เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานเหล่านั้นให้คงสภาพที่ดี และมีการบูรณะตกแต่งอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยสภาพแวดล้อมภายนอกก็ดูร่มรื่นสวยงาม จึงมีการจัดตั้งเป็น “อุทยานประวัติศาสตร์” ขึ้นมา และในปัจจุบัน ประเทศไทยมีอุทยานประวัติศาสตร์จำนวน 11 แห่ง ดังนี้
ภายในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานเท่าที่สำรวจพบแล้วทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมือง จำนวนมากกว่า 425 แห่ง โดยมีโบราณสถานสำคัญ อาทิ “วัดพระศรีสรรเพชญ์” วัดหลวงประจำพระราชวังในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีเจดีย์ทรงลังกาจำนวน 3 องค์ วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก “วัดมหาธาตุ” เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร “พระราชวังโบราณ” เป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและการปกครองในอดีต ปัจจุบันเหลือเพียงรากฐานของพระที่นั่งองค์ต่างๆ นอกจากนี้ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ยังมีโบราณสถานสำคัญแห่งอื่นๆ อีก เช่น วัดพระราม วัดใหญ่ชัยมงคล วัดธรรมิกราช เป็นต้น
โดยมีไฮไลท์เด่นคือ “วัดมหาธาตุ” เป็นวัดขนาดใหญ่และสำคัญที่สุด ตั้งอยู่กลางเมืองสุโขทัย สิ่งสำคัญในวัดคือพระเจดีย์มหาธาตุรูปดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เป็นเจดีย์ประธาน โดยเจดีย์รูปแบบนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยโดยแท้ นอกจากนั้นก็ยังมี “วัดศรีสวาย” ที่โดดเด่นด้วยพระปรางค์ 3 องค์ ศิลปะแบบลพบุรี “วัดสระศรี” งดงามด้วยเจดีย์ทรงลังกาซึ่งตั้งอยู่กลางสระตระพังตระกวน ส่วน “วัดศรีชุม” เป็นอีกหนึ่งวัดนอกกำแพงเมืองที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่
สำหรับตัวอาคารปราสาทประธานก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพูอันงดงามสมส่วน ตามจุดต่างๆจะมีภาพสลักหินฝีมือวิจิตรประณีต นำโดย “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” และภาพ “ศิวนาฏราช” รวมไปถึงภาพจำหลักหินเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่งดงามและค่อนข้างสมบูรณ์
ด้านบนเขาวัง จะเป็นภูเขาทั้งหมดสามยอด เริ่มจาก “ยอดเขาด้านตะวันตก” เป็นที่ตั้งของพระราชวัง ซึ่งมีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย “ยอดกลาง” เป็นที่ตั้งของ “พระธาตุจอมเพชร” เป็นเจดีย์ทรงระฆังสีขาว ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทับเจดีย์เดิมสมัยอยุธยา “ยอดเขาด้านตะวันออก” เป็นที่ตั้งของ “วัดพระแก้ว” ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่เป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร
สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมในอุทยานก็คือ “วัดช้างล้อม” ที่มีโบราณสถานสำคัญคือเจดีย์ประธานทรงลังกา มีช้างปูนปั้นเต็มตัวประดับโดยรอบฐานทั้ง 4 ด้าน รวม 39 เชือก “วัดเจดีย์เจ็ดแถว” โบราณสถานสำคัญคือเจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูม อีกทั้งยังมีเจดีย์ราย และอาคารขนาดเล็กแบบต่างๆ กันถึง 33 องค์ ส่วน “วัดนางพญา” ก็มีความโดดเด่นตรงลวดลายปูนปั้นอันงดงามรูปแบบศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น
สำหรับสิ่งชวนเที่ยวชมที่ปราสาทหินพิมายนั้นก็มีหลากหลายไล่ไปตั้งแต่ สะพานนาคราชทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท, ซุ้มประตูหรือโคปุระจากชั้นนอกสู่ชั้นใน, ปราสาทปรางค์ประธาน ที่ภายในเรือนธาตุเป็นห้องครรภคฤหะ (ห้องที่สำคัญที่สุด) ประดิษฐานพระพุทธรูปรางค์นาคปรก รูปเคารพสำคัญในศาสนาพุทธมหายาน ปรางค์หินแดงและปรางค์พรหมทัต (ที่ตั้งอยู่ขนาบข้างปรางค์ประธาน) ภายในปรางค์พรหมทัตประดิษฐานรูปเคารพของพระเจ้าชัยวันมันที่ 7 (ปัจจุบันคือองค์จำลอง องค์จริงถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ฯพิมาย) ซึ่งในอดีตชาวบ้านแถบนี้เชื่อกันว่าเป็นรูปเคารพของ “ท้าวพรหมทัต”
ไฮไลท์ในพื้นที่ปราสาทเมืองสิงห์ก็คือ บริเวณโบราณสถานหมายเลข 1 เป็นปรางค์ประธาน ศูนย์กลางของที่นี่ ปรางค์เป็นองค์เดียวทรงสูงคล้ายฝักข้าวโพด มีระเบียงคดล้อมรอบ และมีโคปุระ (ซุ้มประตู) อยู่ระหว่างระเบียงคดทั้ง 4 ด้าน ส่วนภายในปรางค์ประธานมีรูปเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี และด้านหลังมีรูปเคารพของนางปรัชญาปารมิตาประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ ห่างจากตัวปรางค์ประธานออกไปอีกเล็กน้อย บริเวณริมแม่น้ำจะมีหลุมขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่มีอายุราว 2,000 ปี
โบราณสถานแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือโบราณสถานหรือกลุ่มวัดที่อยู่ในเมืองที่เรียกว่าคามวาสี และกลุ่มวัดที่อยู่นอกเมือง หรืออรัญวาสี มีหลายวัดที่น่าสนใจ อาทิ “วัดช้างรอบ” มีเจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ประดับรูปช้างปูนปั้นครึ่งตัวจำนวน 68 เชือก “วัดพระสี่อิริยาบถ” โดดเด่นด้วยมณฑปขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น 4 อิริยาบถ ได้แก่ พระพุทธรูปลีลา พระพุทธรูปนอน พระพุทธรูปนั่ง และพระพุทธรูปยืน ซึ่งเหลืออยู่เพียงองค์เดียว
มีไฮไลต์เช่น “หอนางอุษา” ที่มีลักษณะเป็นโขดหินคล้ายรูปเห็ดตั้งอยู่บนลาน เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อว่าในสมัยก่อนมีคนไปดัดแปลงโดยการก่อหินล้อมเป็นห้องขนาดเล็กเอาไว้ที่เพิงหินด้านบน ซึ่งใช้เป็นที่อยู่ของนางอุสา รวมทั้งมีใบเสมาหินขนาดกลางและขนาดใหญ่ปักล้อมรอบโขดหิน และหินทรายจำหลัก นอกจากนั้น ยังมีหินแปลกๆ หลายที่ให้ได้เดินชม อาทิ คอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย เป็นต้น
“ปรางค์สองพี่น้อง” ปราสาทประธานก่อด้วยอิฐแบบศิลปะเขมร มีปราสาทขนาดเล็กตั้งอยู่ทางทิศใต้ซึ่งสร้างขึ้นเพิ่มเติมอยู่บนฐานเดียวกัน จึงเป็นที่มาของชื่อปรางค์สองพี่น้อง โดยที่ปรางค์องค์น้องนี้ จะมีทับหลังรูปพระอิศวรอุ้มนางปารวตีประทับนั่งอยู่เหนือโคนนทิ ส่วนในปรางค์องค์พี่นั้นพบแท่นสำหรับตั้งศิวลึงค์ตั้งอยู่ นอกจากนี้ภายในเมืองในยังพบโบราณสถานขนาดเล็กอีกหลายแห่ง รวมถึงสระน้ำและหนองน้ำที่กระจายอยู่ในพื้นที่เมืองใน ส่วนที่ “เมืองนอก” ก็มีโบราณสถานสำคัญคือ เขาคลังนอก ปรางค์ฤาษี และ ถ้ำเขาถมอรัตน์
ปราสาทแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างสำคัญได้แก่ ปราสาทประธาน มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีบันไดขึ้นลงทางด้านหน้า ในห้องครรภคฤหะของปราสาทมีฐานโยนีขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานศิวลึงค์ รูปเคารพแทนองค์พระศิวะ และนอกจากปราสาทประธานแล้ว ก็ยังมีโคปุระชั้นนอกและชั้นใน บรรณาลัย บาราย (บ่อน้ำ) ทางดำเนินและเสานางเรียงอีกด้วย ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 จึงทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวตามอุทยานประวัติศาสตร์ในพื้นที่ต่างๆ ไม่สะดวก กรมศิลปากร ก็มีช่องทางการท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ทั่วประเทศได้แบบเสมือนจริง ผ่านเว็บไซต์ http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th ที่มีภาพสวยงาม ข้อมูล และเสียงบรรยาย ######################################### สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline |