการประมวลค่าเป็นคำตอบ ตัวอย่างเช่น
การค้นหาเจาะจงเฉพาะเว็บไซต์หากต้องการค้นหาบางอย่างให้มีความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ผู้สืบค้นสามารถพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ตามหลังสิ่งที่ต้องการทราบได้ตัวอย่างเช่น “รับทำการตลาดออนไลน์ site:1belief.com” หรือ “การตลาด site:sanook.com” เป็นต้น
เทคนิคเพิ่มเติมที่ควรรู้ในการค้นหาข้อมูลบน Search Engineในการค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่ผู้ใช้งานทั่วไปมักจะพบเห็น หรือประสบอยู่เสมอๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นข้อมูลที่ค้นหาได้มีขนาดมากจนเกินไป ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการใช้งานจึงน่าที่จะเรียนรู้เทคนิคต่างๆเพื่อช่วยลดหรือจำกัดคำที่ค้นหาให้แคบลงและตรงประเด็นกับเรามากที่สุด ดังวิธีการต่อไปนี้
Matching ของ Search Termsสำหรับการสืบค้นข้อมูล สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดแหล่งข้อมูล รวมทั้งข้อเท็จจริงของข้อมูลคือการเลือกใช้คำหรือ Keyword ในการค้นหา ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุมการ Matching ให้ได้ข้อมูลตรงกับความต้องการ ผู้สืบค้นจึงควรทำการ Matching และใส่ Operator พิเศษเข้าไปใน Search Term
ประวัติของเว็บเสิร์ชเอนจิ้น Googleเว็บเสิร์ชเอนจิ้น Google เกิดขึ้นจากแนวคิดจากวิทยานิพนธ์ของนาย Larry Page และนาย Sergey Brin โดยมีเนื้อความถึงการตั้งสมมุติฐานที่ว่า โปรแกรมเสิร์ชเอนจิ้นที่แสดงผลการค้นหาที่มีความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานของเสิร์ชเอนจิ้นแบบเดิม ดังนั้นจึงได้มีการสร้างโปรแกรมเสิร์ชเอนจิ้นของ Google ขึ้นมา โดยใช้แนวคิดดังกล่าวเป็นรากฐาน และยังมีการกำหนดอีกว่า เว็บไซต์ที่มีคุณภาพดี จะต้องมีการเชื่อมโยงลิ้งค์กับหน้าเว็บเพจอื่นมากที่สุด และในเดือนกันยายน ค.ศ.1998 บริษัท Google,Inc. ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ประวัติเสิร์ชเอนจิ้น Yahoo!เว็บเสิร์ชเอนจิ้น Yahoo! เกิดขึ้นจากการที่นาย David Filo และนาย Jerry Yang ได้ร่วมกันทำงานอดิเรกชิ้นหนึ่ง และสร้างงานนี้ขึ้นมาในชื่อว่า “Jerry and David’s guide to the World Wide Web” เพื่อใช้สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลสารบัญของเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน โดยในเวลาต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Yahoo! และมีการนำมาใช้งานจนทุกวันนี้ (ปัจจุบัน Yahoo ขายกิจการให้ Verizon แล้ว) ประวัติเสิร์ชเอนจิ้น MSN Searchเว็บเสิร์ชเอนจิ้น MSN Search ได้มีการเปิดตัวขึ้นมาในครั้งแรกในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1995 โดยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานร่วมกับโปรแกรม Windows 95 โดยตรง พร้อมกับให้บริการสำหรับเสิร์ชหาเว็บไซต์ต่างๆ และใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างครบวงจร จึงเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ Microsoft Network นอกจากนี้ยังใช้สำหรับเป็นพื้นที่ในการเก็บอีเมลล์ฟรี ในชื่อ Hotmail ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงแรกๆ ในเวลาต่อมาก็ได้มีการพัฒนาจนเกิดโปรแกรมสนทนาออนไลน์ขึ้นมา ซึ่งก็รู้จักกันดีในชื่อของ MSN Messenger และยังมีโปรแกรมอื่นๆ อีกมากมาย ประวัติเสิร์ชเอนจิ้น Baiduเว็บเสิร์ชเอนจิ้น Baidu เกิดขึ้นโดย โรบิน ลี (Mr.Robin Li) ซึ่งเป็นนักศึกษาจีน และได้ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจึงได้กลับมาเปิดบริษัทที่ประเทศจีน และสร้าง Baidu ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกด้านอินเทอร์เน็ตและสร้างสรรค์เทคโนโลยีในการเสิร์ชเอนจิ้น มีการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไฮเปอร์ลิ้งก์ เพื่อให้เกิดการค้นหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้กับบริการต่างๆ ได้ดี ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไป่ตู้ก็ได้ประสบความสำเร็จและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ดี โดยในแต่ละวันก็จะมีการพิมพ์คำสืบค้นลงในแพลตฟอร์มของไป่ตู้มากกว่าหมื่นล้านคำ ปัจจุบันยังมีการพัฒนาระบบให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมกับปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอข้อมูลจากการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ชาวจีนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด YouTube เป็น Search Engine อันดับ 2 ของโลกYouTube ถูกยกให้เป็นบริการค้นหาข้อมูลออนไลน์หรือเสิร์ชเอนจินที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 2 ของโลก เพราะมีคนเข้ามาค้นเนื้อหาที่สนใจในรูปแบบวิดีโอมากกว่า 3 พันล้านครั้งต่อเดือน หากลองให้ใครสักคนนึกถึงเว็บไซต์อัพโหลดและแชร์คลิปวีดีโอชื่อดังระดับโลก เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง “YouTube” แต่บทบาทของ YouTube นอกแหนือจากจะเป็นเว็บไซต์เบอร์หนึ่งในด้านการอัพโหลดและแชร์คลิปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตำแหน่งที่ใครหลายคนอาจนึกไม่ถึงกัน ก็คือเป็นเสิร์ชเอนจินที่ได้ความนิยมเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่าเว็บไซต์อย่าง Bing, Yahoo, Ask และ AOL รวมกันทั้งหมดเสียอีก YouTube ถูกก่อตั้งในปี 2005 โดยอดีตพนักงานของ PayPal จำนวน 3 คน โดยภายในระยะเวลาแต่เพียงปีเดียวหลังจากการก่อตั้งเท่านั้น Google ได้เข้ามาซื้อ YouTube ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 1.65 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจนมาถึงในยุคปัจจุบัน YouTube กลายเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ช่องทางในการชมวีดีโอ นอกจากผ่านทางคอมพิวเตอร์ในรูปแบบปกติแล้ว การชมผ่านโทรศัพท์มือถือกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน โดยจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกมีการเข้าชมวีดีโอ YouTube บนโทรศัพท์มือถือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของการชมคลิปวีดีโอทั้งหมดบน YouTube การสำรวจพบว่า 4 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดอันดับบน YouTube ที่ต้องให้ความสนใจอย่างมาก คือจำนวนวิว (ผู้ชม), ชื่อของคลิปวีดีโอ, คำบรรยายคลิป รวมถึงจำนวน Like และ Dislike บนคลิป ซึ่งทั้ง 4 ปัจจัยล้วนมีความสำคัญทำให้การแสดงผลของวีดีโอมีอันดับที่สูงขึ้น ในปัจจุบันเว็บไซต์ที่สามารถทำหน้าที่เป็น Search Engine Site มีให้บริการมากมายแก่ผู้สืบค้นข้อมูลเพื่อทำให้การค้นหาข้อมูลต่างๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยการค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Search Engine บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนี้ มีความเปิดกว้างและไม่มีการจำกัดขอบเขต ผู้สืบค้นจึงสามารถทำการสืบค้นข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพจากหลากหลายแหล่งข้อมูลทั่วโลก |