หลังจากที่โทรทัศน์ภาพขาว-ดำ ดำเนินการออกอากาศไปได้สักช่วงระยะหนึ่ง ก็มีการปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครที่จากเดิมใช้ระบบ 110 โวลต์ 60 ไซเคิล ปรับมาเป็นระบบ 220 โวลต์ 50 ไซเคิลเป็นการทดแทน (ในส่วนภูมิภาคใช้ระบบเดียวกันนี้) ในช่วงปี พ.ศ. 2508-2510 จึงได้มีการปรึกษา พูดคุยกันว่าระบบโทรทัศน์มาตรฐาน CCIR 625 เส้น 25 ภาพ/วินาที น่าจะเหมาะสมกับประเทศไทยและเหมาะกับระบบกระแสไฟฟ้าด้วย ประกอบกับด้วยประเทศไทยได้ถูกจัดอยู่ใน Zone 3
ตามการจัดสรรความถี่ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ทำให้จำเป็นต้องจัดสรรความถี่ช่องสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ตามมาตรฐาน เพื่อไม่ให้สัญญาณถูกรบกวนกันโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน การเปลี่ยนระบบออกอากาศจาก 525 เส้นเป็นระบบ CCIR 625 เส้น 25 ภาพ/วินาที จึงได้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2510 โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ทำการย้ายสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์สงขลาไปติดตั้งบนเขาคอหงส์ อ.หาดใหญ่ ที่มีความสูง 375 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ดำเนินการออกอากาศผ่านช่อง 10
เป็นสถานีแรกที่ดำเนินการเปลี่ยนระบบนี้ ด้วยเครื่องส่ง PYE ขนาด 5 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง รวมกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ และได้เริ่มทดลองออกอากาศในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 มีพื้นที่ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ สงขลา พัทลุง ปัตตานี สตูล ยะลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช รวมไปถึงบริเวณภาคเหนือของประเทศมาเลเซียอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ขยายสถานีทวนสัญญาณจากสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 10 สงขลา ไปยังพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้อีกด้วย ประกอบไปด้วย สถานีทวนสัญญาณช่อง 10 สงขลา (เริ่มปี พ.ศ.
2515) สถานีทวนสัญญาณที่ช่อง 4 สถานีทวนสัญญาณที่ช่อง 7 และหลังจากนั้นในปีเดียวกัน (พ.ศ. 2510)
กรมประชาสัมพันธ์ก็ได้จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์สุราษฎร์ธานี โดยได้ย้ายสถานีวิทยุโทรทัศน์สงขลาไปติดตั้งและออกอากาศทางช่อง 9 ระบบ 525 เส้น ขนาด 500 วัตต์ เมื่อระบบการออกอากาศแบบ CCIR PAL 625 เส้น 25 ภาพ/วินาที ได้พัฒนาจนสมบูรณ์ในทวีปยุโรปในช่วงปี พ.ศ. 2509-2510 และได้มีการสาธิตระบบดังกล่าวในประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดช่อง 4 บางขุนพรหม วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ หลังจากนั้นถัดมาอีก 5 เดือนก็ได้มีการก่อตั้งบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ในวันที่ 25
พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 และได้ร่วมมือกับกองทัพบกในการดำเนินการส่งโทรทัศน์สีตามมติและนโยบายของคณะกรรมการควบคุมวิทยุและโทรทัศน์กองทัพบกโดยได้เริ่มทำการทดลองออกอากาศระบบโทรทัศน์สี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 โดยใช้ระบบออกอากาศแบบ CCIR PAL System B 625 เส้น 25 ภาพ/วินาที และใช้คลื่นความถี่แบบ VHF ที่ช่อง 7 ความถี่ 188-195 MHz เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยรายการแรกที่ช่อง 7 สีได้เริ่มต้นการออกอากาศคือ การถ่ายทอดสดการประกวดนางสาวไทย ที่จัดขึ้น ณ พระราชวังสราญรมย์
โดยใช้ชื่อในการออกอากาศว่า “สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7” และหลังจากนั้น 3 วัน (1 ธันวาคม) ก็ได้เปิดสถานีออกอากาศอย่างเป็นทางการ ด้วยกำลังออกอากาศ 500 วัตต์ จากอาคารสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สนามเป้า และด้วยระบบการออกอากาศ CCIR PAL System B 625 เส้น 25 ภาพ/วินาที มีคุณสมบัติทางเทคนิคด้านสัญญาณภาพที่ใกล้เคียงกับระบบ FCC System M 525 เส้น 30 ภาพ/วินาที ดังนั้น เครื่องรับโทรทัศน์ขาว-ดำ 525 เส้นจึงสามารถรับสัญญาณภาพ 625 เส้นของช่อง 7 ได้ เพียงหมุนไปที่ช่อง 9 ความถี่ 186-192
MHz แต่จะไม่ได้ยินเสียง เพราะความถี่ของเสียงที่ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ของระบบ 525 เส้นจะใช้ความถี่เสียงที่ 4.5 MHz แต่ในระบบ 625 เส้นจะใช้ความถี่ 5.5 MHz ทำให้ประชาชนที่มีเครื่องรับโทรทัศน์ระบบภาพ 525 เส้นไม่สามารถได้ยินเสียงได้ ช่อง 7 สี จึงต้องส่งสัญญาณเสียงผ่านสถานีวิทยุทั้งในระบบ AM และ FM เพื่อให้บริการควบคู่กันไปด้วยในระยะหนึ่ง ก่อนที่ช่างเทคนิคชาวไทยได้คิดค้นและพัฒนาวงจรที่ใช้ชื่อว่า Sound Adaptor หรือ “เสียงช่อง 9” เพื่อทำการแปลงสัญญาณเสียงจากระบบ 625 เส้น 5.5 MHz ให้เป็น
4.5 MHz และได้ติดตั้งเพิ่มเติมในเครื่องรับโทรทัศน์ระบบ 525 เส้น ขาว-ดำเดิม ให้สามารถรับสัญญาณเสียงของระบบ 625 เส้นได้นั่นเอง ในเวลาต่อมา ช่อง 7 สีก็ได้เพิ่มกำลังส่งออกอากาศเป็น 5 กิโลวัตต์ และได้เพิ่มความสูงเสาเป็น 200 เมตร ในช่วง พ.ศ. 2516 ช่อง 7 สี ก็ได้เพิ่มสถานีถ่ายทอดสัญญาณในพื้นที่ภูมิภาคที่จังหวัดลพบุรีเป็นแห่งแรก อ้างอิง – หนังสือ “จดหมายเหตุ 60 ปี โทรทัศน์ไทย” : วิวัฒนาการเทคโนโลยีโทรทัศน์ไทย ชอบดูทีวี สนใจเรื่องราวของสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะสื่อทีวีและวิทยุ ชอบเขียนบทความ เป็นเด็กค่าย #YWC16 กรมประชาสัมพันธ์ การออกอากาศ ขาว-ดำ ช่อง 7 นางสาวไทย ประวัติ ประวัติศาสตร์ ระบบโทรทัศน์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ สี โทรทัศน์ แผนการจดั การเรียนรู้ มงุ่ เนน้ สมรรถนะอาชีพและบรู ณาการปรชั ญา วิชา เครื่องรบั โทรทศั น์ จดั ทาโดย แผนกวชิ าช่างอเิ ลก็ ทรอนิกส์ วทิ ยาลัยเทคนคิ สวา่ งแดนดิน แผนการจดั การเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ วชิ า เคร่ืองรับโทรทศั น์ จัดทาโดย แบบคาขออนุมตั ใิ ช้แผนการสอน/การจัดการเรยี นรู้แบบมุง่ เนน้ สมรรถนะอาชีพ ผ้จู ดั ทา ลงชอื่ .............................................. ผตู้ รวจสอบแผนการจัดการเรยี นรู้ ลงช่ือ..............................................
ลงชื่อ.............................................. ความเห็นรองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ ลงชื่อ.............................................. ความเห็นผอู้ านวยการวทิ ยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน ลงชื่อ.............................................. ผู้อานวยการวิทยาลยั การอาชีพสว่างแดนดิน คานา แผนการสอนวชิ า “เคร่ืองรับโทรทศั น์” รหสั วชิ า 20105 - 2011 จดั ทาข้ึนเพื่อใช้
ท้ายท่ีสุดน้ี ผูจ้ ัดทาขอขอบคุณผูท้ ่ีสร้างแหล่งความรู้ และผูท้ ี่มีส่วน ปรีชา มะโนมยั แผนการเรียนรู้รายวชิ า ช่ือรายวชิ า เคร่ืองรับโทรทศั น์ 2 ปี การศกึ ษา จุดประสงค์รายวชิ า เพอ่ื ให้ สมรรถนะรายวชิ า คาอธิบายรายวชิ า โทรทศั น์ จอภาพแบบ CRT, LCD, Plasma และแบบ LED การทางานของวงจรภาครับภาคสัญญาณเสียง ตารางที่ 1. การวเิ คราะห์หน่วยการเรียนรู้ รหสั วิชา 2105-2102 ชื่อวิชา ระบบเสียง หนว่ ยกติ 2 จานวนชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ 4(ชว่ั โมง) รวม 72 ช่ัวโมงต่อภาคเรยี น หน่วย ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ แหลง่ ข้อมลู E 2 ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั โทรทศั นข์ าว-ดา /// 3 ความรู้เก่ียวกบั โทรทศั นส์ ี /// 4 หลอดภาพโทรทศั นส์ ี /// 5 เคร่ืองรับโทรทศั นส์ ีระบบ PAL /// 6 จูนเนอร์ /// 7 ภาคต่างๆ ดา้ นสัญญาณภาพ /// 8 วธิ ีการของภาคอะลูมิแนนซแ์ ละโครมิแนนซ์ / / / 9 ระบบเสียง /// 10 ซิงคเ์ ซปเปอร์เรเตอร์ การบงั คบั การสแกนทาง / / / แนวนอน การบงั คบั การสแกนทางแนวต้งั 11 ภาคจ่ายไฟ /// 12 เครื่องรับโทรทศั น์ “วนั ซีฟ” หลอดภาพ CRT / / / 13 เครื่องรับโทรทศั นจ์ อภาพ LCD //// 14 พลาสม่า ทีวี //// แหลง่ ขอ้ มูล (Sources) A : หลักสตู รรายวิชา (Course Description) ตารางวเิ คราะห์หลกั สตู ร รหสั วิชา 20105-2011 ช่ือวชิ า เคร่ืองรับโทรทศั น์ จานวนหน่วยกติ 3 หนว่ ยกติ จานวนช่ัวโมงตอ่ สัปดาห์ 5 ช่ัวโมง รวม 90 ชัว่ โมงต่อภาคเรียน ชน้ั ปวช.2 สาขาวชิ า/กลุม่ วชิ า/ ช่างอิเลก็ ทรอนิกส์ พฤติกรรมการเรียนรู้ ดา้ นพุทธิพิสยั ชอื่ หน่วยการสอน ความรู้ (5) 1.กจิ กรรมและระบบโทรทศั น์ใน 21- - - -21 6 4
5 2.ความรู้เบอ้ื งตน้ เกยี่ วกบั โทรทัศน์ 212- - -21 8 15 3.ความร้เู กย่ี วกบั โทรทัศน์สี 112- - -21 7 2 5 4.หลอดภาพโทรทศั น์สี 112- - -21 7 3 5 5.เครอ่ื งรบั โทรทศั นส์ ีระบบ PAL 1 1 1 - - - 2 1 6 5 5 6.จูนเนอร์ 111- - -21 6 6 5 7.ภาคต่างๆ ดา้ นสญั ญาณภาพ 11- - - -21 5 7 5 8.วิธีการของภาคอะลมู ิแนนซแ์ ละโคร 1 1 - - - - 2 1 5 8 5 9.ระบบเสียง 11- - - -21 5 9 5 10.ซิงค์เซปเปอรเ์ รเตอร์ การบังคบั . การสแกนทางแนวนอน การบงั คบั 1 1 - - - - 2 1 5 10 5 การสแกนทางแนวตั้ง 11.ภาคจา่ ยไฟ 1 1 1 1 1 2 2 1 10 11 5 12.เครื่องรบั โทรทศั น์ “วันซีฟ” 1 1 1 1 1 2 2 1 10 12 5 13.เครอื่ งรับโทรทัศน์จอภาพ LCD 1 1 1 2 1 1 2 1 10 13 5 14.พลาสมา่ ทวี ี 1 1 2 3 3 2 2 1 15 14 25 รวมคะแนน 16 14 8 7 6 7 28 14 100 รายการหน่วย ชื่อหน่วย และสมรรถนะประจาหน่วย ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยที่ 1 กิจการและระบบโทรทัศน์ใน สมรรถนะ ประเทศไทย - แสดงความรู้เกี่ยวกบั กิจการและระบบโทรทศั น์ใน ประเทศไทย จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกประวัติความเป็ นมาของกิจการและระบบ 2. อธิบายเกี่ยวกบั ระบบโทรทศั น์สีแบบ NTSC และ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชื่อเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม หน่วยท่ี 2 ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั โทรทศั น์ สมรรถนะ : ขาว-ดา - แสดงความรู้เกี่ยวกบั โทรทศั นข์ าว-ดา จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม : 1. บอกองคป์ ระกอบของภาพได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยที่ 3 ความรู้เกย่ี วกบั โทรทศั น์สี สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: 1. อธิบายเก่ียวกบั ยา่ นความถี่แสงและความยาวคลื่น 2. อธิบายหลกั การทางานของกลอ้ งโทรทศั น์สีได้ ด้านทกั
ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชื่อเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม หน่วยท่ี 4 หลอดภาพโทรทศั น์สี สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม: 1. อธิบายโครงสร้างหลอดภาพโทรทศั น์สีแบบ CRT 2. บอกหลกั การทางานและองคป์ ระกอบของ 3. อภิปรายเกี่ยวกบั โอโตเมติก ดีเก๊าซ่ิงคอยลไ์ ด้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชื่อเรื่อง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม หน่วยท่ี 5 เคร่ืองรับโทรทศั น์สีระบบ PAL สมรรถนะ : - แยกสญั ญาณตา่ งๆ ไปใชง้ าน จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. อธิบายโครงสร้างบล็อกไดอะแกรมโทรทัศน์สี 2. อธิบายโครงสร้างบลอ็ กไดอะแกรมภาคจูนเนอร์ได้ เอฟได้ สญั ญาณสีได้ สญั ญาณขาว-ดา และสญั ญาณสีได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยท่ี 6 จูนเนอร์ สมรรถนะ : จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. บอกจุดประสงคข์
องภาคจูนเนอร์ได้ I2C Bus ได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยท่ี 7 ภาคต่างๆ ด้านสัญญาณภาพ สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม: 1. บอกจุดประสงคข์ องภาควดิ ีโอ ไอ-เอฟได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม หน่วยที่ 8 วธิ ีการของภาคอะลมู แิ นนซ์และ สมรรถนะ: โครมแิ นนซ์ - แยกสญั ญาณ, รวมสัญญาณ จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม: 1. อธิบายวธิ ีการดาเนินการของภาคลูมิแนนซ์ได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยท่ี 9 ระบบเสียง สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: 1. บอกขอ้ มูลพ้นื ฐานระบบเสียงของโทรทศั น์ได้ ไมโครคอมพิวเตอร์ได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเรื่อง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยที่ 10 ซิงค์เซปเปอร์เรเตอร์ การบังคบั สมรรถนะ: การสแกนทางแนวนอน การบังคบั การสแกน - บงั คบั การสแกนทางแนวนอน และแนวต้งั ทางแนวต้งั จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: ด้านความรู้ 1. บอกจุดประสงคข์ องวงจรซิงคเ์ ซปเปอร์เรเตอร์ได้ 2. อธิบายหลกั การทางานเบ้ืองตน้ ของการบงั คบั การ สแกนทางแนวต้งั หรือภาคเวอร์ติคอลได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเรื่อง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยท่ี 11 ภาคจ่ายไฟ สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: 1. อธิบายบลอ็ กไดอะแกรมของภาคจ่ายไฟได้ เพาเวอร์ ซพั พลายได้ พลายได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเรื่อง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยท่ี 12 เครื่องรับโทรทศั น์ “วนั ซีฟ” สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม: 1. อธิบายการทางานของบลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับ 2. อธิบายการทางานของภาคเพาเวอร์ ซพั พลายได้ ภาพได้
ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือเร่ือง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม หน่วยที่ 13 เครื่องรับโทรทศั น์จอภาพ LCD สมรรถนะ: - เปลี่ยนหลอด CCFL
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: 1. อธิบายหลกั การทางานของบล็อกไดอะแกรมของ 2. อธิบายการทางานของทีคอนบอร์ดได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ชื่อเรื่อง สมรรถนะและจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม หน่วยที่ 14 พลาสม่าทวี ี สมรรถนะ: จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม: 1. บอกหลกั การทางานของจอแบบพลาสมา่ ได้ ด้านทกั ษะ ด้านจิตพสิ ัย ด้านคุณธรรม
จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง รายชื่อหน่วยการสอน/การเรียนรู้ หน่วยการสอน/การเรียนรู้ วชิ าโทรทศั น์ รหัส... 20105 - 2011......คาบ/สัปดาห์.....5.......คาบ รวม......90…… คาบ หน่วยท่ี ชื่อหน่วย ทฤษฎี จานวนคาบ 1 กิจกรรมและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย 23 2 ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั โทรทศั นข์ าว-ดา 23 3 ความรู้เก่ียวกบั โทรทศั นส์ ี 23 4 หลอดภาพโทรทศั นส์ ี 23 5 เครื่องรับโทรทศั นส์ ีระบบ PAL 23 6 จูนเนอร์ 23 7 ภาคต่างๆ ดา้ นสัญญาณภาพ 23 8 วธิ ีการของภาคอะลูมิแนนซ์และโครมิแนนซ์ 23 9 ระบบเสียง 23 10 ซิงคเ์ ซปเปอร์เรเตอร์ การบงั คบั การสแกนทางแนวนอน 2 3 การบงั คบั การสแกนทางแนวต้งั 11 ภาคจ่ายไฟ 23 12 เครื่องรับโทรทศั น์ “วนั ซีฟ” หลอดภาพ CRT 23 13 เครื่องรับโทรทศั น์จอภาพ LCD 23 14 พลาสม่า ทีวี 10 15 รวม 90 แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยท่ี
1 ชื่อหน่วย กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย คาบรวม ช่ือเรื่อง กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย จานวนคาบ 5 หัวข้อเรื่อง 1. กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย สาระสาคญั การกาเนิดกิจการวทิ ยโุ ทรทศั น์ เม่ือหลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 สิ้นสุดลง รัฐบาลไทยโดยจอมพล ป.
พบิ ูล อเมริกา ใชร้ ะบบ NTSC มีจานวนเส้น 525 เส้น สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกบั กิจการและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทว่ั ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. บอกประวตั ิความเป็นมาของกิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทยได้ (ดา้ นความรู้) เศรษฐกิจพอเพียง) เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ ด้านความรู้ (ทฤษฎ)ี 1.1 กจิ การและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย ออกอากาศคร้ังแรก พ.ศ. 2498 เป็นการทดลองกิจการดา้ นโทรทศั นโ์ ดยเลือกเอาระบบของอเมริกามาใชค้ ือ เจริญรุดหน้าเกินความคาดหมาย ระยะต่อมากองทพั บกจดั ต้งั สถานีโทรทศั น์ข้ึนในปี พ.ศ. 2501 ใช้ระบบของ ระบบ NTSC มาตรฐาน FCC 1.2 กจิ การโทรทศั น์สีในประเทศไทย ประเทศยโุ รป เช่น เยอรมนั องั กฤษ ปี พ.ศ. 2513 บริษทั บางกอกเอน็ เตอร์เทนเมน้ ต์ (BEC) ไดร้ ับสมั ปทานจากบริษทั ไทยโทรทศั น์ จากดั จดั ต้งั โทรทศั น์สีเพิ่มอีก 1 สถานี ดว้ ยระบบของยุโรป เริ่มตน้ กิจการโทรทศั น์สีช่อง 3 ระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR ความถ่ีช่อง 3 (54 MHz-61MHz) หลงั จากการนาระบบส่งโทรทศั น์สีไดไ้ ม่นาน ประชาชนไดใ้ หค้ วามสนใจหนั มานิยมโทรทศั นส์ ีจานวน มาก ส่วนดา้ นโทรทศั น์ขาว-ดา ความสนใจลดลงเป็ นลาดบั จนในที่สุดสถานีโทรทศั น์ขาว – ดา จึงไดเ้ ปล่ียนมา เป็นการส่งโทรทศั นส์ ีท้งั หมด สถานีโทรทศั น์สีในส่วนกลาง 1. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั นไ์ ทยทีวสี ีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. 2. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์กองทพั บกช่อง 5 3. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั นก์ องทพั บกช่อง 7 4. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั นไ์ ทยทีวสี ีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. 5. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR ปัจจุบนั น้ีสถานีวทิ ยุโทรทศั นใ์ ชร้ ะบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR คุณลกั ษณะที่สาคญั ของระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR ความกวา้ งของช่อง (Channel Band width) = 7 MHz จานวนเส้น (Line Frequency) = 625 เส้น ความกวา้ งของความถ่ีภาพ (Video Band Width) = 5 MHz ความกวา้ งของช่อง Vestigial Side Band = 0.75 MHz ความถ่ีของภาพและความถ่ีของเสียงห่างกนั = 5.5 MHz ความถ่ีของภาพห่างจากความถี่เริ่มตน้ ของช่อง = 1.25 MHz ความถี่ของเสียงห่างจากความถ่ีสูงสุดของช่อง = 0.25 MHz จานวนภาพ/วนิ าที = 25 ภาพ/วนิ าที ความถี่ทางแนวนอน = 25,625 Hz ความถี่แนวต้งั = 50 Hz ระดบั สญั ญาณซิงค์ = 100% ระดบั แบลงกก์ ิ้ง = 75% ระดบั ต่าสุดของภาพต่ากวา่ ระดบั แบล็งกิ้ง = 0-7% ระดบั ขาวสุดของภาพ = 10-12% 1.3 ความถย่ี ่านวเี อชเอฟ ความถยี่ ่าน VHF (Very High Frequency) ตวั อยา่ ง ความถี่สถานีโทรทศั นช์ ่อง 7 จะทาใหท้ ราบ ความถ่ีช่อง 7 = 188 – 195 MHz ความกวา้ งของช่องแตล่ ะช่อง = 7 MHz ความถ่ีของภาพ = 189.25 MHz ความถ่ีของเสียง = 194.75 MHz 1.4 ความถีย่ ่านยูเอชเอฟ ความถี่ยา่ นยเู อชเอฟ (UHF) สาหรับวทิ ยโุ ทรทศั นใ์ นประเทศไทย เนื่องจากสถานีโทรทศั น์ในประเทศไทยส่งความถี่ในยา่ น VHF ยา่ นความถ่ี VHF จะส่งสญั ญาณออกได้ ต้งั แตช่ ่อง 2 ถึงช่อง 12 ออกอากาศช่อง 3, 5, 7, 9, 11 กรมประชาสมั พนั ธ์ จึงไดก้ าหนดนโยบายการเพ่ิมสถานีส่ง โทรทศั น์ใหเ้ ป็นยา่ น UHF โดยใชร้ ะบบ PAL-G เพื่อป้องกนั การรบกวนระหวา่ งสถานีตอ่ สถานี ยา่ นความถี่ VHF จะเพม่ิ ช่องอีกไม่ได้ ดงั น้นั ประเทศ ไทยจึงเพ่มิ ช่องในยา่ นความถ่ี UHF ซ่ึงจะเพ่ิมจานวน 49 ช่อง ในยา่ น UHF จะแบ่งยา่ นความถี่ออกเป็น 2 Band Band IV เริ่มช่อง 21 ถึงช่องท่ี 37 (ความถี่ 470-606 MHz) Band V เร่มิตน้ ท่ีช่อง 38 ถึงช่องที่ 69 (ความถี่ 606-862 MHz) ปัจจุบนั สถานีโทรทศั น์สีแตล่ ะสถานส่ง ท้งั 2 ระบบ คือ VHF และ UHF และยงั ส่งผา่ นดาวเทียมอีกดว้ ย การพฒั นาจากระบบ PAL-B สู่ระบบ PAL-G คุณลกั ษณะสาคญั ของระบบ PAL-G มาตรฐาน CCIR ความกวา้ งของช่อง 8 MHz ความถี่ของภาพห่างจากความถี่เริ่มตน้ ของช่อง 1.25 MHz ความถี่เสียงอยหู่ ่างจากความถี่สูงของช่อง 1.01 MHz ความถี่เสียง 2 ภาษา ภาษาที่ 1 หรือภาษา A 5.5 MHz ภาษาที่ 2 หรือภาษา B 5.74 MHz VC = Video Carrier (Picture Carrier) SC1 = Sound Carrier SC1 ภาษาท่ี 1 ความถี่ 5.5
MHz VSB = Vestigial Side Band USB = Upper Side Band ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ ง PAL-B กบั PAL-G อยทู่ ี่ 1. ระบบเสียง PAL-G มี 2 ภาษา 2. Band Width PAL-G มากถึง 8 MHz ความถ่ียา่ น UHF (Ultra High Frequency) สรุป * ความถี่ยา่ น UHF มีจานวนช่อง 21 ช่อง ถึงช่องที่ 69 ด้านทกั ษะ(ปฏบิ ตั ิ) 1. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 1 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการ กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (15 นาที ) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (15 นาที ) 1. ผูส้ อนจดั เตรียมเอกสาร พร้อมกบั แนะนา 1. ผูเ้ รียนหนงั สือและฟังผูส้ อนแนะนารายวิชา รายวิชา วิธีการให้คะแนนและการประเมินผลที่ใช้ วิธีการให้คะแนนและการประเมินผลท่ีใช้กับวิชา กบั วชิ า เคร่ืองรับโทรทศั น์ เครื่องรับโทรทศั น์ 2. ผสู้ อนช้ีแจงหวั ขอ้ การเรียนและจุดประสงค์ 2. ผู้เรี ยนฟังผู้สอนแจ้งหัวข้อการเรี ยนและ การเรียนประจาหน่วยท่ี 1 เรื่อง กิจการและระบบ จุดประสงคก์ ารเรียนประจาหน่วยที่ 1 เร่ือง กิจการและ โทรทศั น์ในประเทศไทย ระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย 3. ผูส้ อนให้ผู้เรียนอ่านและทาความเข้าใจ 3. ผูเ้ รียนอ่านและทาความเข้าใจสาระสาคัญ สาระสาคญั หน่วยท่ี 1 หน่วยท่ี 1 2. ข้นั ให้ความรู้ (210 นาที) 2. ข้นั ให้ความรู้ (210 นาที ) 1. ผู้สอนเปิ ด PowerPoint หน่วยท่ี 1 เร่ื อง 1. ผู้เรี ยนศึกษา PowerPoint หน่วยท่ี 1 เรื่ อง กิจการและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย 2. ผูส้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียนที่1 เรื่อง 2. ผเู้ รียนฟังผสู้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียน กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย ท่ี 1 เร่ือง กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 30 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 45 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 45 นาที ) 1. ผูส้ อนทบทวนความเขา้ ใจและสรุปเน้ือหา 1. ผเู้ รียนฟังผสู้ อนทบทวนความเขา้ ใจและสรุป เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เน้ือหา (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-6) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-6) (รวม 300 นาที หรือ 5 คาบเรียน) งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. เอกสารหน่วยที่ 1 เรื่อง กิจการและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย ขณะเรียน หลงั เรียน 1. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 1 ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน - แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ ส่ือส่ิงพมิ พ์ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-6) สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) สื่อของจริง แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา นอกสถานศึกษา การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอื่น 1. บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย การแสดงความรู้เก่ียวกบั กิจการและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย การประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ขณะเรียน หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน 1. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั กิจการและระบบโทรทศั นใ์
นประเทศไทย สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ แสดงความรู้เกี่ยวกบั กิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศไทย สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 1 บอกประวตั ิความเป็นมาของกิจการและระบบโทรทศั นใ์ นประเทศ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกประวตั ิความเป็นมาของกิจการและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย ไดจ้ ะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 2 อธิบายเกี่ยวกบั ระบบโทรทศั น์สีแบบ NTSC และ PAL ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายเก่ียวกบั ระบบโทรทศั นส์ ีแบบ NTSC และ PAL ได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 3 หายา่ นความถ่ี VHF ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : หายา่ นความถ่ี VHF ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 หายา่ นความถ่ี UHF ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : หายา่ นความถี่ UHF ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 พฒั นาระบบโทรทศั นส์ ีในประเทศไทยได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : พฒั นาระบบโทรทศั น์สีในประเทศไทยได้ จะได้ 3 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 6 มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ จะได้ 1 คะแนน แบบฝึ กหัดบทท่ี 1 คาชี้แจง จงทาเคร่ืองหมาย () หนา้ ขอ้ ความท่ีถูกตอ้ ง 6. ระบบมาตรฐาน PAL-B มาตรฐาน CCIR มีจานวนเส้น 7. ระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR จานวนภาพ/วนิ าที 8. ระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR
ความถี่เสียงห่างจากภาพ 9. ถา้ มีการนาระบบ PAL-G มาตรฐาน CCIR มาใชจ้ ะมีความถ่ีเสียงก่ีภาษา 10. ระบบ PAL-G มาตรฐาน CCIR Band Width เทา่ กบั แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาใหผ้ ฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 3 คะแนน = มีสาระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ ประกอบการ นาเสนอที่น่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั ขาดการประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขที่……. รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3. การปฏิบตั ิหนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน บันทกึ หลงั การสอน หน่วยท่ี 1 เร่ือง กจิ การและระบบโทรทศั น์ในประเทศไทย ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ผลการเรียนของนักเรียน 4. นกั ศึกษาส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั 5. นกั ศึกษากระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพ่อื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยท่ี 2 ช่ือเรื่อง ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั โทรทศั นข์ าว-ดา หวั ข้อเรื่อง 1. ลกั ษณะของการมองเห็นภาพ สาระสาคญั ความคิดริเริ่มเก่ียวกับกิจการโทรทศั น์ เร่ิมมาจากมนุษยค์ ิดค้นวิธีการส่งคลื่นวิทยุออกอากาศ ด้าน โทรทศั นข์ าว-ดา ถือกาเนิดคร้ังแรกประมาณปี พ.ศ. 2469 โดยกลุ่มนกั วทิ ยาศาสตร์ชาวองั กฤษ เจ.แอล. ปัจจุบนั ระบบโทรทัศน์พฒั นาสู่ระบบดิจิตอล จอภาพจะมีแบบ LCD และ LED และพลาสม่า
ถึง สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกบั โทรทศั นข์ าว-ดา จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7. บอกองคป์ ระกอบของภาพได้ (ดา้ นความรู้) เศรษฐกิจพอเพยี ง) เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ ด้านความรู้ (ทฤษฎ)ี 2.1 ลกั ษณะของการมองเห็นภาพ และความสามารถของดวงตา โดยแบง่ การมองเห็นได้ 2 ลกั ษณะ คือ อยา่ ง คือ ภาพ แสงสวา่ ง และ การสะทอ้ นสู่ดวงตา โฆษณา คือ ภาพหรือวตั ถุต่างๆ เหล่าน้ีจะมีแสงในตวั เอง ภาพจะสะทอ้ นสู่ดวงตา โดยตรงโดยไม่จาเป็ นจะตอ้ ง ความทรงจาของดวงตา 2.2 องค์ประกอบของภาพ เมนต์ หรือพิกเซล (Pixel) จุดภาพน้ีคือ จุดเล็กๆ ที่ประกอบดว้ ยจุดขาว-ดา จะถูกบรรจุในเส้นสแกน เมื่อรวมกนั จานวนจุดภาพย่งิ มาก ความละเอียดของภาพก็ย่ิงมาก นนั่ ก็คือคุณภาพของภาพสูง ถา้ ภาพน้นั มีส่วนของ จานวนพิกเจอร์ อิลิเมนต์ ย่ิงมาก คุณภาพของภาพก็ยงิ่ มาก และในทานองเดียวกนั จานวนเส้นสแกนยิ่ง การที่เส้นสแกน 625 เส้น จานวน 25 ภาพ/วนิ าที จานวนของพกิ เจอร์ อิลิเมนต์ สามารถคานวณได้ จานวนพิกเจอร์ อิลิเมนต์ =N จานวนเส้นในการสแกน =n ความสูงของภาพ =h
ความกวา้ งของภาพ =b = 520,652 จุด / 1 ภาพ สรุป จานวนพิกเจอร์ อิลิเมนต์ ไม่ต่ากวา่ 500,000 จุด / 1 ภาพ คุณภาพของภาพ คุณภาพของภาพจะมีองคป์ ระกอบหลายองคป์ ระกอบ เช่น จานวนพกิ เจอร์ อิลิเมนต์ ตอ่ 1 ภาพ จะตอ้ งมาก คือ ไมน่ อ้ ยกวา่ 300,000 จุด ต่อ 1 ภาพ จานวนจุดภาพยงิ่ มาก ความละเอียดของภาพจะยง่ิ มาก จานวนเส้นสแกนยง่ิ มาก ความละเอียดยงิ่ สูง ปัจจุบนั เส้นสแกน 625 เส้นต่อ 1 ภาพ จานวนภาพ/วนิ าที จานวนภาพยงิ่ มากจะลดการกะพริบของภาพ ปัจจุบนั ใช้ 25 ภาพ/วนิ าที อตั ราส่วนของจอภาพ (Aspect Ratio) ความกวา้ งของความสูง คือ 3 : 4 นน่ั กค็ ือจอภาพจะมีความกวา้ ง 4 ส่วน และความสูง 3 ส่วน ปัจจุบนั จะมีอตั ราส่วนเป็น 9 : 16 ส่วน ขนาดของภาพ จอภาพวดั เป็นนิ้ว เช่น 10 นิ้ว 20 นิ้ว ฯลฯ การวดั ขนาดจะวดั เส้นทแยงมุม การปรับมืดสวา่ งของภาพ จะตอ้ งปรับใหเ้ หมาะสมกบั สายตาของผชู้ ม การปรับความเขม้ ของภาพ จะตอ้ งปรับตามความตอ้ งการของผชู้ ม 2.3 การสแกน การสแกน คือ การกวาดหรือขีดของลาอิเลก็ ตรอน ทาใหเ้ กิดเส้นสวา่ งของลาอิเล็กตรอน ในแนวนอนใน จอโทรทศั น์ขาว-ดา จะเห็นเส้นสวา่ งในแนวนอนอยา่ งชดั เจนในจอภาพขนาด 17” 20” 23” จอภาพยิง่ ขนาดใหญ่ เส้นสวา่ งทางแนวนอนจะสังเกตไดง้ ่าย เพราะเส้นสวา่ งจะมีจานวน 625 เส้น จอภาพขนาดใหญ่ ระยะห่างของ เส้นทางแนวนอนก็จะมาก แต่จอขนาดเล็ก รยะห่างของเส้นสแกนทางแนวนอนจะชิดกนั มาก ทาใหด้ ูภาพคมชดั ข้ึน จานวนของเส้นทางแนวนอนเกิดได้จากากรกวาดของลาอิเล็กตรอน เรียกว่า การสแกน การสแกนจะ คลา้ ยกบั การอา่ นหนงั สือ จะอา่ นทีละบรรทดั โดยเริ่มจากทางดา้ นซา้ ยมือมายงั ดา้ นขวามือ เม่ืออา่ นหมดกจ็ ะมาต้งั ตน้ ใหม่เรียงจากบรรทดั บนลงมาเรื่อยๆ การสแกนจะเริ่มจากดา้ นบนของจอภาพ ดา้ นซ้ายมือสแกนไปยงั ดา้ น ขวามือ เส้นสแกนน้ีเรียกวา่ เส้นเทรซ (Trace) หรือฮอริซอนทอล ไลน์ (Horizontal Line) เส้นน้ีสามารถมองเห็น ได้ คือ เส้นสว่างทางแนวนอน เม่ือเส้นไปถึงขอบทางด้านขวามือแล้ว จะสะบดั กลบั
มาทางดา้ นขอบจอทาง การบงั คบั การสแกน คือ การสแกนจากซ้ายมือไปยงั ขวามือ การที่จะเกิดการสแกนดงั กล่าวจะตอ้ งนา การบงั คบั สแกนทางแนวต้งั คือ การบงั คบั เส้นสแกนทางแนวนอนไม่ใหซ้ ้าเส้นเดิม หรือทบั เส้นเดิมจาก ลาดบั ข้นั ตอนการสแกน จากรูป การทางานฟิ ลดค์ ่ีเร่ิมตน้ จากทางดา้ นซา้ ยมือ (A) เส้นท่ี 1 จะเร่ิมจากมุมทางดา้ นซา้ ยจนถึงทางดา้ น การเร่ิมตน้ การสแกนฟิ ลดค์ ู่
จะกาเนินการจากจุดก่ึงกลางของขอบจอดา้ นบน (C) ดาเนินการจากซา้ ยมือ เส้นสะบดั กลบั หรือรีเทรซ (Retrace) ท้งั ทางแนวนอนและแนวต้งั เส้นสะบดั กลบั จะมองไม่เห็น เพราะ จะเห็นวา่ เมื่อดาเนินการฟิ ลดค์ ่ีและฟิ ลดค์ ูเ่
รียบร้อยแลว้ กจ็ ะครบ 1 เฟรม - ทางแนวนอนเวลาท่ีใชใ้ นการเทรซ ประมาณ 82% การรีเทรซ ประมาณ 18% - ทางแนวต้งั เวลาที่ใชใ้ นการเทรซ ประมาณ 93.5% การรีเทรซ ประมาณ 6.5% หลอดภาพ (Picture Tube) หลอดภาพ เรียกวา่ พกิ เจอร์ ทิ้วบ์ (Picture Tube) หรือเรียกวา่ CRT แคโทด เรย์ ทิ้วบ์ (Cathode Ray Tube) จะแบง่ ส่วนสาคญั ออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนท่ี 1 ชุดจา่ ยอิเล็กตรอนหรือปื นอิเลก็ ตรอน (Electronz Gun) ส่วนที่ 2 ส่วนบงั คบั อิเลก็ ตรอน ส่วนที่ 3 ส่วนรับอิเลก็ ตรอนหรือจอภาพ (Screen) เพอื่ ใหห้ ลอดภาพดาเนินการไดค้ ือ เมื่อลาอิเล็กตรอนวิง่ ออกมาทางชุดจ่ายลาอิเลก็ ตรอน (Electron Gun) จะถูกแอโนด (Anode) ของภาพ ดึงลาอิเล็กตรอนใหช้ นจอภาพตรงจุดก่ึงกลางของจอภาพ จอภาพจะถูกฉาบดว้ ยสารเรืองแสง เม่ือมีลาอิเล็กตรอน มาตกกระทบจะเกิดแสงเป็นจุดก่ึงกลางของจอภาพเพยี งจุดเดียว หลอดภาพยงั ไมใ่ ส่ชุดหกั เหลาอิเลก็ ตรอน คือ ใหห้ ลอดภาพทางานอิสระจะมีเพยี งจุดกลางจอจุดเดียว วธิ ีท่ี 1 วธิ ีการ Static Deflection วธิ ีการของสนามไฟฟ้าจะใชแ้ รงดนั ไฟฟ้า (Voltage) รูปซอร์ ทูธ ให้แก่ดีเฟล็คชน่ั เพลตท่ีทาใหเ้ กิดการ หกั เหของลาอิเล็กตรอน จะมีหลกั การอยูว่ า่ ข้วั หรือศกั ยไ์ ฟฟ้าต่างชนิดกนั ดึงดูดกนั และข้วั ศกั ยห์ รือศกั ยไ์ ฟฟ้า เหมือนกนั จะผลกั กนั จากหลกั การดงั น้ีเองท่ีจะบงั คบั ลาอิเล็กตรอนเคลื่อนท่ีไปยงั ตาแหน่งใดก็ได้ เพราะว่า อิเลก็ ตรอนมีศกั ยเ์ ป็นลบ Plate A และ Plate B จะทาหนา้ ที่บงั คบั การสแกนทางแนวนอน Plate C และ Plate D จะทาหนา้ ท่ีบงั คบั การสแกนทางแนวต้งั สมมติวา่ ตอ้ งการให้ลาอิเล็กตรอนไปอยูท่ ี่ตาแหน่งดา้ นบนของภาพ กระทาไดโ้ ดยใหแ้ รงไฟศกั ยบ์ วกแก่ เพลต A และแรงไฟศกั ยล์ บแก่เพลต B ลาอิเล็กตรอนจะเคลื่อนท่ีจากก่ึงกลางไปยงั ซา้ ยมือ และใหไ้ ฟศกั ยบ์ วกแก่ เพลต C ใหไ้ ฟลบแก่เพลต D ลาอิเล็กตรอนก็จะเคลื่อนที่ไปตาแหน่งดา้ นซา้ ยมือขอบบนของจอภาพตามตอ้ งการ ณ ตาแหน่งน้ีเรี่มตน้ การสแกน ถา้ ตอ้ งการใชล้ าอิเล็กตรอนสแกนจากกา้ นขวามือไปยงั ซา้ ยมือ กระทาไดโ้ ดยเพลต A ตอ้ งค่อยๆ ลดแรง ไฟลงไปหาศกั ยล์ บ ส่วนเพลต B ตอ้ งค่อย ๆ เพิ่มศกั ยไ์ ฟบวก ลาอิเล็กตรอน จะสแกนจากดา้ นซา้ ยมือมายงั ดา้ น ขวามือ ในทานองเดียวกนั ถา้ ตอ้ งการใหเ้ กิดการสแกนกลบั ไปต้งั ตน้ ทางซา้ ยมือใหม่ ใหเ้ พลต A ค่อยๆ เปล่ียน จากข้วั ลบมาเป็ นข้วั บวก และเพลต B ค่อยๆ เปลี่ยนจากข้วั บวกเป็ นข้วั ลบ เพลต A ก็จะดึงการสแกนไปทางดา้ น ซา้ ยมือ โทรทัศน์ระบบ Pal2) ระบบพาล (PAL) ย่อมาจาก Phase Alternative Line หรืออาจเรียกว่าระบบ ซีซีไออาร์(CCIR) ระบบนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศเยอรมนี โดย Dr.Walter Bruch เป็นระบบที่ปรับปรุงมาจากระบบเอ็นทีเอสซี(NTSC) เป็นระบบที่มีการส่ง 625 เส้น 25 ภาพต่อวินาที ซึ่งหลักการของระบบนี้จะเหมือนกันกับหลักการของระบบเอ็นทีเอสซี (NTSC) โดยปรับปรุงเรื่อง ...
ระบบมาตรฐาน Palระบบ PAL-B มาตรฐาน CCIR มีจำนวนเส้นสแกนเท่าไร answer choices. ก. 425 เส้น
ระบบ PALมาตรฐานการส่งโทรทัศน์ขาวดาครั้งแรกประเทศไทยใช้ระบบของอเมริกา 525 เส้น ต่อมาเปลี่ยนเป็น ระบบของยุโรป 625 เส้น (PAL – B) ประมาณปีพ.ศ. 2510 ทุกสถานีได้เปลี่ยนแปลงมาส่งโทรทัศน์สีใช้ระบบ PAL – B จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นถ้าเป็นระบบ PAL – B ขาวดาและสีใช้มาตรฐานอย่างเดียวกัน
ระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์ มีกี่ระบบระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์มีอยู่ด้วยกัน 4 ระบบได้แก่ ระบบ NTSC (National Televion Standards Committee) ระบบ PAL (Phase Alternation Line) ระบบ SECAM (SEQuentiel A Memoire("memory sequential")
|