อ่านก่อนทำงาน ครูให้เป็นตัวอย่างถ้าลอกเหมือนทุกประการจะโดนตัดคะแนน โครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง ชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มา ผู้จัดทำ เด็กชายบุญเลิศ แกมแก้ว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๑๑ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชาการเขียนความเรียงขั้นสูง ๑ ท๒๐๒๐๙ โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๓ --------------------------------------------------------------------------------------------- ชื่อเรื่องโครงงานชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มา ผู้จัดทำ เด็กชายบุญเลิศ แกมแก้ว ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ครูที่ปรึกษา ครูอภินันท์ สีสันต์ โรงเรียน ท่ามะกาวิทยาคม ปีการศึกษา ๒๕๕๓ บทคัดย่อ โครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มา เป็นโครงงานภาษาไทย ประเภทสำรวจ จัดทำขึ้นจากการศึกษาค้นคว้านอกห้องเรียนตามความสนใจวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ทุกคน ระยะเวลาในการจัดทำโครงงานประมาณ ๑ เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมาย ความเป็นมาและสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับชื่อ นามสกุล ของแต่ละคน โดยศึกษาจากหนังสือ การสัมภาษณ์ อินเทอร์เน็ตและฐานข้อมูลงานทะเบียน จากการศึกษาพบว่าบุญเลิศเป็นคำประสมระหว่างคำว่าบุญที่เป็นคำนามหมายถึงการทำความดี และเลิศ ที่เป็นคำนามหมายถึงวิเศษ รวมความแล้วหมายถึงการกระทำความดีที่วิเศษ ส่วนแกมแก้วที่มาคือเป็นชื่อบรรพบุรุษต้นสกุลแกมแก้วและมีศิษย์เก่าที่มีชื่อซ้ำกับข้าพเจ้า 51 คน และมีนามสกุลซ้ำกับข้าพเจ้า 55 คน ผลจากการศึกษาโดยทำโครงงานภาษาไทย ครั้งนี้ ทำให้สามารถพัฒนาทักษะทางภาษาไทยในหลายด้านเช่นการอ่าน การฟัง การพูดและการเขียน นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาการใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูล ------------------------------------------------------------------------------------------- คำนำ รายงานโครงงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อรายงานการสำรวจความหมาย ที่มาและ รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับชื่อและนามสกุลของข้าพเจ้า โดยใช้วิธีการสำรวจสืบค้นเอกสาร สัมภาษณ์และการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลงานทะเบียนของโรงเรียน ข้าพเจ้าหวังว่ารายงานโครงงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทุกท่าน เด็กชายบุญเลิศ แกมแก้ว ผู้จัดทำ ------------------------------------------------------------------------------------------ กิตติกรรมประกาศ โครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มา สำเร็จลงได้ด้วยความกรุณาของคุณครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และครูที่ปรึกษาโครงงานคือครูอภินันท์ สีสันต์ ที่กรุณาให้คำแนะนำในการจัดทำโครงงาน ขอขอบคุณคุณครูณัฐชัย ประสูตินาวิน ที่กรุณาแนะนำการสืบค้นข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ต และขอขอบคุณครูบรรณารักษ์ ห้องสมุดโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม ทุกท่านที่กรุณาแนะนำการค้นหาหนังสือและ การใช้พจนานุกรม และขอขอบคุณ ขอขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ท่านรองผู้อำนวยการด้านวิชาการและหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่ให้ความสนับสนุนในการจัดทำโครงงาน ท้ายที่สุดขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่และญาติทุกท่าน ที่กรุณาให้ข้อมูลรวมทั้งสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์และให้กำลังใจในการทำโครงงาน จนสำเร็จลงด้วยดี ข้าพเจ้าหวังว่ารายงานโครงงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจ สำหรับเป็นแนวทางในการจัดทำรายงานโครงงานต่อไป ---------------------------------------------------------------------------------------- สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก คำนำ ข กิตติกรรมประกาศ ค บทที่ ๑ บทนำ ๑ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ๑ วัตถุประสงค์ในการศึกษา ๑ สมมุติฐานของการศึกษาโครงงาน ๑ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๑ บทที่ ๒ การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒ บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ ๓ ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษาโครงงาน ๓ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ๓ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาหรือเก็บข้อมูล ๓ บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ๔ บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ๕ สรุปผลการวิเคราะห์โครงงาน ๕ อภิปรายผลจากการวิเคราะห์ ๕ ข้อเสนอแนะ ๕ บรรณานุกรม ๖ ภาคผนวก ๗ --------------------------------------------------------------------------------- บทที่ ๑ บทนำ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ชื่อและนามสกุล มีความสำคัญกับมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิดจนตายเพราะเป็นสิ่งที่ใช้เรียกบุคคล และมีผลตามกฎหมาย ดังนั้นทันทีที่ทุกคนเกิดจะต้องแจ้งชื่อของผู้เกิดพร้อมชื่อ นามสกุลบิดา มารดา ผู้ให้กำเนิด ทำให้ทราบรายละเอียดแรกของการมีชีวิตในโลกและมีผลตามกฎหมายหลายอย่างต่อมา ในการธุรกรรมต่าง ๆ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร การขาย โอนทรัพย์สิน ต่าง ๆ ล้วนต้องแสดงชื่อ นามสกุล ทั้งสิ้น ในอดีตข้าพเจ้าไม่เคยทราบความหมาย ความเป็นมาและรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อและนามสกุลของตนเอง จึงจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อศึกษารายละเอียดดังกล่าว วัตถุประสงค์ในการศึกษา ๑.เพื่อศึกษาความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเอง ๒.เพื่อศึกษาความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง ๓.เพื่อศึกษาว่ามีศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้าหรือไม่ สมมุติฐานของการศึกษาโครงงาน ชื่อของข้าพเจ้าเป็นคำประสม ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๑. ทราบความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเอง ๒.ทราบความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง ๓.ทราบว่ามีศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้าหรือไม่ ---------------------------------------------------------------------------------- บทที่ ๒ การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ชื่อ เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่เกิด จนกระทั่งแม้ลาจากโลกนี้ไป ชื่อของคนดีก็ยังจาลึกไว้ในความทรงจำของผู้คน คุณพ่อคุณแม่จึงต่างจัดเตรียมชื่อให้กับลูกน้อยของตนเองตั้งแต่ยังไม่ออกจากครรภ์เลยทีเดียว บ้างให้พระท่านตั้งให้ บ้างให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านตั้งให้ นั้นแสดงถึงความสำคัญของชื่อที่มีต่อคนเราเสมอมา ในการตั้งชื่อในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบที่หลากหลาย โดยทั้งหมดต่างต้องการให้เกิดความเป็นสิริมงคล เป็นที่นิยมยกย่อง และความเจริญรุ่งเรืองกับชีวิตของเจ้าของชื่อเป็นหลัก ถึงแม้ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อจะได้รับการศึกษา และสั่งสอนกันสืบมาตั้งแต่โบราณ หากแต่ไม่มีการกำหนดชื่อเรียกอย่างเป็นมาตรฐาน ที่เรียกว่า "นามศาสตร์" อันหมายถึงศาสตร์ที่นำมาประกอบเพื่อการตั้งชื่อ เพื่อความเข้าใจตรงกันเมื่อพิจารณานามศาสตร์ที่มีการเขียนเป็นตำรา หรือคู่มือตั้งชื่อที่พบในร้านหนังสือต่าง ๆ จะใช้หลักของภูมิทักษาหรือทักษาปกรณ์เป็นส่วนใหญ่ (กมล บุญมี 2545: 27) นามสกุล คือ ชื่อบอกตระกูล (หรือสกุล) เพื่อแสดงที่มาของบุคคลนั้น ว่ามาจากครอบครัวไหน ตระกูลใด ธรรมเนียมการใช้นามสกุลปรากฏอยู่ทั่วไปในหลาย ๆ ประเทศและวัฒนธรรม ในบางวัฒนธรรม จะใช้นามสกุลในการเรียกขานในโอกาสที่เป็นทางการ เช่น บารัก โอบามา (Barack Obama) จะถูกเรียกว่า คุณโอบามา (Mr. Obama) ไม่ใช่ คุณบารัก เป็นต้น(สุเมธ บันลือ 2551: 22) ก่อนหน้านี้ กฎหมายไทยกำหนดให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว จะต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามี แต่ในปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดให้ผู้หญิงมีสิทธิในการเลือกใช้นามสกุลของตัวเองหรือของสามีได้ ซึ่งถือเป็นการให้สิทธิแก่สตรีตรงตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 30 ระบุไว้ (สุขุม นวลสกุล 2552: 7) เดิมคนไทยไม่ได้มีนามสกุล จะมีเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงทรงโปรดให้มีการตั้งนามสกุลเหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 และมีการพระราชทานนามสกุลให้แก่หลายครอบครัวที่เรียกว่า นามสกุลพระราชทานจำนวน 6,432 นามสกุล และหลายครอบครัวก็ตั้งนามสกุลตามชื่อของผู้นำของครอบครัวนั้น หรือตามถิ่นที่อยู่อาศัยของครอบครัวนั้น นามสกุลแรกของประเทศไทย คือ สุขุม (www.wikipedia.org) -------------------------------------------------------------------------------- บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ ในการศึกษาโครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มามีวิธีการดำเนินการ ดังนี้ ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษาโครงงาน ในการศึกษาโครงงานใช้รูปแบบการสำรวจสืบค้นจากเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องและการสืบค้นฐานข้อมูลงานทะเบียนของโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ๑. ความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเอง มีวิธีการศึกษาโดยค้นหาความหมายของชื่อ นามสกุล แล้วจดบันทึก รวมทั้งการสัมภาษณ์ผู้ที่ตั้งชื่อ และนำมาวิเคราะห์ตามหลักการตั้งชื่อของไทย แล้วจดบันทึก นำข้อมูลมาวิเคราะห์ ๒.ความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง มีวิธีการศึกษาโดยการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุในตระกูลถึงที่มาของนามสกุล แล้วจดบันทึก นำข้อมูลมาวิเคราะห์ ๓.จำนวนศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้า มีวิธีการศึกษาโดยการสืบค้นจากฐานข้อมูลงานทะเบียนของโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม ด้วยอินเทอร์เน็ต แล้วจดบันทึก นำข้อมูลมาวิเคราะห์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาหรือเก็บข้อมูล ๑. โครงร่างการจัดทำโครงงาน จัดทำโดยการระดมสมองในกลุ่มแล้วกำหนดเป็นรูปแบบสำหรับใช้วางแผนในการจัดทำโครงงาน ดังแสดงในภาคผนวก ๒. แบบเก็บข้อมูลโครงงาน จัดทำโดยการระดมสมองในกลุ่มแล้วกำหนดเป็นรูปแบบสำหรับเก็บข้อมูลในการจัดทำโครงงาน ดังแสดงในภาคผนวก ๓. ฐานข้อมูลศิษย์เก่าโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคมโดย การสืบค้นจากฐานข้อมูลงานทะเบียนของโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม ด้วยอินเทอร์เน็ต ดังแสดงในภาคผนวก ------------------------------------------------------------------------------- บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในการศึกษาโครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มามีผลการวิเคราะห์ข้อมูล มีรายละเอียด ดังนี้ ๑. ผลการเพื่อศึกษาความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเองจากการสืบค้น ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พุทธศักราช ๒๕๓๐ พบว่าชื่อบุญเลิศเป็นคำประสมระหว่างคำว่าบุญที่เป็นคำนามหมายถึงการทำความดีและเลิศ ที่เป็นคำวิเศษณ์หมายถึงยอดดี ยอดเยี่ยม วิเศษ รวมความแล้วบุญเลิศ หมายถึงการกระทำความดีที่วิเศษ และเมื่อวิเคราะห์กับหลักทักษาปกรณ์ พบว่ามีอักษรในชื่อเป็นบริวารคือ ญ เป็น ศรี คือ บ เป็นมูละ คือ ล เป็นอุตสาหะ คือ ศ เป็นมนตรี คือสระอุ สระเอ สระอิ ๒. ผลการศึกษาความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง จากการสอบถามคุณย่านภัทร แกมแก้ว พบว่าที่มาของนามสกุลแกมแก้ว คือเป็นชื่อบรรพบุรุษต้นสกุลแกมแก้ว คือนายแกม และนางแก้ว สองสามีภรรยา ต้นตระกูลเกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เป็นผู้ตั้งนามสกุลนี้ขึ้นมาและลูกหลานใช้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน และผู้ที่มีนามสกุลนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในตำบลหวายเหนียว ๓. ผลการศึกษาว่ามีศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้าหรือไม่ โดยการสืบค้นจากฐานข้อมูลศิษย์เก่า จากงานทะเบียนของโรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม ด้วยอินเทอร์เน็ตพบว่ามีศิษย์เก่าที่มีชื่อซ้ำกับข้าพเจ้า 51 คน และมีนามสกุลซ้ำกับข้าพเจ้า 55 คน ศิษย์เก่าที่มีชื่อซ้ำกับข้าพเจ้ามีตั้งแต่ ศิษย์เก่าที่เข้าเรียนในปี พ.ศ.๒๔๙๓ จนถึงปัจจุบัน สำหรับศิษย์เก่าที่มีนามสกุลตรงกับข้าพเจ้าเป็นศิษย์เก่าที่เข้าเรียนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๓ ถึงปัจจุบัน เช่นกันและหลายท่านเป็นญาติที่ข้าพเจ้ารู้จัก -------------------------------------------------------------------------------------------- บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ในการศึกษาโครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้ว นี้มีที่มา สรุป อภิปรายผล มีรายละเอียด ดังนี้ สรุปผลการวิเคราะห์โครงงาน ๑. ผลการศึกษาความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเอง พบว่าชื่อบุญเลิศ เป็นคำประสม หมายถึงการกระทำความดีที่วิเศษ และเมื่อวิเคราะห์กับหลักทักษาปกรณ์ พบว่ามีอักษรในชื่อเป็นมงคลทุกตัว ๒. ผลการศึกษาความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง พบว่าที่มาของนามสกุลแกมแก้ว คือเป็นชื่อบรรพบุรุษต้นสกุลแกมแก้ว ที่เกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ๓. ผลการศึกษาว่ามีศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้าหรือไม่ โดยการพบว่ามีศิษย์เก่าที่มีชื่อซ้ำกับข้าพเจ้า 51 คน และมีนามสกุลซ้ำกับข้าพเจ้า 55 คน อภิปรายผลจากการวิเคราะห์ ๑. ผลการเพื่อศึกษาความหมายและความเป็นมาของชื่อตนเอง พบว่าชื่อบุญ เลิศเป็นคำประสม หมายถึงการกระทำความดีที่วิเศษ และเมื่อวิเคราะห์กับหลักทักษาปกรณ์ พบว่ามีอักษรในชื่อเป็นมงคลทุกตัว สอดคล้องกับหลักการตั้งชื่อของคนไทยที่ใช้หลักทักษาปกรณ์เพื่อมีชื่อที่ดีและเป็นศิริมงคล ๒. ผลการศึกษาความหมายและความเป็นมาของนามสกุลตนเอง พบว่าที่มาของนามสกุลแกมแก้ว คือเป็นชื่อบรรพบุรุษต้นสกุลแกมแก้ว ที่เกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖สอดคล้องกับการศึกษาที่มาของนามสกุลของคนไทยที่มีครั้งแรกในสมัยดังกล่าว ๓. ผลการศึกษาว่ามีศิษย์เก่า มีชื่อและนามสกุล ตรงกับข้าพเจ้าหรือไม่ โดยการพบว่ามีศิษย์เก่าที่มีชื่อซ้ำกับข้าพเจ้า 51 คน และมีนามสกุลซ้ำกับข้าพเจ้า 55 คน สอดคล้องกับข้อมูลการสัมภาษณ์ว่ามีญาติในตระกูลมาเรียนที่โรงเรียนนี้จำนวนมาก ข้อเสนอแนะ ในการศึกษาโครงงานเรื่องชื่อบุญเลิศ แกมแก้วนี้มีที่มา ควรศึกษาเพิ่มเติม ดังนี้ ๑. ศึกษาและจัดทำแผนภูมิต้นไม้ ชื่อ นามสกุล ของเครือญาติ ทั้งฝ่ายบิดาและ มารดา ๒. ศึกษาวิธีการตั้งชื่อและนามสกุล อย่างละเอียด ๓. ศึกษาพระราชบัญญัตินามสกุลในอดีตและปัจจุบันเปรียบเทียบกัน ----------------------------------------------------------------------------------------- บรรณานุกรม กมล บุญมี. ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ. กรุงเทพมหานคร: บรรณกิจ, 2545. สุขุม นวลสกุล. “ นามสกุลช่างวุ่นวาย” ไทยรัฐ. 60: 3001 (12 เมษายน 2552) 7. สุเมธ บันลือ นามสกุลของคนไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สยาม, 2551. อภิรดี แกมแก้ว. สัมภาษณ์ 15 กันยายน 2553. "นามสกุล" (ออนไลน์) สืบค้นจาก www.wikipedia.org (วันที่สืบค้น : 25 สิงหาคม 2553) อภินันท์ สีสันต์. “ตัวอย่างโครงงาน” (ออนไลน์) สืบค้นจาก www.gotoknow.org/apinun (วันที่สืบค้น : 25 สิงหาคม 2553) --------------------------------------------------------------------------------------------- ภาคผนวก (ให้แนบโครงร่างโครงงาน แบบเก็บข้อมูล และ รายชื่อ นามสกุลศิษย์เก่าที่้เหมือนกับนักเรียนที่จดจาก ฐานข้อมูลงานทะเบียน) สำหรับตัวอย่างการเขียนรายงานสรุป ๑ หน้าจะขึ้นให้ดูตัวอย่างพรุ่งนี้ค่ะ |