วิวัฒนาการของโทรศัพท์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต

         ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ เริ่มมีการใช้งานครั้งแรกที่ชิคาโก เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา เรียกว่า ระบบเอเอ็มพีเอส (AMPS) หรือระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ 1 (First Generation-1G) หรือ 1G และเป็นระบบที่มีการติดต่อระหว่างสถานีเคลื่อนที่ และสถานีฐานที่ใช้แบบเอฟดีเอ็มเอ (FDMA-Frequency Division Multiple Access) โดยที่สัญญาณเสียงพูดจะถูกส่งแบบอนาล็อก นอกจากระบบเอเอ็มพีเอส แล้วยังมีระบบของยุโรป คือ เอ็นเอ็มที (NMT) ของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และแทคส์ (TACS)

หากตอนนี้เราอายุสักประมาณ 30-40 ปี หลายคนอาจจะมองว่าแก่แล้วนะ ชราแล้วนะ แต่จะบอกว่า ความโชคดีของคนอายุประมาณนี้ก็คือ พวกเค้าจะได้เห็นโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายมิติ หนึ่งในมิติที่ว่าก็คือเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ลองนึกภาพย้อนกลับไปดูคนวัยนี้อาจจะผ่านระบบการสื่อสารจากโทรเลข หรือ จดหมายในตอนเด็ก มาเป็นการใช้ไลน์ในตอนปัจจุบัน เรามาย้อนดูว่าความเปลี่ยนแปลงของโทรศัพท์มือถือในแต่ละยุคมีอะไรบ้าง

ยุคโทรศัพท์มือถือแบบเครื่องใหญ่ ยุค 1 G

ใครจะเชื่อว่ายุคแรกสุดของโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ มันจะเป็นสิ่งที่แพงถึงแพงมากยุคแรกราคาเป็นแสน(หากเทียบค่าเงินตอนนั้นกับตอนนี้ ก็หลายแสนจนถึงล้านด้วยซ้ำ) ยุคแรกนี้โทรศัพท์จะเป็นเหมือนกระเป๋าเจมส์ บอนด์ เหมือนกับพวกพลทหารสื่อสารที่จะต้องแบกกระเป๋าในแนวหน้าเลย ก่อนจะพัฒนามาเป็นรุ่นกระติกน้ำ หรือ รุ่นกระดูกหมาที่เราเคยได้ยินกัน มารุ่นนี้โทรศัพท์เริ่มที่จะลดขนาดลงมาให้เหลือแบบหยิบขึ้นมาได้เลยไม่ต้องใช้คำว่าแบกอีกแล้ว แต่ตัวโทรศัพท์ยังมีหนักอยู่

ยุคโทรศัพท์เริ่มแพร่หลาย ยุค 2G

หลังจากผ่านมาสักพัก เทคโนโลยีของการสื่อสารเครื่องโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนามากขึ้น ตอนนั้นโทรศัพท์จะถูกลดขนาดลงสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อ หรือ กระเป๋ากางเกงได้แล้ว ตัวโทรศัพท์ก็พัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่โทรเข้าออกอย่างเดียว แต่มีการส่งข้อความหากันด้วย (ตอนนั้นเทคโนโลยีนี้ว้าวมากเลยนะ) รวมถึงได้มีการพัฒนาให้โทรศัพท์มือถือมีเสาสัญญาณในตัวทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องจับสัญญาณไม่ดี อีกทั้งตอนนั้นมีการสร้างโทรศัพท์มือถือแบบโทรศัพท์บ้านที่เรารู้จักกันดีว่า PCT (personal communication telephone) น่าเสียดายที่ระบบนี้มีแต่ในกรุงเทพเท่านั้นที่มีสัญญาณ

ยุคแห่งเทคโนโลยีก้าวกระโดด ยุค 3G

ในช่วงปลายยุค 2G ต้องบอกว่าโทรศัพท์เริ่มมีการใส่ลูกเล่นสำคัญลงไปอย่างการเล่นเกม การใส่เครื่องคิดเลข การแชท และที่สำคัญเริ่มจะมีระบบจอสีกันแล้วด้วย (แน่นอนว่าตอนนั้นฮือฮามาก แข่งกันว่าใครจะทำภาพออกมาได้สวยกันกว่า) จนกระทั่งมีการใส่ระบบพื้นฐานของโทรศัพท์ทุกรุ่นตอนนี้ก็คือ กล้องถ่ายภาพ ทีนี้พอเข้าสู่ยุค 3G โทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบ 3G เพื่อส่งข้อความหากันได้ง่ายขึ้นแบบแชทไลน์ในทุกวันนี้ ซึ่งโทรศัพท์ยอดฮิตที่วัยรุ่นถามหากันก็คือ BB หรือ Blackberry จนมีวลีติดปากกันว่า มีเบอร์พินไหม แต่หลังจาก 3BB ได้พัฒนามาจนถึงขีดสุด โลกก็ได้พัฒนาตัวเองอีกครั้งกับเทคโนโลยีที่เราเรียกกันว่า ทัชสกรีน ตอนนั้นโทรศัพท์ไอโฟน ได้ออกมาให้เราว้าวกับเทคโนโลยีไม่มีแป้น ไม่มีปุ่ม เราสามารถกดทุกอย่างบนหน้าจอได้เลย ซึ่งนี่เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของวงการเทคโนโลยีเลยทีเดียว

ยุคแห่งความจำเป็นของโทรศัพท์มือถือ ยุค 4G

หลังจากเราพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างชัดเจนกับ ทัชสกรีน ในยุค 3G ปลายๆ ทีนี้พอเข้าสู่ยุค 4G แน่นอนว่าเรายังยกให้กับความสามารถของทัชสกรีนเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญ แต่ยุคนี้เรื่องการถ่ายโอนข้อมูลทำได้เร็วขึ้น จนทำให้การสร้างแอพพลิเคชั่นทำได้เร็วง่าย และ หลากหลายขึ้น จึงทำให้การใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นมากกว่าโทรศัพท์ไปแล้ว แอพพลิเคชั่นทำให้เราสามารถทำได้ทุกอย่างบนมือถือตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น จับ จ่ายซื้อของ ทำธุรกรรมทางการเงิน ดูหนัง ฟังเพลง เรียนหนังสือ ติดต่องาน ทำรายงาน ทุกอย่างได้หมด เรียกว่า แอพพลิเคชั่นเป็นพระเอกของการพัฒนา เปลี่ยนแปลงโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นของจำเป็นของทุกคนในยุคนี้ไปได้เลย น่าสนใจว่า ในยุค 5G ที่กำลังจะเข้ามาอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นอะไรไปอีก

                    ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องปกติที่ทุกอย่างจะเปรียบเสมือนกับดาบสองคม ที่ด้านหนึ่งย่อมต้องมีประโยชน์ อย่างไรก็แฝงมากับโทษที่ไม่เคยทราบมาก่อน มือถือให้ประโยชน์กับเรามากมาย แต่ทุกอย่างอยู่ที่เราเลือกใช้เลือกปฏิบัติ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง แค่นี้เราก็จะมีความสุขกับการใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว

โทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ากว่าจะมาเป็นรุ่นที่สะดวกสบายในวันนี้ในอดึตก็มีหลายๆ รุ่นที่เราเคยจับและผ่านมาบ้างแล้ว จะเป็นลักษณะอย่างไรบ้างมาอ่านไปพร้อมๆ กัน

ถ้าย้อนความจำกันได้ ภาพจำของโทรศัพท์มือถือรุ่นๆ ที่ถูกใช้งานอย่างจริงๆ จังๆและเรียกว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคือภาพแบบไหน วันนี้เราจะพาคุณย้อนความทรงจำกับโทรศัพท์มือถือจากอดีตจนปัจจุบัน ว่ารูปลักษณ์หน้าตา และการใช้งาน มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรมาก จนกว่าจะมาเป็นสมาร์ทโฟนที่มีอิทธิพลสุดๆ กับเราในปัจจุบัน

ยุคนี้เครื่องหนักเสาสูง

เริ่มที่ยุคแรกของโทรศพท์มือถือ คงหนีไม่พ้นยุค 1G ซึ่งเป็นระบบอนาล็อคที่ส่งเสียงรับเสียงได้ แต่ไม่สามารถส่งข้อความหากันได้ ถ้าพูดถึงหน้าตาของยุคนั้น ก็คงหนีไม่พ้นภาพจำที่ว่าเป็นโทรศัทพ์เครื่องใหญ่ๆ มีปุ่มกดตัวเลข 0-9 และปุ่มรับสายวางสายใช่ไหมละ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะเอกลักษณ์อีกอย่างของมือถือในยุคนั้นคือการที่เครื่องใหญ่มากๆ และมีเสาสัญญาณ พกพาไปไหนด้วยแล้วมีความยิ่งใหญ่อย่างมากเลยทีเดียว

ยุคส่งข้อความผ่านแป้นพิมพ์

ส่วนในยุคที่เป็น 2G โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการอัปเกรดขึ้นเพิ่มเติมจากการโทรออก รับสาย ก็คืออการส่งข้อความหากันได้ แต่เรื่องน้ำหนักเครื่องก็น่าจะยังเป็นรุ่นที่มีน้ำหนักอยู่พอสมควร แต่ที่เริ่มเปลี่ยนได้ชัดน่าจะเป็นเสาโทรศัพท์ที่เริ่มหายไปในหลายๆ รุ่นที่เกิดขึ้นใหม่

ยุค BB แรงกว่าไอโฟน

ขณะที่ยุค 3G น่าจะเป็นยุครุ่งเรืองสุดๆ ของโทรศัพท์มือถือ เพราะเริ่มทำงานได้หลากหลายขึ้น และยิ่งเรื่องของรูปร่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวแม้ว่าจะยังมีรุ่นที่ใช้ปุ่มกด แต่ก็มีรุ่นที่เริ่มมีหน้าจอทัชกสรีนบ้างแล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นอีกนั้นก็คือ เริ่มมีกล้องบนโทรศัทพ์มือถือ มือถือเริ่มถ่ายรูปได้ เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับใครหลายๆ คนเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นยุคที่เริ่มมีการใช้งานนอกเหนือจากการส่งข้อความอีกด้วย นั้นคือสามารถเข้าโปรแกรมแชทบนโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงเริ่มมีแอพพลิเคชั่นเกิดขึ้นมากกมาย และยังเป็นยุคที่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการใช้งานแบบสัมผัส ลดจำนวนปุ่มกดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

ยุคสมาร์ทโฟนรุ่งเรือง

ต่อกันยุค 4G ยุครุ่งเรืองของอินเทอร์เน็ต ความเปลี่ยนแปลงด้านการใช้งานอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับยุค 3G มากนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนและเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นเรื่องความเร็วของอินเทอร์เน็ตแต่หลายคนอาจจะยังไม่ได้สัมผัสถึงสักเท่าไหร่ ในยุคนี้เป็นยุคที่ความเปลี่ยนแปลงของโทรศัพท์มือถือ และวิวัฒนาการของโทรศัทพ์มือถือนั้นเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องของการใช้งานแบบทัชสกรีน การสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอ การใช้ AI สแกนใบหน้า หรือใช้ AI จับวัตถุเพื่อแสดงภาพ แม้กระทั่งการมีคุณภาพกล้องที่ดีขึ้น ถ่ายได้ทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง ที่มีความละเอียดเทียบเท่ากล้องทั่วไป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งการพัฒนาของบริษัทผู้ผลิตเลยก็ว่าได้

เนื่องด้วยในยุคนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนมากๆ ว่าโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะ โดยแข่งขันกันด้วยเรื่องของคุณภาพที่จัดเต็ม แต่ราคาสามารถจับต้องได้ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งถือว่าเป็นยุคที่มีตัวเลือกให้เราได้เลือกใช้งานเยอะมากจริงๆ

ยุคความเร็วต้องมาแต่การเปลี่ยนรูปลักษณ์ต้องรอลุ้น

แล้วมือถือในยุค 5G จะเป็นยังไง แม้ว่าวันนี้เราจะได้ยินเรื่อง 5G กันบ้างแล้ว อีกทั้งยังมีบางประเทศที่เริ่มใช้ 5G ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับประเทศไทยเอง 5G ก็น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่สำหรับ 5G จะเป็นเทคโนโลยี หรือ คลื่นลูกใหม่ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงหลายๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมไปเรื่องของการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

จริงๆ แล้วโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากเรื่องการดีไซน์ที่พัฒนามาเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนอย่างการไร้ปุ่มกดบนหน้าจอ ใช้เป็นทัชสกรีน 100% เรื่องของช่องเสียบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังหรือที่ชาร์จแบตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานในยุค 5G นั้น น่าจะเป็นการใช้งานที่เพิ่มความหลายในเรื่องของการเข้าถึงมากกว่าการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอก แม้ว่าจะเริ่มมีสมาร์ทโฟนที่พัฒนารูปลักษณ์ของกล้องที่ทำแบบ Pop-Up หรือหน้าจอแบบพับได้แล้วก็ตาม